8 ธันวาคม 2479 นสพ.ประชาชาติ รายวัน เริ่มลงพิมพ์นวนิยายเรื่อง "ข้างหลังภาพ" ของ "ศรีบูรพา" หรือกุหลาบ สายประดิษฐ์ นับถึง 8 ธันวาคม 2544 ที่ผ่านมา "ข้างหลังภาพ" มีอายุ 64 ปีเต็มแล้ว 64 ปี ต่อจำนวนพิมพ์ เท่าที่บ่งบอกเป็นหลักฐาน 34 ครั้ง ส่วนที่แปลเป็นภาษาต่างประเทศ ไม่นับ "หนังสือเล่มนี้ ไม่มีกาล ไม่มีล้าสมัย อ่านเมื่อไหร่ก็อ่านได้ เพราะให้ทั้งความบันเทิง และปัญญากับผู้อ่านไปในตัว"

          จุดบันดาลใจให้กุหลาบ สายประดิษฐ์ คิด… เขียนนวนิยายเรื่อง"ข้างหลังภาพ" เริ่มมาจากการที่คุณกุหลาบ ได้ทราบเรื่องของหญิงสูงศักดิ์ ผู้มีความรู้ดี การบ้านการเรือนเก่ง ไม่ว่าจะเย็บปักถักร้อย หรือปรุงอาหาร เธออายุมากแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงาน ต้นแบบบุคลิกของหม่อมราชวงศ์กีรติ เอาบุคลิกของเจ้าพี่เจ้าน้อง 2-3 พระองค์ (ของพระนางเธอลักษมีลาวัณย์) มารวมกัน

 เหตุการณ์ที่ทำให้กุหลาบ สายประดิษฐ์ไปญี่ปุ่นจนได้สถานที่มาเป็นฉากในเรื่อง "ข้างหลังภาพ"

          จากการที่กุหลาบ สายประดิษฐ์ใช้ปากกาต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ยึดมั่นอุดมการณ์ที่จะสร้างความเป็น ประชาธิปไตยในสยามประเทศ เป็นผู้กล้าที่เขียนบทความ , เรื่องสั้น และ นวนิยายโจมตี "เจ้า" ในสมัยก่อนเปลี่ยนแปลง การปกครอง พ.ศ.2475 หนังสือพิมพ์ที่กุหลาบทำ ถูก"เจ้า" ใช้อำนาจข่มเหงจนต้องปิดแล้วปิดอีกหลายฉบับ กุหลาบ ตกยากและถูกคุกคามจาก"เจ้า" แต่จะหนักหนาสาหัสอย่างไร กุหลาบก็ยังเป็นชายชาติเสือที่ไม่ยอมลบลายตัวเอง กระทั่ง 24 มิถุนายน 2475 เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบ"เจ้า" เป็นใหญ่มาเป็น"ราษฎร" เป็นใหญ่ แต่กุหลาบ ต้องผิดหวัง เมื่อความเป็นใหญ่ไม่ได้เป็นของราษฎร หากแต่ตกอยู่ในกำมือของนายทหารบางคน กุหลาบ สายประดิษฐ์จึงใช้ปากกาต่อสู้อีก   ตั้งแต่สมัยที่กุหลาบต่อสู้กับ"เจ้า" อาจมี"เจ้า"หลายพระองค์โกรธ-พยาบาท แต่"เจ้า" อย่าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และหม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณกลับชื่นชม

          น.ส.พ.ประชาชาติ รายวัน ฉบับแรก วางตลาดวันที่ 1 ตุลาคม 2475 นี่เป็นหนังสือที่มจ.วรรณไวทยากร วรวรรณซึ่งต่อมาดำรงพระอิสริยยศเป็นพลตรี พระวรวงศ์เธอกรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ เป็นเจ้าของ และกุหลาบ สายประดิษฐ์ เป็นหัวหน้าคณะผู้จัดทำ ท่านวรรณเปิดเวทีให้กุหลาบใช้ปากกาสอนประชาธิปไตยแก่ประชาชน กุหลาบได้ทำงานตามอุดมการณ์อย่างเที่ยงตรง ติ-ชม รัฐบาลโดยไม่มีอคติ จนกระทั่งถึงสมัยนายพันตรีแปลก พิบูลสงคราม หรือหลวงพิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี กุหลาบเห็นว่า รัฐบาลนี้ใช้อำนาจเผด็จการ ทำหลายสิ่งที่ ไม่ชอบด้วยความเป็นประชาธิปไตย กุหลาบจึงใช้ปากกาต่อต้าน

          ต่อมาเมื่อจอมพล ป. เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก ได้แต่งตั้งม.จ.วรรณเป็นที่ปรึกษา ม.จ.วรรณ เป็นเจ้าภาพ แต่งงานกุหลาบ  สายประดิษฐ์กับชนิด ปริญชาญกุล (พ.ศ.2477) โดยจัดงานแต่งที่วังของม.จ. แล้วประทานที่ดิน 280 ต.ร.ว. ในซอยพระนางเป็นของขวัญวันแต่งงานให้ด้วย กุหลาบกับชนิดปลูกเรือนหอบนที่ดินแปลงนี้ จอมพล ป. ทราบดีว่า หนังสือประชาชาติเป็นของมจ.วรรณ และมีกุหลาบซึ่งเป็นคนทำ เคารพนับถือม.จ.วรรณมาก จอมพล ป.จึงหวังจะยืมปากม.จ.วรรณห้ามคุณกุหลาบไม่ให้เขียนโจมตีรัฐบาล" ม.จ.วรรณก็เพียงแต่เปรยให้เพลาๆ ลงบ้าง แต่ไม่เคยห้ามอย่างจริง ๆ จังๆ" ถึงกระนั้น หลวงพิบูลก็ได้ต้อนกุหลาบเข้ามุมอับ กุหลาบอึดอัดใจ พอดีในช่วงเวลานั้น นสพ.อาซาฮี ของญี่ปุ่นมีหนังสือเชิญครูไปดูงาน กุหลาบจึงฉวยโอกาสพักงานที่ประชาชาติเดินทางไปญี่ปุ่น เมื่อพฤษภาคม 2479

          กุหลาบคุ้นเคยกับราชนิกุลในราชสกุล "วรวรรณ" หลายพระองค์ โดยเฉพาะกับ ม.จ.หัตถ์ชากรน้องชายของ ม.จ.วรรณ กุหลาบคุ้นเคยมากเป็นพิเศษ ช่วงเวลานั้น ม.จ.ฉันทนากรน้องชายอีกองค์หนึ่งของท่านวรรณพำนักอยู่ที่ญี่ปุ่น มีบ้านพักอยู่ที่ตำบลอาโอยามาชิฮัง มจ.วรรณทรงแนะนำให้กุหลาบไปพักอยู่กับม.จ.ฉันทนากรที่บ้านหลังนี้ บ้านนี้จึงเป็น ต้นแบบของบ้านเช่าที่ตำบลอาโอยามาชิฮัง ที่นพพรเช่าให้เจ้าคุณกับคุณหญิงกีรติพัก ระหว่างไป"ฮันนิมูน" ที่ญี่ปุ่น

          ส่วน "มิตาเกะ" ฉากสำคัญที่สุดของ "ข้างหลังภาพ" ที่"ศรีบูรพา" เขียนถึงในบทที่ 8-10 ได้มาจากวันหนึ่งที่ มิสเตอร์ฮานาโซโน แห่งหนังสือพิมพ์นิจินิจิ ซึ่งเป็นผู้บรรยายวิชาการหนังสือพิมพ์ของมหาวิทยาลัยวาเสดะ และมหาวิทยาลัยเมจิได้พากุหลาบ สายประดิษฐ์เดินทางไกลไปเที่ยวพักผ่อน ณ ภูเขามิตาเกะ  ซึ่งกุหลาบประทับใจกับ การไปเที่ยวมิตาเกะอย่างมาก    จึงได้นำมาเขียนไว้ใน"ข้างหลังภาพ" ถึง 3 บท และให้เหตุการณ์สำคัญที่เป็นหัวใจ ของเรื่อง เกิดขึ้นที่นั่น ภาพ"ริมลำธาร"ที่ซ่อนเร้นความหมายไว้ "ข้างหลังภาพ" ก็คือ ลำธารที่ภูเขามิตาเกะ


          หลังจากศรีบูรพากลับมาจากญี่ปุ่นก็ไม่ได้กลับเข้าไปทำงานที่หนังสือพิมพ์ประชาชาติอีก ศรีบูรพาได้เขียน "ข้างหลังภาพ" ที่บ้านส่งลงพิมพ์ในประชาชาติ วันต่อวัน เริ่มฉบับแรก 8 ธันวาคม 2479 ต่อเนื่องกันไปจนถึง 26 มกราคม  2480 จบบทที่ 12 เป็นเหตุการณ์ตอน ม.ร.ว.กีรติกับนพพรลาจากกันที่ท่าเรือโกเบ แต่เดิมศรีบูรพาตั้งใจจะจบ "ข้างหลังภาพ" เพียงเท่าที่เขียนในประชาชาติ คือ จบแค่ 12 บท แต่โดยที่ผู้อ่านชอบเรื่องนี้มาก ประกอบกับ "สำนักงานนายเทพปรีชา" ที่กุหลาบกับเพื่อนร่วมกันตั้งขึ้นเห็นว่า น่าจะเอา"ข้างหลังภาพ" มาพิมพ์รวมเล่ม และเพื่อจะให้มีจุดขายดียิ่งขึ้น ศรีบูรพาจึงเขียนต่ออีก 7 บท โดยถือว่าที่เขียนจบในประชาชาติเป็นภาคแรก หรือภาคต่างประเทศ    ส่วนที่เขียนใหม่เป็นภาพจบสมบูรณ์หรือภาคในประเทศ "ข้างหลังภาพ" ที่อ่านกันอยู่ทุกวันนี้ จึงมีเป็น 19 บท แต่ต่อมา ประมาณปี 2486 สำนักพิมพ์อุดม จัดพิมพ์หนังสือรวมเรื่องสั้นของนักเขียนดังๆ ยุคนั้น 12 เรื่อง ตั้งชื่อหนังสือว่า "ผาสุก"    เป็นหนังสือเล่มเล็กขนาดพ็อกเก็ตบุ๊ค จากหน้า 255 ถึง 273 เป็นเรื่องเอกของ "ศรีบูรพา" ชื่อ "นพพร-กีรติ" มีข้อความนำเรื่องอยู่ในวงเล็บที่พิมพ์ด้วยอักขรวิธีสมัยจอมพล ป.ว่า "จดหมาย 2 ฉบับที่ "ศรีบูรพา"ประพันธ์ขึ้นใหม่นี้ บทพิเศษของเรื่อง"ข้างหลังภาพ" อันขึ้นชื่อลือนาม จดหมายของนพพรและกีรติ 2 ฉบับนี้ เพิ่งจัดพิมพ์ขึ้นเป็นครั้งแรกในหนังสือเล่มนี้" ท้ายเรื่อง มีล้อมกรอบโฆษณาว่า... "คอยอ่าน"ข้างหลังภาพ" เรื่องเอกของ "ศรีบูรพา" กำลังพิมพ์เป็นครั้งที่ 3 กำหนดออกเร็วๆ นี้

          อีก 63 ปีต่อมา พ.ศ.2543 เชิด ทรงศรีจึงได้ถ่ายทอดความดื่มด่ำประทับใจ จากตัวหนังสือมาเป็นภาพในหนัง... ย้อนเวลาเฟรมแรกของหนังสู่เวลาแห่งการเริ่ม บทแรกของนวนิยาย...นพพรพบม.ร.ว.กีรติ ครั้งแรกที่สถานีรถไฟโตเกียว เมื่อ พ.ศ.2479 ...ปีแรกที่นวนิยายลงพิมพ์.

 

ข้างหลังภาพบนสื่อภาพยนต์

          ข้างหลังภาพ ถือว่าเป็นภาพยนตร์ไทยที่ถ่ายทอดเกี่ยวกับความรักได้อย่างยอดเยี่ยม มีบทเรียนที่สามารถ สะท้อนชีวิตของสังคมได้ดี นำแสดงโดย....

              คารา   พลสิทธิ์ แสดงเป็น "ม.ร.ว. กีรติ"
คารา เป็นนางแบบและพิธีกรที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย เคยมีผู้ติดต่อให้เธอแสดงละครโทรทัศน์และภาพยนตร์อยู่เสมอ แต่เธอปฏิเสธทุกครั้ง คารา รับแสดงภาพยนตร์เรื่อง "ข้างหลังภาพ" เป็นเรื่องแรก เพราะเธอพอใจที่จะได้ร่วมงานกับคุณเชิด ทรงศรี ผนวกกับคำที่เพื่อนสนิทเคยกำชับไว้ว่า "อย่าปฏิเสธถ้าใครมาติดต่อให้เธอแสดงเรื่องข้างหลังภาพ เพราะเธอคือ ม.ร.ว. กีรติตัวจริง!"

          "ความรักของม.ร.ว. กีรติ กับ นพพร เป็นความรักที่เกิดขึ้นได้ ในชีวิตจริง  เป็นความรักที่เหมือนเป็นตัวแทนผู้หญิงกับผู้ชายในโลก ผู้หญิงรักใครแล้ว จะรู้รักจริง รักทั้งหัวใจ กีรติเธอก็รักนพพรจนเธอตาย"

 

          ธีรเดช  วงศ์พัวพันธ์ แสดงเป็น "นพพร"
ธีรเดช เป็นนักแสดงละครโทรทัศน์กลุ่มวัยรุ่น ที่เพิ่งรับงานแสดง "ข้างหลังภาพ" เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ธีรเดช มีบิดา (วีระประวัติ วงศ์พัวพันธ์) เป็นผู้กำกับภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียง ส่วนมารดาเป็นนักเขียนบทละครโทรทัศน์ที่กำลังอยู่ในความนิยม ขณะแสดง "ข้างหลังภาพ" ธีรเดชอายุ 22 ปี เท่ากับอายุของนพพร

          "พอได้อ่านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมร้สึกว่าน่าสนใจมาก เพราะเป็นเรื่องของ ความรู้สึกที่สามารถ เกิดขึ้นได้ทุกยุคทุกสมัย ผมว่าความรักของนพพรในเรื่องไม่ใช่สิ่งผิด ความรักเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งบริสุทธิ์ และความรักทำให้ชีวิตเรามีความสุข"


 


ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน...    แต่ฉันก็ยังอิ่มใจว่าฉันมีคนที่ฉันรัก

กลับสู่    หน้าหลัก

จัดทำโดย  NeoFreeEnergy Group