กำเนิดเรื่องสั้นและนวนิยายในประเทศไทย

           กำเนิดของเรื่องสั้น และนวนิยายสมัยใหม่ในประเทศไทยเกิดพร้อมๆ กับการรับอิทธิพลด้านวัฒนธรรมอื่น ๆ
จากชาติตะวันตก      ในปี พศ. 2378 คณะมิชชันนารีอเมริกันได้นำเทคนิควิทยาการการพิมพ์เข้ามาใน
ประเทศไทย       หนังสือพิมพ์ฉบับแรกของไทยเกิดเมื่อ ปี พศ. 2400 ชื่อ "ราชกิจจานุเบกษา" และทำให้เกิด
หนังสือพิมพ์ตามมากอีกหลายฉบับ

          สำหรับการแต่งนวนิยายเป็นเรื่องแรกนั้น ผู้รู้หลายท่านมักจะกล่าวว่าเรื่อง "สนุกนิ์นึก"  ซึ่งแต่งโดยกรมหลวง
พิชิตปรีชาการ     ซึ่งตีพิมพ์หนังสือวชิรญาณวิเสศ (แผ่น 28 วันที่ 6 เดือน 8 ปีจอ อัฐศก 1248)   เป็นเรื่องแต่ง
ที่มีแนวโน้ม จะเป็นวนิยายเรื่องแรกของไทยที่แต่งเลียนแบบนวนิยายตะวันตก   อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็แต่ง
ได้เพียงตอนเดียวก็ถูกระงับ   เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีเนื้อหากระทบกระเทียบต่อศาสนาในสมัยนั้น 

          นวนิยายเต็มเรื่อง เรื่องแรกของไทยเป็นนวนิยายแปลเรื่อง "ความพยาบาท"  ที่ แม่วัน แปลมาจากหนังสือชื่อ
vandetta ของ marie corelli     ซึ่งตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในหนังสือลักวิทยา ในช่วงปี พศ. 2445 และหลังจากนั้น
ก็สร้างแรงจูงใจให้ "ครูเหลี่ยม" เขียนนวนิยายไทยที่เป็นเนื่องเรื่องแบบไทยแท้ล้อเลียนเรื่องแปลของแม่วัน
โดยใช้ชื่อว่า "ความไม่พยาบาท" ในปี พศ. 2458

           งานเขียนเรื่องสั้นและนวนิยายมีวิวัฒนาการเรื่อยมา   จนกระทั่งช่วง พศ. 2471-2472     ซึ่งถือเป็นช่วงเวลา
ที่สำคัญอีกช่วงหนึ่งของประวัติวรรณคดีไทย   เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เกิดนักเขียนซึ่งทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจ
ให้มีการเขียนเรื่องสั้นและนวนิยายในยุคต่อมา   คือ ในปี พศ.2471 กุหลาบ สายประดิษฐ์  หรือ ศรีบูรพา
แต่ง "ลูกผู้ชาย" ซึ่งได้รับความนิยมมาก  พศ. 2472 ดอกไม้สด แต่ง "ศตรูของเจ้าหล่อน"  และ หม่อมเจ้าอากาศ
ดำเกิงรพีพัฒน์ แต่ง "ละครแห่งชีวิต"

           นักเขียนทั้งสามท่านเขียนเรื่องราวออกมาจากโดยใช้พลอต   หรือแนวเรื่องแตกต่างจากนวนิยายต่างประเทศ
ในสมัยนั้น   ทำให้นักเขียทั้งสามท่านได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ริเริ่มให้เกิดการเขียนซึ่งวางโครงเรื่องเป็นแบบ
ไทย   และเป็นต้นแบบการเขียนนวนิยายมาจนถึงปัจจุบัน

           ถึงแม้เรื่องสั้น และนวนิยายถูกนับว่าเป็นบันเทิงคดี   คือเรื่องที่แต่งขึ้นมาจากจินตนากรของผู้เขียนเป็นส่วนใหญ่
แต่นวนิยายก็มีประโยน์และมีคุณค่าในตัวของมันเอง   เรื่องสั้นและนวนิยายสามารถบอกเรื่องราว และความนึกคิด
ของคนในสมัยต่าง ๆ ได้  เช่น เรื่องสี่แผ่นดิน ของ มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่สะท้อนเรื่องราวของชีวิตไทยในอดีต
เรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่สองใน คู่กรรม โดยทมยันตรี เป็นต้น

         เรื่องสั้นและนวนิยายไทยมีการปรับปรุง   เปลี่ยนแปลงเนื้อหาไปตามกาลเวลา ปัจจุบันการศึกษาของประชาชนใน
ประเทศไทยโดยเฉลี่ยสูงขึ้น   ทำให้ความต้องการบริโภคอาหารสมอง และเรื่องราวบันเทิงคดีต่าง ๆ มากขึ้นตามไปด้วย
วิวัฒนาการของนวนิยายไทย จึงน่าจะมีพัฒนาการต่อไปอีกนาน    และนกจากให้ความบันเทิงแล้ว   นวนิยายังสามารถ
บอกเล่าเรื่องราวชีวิต และประวัติศาสตร์ชาติไทยให้คนรุ่นต่อไปได้นำมาศึกษาอีกทางหนึ่ง


กลับสู่    หน้าหลัก

จัดทำโดย  NeoFreeEnergy Group