ฟ้องแย้ง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 177 วรรคสาม
บัญญัติว่า
"จำเลยจะฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้
แต่ถ้าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแล้ว
ให้ศาลสั่งให้จำเลยฟ้องเป็นคดีต่างหาก"
และมาตรา
179 วรรคท้าย บัญญัติว่า
"แต่ห้ามมิให้คู่ความฝ่ายใดเสนอคำฟ้องใดต่อศาล
ไม่ว่าโดยวิธีฟ้องเพิ่มเติมหรือฟ้องแย้ง
ภายหลังที่ได้ยื่นคำฟ้องเดิมต่อศาลแล้ว
เว้นแต่คำฟ้องเดิมและคำฟ้องในภายหลังนี้จะเกี่ยวข้อง
กันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้"
หลักเกณฑ์ในการฟ้องแย้ง
1.
ต้องมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่
2. ต้องมีฟ้องเดิม
3.
ต้องเกี่ยวกับฟ้องเดิม
จำเลยให้การต่อสู้ว่าสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและสัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์นำมาฟ้องนั้นปลอม
และฟ้องแย้งขอให้โจทก์คืนหรือทำลายเอกสารดังกล่าวได้หรือไม่
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้ใน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
843/2543 ว่า
ฟ้องแย้งนอกจากจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสิน
เข้าด้วยกันได้แล้ว
ต้องเป็นคำฟ้องที่มีสภาพแห่งข้อหาว่าโจทก์โต้แย้งสิทธิของจำเลยในส่วน
ที่เกี่ยวกับฟ้องเดิมอย่างไรตาม
ป.วิ.พ.ม.55 ด้วย
ซึ่งจำเลยให้การว่าเอกสารตามฟ้องเป็น
เอกสารปลอมที่จำเลยลงลายมือชื่อไว้แล้ว
โจทก์หรือตัวแทนโจทก์ร่วมกันกรอกข้อความ
โดยจำเลยไม่ได้ให้ความยินยอม
หากคดีฟังได้ดังที่จำเลยให้การไว้
ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลัก
แห่งข้อหาว่าจำเลยทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและสัญญากู้ยืมเงินตามคำฟ้องของโจทก์
ย่อมรับฟังไม่ได้
ศาลย่อมพิพากษายกฟ้อง
เอกสารดังกล่าวก็ไม่อาจนำไปใช้อ้างประโยชน์
ต่อโจทก์หรือบุคคลภายนอกได้อยู่แล้ว
หาจำเป็นที่จำเลยต้องฟ้องแย้งเพื่อให้โจทก์คืนหรือ
ทำลายเอกสารดังกล่าวไม่
ที่จำเลยอ้างว่าเมื่อศาลพิพากษายกฟ้อง
จำเลยไม่อาจเรียก
เอกสารดังกล่าวคืนจากบุคคลภายนอกได้
จึงเกิดข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่แล้ว
ชอบที่จะฟ้องแย้งได้นั้น
การที่จำเลยจะเรียกเอกสารดังกล่าวคืนจากบุคคลภายนอกได้หรือไม่
ไม่เกี่ยวกับข้อโต้แย้งอันเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ในคดีนั้น
ฟ้องแย้งของจำเลยจึง
เป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเข้าด้วยกันตาม
ป.วิ.พ.ม.177 วรรคสาม
(คำพิพากษาศาลฎีกาของสำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ปี 2543 เล่ม 3 หน้า 56)
Thailegal
17/01/44
|