ข้อ 1. การกระทำต่อไปนี้ ข้อใดเป็นการ "ขาย" ตามความในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 และฉบับที่มีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน
1. การขายส่ง
2. การแจกยาเื่พื่อการค้า
3. การมีไว้เพื่อการขาย
4. ทั้ง ข้อ 1, และข้อ 2, และข้อ 3
ข้อ 2. ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 ห้ามมิให้โฆษณาขายยาในกรณีใด
1. โฆษณาโดยตรงต่อผู้ประกอบโรคศิลปะ
2. โดยแสดงภาพของผู้ป่วย
3. โดยผ่านอินเตอร์เนท
4. โดยแสดงภาพและคำรับรองสรรพคุณของผุ้ประกอบโรคศิลปะ
ข้อ 3. ถ้าผู้ผลิตลอบผสมตัวยาเสตียรอยด์ลงไปในยาแผนโบราณ ตำรับที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ ถือว่าเป็นการผลิต
1. ยาผิดมาตราฐาน
2. ยาปลอม
3. ยาแผนปัจจุบัน
4. ยาอันตราย
ข้อ 4. นายวิบูลย์จะขายยาแผนโบราณที่จังหวัดนนทบุรี จึงได้มายื่นขอใบอนุญาติที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเืพื่อให้เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเป็นผู้อนุญาติ ให้วินิจฉัยว่า นายวิบูลย์ปฎิบัติถูกต้องหรือไม่
1. ถูกต้องเพราะเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นผุ้อนุญาติสำหรับการออกใบอนุญาตทุกชนิดทั่ว ราช อาณาจักร
2. ถูกต้องเพราะการอนุญาตสำหรับการขายยาผู้อนุญาตอาจเป็นเลขาธิการหรือผุ้ว่าราชการจังหวัดก็ได้
3. ไม่ถูกต้องเพราะผู้อนุญาตสำหรับการขายยาในต่างจังหวัดต้องเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่อยู่ในเขตจังหวัดนั้น
4. ไม่ถูกต้องเพราะผู้อนุญาติสำหรับการขายยาคือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่ใช่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา
ข้อ 5. นายสัญญาเป็นผู้รับอนุญาตขายยาแผนโบราณและผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทยด้วย จะผลิตยาแผนโบราณสูตรซึ่ง พบว่า ให้ผลการรักษาที่ดีมาก จึงได้มายื่นคำขอขึ้นทะเบียนตำรับยากับพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้ท่านวินิจฉัยว่า นายสัญญาจะขึ้นทะเบียนตำรับยา ได้หรือไม่
1. ได้ เพราะกฎหมายให้ผุ้ที่จะขึ้นทะเบียนตำรับยาได้ต้องเป็นผุ้รับอนุญาตผลิตหรือขายยา
2. ได้ เพราะนายสัญญาเป็นผุ้ประกอบโรคศิลปะมีสิทธิในการขอขึ้นทะเบียนตำรับยา
3. ไม่ได้ เพราะต้องขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาเสียก่อน
4. ไม่ได้ เพราะตามกฎหมายผุ้ที่จะขึ้นทะเบียนยาที่จะผลิตได้ต้องเป็นผู้รับอนุญาตผลิตยา
ข้อ 6. กรรมการสถานพยาบาลผุ้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิอื่นตามมาตรา 7(2) มีจำนวนกี่คน
1. ไม่เกิน 3 คน
2. ไม่เกิน 4 คน
3. ไม่เกิน 2 คน
4. ไม่เกิน 5 คน
ข้อ 7. นายทรงเป็นกรรมการสถานพยาบาลผุ้ทรงคุณวุฒิ จะต้องพ้นจากตำแหน่งในกรณีใด
1. ป่วยเป็นโรคหัวใจ รอการผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาล
2. ถูกธนาคารเจ้าหนี้ฟ้องให้ชำระหนี้เงินกู้ในจำนวน 4 พันล้านบาท
3. ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกหนึ่งเืดือนในความผิดลหุโทษ
4. พ้นจากการเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ
ข้อ 8. ในกรณีผุ้ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตสถานพยาบาลแล้วขอรับใบอนุญาตใหม่อีกไม่ได้ จนกว่าจะพ้นกำหนดกี่ปี นับแต่วันที่ถูกเพิกถอน ใบอนุญาต
1. 1 ปี
2. 2 ปี
3. 3 ปี
4. 4 ปี
ข้อ 9. ผุ้ใดประกอบกิจการสถานพยาบาลในระหว่างที่สถานพยาบาลถูกสั่งปิดชั่วคราวตามมาตรา 50 ต้องระวางโทษสถานใด
1. จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกวันละไม่เกินสองหมื่นบาท
4. จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อ 10. อัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลประเภทที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืนตรงตามข้อใด
1. ฉบับละ 2,000 บาท
2. ฉบับละ 1,000 บาท
3. ฉบับละ 500 บาท
4. ฉบับละ 200 บาท
ข้อ 11. กรรมการการประกอบโรคศิลปะซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผุ้ทรงคุณวุฒิ มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี
1. 2 ปี
2. 3 ปี
3. 4 ปี
4. 5 ปี
ข้อ 12. คณะกรรมการวิชาชีพมีอำนาจที่จะสั่งพักใบอนุญาตผุ้ประกอบโรคศิลปะที่กระทำผิดได้เป็นเวลานานเท่าใด
1. ตามที่เห็นสมควร
2. ตามที่เห็นสมควร แต่ไม่เกิน 1 ปี
3. ไม่เกิน 3 ปี
4. ตามที่เห็นสมควร แต่ไม่เกิน 2 ปี
ข้อ 13. ความหมายของเภสัชกรรมไทยที่เปลี่ยนแปลงไปจากกฎหมายเดิมที่สำคัญคือ
1. มีการกำหนดความหายของเภสัชกรรมไทยไว้อย่างครอบคลุม
2. มีการกำหนดในเรื่องการควบคุมและการประกันคุณภาพยา
3. มีการกำหนดเรื่องการจัดจำหน่ายยาตามกฎหมายว่าด้วยยา
4. มีการกำหนดเรื่องการผลิตยาต้องใช้กรรมวิธีของการแพทย์แผนไทย
ข้อ 14. ตามมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 ได้บัญญัติห้ามในเรื่องอะไร
1. ห้ามโฆษณาการประกอบโรคศิลปะโดยมิได้รับอนุญาต
2. ห้ามทำการประกอบโรคศิลปะโดยมิได้รับอนุญาต
3. ห้ามทำการประกอบโรคศิลปะต่อตนเอง
4. ห้ามกระทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ามียาสมุนไพรที่มีสรรพคุณวิเศษ
ข้อ 15. นาย ก.มีความรู้เรื่องรักษาโรค โดยการเรียนรู้สืบทอดจากบรรพบุรุษ โดยอาศัยกรรมวิธีของการแพทย์แผนไทย นาย ก. ไม่ได้ขึ้น ทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ ถ้า นาย ก.ไปตรวจรักษาผุ้ป่วยแล้วเรียกร้องค่าตอบแทน ใครมีหน้าที่ดำเนินการ
1. พนักงานเจ้าหน้าที่
2. คณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะ
3. คณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทย
4. คณะอนุกรรมการสอบสวน
ข้อ 16. ภายในกี่วันนับจากวันเลือกตั้งกรรมการวิชาชีพสาขาต่างๆ ให้คณะกรรมการวิชาชีพแต่ละสาขาเลือกกรรมการวิชาชีพ เป็นประธาน กรรมการและรองประธานกรรมการวิชาชีพ
1. ยี่สิบวัน
2. ยี่สิบห้าวัน
3. สามสิบวัน
4. ผิดทุกข้อ
ข้อ 17. เมื่อคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยสั่งพักใบอนุญาตของนาย ว. ผุ้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ ต้องแจ้ง คำวินิจฉัยให้นาย ว. ทราบภายในระยะเวลา
1. 7 วัน
2. 15 วัน
3. 1 เดือน
4. ไม่มีกำหนด
ข้อ 18. ระหว่างที่นายธงชัย ถูกคำสั่งพักใช้ใบอนุญาติ นาย ธงชัย ยังคงแสดงให้ผุ้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผุ้มีสิทธิทำการประกอบโรคศิลปะอยู่ ดังนี้ถือว่า นายธงชัย ต้องระวางโทษ
1. จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. จำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4. จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อ 19. หน้าที่ในการพัฒนาส่งเสริมและกำหนดมาตรฐานในการประกอบโรคศิลปะ เป็นหน้าที่ของใคร
1. คณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะ
2. คณะกรรมการวิชาชีพ
3. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ข้อ 20. องค์ประกองของคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนไทยประกอบด้วย
1. บุคคลที่ได้รับเลือกทั้งหมด
2. บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งทั้งหมด
3. บุคคลที่ได้รับเลือกตั้งกับกรรมการโดยตำแหน่ง
4. บุคคฃที่ได้รับเลือกตั้ง บุคคลที่ได้รับแต่งตั้ง และตัวแทนจากหน่วยราชการ
ข้อ 21. การนวดบริเวณเนื้อตายที่มีสีดำจากเลือดไปเลี้ยงน้อย อาจเกิดอันตรายที่ต้องระมัดระวังให้มากคือ
1. ก้อนเลือดดำไปอุดตันสมอง
2. เกิดแผลติดเชื้อ
3. เส้นเลือดอักเสบ
4. ทำให้ช๊อคหมดสติได้
ข้อ 22. การบวมแบบใดที่ไม่ควรนวด
1. บวมน้ำ
2. บวมอักเสบ
3. บวมจากท่อน้ำเหลืองอุดตัน
4. ไม่มีข้อใดถูก
ข้อ 23. ในตำราโรคนิทานของพระยาวิชยาธิบดีกล่าวว่า " เส้นเอ็นย่อมเป็นรู ......ชูให้ฟูฟอน" ข้อความที่เว้นไว้คือ
1. เส้นลม
2. ลมเลือด
3. โลหิต
4. น้ำเหลือง
ข้อ 24. ลมจันทกะลา เป็นลมประจำเส้นประธานใด
1. เส้นอิทา
2. เส้นสุมนา
3. เส้นปิงคลา
4. เส้นสหัสรังษี
ข้อ 25. ลมตาละคุณ เกิดจากเส้นใดก่อโทษ
1. เส้นปิงคลา
2. เส้นสุมนา
3. เส้นกาลทารี
4. เส้นทวารี
ข้อ 26. ลมศุญทะกะลา เป็นลมประจำของเส้นประธานเส้นใด
1. เส้นทวารี
2. เส้นสุมนา
3. เส้นคิชฌะ
4. เส้นปิงคลา
ข้อ 27. วิธีการนวดแบบใดที่ควรทำการเปรียบเทียบช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อก่อนและหลังการนวด
1. การดึง
2. การกด
3. การบิด
4. การดัด
ข้อ 28. เส้นที่ไปสิ้นสุดที่รากตาขวาคือเส้นใด
1. ปิงคลา
2. ทวารี
3. สหัสรังษี
4. รุชำ
ข้อ 29. เส้นที่ลงไปถึงปลายนิ้วเท้าคือเส้นใด
1. สหัสรังษี
2. กาลทารี
3. รุชำ
4. อิทา
ข้อ 30. เส้นสิบตามที่ท่านพรรณาในตำราโรคนิทานคำฉันท์ 11 มีลักษณะการอย่างไร
1. สถิตย์ลึกสักสามนิ้ว
2. ล้อมเป็นจันทราศูนย์
3. เป็นแนวแถวทอดเรียงกัน
4. ถูกทุกข้อ
ข้อ 31. ขิงแห้ง พริกเทศ พริกไทย ลูกจันทน์ การบูร ควรใช้รักษาโรคอะไร จึงได้ผลดี
1. ลมจุกเสียด โลหิตระดูพิการไม่ปกติ
2. ขับโลหิตเน่าร้ายทั้งปวง
3. แก้กระษัยจุกเสียด
4. แก้ลงท้อง แก้ปวดท้อง
ข้อ 32. ไข้กระหายน้ำ ไข้ตัวร้อน ใช้ขนานใดตรงกับอาการป่วย
1. ยาจันทลีลา
2. ยามหานิลแท่งทอง
3. ยาประสะจันทน์แดง
4. ยาจันทหฤทัย
ข้อ 33. คนไข้มาพบท่านด้วยอาการเป็นหวัดคัดจมูก น้ำมูกไหล ตัวร้อน ไอ จาม ท่านจะให้ยาขนานใดรับประทาน
1. ยากล่อมนางนอน
2. ยาจันทลีลา
3. ยาประสะจันทน์แดง
4. ยาชื่อแก้ว 5 ดวง
ข้อ 34. คนป่วยมีอาการจุกเสียดบ่อยๆ เวลากินกล้วยสุก แต่เส้นท้องไม่ตึง ท้องไม่ผูก ควรใช้ยาขนานใดให้ตรงกับอาการของโรค
1. ยาธรณีสัณฑะฆาต
2. ยาเนาวหอย
3. ยาธาตุบรรจบ
4. ยาแก้กระษัย
ข้อ 35. นาย ก.อายุ 25 ปีเศษ บ้านอยู่ใน กทม.มาพบแพทย์ตรวจแล้วพบว่า มีอาการเป็นไข้ตัวร้อนมา 2 วัน ไม่ไอ ท้องไม่ผูก ใช้ยาอะไรแก้
1. ยาเหลืองปิดสมุทร
2. ยาหอมทิพยโอสถ
3. ยาธาตุบรรจบ
4. ยาจันทลีลา
ข้อ 36. ผู้สูงอายุมักจะเป็นลม หัวใจเต้นไม่ปกติ ท่านหมอมีความเห็นว่าควรใช้ยาชนิดใด
1. ยาหอมเทพวิจิตร
2. ยาหอมทิพย์โอสถ
3. ยาจัันทหฤทัย
4. ยาจันทร์สามโคก
ข้อ 37. ยาแสงหมึกมีสรรพคุณรักษาโรคใด
1. แก้ตัวร้อน ละลายน้ำดอกไม้เทศ
2. แก้ท้องขึ้น ปวดท้อง ละลายน้ำใบกะเพราต้ม
3. แก้ไอ ขับเสมหะ ละลายน้ำลูกมะแว้งเครือ
4. ถูกทุกข้อ
ข้อ 38. ชั่ง มีน้ำหนักเท่ากับข้อใด
1. 1 หาบ
2. 1,000 ตำลึง
3. 60,000 กรัม
4. ถูกทุกข้อ
ข้อ 39. การเก็บตัวยาเพื่อให้ได้ตัวยาที่มีฤทธิ์แรงและมีสรรพคุณดี ในเวลา 06.00 - 09.00 น. ฤทธิ์ของยาจะอยู่บริเวณใด?
1. ทั่วทั้งต้น
2. ใบ
3. ราก
4. เปลือก
ข้อ 40. การบูร มีสรรพคุณแก้โรคอะไร
1. ให้ย่อยอาหารพลันแหลก แก้จักษุโรค แก้ริดสีดวง
2. แก้พรรดึก แก้ริดสีดวงในท้อง
3. แก้พิษฝี แก้ฟกบวม
4. แก้ลมอัมพาต แก้โลหิต
ข้อ 41. การรู้จักตัวยา 5 ประการ นั้น รู้ได้อย่างไร?
1. การรู้จัก ต้น ใบ ดอก ลูกหรือฝัก และราก ของเภสัชวัตถุ
2. การรู้จักว่าสิ่งใดคือพืชวัตถุ สิ่งใดคือสัตว์วัตถุ สิ่งใดคือธาตุวัตถุ
3. การรู้จัก รูป รส กลิ่น สี และชื่อ ของเภสัชวัตถุ
4. การรู้จักว่าสิ่งใดคือเภสัชวัตถุ สิ่งใดคือตัวยา สิ่งใดคือยา
ข้อ 42. คณาเภสัช เป็นการศึกษาให้รู้จักพิกัดยา พิกัดยานี้ได้มีการทำหนดแบ่งออกเป็นหมวดๆตามข้อใด?
1. พิกัด2 พิกัด มหาพิกัด
2. พิกัดน้อย พิกัด มหาพิกัด พิกัดพิเศษ
3. จุลพิกัด พิกัด มหาพิกัด
4. จุลพิกัด พิกัด มหาพิกัด พิกัดทั่วไป
ข้อ 43. ชุมเห็ดเทศ ข้อใดเป็นการใช้ไม่ถูกต้อง?
1. ใบสด ใช้แก้กลาก
2. ใบสด ใช้แก้ท้องผูก
3. ดอกสด ใช้แก้กลาก
4. ดอกสด ใช้แก้ท้องผูก
ข้อ 44. ตัวยาต่อไปนี้ ดอกดีปลี 1 ส่วน รากช้าพลู 2 ส่วน เถาสะค้าน 3 ส่วน ลูกสมอพิเภก 4 ส่วน เหง้าขิงแห้ง 8 ส่วน รากเจตมุลเพลิง 16 ส่วน ใช้แก้ในกองใด
1. แก้เตโชธาตุกำเริบ
2. แก้เตโชธาตุหย่อน
3. แก้เตโชธาตุพิการ
4. แก้เตโชธาตุระคน
ข้อ 45. ตัวยารสเมาเบื่อ มีอะไรบ้าง?
1. พาดไฉน
2. เถาขี้กาทั้งสอง
3. ตานทั้ง 5
4. สะแกทั้ง 5
ข้อ 46. ตัวยาและส่วนประกอบใดต่อไปนี้ เป็นมหาพิกัดอะไร ดอกดีปลี 2 ส่วน รากเจตมูลเพลิง 1 ส่วน เถาสะค้าน 5 ส่วน รากช้าพลู 4 ส่่วน เหง้าขิงแห้ง 3 ส่วน แก้ในกองใด
1. ทศเบญจขันธ์ แก้ในกองวาโยธาตุ
2. ทศเบญจกูล แก้ในกองปถวีธาตุ
3. โสฬสเบญจกูล แก้ในกองธาตุลม
4. ทศเบญจขันธ์ แก้ในกองอาโปธาตุ
ข้อ 47. ท่านจะปรุงยาให้คนไข้เืพื่้อฟอกเลือด บำรุงโลหิตสตรี จะใช้ในข้อใด
1. ใบส้มเสี้ยว รกมะดัน ใบมะขาม
2. ใบมะขาม คำฝอย รากไทรย้อย
3. รกมะดัน ใบมะยม รากต่อไส้
4. ใบมะขาม คำไทย แก่นปรู
ข้อ 48. เทียนแกลบ สรรพคุณ ขับลม แก้เสมหะ เป็นตัวยาที่อยู่ในพิกัดใด?
1. เนาวเทียน
2. สัตตะเทียน
3. เทียนพิเศษ
4. เบญจเทียน
ข้อ 49. ใน 1 ตำลึง มีน้ำหนักเท่ากับข้อใด
1. 1 ตำลึงจีน
2. 2 ตำลึงไทย
3. 10 สลึง
4. 5 สลึง
ข้อ 50. ยาธรณีสันฑะฆาต เป็นยาสามัญประจำบ้านที่ไช้แก้กระษัยเส้น เถาดานท้องผูก ยาขนานนี้มีข้อห้ามใช้สำหรับผุ้ป่วยกลุ่มใด เพราะ เหตุใด
1. ผู้ป่วยที่มีอาการไข้ เพราะเป็นยารสร้อน เข้าพริกไทยมาก จะทำให้ไข้มากขึ้น
2. ผู้ป่วยท้องเสีย เพราะมี ยาดำ รงทอง จะทำให้ถ่าย ท้องเสียมากขึ้น
3. สตรีมีครรภ์ เพราะเป็นยารสร้อน มีพริกไทย และยาระบาย จะทำให้แท้งได้
4. ถูกทุกข้อ
ข้อ 51. ยารสประธาน 3 รส ข้อใดถูกต้อง
1. ร้อน เย็นและหวาน
2. เย็น สุขุม และฝาด
3. รสสุขุม เย็นและร้อน
4. ไม่มีข้อใดถูก
ข้อ 52. รากของผักคราดหัวแหวน มีสรรพคุณแก้อะไร?
1. ขับพยาธิ
2. แก้อาการเจ็บคอ
3. แก้ไตพิการ
4. แก้ปอดบวม
ข้อ 53. รากช้าพลู เป็นตัวยาประจำธาตุอะไร?
1. เตโชธาตุ
2. วาโยธาตุ
3. อาโปธาตุ
4. ปถวีธาตุ
ข้อ 54. สมุนไพรข้อไหนที่จะใช้ทำยา แก้ร้อนภายใน แก้ขัดข้อ บำรุงเนื้อและกระดูก บำรุงร่างกาย
1. เมล็ดงา
2. เมล็ดถั่วเขียว
3. เมล็ดถั่วลันเตา
4. เมล็ดถั่วลิสง
ข้อ 55. ส่วนประกอบของสูตรยากวาดแสงหมึก นอกเหนือจากตัวยาหมึกหอม จันทน์ชะมด ลูกกระวาน จันทน์เทศ ใบพิมเสน ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ กานพลู ใบสันพร้าหอม หัวหอม ดีงูเหลือม ชะมด พิมเสน คือข้อใด?
1. ใบกระสัง
2. ใบแมงลัก
3. ใบกะเพรา
4. ใบโหระพา
ข้อ 56. สารหนู มีโทษอย่างไร
1. ชักกระตุก หยุดหายใจ และตายในที่สุด
2. กัดกระเพาะ ทำให้อาเจียนเป็นเลือด
3. ท้องร่วง ปวดท้องอย่างรุนแรง
4. ประสาทหลอน เป็นบ้า
ข้อ 57. สิ่งต่อไปนี้เป็นสัตว์สัตถุ ให้ท่านพิจารณา รสและสรรพคุณ ของสัตว์ วัตถุใดถูกต้อง ?
1. นกนางแอ่น ใช้รังทำยา รสมันคาว สรรพคุณ แก้ปวดเมื่อย ปวดข้อ บำรุงกำลัง
2. นกกา หรืออีกา ใช้กระดูกและขนทำยา สรรพคุณ แก้พิษกาฬ แก้พิษตานซาง แก้ไข้กาฬ
3. น้ำผึ้ง ใช้น้ำหวานในรังทำยา รสหวาน สรรพคุณ ใช้ผสมยาปั้นเม็ด แก้ตาฟาง แก้ไอ
4. ถูกทุกข้อ
ข้อ 58. การตรวจเส้นสุมนาตามตำราเวชศึกษาให้ทำอย่างไร
1. ใช้นิ้วกดเหนือสะดือ 2 นิ้วมือ
2. ใช้นิ้วกดเหนือไหปลาร้า
3. ใช้นิ้วกดเหนือกระดูกหน้าอก
4. ใช้นิ้วกดใต้ลิ้นปี่
ข้อ 59. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเส้นอัษฎากาศ
1. ไม่ควรกดพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง
2. ตรวจชีพจรที่ข้อมือแทนก็ได้
3. เป็นเส้นหัวใจตอนบน
4. เกี่ยวข้อกับลมปัตฆาต ราทยักษ์
ข้อ 60. ตรวจชีพจรพบว่า เดินตื้น เต้นเร็วและเดินแรง เม็ดใหญ่ แต่เดินไม่เสมอ มีหยุด แสดงถึงร่างกายผิดปกติอย่างไร
1. อ่อนเพลีย
2. อาการหนักรักษาไม่ได้
3. มีพิษร้อนจัด เพ้อได้
4. ใจเหี่ยวแห้ง
ข้อ 61. ตามตำราเวชศึกษา เส้นที่อยู่เหนือสะดือ 1 นิ้วเศษ เป็นเส้นต่อเนื่องกับเส้นสุมนา มีหน้าที่รับโลหิต จากเส้นสุมนาจ่ายไปตามอวัยวะ ตอนล่างทั่วไปมีขาและเท้าเป็นต้น เรียกว่าเส้นอะไร
1. เส้นกาลทารี
2. เส้นสุมนา
3. เส้นสหัสรังษี
4. เส้นอัมพฤกษ์
ข้อ 62. ตามตำราเวชศึกษา เส้นสุมนาถ้าพิการ จะทำให้เป็นโรคลมชนิดใด
1. ชิวหาสดมภ์
2. บาดทะจิต
3. พิตคุณ
4. ตุลาราก
ข้อ 63. ถ้าตรวจพบผู้ป่วยมีลิ้นเป็นฝ้าละออง น่าจะป่วยเพราะโรคใด
1. ไข้รากสาด
2. ไข้กาฬ
3. ธาตุพิการ
4. น้ำลายพิการ
ข้อ 64. ถ้าตรวจพบผู้ป่วยรู้สึกยอกในซี่โครง 3-4 ด้านซ้าย มีไข้สูง ฟังเสียงหัวใจเต้นเบา ติดขัด ท่านวินิจฉัยว่าน่าจะเป็นโรคใด
1. วัณโรค
2. ถุงหุ้มหัวใจอักเสบ
3. หัวใจอ่อน
4. หัวใจบวม
ข้อ 65. ถ้าท่านตรวจชีพจรผู้ป่วยแล้วพบว่ามีลักษณะเดินตื้น เต้นแรงและเร็ซ เม็ดใหญ่ เดินเสมอ ท่านคิดว่าผู้ป่วยมีอาการอย่างไร
1. มีพิษร้อน แต่โรคยังเบา
2. มีพิษร้อน โรคปานกลาง
3. มีกำลังน้อย อ่อนเพลีย
4. มีไข้พิษ ไข้กาฬ ค่อนข้างมาก
ข้อ 66. ถ้าผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจบวม เสียงหัวใจเต้นจะเป็นอย่างไร
1. ดังตึ้กๆและช้า
2. ดังฟืดๆ แฟดๆ
3. ดังทึบและฝืด ไม่โปร่ง
4. ไม่มีข้อใดถูก
ข้อ 67. ถ้าผู้ป่วยมีอุจจาระสีดำเป็นเมือกข้น ท่านคิดว่าไม่น่าจะเกิดจากโรคใด
1. ไข้อติสาร
2. ไข้รากสาด
3. โรคซาง
4. ไข้กาฬ
ข้อ 68. ต้อแววนกยูง มีลักษณะอย่างไร
1. เป็นแววอยู่กลางตาดำ
2. ตามันดังเยื่อลำใยขาว
3. เห็นเป็นก้อนขาวเป็นเงาอยู่กลางตาดำ
4. ตาดำเป็นจุดขาวแวววาวดังขนนกยูง
ข้อ 69. โรคตาชนิดใหน ที่เจ็บกระบอกตาเวลานอน ตาเป็นดุจเยื่อไม้?
1. ต้อฝี
2. ต้อก้นหอย
3. ต้อวาโย
4. ต้อกระจก
ข้อ 70. คัมภีร์มัญชุสาระวิเชียร ลมเป็นก้อนดานตั้งอยู่ในอุระ มีดีซึมอยู่เป็นอันมาก เรียกชื่อว่าอะไร
1. ทักษณะคุละมะ
2. ปิตตะคุละมะ
3. โลหิตคุละมะ
4. รัตตะคุละมะ
ข้อ 71. คัมภีร์มัญชุสาระวิเชียรกล่าวถึงเรื่องอะไร
1. กล่าวว่าด้วยโรคลมทั่วๆไป
2. กล่าวว่าด้วยลมที่ทำให้เกิดโรคและมีอาการต่างๆ
3. กล่าวว่าด้วยลมพิษและลมร้าย
4. ไม่มีข้อใดถูก
ข้อ 72. โรคมูตร ตามคัมภีร์มัญชุสาระวิเชียร มีกี่ประการ
1. 12 ประการ
2. 16 ประการ
3. 18 ประการ
4. 20 ประการ
ข้อ 73. ลมที่บังเกิดให้เนื้อตัวบวม เรียกว่าลมอะไร?
1. ลมกำเดา
2. ลมผูกธาตุ
3. ลมปถวีกำเริบ
4. ลมกระษัยจุกอก
ข้อ 74. ลมที่มีลักษณะและอาการ เมื่อแรกให้หาวเรอและให้เหียน ขากรรไกรแข็ง อ้าขบมิลง ให้แน่นิ่ง ไปไม่รู้สึกตัว ปลุกมิตื่น กำหนด 3 วัน ถึง 7 คืน เป็นลักษณะและอาการของลมอะไร
1. ลมมหาสดมภ์
2. ลมอัศมุขี
3. ลมชิวหาสดมภ์
4. ลมอุทรวาต
ข้อ 75. อาการทั้งสลบทั้งลงทั้งอาเจียน มิรู้ก็ว่าสันนิบาตสองคลอง มือเขียว หน้าเขียว ชัก มิรู้ก็ว่าป่วงให้ลงกำหนด 3 วัน คือลักษณะและ อาการของโรค
1. ลมบาทาทึก
2. ลมบาดทะจิต
3. ลมมหาสดมภ์
4. ลมอีงุ้มอีแอ่น
ข้อ 76. ชื่อของโรคเรื้อนที่เรียกตามลักษณะอาการของโรค ในคัมภีร์วิถีกุฎโรคมีหลายชื่อได้แก่ข้อใด
1. เรื้อนวิมาลา เรื้อนหูด เรื้อนบอน เรื้อนดอกหมาก เรื้อนมะไฟๆ เป็นต้น
2. เรื้อนกุฎฐัง เรื้อนกวาง เรื้อนกระดูก เรื้อนหูหนาตาเล่อ เรื้อนหิด ๆ เป็นต้น
3. เรื้อนเกล็ดปลา เรื้อนมะเฟือง เรื้อนมูลนก เรื้อนดอกหมาก ๆ เป็นต้น
4. ไม่มีข้อใดถูก
ข้อ 77. บางทีจับให้เซื่อมมึน บางทีให้ร้อนในกระหายน้ำ หอบ สอึก บางทีให้จุกเสียด ชักมือกำเท้างอ มือสั่น บางทีให้ปวดแสบปวดร้อนเป็น กำลัง เป็นลักษณะของ
1. ฝียอดเดียวชนิดคว่ำประเภทที่ 3
2. ฝียอดเดียวชนิดคว่ำประเภทที่ 4
3. ฝียอดเดียวชนิดหงายประเภทที่ 1
4. ฝียอดเดียวชนิดหงายประเภทที่ 2
ข้อ 78. ฝีที่มักขึ้นที่กระหม่อม กำดัน สันหลัง ขาทั้งสองข้าง ใต้ศอก ใต้รักแร้ ไหล่ทั้งสอง เป็นฝีชนิดใด
1. ชนิดคว่ำประเภทที่ 1
2. ชนิดคว่ำประเภทที่ 2
3. ชนิดหงายประเภทที่ 1
4. ชนิดหงายประเภทที่ 2
ข้อ 79. ฝียอดเดียวคว่ำประเภทที่ 4 ถ้าเกิดในเดือน 11-เดือน 4 เนื่องจากเหตุใด
1. ดี ลม เสมหะ ระคนกัน
2. ลม น้ำเหลือง กำเดา ระคนกัน
3. ดี น้ำเหลือง โลหิตระคนกัน
4. โลหิต ลม เสมหะระคนกัน
ข้อ 80. "อุปปาติกะวัณโรค" บังเกิดด้วยอาโปธาตุ คือฝีชื่ออะไร
1. ฝีมานทรวง
2. ฝีกุตะณะราย
3. ฝีมะเร็งทรวง
4. ฝีดาวดาษฟ้า
ข้อ 81. คัมภีร์ทิพย์มาลา ได้กล่าวถึงลักษณะฝีไว้กี่ประการ
1. 10 ประการ
2. 15 ประการ
3. 17 ประการ
4. 19 ประการ
ข้อ 82. ฝีที่เกิดในขั้วตับ ถ่ายออกมาเป็นเลือดสดๆได้ 4-5 วัน จึงกลับกลายเป็นเลือดและเสลดเน่าเรียกว่าอะไร
1. กาฬพิพัธ
2. กาฬพิพิธ
3. กาฬมูตร
4. กาฬสูตร
ข้อ 82. ฝีที่เกิดในขัวตับ ถ่ายออกมาเป็นเลือดสดๆได้ 4-5 วัน จึงกลับกลายเป็นเลือดและเสลดเน่าเรียกว่าอะไร
1. กาฬพิพัธ
2. กาฬพิพิธ
3. กาฬมูตร
4. กาฬสูตร
ข้อ 83. ฝีหนึ่งเมื่อจะบังเกิด ทำให้เจ็บปวดสันหลัง ให้เมื่อย ให้จุกแดกเป็นกำลัง ให้เสียดในอุทร ให้ซูบผอม บริโภคอาหารมิได้ คือฝีอะไร
1. ฝีธนทวน
2. ฝีธรสูตร
3. ฝีสุวรรณเศียร
4. ฝีมะเร็งทรวง
ข้อ 84. มาน ( เลือด, ลม, หิน,น้ำเหลือง, กระษัย) จัดอยู่ในอติสารอะไร
1. อุทรวาตอติสาร
2. สุนทรวาตอติสาร
3. อุตราวาตอติสาร
4. ปัสสยาวาตอติสาร
ข้อ 85. อาการให้ลง ร้อนในอก สวิงสวายไม่มีแรง ตัวร้อน อุจจาระเป็นสีแดง บริโภคอาหารไม่รู้รส เป็นอาการของอชินธาตุใด ในคัมภีร์ อติสาร
1. เสมหะอชิน
2. ปิตตะอชิน
3. วาตะอชิน
4. สันนิปาตะอชิน
ข้อ 86. คัมภีร์กระษัย กล่าวถึงโรคกระษัยกี่จำพวก
1. 20 จำพวก
2. 24 จำพวก
3. 26 จำพวก
4. 28 จำพวก
ข้อ 87. กระษัยไฟเกิดเพื่อเตโชธาตุ 3 ประการ ข้อใดไม่ใช่
1. สันตัปปัคคี
2. ชิรณัคคี
3. ปริณามัคคี
4. ปริทัยหัคคี
ข้อ 88. กระษัยลมเกิดเพื่อลม จำำพวกที่ 6 มีที่ตั้งอยุ่กี่แห่ง
1. แห่งเดียว
2. สองแห่ง
3. สี่แห่ง
4. หกแห่ง
ข้อ 89. คำว่ากระษัย โบราณหมายถึงเป็นโรคอะไร
1. โรคที่เกิดขึ้นมาแล้วทำให้ท้องโต
2. โรคที่เกิดขึ้นมาแล้วทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม
3. โรคที่เกิดขึ้นมาเองหรือเกิดจากองธาตุ
4. โรคที่เกิดขึ้นมาแล้วทำให้มีอาการปวด ยอก ขบ เสียดในร่างกาย
ข้อ 90. กระทำให้ผิวอัณฑะดำบวม ฟกข้างหนึ่ง เจ็บตาข้างหนึ่ง ปวดศีรษะข้างหนึ่ง ปัสสาวะเป็นน้ำเหลืองโลหิตเจือออกมา แสบตาตามช่อง ปัสสาวะเป็นองคสูตร เกิดในฤดูใด
1. คิมหันตฤดู
2. วสันตฤดู
3. เหมันตฤดู
4. สันนิบาตฤดู
ข้อ 91. ข้อไหนเป็นความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะของเพศชาย?
1. ช้ำรั่ว
2. องคสูตร
3. ทุราวสา
4. มุตกิต
ข้อ 92. โรคชนิดใด เมื่อจะบังเกิดให้ผิวอัณฑะดำและบวม มีพิษแสบร้อน ให้ขัดปัสสาวะ เสียดสองราวข้างและหน้าอกจับเป็นเวลา บริโภค อาหารมิได้ ตกเสมหะดุจเป็นบิด เป็นอาการของโรคอะไร
1. อุปทม
2. องคสูตร
3. ช้ำรั่ว
4. ไส้ด้วน
ข้อ 93. อาการปวดหัวเหน่า ให้แสบองคชาติ ให้สะบัดร้อนสะบัดหนาวเป็นไปต่างๆ คืออาการของ
1. มุตฆาต
2. มุตกิต
3. สัณฑะฆาต
4. ทุราวสา
ข้อ 94. กลิ่นอุจจาระที่บังเกิดแต่กองเตโชสมุฎฐานนั้นเป็นเหตุนั้น มีกลิ่นอะไร?
1. กลิ่นข้าวบูด
2. กลิ่นหญ้าเน่า
3. กลิ่นซากศพ
4. กลิ่นปลาเน่า
ข้อ 95. การใช้ยามหาพรหมภักตร์ เพื่อแก้อุจจาระธาตุมไ่ม่ปกติ ควรใช้อะไรเป้นน้ำกระสายในการทำเป็นเม็ด
1. น้ำเปลือกมะรุมต้ม
2. น้ำสีเสียดต้ม
3. น้ำโสฬสเบญจกูล
4. น้ำทศเบญจกูล
ข้อ 96. มานหินทั้ง 4 ประการ เกิดจากกองธาตุใด
1. ธาตุดิน
2. ธาตุน้ำ
3. ธาตุลม
4. ธาตุไฟ
ข้อ 97. ลักษณะอุจจาระธาตุ ที่มีอาการให้ตาพร่า เมื่อยมือ เป็นตะคริวขัดเข่า เมื่อยสันหลัง สองเกลียวข้างแข็ง สมมุติว่าฝีเส้น อาเจียนลม มา จากธาตุใด
1. อาโปธาตุ
2. ปถวีธาตุ
3. วาโยธาตุ
4. เตโชธาตุ
ข้อ 98. ลักษณะอุจจาระสำแดงโทษ กลิ่นดังข้าวบูด เกิดแต่กองสมุฎฐานใด
1. เตโชธาตุ
2. วาโยธาตุ
3. อาโปธาตุ
4. ปถวีธาตุ
ข้อ 99. อสาทิยะมรณันติกชวร หมายถึงโรคอะไร
1. โรคเรื้อรัง เพราะกินยาไม่ถูกกับโรค
2. โรคบังเกิดเพราะโอปักกะมิกะโรค
3. โรคเรื้อรังเพราะความชรา
4. โรคเรื้อรังเพราะทานอาหารไม่ถูกกับธาตุ
ข้อ 100. อสาทิยะอุจจาระคันธารธาตุ ที่ทำให้คนไข้มีอุจจาระกลิ่นดังหญ้าเน่า มีอาการปากแห้ง คอแห้งหนักตัว คือสมุฎฐานเตโชธาตุระคน ด้วย สิ่งใด
1. วัฒฑอชินะ
2. อามะอชินะ
3. วิวัฒฑอชินะ
4. มลอชินะ