สารศิลปยาไทย
ฉบับที่ ๑๑

 

ฝางเสน

 

 

ชื่อวิทย์
ชื่อวงศ์
ชื่ออื่น
Caesalpinia   sappan  Linn.
CAESALPINACEAE
ฝาง, ง้าย, หนามโค้ง


สมาคมผู้ประกอบโรคศิลปแผนไทย
เชียงใหม่

 

 

 

 

 

 

ฝางเสน
(ยาดี ให้สีสวย)

ชื่อวิทย์    Caesalpinia  sappan  Linn.
ชื่อวงศ์    CAESALPINACEAE
ชื่ออื่น     ฝาง, ง้าย(กะเหรี่ยง),หนามโค้ง              (แพร่

 


สรรพคุณ

แก่น



สีแดง

รสขมฝาด ต้มเอาน้ำดื่ม บำรุงโลหิต แก้ปอดพิการ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้ท้องร่วง ธาตุพิการ โลหิตออกทางทวารหนัก แก้กำเดา แก้เสมหะ

ของสารบรา.ซิลิน ให้ความปลอดภัยสูง ใช้แต่งสีขนม อาหาร และย้อมผ้าได้

 

 

 

 

 

 

 

 

ความลับของฝางเสน

 

๑.  ขับโลหิตระดู ใช้ฝางเสนหนัก ๔ บาท แก่นขี้เหล็ก หนัก ๒ บาท ต้มกิน ก่อนประจำเดือนมา ระดูบริสุทธิ์ และมาสม่ำเสมอ แก้พิษโลหิตร้าย เป็นยาขับ ระดู และบำรุงโลหิต พร้อมๆกัน

๒.  แก้ท้องเสีย  แก่นฝางเสน ๑ ส่วน น้ำ ๒๐ ส่วน ต้มเดือดนาน ๑๕ นาที กินครั้งละ ๔-๘ ช้อนแกง

๓.  แก้โรคผิวหนัง  ชาวอินเดียใช้น้ำต้มแก่นฝางเสนกิน แก้โรคผิวหนังบาง ชนิดได้

๔.  แก้น้ำกัดเท้า  ฝนแก่นฝางเสน กับน้ำปูนใส ให้ข้น ทาบริเวณที่น้ำกัดเท้า

๕.  บำรุงหัวใจ  ที่ฮังการี พ.ศ.๒๔๙๖ พบว่า สารบราซิลิน รักษาหัวใจกบ ที่ถูกสารพิษต่างๆ ให้ปกติได้

๖.  ป้องกันหืด  สารบราซิลิน เป็น Antahistamine จึงป้องกันโรคหืดได้

๗.  แก้อักเสบ  สารบราซิลิน ระงับการอักเสบได้ดี จึุงระงับหอบหืดได้ เพราะ อาการหอบหืด เกิดจากการอักเสบด้วย

 

 

 

 

 

ตำรับยาแก้โรคหืดฝางเสน

๑. หัวหญ้าแห้วหมู
๒. ใบมะคำไก่
๓. แก่นฝางเสน
๔. เถาวัลย์เปรียง
๕. แก่นแสมสาร

หนัก ๒ บาท
หนัก ๒ บาท ๒ สลึง
หนัก ๒ บาท ๒ สลึง
หนัก ๒ บาท ๒ สลึง
หนัก ๒ บาท ๒ สลึง



วิธีทำ

ใส่น้ำพอท่วมยา ต้มเดือด ๑๐ นาที กินยาต่างน้ำให้หมด ภายใน วันนั้น วันต่อมา เติมน้ำเท่าเดิม ต้มเดือด ๕ นาที กินเหมือนวัน แรก ต้มกิน จนยาจืด (ประมาณ ๕ วัน) เปลี่ยนยาใหม่ ต้มกิน ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาย

 

 

ข้อควรรู้เกี่ยวกับตำรับยา

๑.  ถ้ากินยานี้แล้วถ่ายมาก ให้หยิบแสมสารออกบ้าง จนถ่ายปกติ เพราะ แสมสารทำให้ถ่ายมาก
๒.  ยานี้ใช้เวลาประมาณ ๑ เืดือน หอบ หืด จึงจะดีขึ้น
๓  เป็นยาเจริญอาหาร
๔.  บางคนอาจมีอาการง่วงนอน ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว

 

 

 

 

สมุฎฐานวินิจฉัยโรคหืด

 

          เกิดจากเสมหะ กำเริบ มีเหตุคือ

๑.   ธาตุไฟในการย่อยอาหารมีน้อย  ธาตุน้ำจะมากขึ้น(เสมหะเป็นธาตุ น้ำ) ธาตุไฟน้อยเพราะกระเพาะอาหารทำงานหนักเกินไป ซึ่งเกิดจากการ กินอาหารมากเกินไป กินรสจัด กินเย็นจัด เป็นเหตุให้ธาตุไฟอ่อน อาการที่ ปรากฎ คือท้องอืด ท้องเฟ้อ เบื่ออาหาร

๒.  ออกกำลังน้อยเกินไป  อิริยาบท มีแต่ นั่งๆนอนๆ ไม่ค่อยได้ออกไป ตากแดด ตากลม

     การแพทย์ไทยเดิม ถือว่า ที่ตั้งสำคัญของเสมหะ อยู่ที่ คอและอก จึงต้องรักษาคอ และอก ให้แข็งแรง จังเสนอตำรับยาไว้

๑.   หัวแห้วหมู   เพิ่มธาตุไฟ ในการย่อยอาหาร
๒.   ใบมะคำไก่   บำรุงปอด
๓.   ฝางเสน        แก้เสมหะ บำรุงปอด
๔.   เถาวัลย์เปรียง ถ่ายเสมหะที่กำเริบออกเสีย
๕.   แก่นแสมสาร  รสขม ฝาด เผ็ดร้อน กินอาหารมันให้น้อย ห้ามกินของ เย็นๆ และหมั่นออกำลังกายให้มาก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เปลวเทียนละลายแท่ง
เพื่อเปล่งแสงอันอำไพ
ชีวิตมลายไป
เพื่อสิ่งใดไว้ทดแทน

 

 

 

 

 

 

 

ของฝากจากวัดอุโมงค์

ยาแก้หอบหืด

๑.  ใบหนุมาณประสานกาย ต้มน้ำดื่ม หรือใช้ใบเขียวสด เคี้ยวกลืน ขณะ หอบหืด เป็นมาก

๒.  ใบหญ้าขัดมอน ใบป้อม (ที่ประจวบคีรีขันธ์ เรียกตาลทราย) ต้มน้ำดื่ม

๓.  ใช้เปลือกส้มโอ เผาเป็นถ่าน บดเป็นผง ละลายน้ำผึ้งกิน

๔.  ใช้ใบ หรือดอกลำโพง หั่นเป็นฝอย ตากแห้ง มวนบุหรี่สูบ

๕.  ใบกระเพรา ผสมปูนกินหมาก ขยี้ทาตามตัว และศีรษะ

๖.  ใช้ใบกล้วยตานี ห่อผิว ไม้ไผ่ต้มกิน

๗.  ใช้ใบหญ้างวงช้าง ปูนแดง ใบหนาด และใบกระเพาแดง ผสมน้ำกิน

๘.  ใช้รากดอกคำใต้ แข่น้ำแล้วกิน

๙.  ใช้ดอกบานไม่รู้โรย ๑๐ ดอก ต้มน้ำใส่เหล้านิดหน่อย กินวันละ ๓ ครั้ง


 

 

 

 

 

 

 

 

เพียงใบไม้ ร่วงโรยโปรยจากกิ่ง
ก่อนจะดิ่งสู่ดินสิ้นสลาย
ยังพลิกพริ้วปลิวร่างอย่างพร่างพราย
เป็นลีลาร่อนร่ายสง่างาม

 

 

HOME