







|
ชีวิตและสุขภาพ > บทความที่น่าสนใจ
สบู่กับการทำความสะอาดผิวหนัง
|
 |
ผิวหนังของคนเรามีความสามารถในการทำความสะอาดตัวเองอยู่แล้วโดยธรรมชาติโดยการผลัด
เซลล์ผิวหนังซึ่งมีเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ไขมันจากต่อมไขมันในผิวหนังยังมีฤทธิ์เป็นสาร
ให้ความชุ่มชื้นและมัคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย อย่างไรก็ตามเราก็ยังคงต้อง
ทำความสะอาดผิวหนังโดยมีวุตถุประสงค์ต่างๆ ดังนี้ คือ
1. เพื่อชำระล้างฝุ่นและคราบสกปรกต่างๆ
2. เพื่อชำระล้างเหงื่อ
3. เพื่อชำระล้างเชื้อแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดโรคได้
4. เพื่อล้างเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว
5. เพื่อล้างไขมันส่วนเกินที่เกาะติดอยู่ที่ผิวหนัง
สบู่เกือบจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในการใช้ทำความสะอาดผิวหนัง เนื่องจากมีใช้มาเป็นเวลา
นานหลายพันปี ในขณะเดียวกันน้ำเปล่าก็สามารถใช้ทำความสะอาดร่างกายชำระสิ่งสกปรกและ
ไขมันจากผิวหนังได้ แต่บางครั้งอาจไม่เพียงพอในการทำความสะอาดผิวหนัง
การใช้สบู่เป็นประจำทุกวันจึงเป็นสุขอนามัยประการหนึ่ง แต่การเลือกใช้ที่เหมาะสมจะช่วยลด
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่น อาการระคายเคือง , ผิวแห้ง , ผิวหนังเกิดผื่น ผิวหนังอักเสบ
จากการสัมผัส หรือแม้แต่การทำให้ผิวหนังไวต่อสารเคมีชนิดอื่นๆ
สบู่ผลิตจากขบวนการซาโปนิฟิเคชั่น ( Saponification ) ของไขมันพืชหรือสัตว์ สามารถละลายและ
ล้างออกได้ด้วยน้ำ อาจมีการผสมน้ำหอมหรือสีลงไปเพื่อให้ได้กลิ่นหรือสีตามที่ต้องการสบู่มีหลาย
ชนิดขึ้นอยู่กับส่วนผสมที่ใช้โดยทั่วไปจะมีค่าความเป็นกรด-ด่าง ( pH ) อยู่ระหว่าง 9.0-10.0
ชนิดของสบู่
1. สบู่ก้อน ( hard soap) ลักษณะเป็นก้อนสีขาวหรือเทาขาวเมื่อเวลาแห้งและเย็น มีโซดาเป็นส่วน
ประกอบหลัก และมีเกลือโปแตสเซี่ยมของกรดไขมันใช้สำหรับภายนอกเท่านั้น
2. สบู่ชนิดอ่อน ( soft soap ) ลักษณะคล้ายน้ำผึ้งหรือเยลลี่ ( Jelly ) สีเหลืองใสทำด้วยน้ำมันมะกอก
และโซดา
3. สบู่เหลว ( liquid soap ) มีส่วนผสมของเกลือโปแตสเซี่ยมของกรดไขมัน และอาจมีส่วนผสมของ
น้ำมันมะกอก เมล็ดถั่ว เมล็ดฝ้าย
4. ซินเดท ( syndet ) เป็นสบู่ที่มีส่วนผสมของสารที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนัง
นอกจากนี้ อาจมีสบู่ชนิดต่างๆ ซึ่งจะมีส่วนประกอบแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้ เช่น
สบู่ยาที่มีส่วนผสมของไทรโคลซาน ( triclosan ) และไทรโคคาร์บอน ( trichcarbon ) ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งฤทธิ์ของแบคทีเรีย
สบู่ที่มีส่วนผสมของ lanolin เพื่อทำให้มีความชุ่มชื้นมากขึ้น
ซึ่งการเลือกใช้สบู่ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของผิวหนังและวัตถุประสงค์ของการใช้
สบู่จะมีฤทธิ์ทำให้เกิดระคายเคืองต่อผิวหนังได้ทำให้ผิวหนังมีลักษณะแห้งลอกเป็นขุยหรือเหี่ยว
ถ้าเป็นมากอาจมีรอยแตกที่ผิวหนังเกิดขึ้นได้ แต่โดยทั่วไปคนที่มีผิวหนังปกติจะไม่เกิดปัญหานี้
นอกจากใช้สบู่บ่อยครั้งจนเกินไปการใช้สบู่บ่อยเกินไปอาจทำให้เกิดการสูญเสียชั้นไขมันที่
เคลือบอยู่ที่ผิวหนัง ซึ่งทำหน้าที่เป็นรั้วที่คอยป้องกันไม่ให้มีสารเคมีจากภายนอกมาทำอันตรายต่อ
ผิวหนังได้ และจะทำให้เกิดการระคายเคือง หรือผื่นผิวหนังอักเสบตามมาได้ .
back
| |
ข่าวสุขภาพ
|