







|
แนะฉีดไวรัสบีแก่เด็กแรกเกิดทุกคน
|
 |
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แนะนำประชาชนที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี ให้ใช้ถุงยางอนามัย
กับคู่นอนที่ยังไม่ติดโรค เพื่อเป็นการควบคุมป้องกันการติดโรคจากอีกฝ่าย ย้ำการติดและ
ระบาดมีลักษณะเดียวกับโรคเอดส์ ป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีน
นพ.มงคล ณ สงขลา ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงนโยบายการควบคุมป้องกันโรคตับอักเสบว่า โรคตับอักเสบเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดต่างๆ ทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ร่างกายมีอาการอ่อนเพลีย มีไข้ต่ำ 2-3 วัน คลื่นไส้ แน่นท้อง ท้องอืด อาจเจ็บบริเวณชายโครงขวา และเมื่อไข้ลดบางรายจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง แต่อาการต่างๆ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค หากรุนแรงมากอาจเสียชีวิตได้
ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวต่อว่า สำหรับชนิดของไวรัสที่สำคัญและมีความรุนแรง คือ โรคตับอักเสบชนิดบี เพราะจะมีการเกิดการอักเสบแบบเฉียบพลัน และอักเสบแบบเรื้อรังได้ และในระยะยาวจะเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคมะเร็งตับ แต่ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีส่วนใหญ่จะหาย และมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นได้ นอกจากบางคนจะยังคงมีเชื้ออยู่ในร่างกายต่อไปเป็นเวลานานโดยไม่มีอาการ แต่จะมีพาหะซึ่งพร้อมที่จะแพร่ไปให้คนอื่นได้
นพ.มงคล กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่ได้รับการตรวจเลือดและรู้ว่าเป็นพาหะของโรคนี้ สามารถปฏิบัติตัวได้เหมือนคนทั่วไป คือ สามารถทำงานและออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาได้ โรคนี้ไม่ติดต่อทางระบบหายใจ หรือการรับประทานอาหารร่วมกัน แต่จะติดต่อทางเลือด น้ำเหลือง และเพศสัมพันธ์
ดังนั้น หากคู่สมรสคู่ใดที่รู้ตัวว่า เป็นพาหะของโรคนี้ควรจะป้องกันโดยการใช้ถุงยางอนามัยกับคู่นอน เพราะการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคนี้จะเหมือนกับโรคเอดส์
"โรคตับอักเสบชนิดบี ยังไม่มีการรักษาโดยเฉพาะ นอกจากรักษาตามอาการของโรค การพักผ่อนเป็นวิธีรักษาที่สำคัญที่สุด ผู้ป่วยต้องรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย ถ้ามีอาการตัวเหลืองควรงดอาหารมันๆ เพราะจะทำให้ท้องอืด งดการสูบบุหรี่ และดื่มสุราเพื่อป้องกันการเกิดการอักเสบเรื้อรัง" ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าว
นพ.มงคล กล่าวด้วยว่า เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโรคไวรัสชนิดนี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี แก่เด็กแรกเกิดฟรีทุกคนตามกำหนด 3 ครั้ง คือช่วงแรกเกิด อายุ 2 เดือน และ 6 เดือนตามลลำดับ เพราะการที่เด็กติดเชื้อจากมารดาตั้งแต่แรกเกิด จะส่งผลให้เป็นโรคมะเร็งตับในอนาคตได้ จึงขอน้ำว่า การใช้วัคซีนในเด็กแรกเกิด เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยป้องกันการเกิดโรคนี้ได้
ข่าวจาก: หนังสือพิมพ์กรุงเทพกรุงเทพธุรกิจ - 9 มีค.2544
อ่านข่าวสุขภาพอื่นๆ
| |
ข่าวสุขภาพ
|