ถ่านหินลือชา รถม้าลือลั่น เครื่องปั้นลือนาม งามพระธาตุลือไกล ฝึกช้างใช้ลือโลก

          จังหวัดลำปาง เป็นแหล่งอารยธรรมล้านนาไทยที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่าจังหวัดใดๆ  ชาวลำปางมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย คงไว้ซึ่ง
ขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นของตนเองวัดวาอารามและสถาปัตยกรรม
ท้องถิ่น รถม้าพาหนะคู่เมือง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่คงความบริสุทธิ์สวยงาม มีอุทยานแห่งชาติที่มีการจัดการที่ดี    และควบ
คู่กันไปกับเมืองที่เคยเป็นแหล่งทำไม้ในอดีต ช้างที่เคยทำหน้าที่ลากซุงจึงเป็นสัตว์อีกอย่างหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเครื่องปั้น
ดินเผาที่ทำจากดินขาวขึ้นชื่อ สิ่งเหล่านี้ทำให้นครลำปางกลายเป็นจุดหมายที่นักเดินทางมักแวะมาเยี่ยมชม

ประวัติความเป็นมา

         แต่อดีตมาเมืองลำปาง มีชื่อเรียกหลายชื่อเช่น ศรีดอนชัย ลัมภะกัมปะนคร เขลางค์นคร และกุกกุฏนคร    ( นครไก่ )    คำว่า
ลำปาง นั้นหมายถึงไม้ป้าง ตำนานเล่าว่าเป็นไม้ข้าวหลามที่ลัวะอ้ายกอนใช้หาบกระบอกน้ำผึ้ง มะพร้าว มะตูม  มาถวายพระพุทธเจ้า
เมื่อครั้งเสด็จมายังบริเวณนี้ ก่อนจะปักไม้เอาทางปลายลงเกิดเป็นต้นขะจาวที่เห็นอยู่ข้างวิหารหลวง     วัดพระธาตุลำปางหลวง  ต้น
ขะจาวนี้มีลักษณะผิดแผกจากไม้อื่นด้วยกิ่งก้านจะชี้ลงดิน เป็นไม้มงคลประจำจังหวัดลำปางที่มีอายุกว่า ๒,๕๐๐ ปีล่วงมาแล้ว

          ส่วนคำว่า เขลางค์นคร เป็นภาษาบาลี ปรากฏอยู่ในตำนานตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๓ คำว่าลครซึ่งกลายมาจากนคร   จึง
เป็นชื่อสามัญที่ใช้เรียกเมืองเขลางค์ ทั้งยังปรากฏใช้ในศิลาจารึกและพงศาวดารในรุ่นต่อมา   ส่วนภาษาพูดจะออกเสียงว่าละกอน
มีความหมายเดียวกับคำว่าเมืองลคร หรือ เวียงละกอน

          นอกจากนี้บางตำนานยังเล่าว่าเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จออกโปรดสัตว์มาจนถึงเมืองนี้    พระอินทร์ได้ทราบก็เกรงว่าชาว
เมืองจะตื่นไม่ทันทำบุญกับพระพุทธองค์จึงแปลงกายเป็นไก่สีขาวขันปลุกชาวเมืองให้ตื่นทันออกมาทำบุญตักบาตร ด้วยเหตุนี้เมือง
ลำปางจึงได้ชื่อว่า กุกกุฏนคร อันหมายถึงเมืองไก่ขาว ไก่ขาวจึงเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่เราจะพบตามป้ายชื่อถนน บนสะพานหรือ
ตามตึกต่างๆแม้แต่ในชามตราไก่ที่ขึ้นชื่อ

          จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่ามีชุมชนอาศัยอยู่ในพื้นที่ของนครลำปางมากว่า ๓,๐๐๐ ปีล่วงมาแล้วมีการค้นพบภาพเขียน
สีและโครงกระดูกมนุษย์โบราณ ตลอดจนชิ้นส่วนภาชนะดินเผาในสมัยหริภุญไชย และชิ้นส่วนเครื่องถ้วยสันกำแพง

          เวียงเมืองหรือเมืองเขลางค์นครเก่าตั้งอยู่ในบริเวณตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองปัจจุบัน ฝั่งเหนือของแม่น้ำวังมีการพัฒนา
มาแล้วตั้งแต่สมัยอาณาจักรหริภุญไชยยังดำรงอยู่ เวียง คือ เมืองที่มีการกำหนดเขตรั้วรอบขอบชิด  โดยการขุดคูน้ำและกำแพงดิน
ล้อมรอบเมืองเขลางค์นครนี้มีฐานะเป็นเมืองหลวงคู่แฝดของอาณาจักรหริภุญไชยมีพระเจ้าอนันตยศหนึ่งในพระราชโอรสแฝดของ
พระนางจามเทวีผู้ครองอาณาจักรหริภุญไชยเคยเสด็จมาปกครองนครแห่งนี้ มีพื้นที่เมืองประมาณ ๖๐๐ ไร่   และยังพบเวียงบริวาร
ในอำเภอต่างๆ สำหรับเวียงบริวารที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุด คือเวียงพระธาตุลำปางหลวง ซึ่งเป็นเวียงทางพระพุทธศาสนา  อยู่ที่อำเภอ
เกาะคาห่างจากตัวจังหวัดลำปางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ ๑๘ กิโลเมตรสัณฐานของเวียงนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีความ
สมบูรณ์ค่อนข้างมากมีร่องรอยของกำแพงดิน ๓ชั้นระหว่างกำแพงดินเป็นคูน้ำคู่ขนานโอบล้อมเวียงไว้แต่ปัจจุบันคูน้ำคันดินได้ถูก
ไถแปรสภาพเป็นพื้นที่เกษตรกรรมไปตามกาลเวลา จนแทบจะมองไม่ออกว่าเป็นลักษณะเวียง

          เมืองเขลางค์นครแห่งอาณาจักรหริภุญไชยนี้มีผู้ปกครองสืบต่อกันมาตลอดก่อนจะมีการสถาปนาอาณาจักรล้านนาของพระยา
มังรายที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำกกทางตอนเหนือในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๙      พระยามังรายขยายอิทธิพลยกทัพล้ำเขตเข้ามาโจมตี
อาณาจักรหริภุญชัย ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อันมีเขลางค์นครเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กันในที่สุดได้ยึดเมืองทั้งสองไว้ได้และมีการ
แต่งตั้งผู้ครองนครขึ้นเป็นการเปลี่ยนวงศ์ผู้ครองเมืองมาเป็นสายของพระยามังรายระหว่างนั้นได้สร้างเมืองเขลางค์นครขึ้นใหม่ใน
ฐานะของเมืองหน้าด่าน ของอาณาจักรล้านนาสืบมา

          อาณาจักรล้านาเจริญรุ่งเรืองอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งก็อ่อนแอลงและถูกพม่ายึดอำนาจได้เมื่อปี พ.ศ. ๒๑๐๑    และตกเป็นเมือง
ขึ้นของพม่ารวมระยะเวลานานถึง ๒๐๐ ปี แต่ในบางครั้งก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของกรุงศรีอยุธยา  ซึ่งขณะนั้นเป็นอาณา
จักรที่มีความเข้มแข็งอยู่ทางตอนใต้ ร่องรอยอดีตที่แสดงถึงการขยายแผ่อิทธิพลด้านศิลปกรรม คือ รูปแบบของศิลปที่ผสมผสานกัน
อย่างลงตัว

          ในสมัยที่พม่าครอบครองเมืองต่างๆ ทางภาคเหนือตอนบนพม่าได้ส่งเจ้านายมาปกครองหัวเมืองต่างๆ    โดยมีศูนย์กลางการ
ปกครองอยู่ที่นครเชียงใหม่ จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๒๗๕ ท้าวมหายศผู้ครอบครองเมืองหริภุญไชย ได้ยกทัพมาปราบผู้ที่คิดกอบกู้ชาติ
บ้านเมืองให้เป็นอิสระจากพม่า ได้ตั้งทัพอยู่บริเวณเวียงธาตุลำปางหลวง ชาวเมืองได้ติดต่อกับหนานทิพย์ช้างพรานป่าผู้กล้าให้ช่วย
กู้เอกราชให้แก่ลำปางในครั้งนั้นหนานทิพย์ช้างได้ยิงท้าวมหายศตายด้วยปืนใหญ่ ณบริเวณวิหารหลวงปัจจุบันหลังพระวิหารหลวง
ที่รั้วทองเหลืองรอบองค์พระเจดีย์ยังมีรอยรูกระสุนปืนที่หนานทิพย์ช้างยิงท้าวมหายศปรากฏอยู่

          ความเจริญของนครลำปางก้าวหน้ามาเป็นลำดับจนกระทั่งในช่วงยุคทองช่วงหนึ่งในปี พ.ศ. ๒๔๒๕-๒๔๔๐ สมัยเจ้านรนัน-
ทชัยชวลิตเจ้าผู้ครองนครองค์ที่ ๙ ตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๕ นครลำปางมีบทบาทเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญในฐานะของศูนย์กลาง
การค้าไม้สักภาคเหนือ โดยมีที่ตั้งอยู่บริเวณถนนตลาดเก่า ซึ่งมีอาคารพาณิชย์ ร้านค้าบ้านพักอาศัยของคหบดี ในสมัยนั้นโดยมาก
แล้วเป็นชาวพม่าที่เข้ามาทำธุรกิจค้าไม้ และได้ตั้งชุมชนที่ท่ามะโอ ณ ตำบลเวียงเหนือ   ด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงได้
สร้างวัดแบบศิลปะพม่าไว้หลายแห่ง

ศิลปะ

          อาจเนื่องมาจากการปฏิสังขรณ์สืบต่อกันมาหลายยุคหลายสมัยศิลปะที่พบในจังหวัดลำปางจึงล้วนแต่เป็นศิลปะสมัยล้านนาไม่
พบศิลปะสมัยหริภุญชัย ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเก่าแก่มักพบเห็นได้ตามวัดต่างๆ ในลำปาง มี 3 แบบคือแบบพม่าแบบพม่าผสม
เชียงใหม่ และแบบล้านนา

          สถาปัตยกรรมแบบพม่านั้นได้เข้ามามีอิทธิพลในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๕  และ รัชกาลที่ ๖   ซึ่งชาวพม่า  ได้เข้ามาผูกขาดการทำ
ไม้ในภาคเหนือ และส่งไม้ไปขายยังภาคกลางและต่างประเทศ

         ชาวพม่ามีคติอยู่ว่าเมื่อรวยแล้วต้องสร้างวัดหรือบูรณะวัดเก่าเพื่ออุทิศให้รุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ในไม้ใหญ่อันถูกโค่นเพื่อเป็น
การล้างบาปวัดแบบพม่าที่พบในลำปาง ได้แก่ วัดศรีชุม วัดป่าฝาง วัดม่อนจำศีล วัดม่อนปู่ยักษ์ และ   วัดศรีรองเมือง ซึ่งสร้างวิหาร
เป็นรูปยอดปราสาทแบบเดียวที่เมืองมัณฑะเลย์ในพม่า ดังเช่นวิหารใหญ่วัดศรีรองเมืองเป็นต้นเป็นวิหารจำหลักไม้ทำยอดหลังคา
ซ้อนเป็นชั้นๆ มีลวดลายจำหลักไม้ที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ ๖ เรียกว่าเรือนไทยติดลูกไม้ หรือที่ฝรั่งเรียกว่า  แบบขนมปังขิง (Ginger
Bread) คือไม้ฉลุที่ชายคาเป็นลายย้อย ลูกไม้ช่องลมก็ฉลุปรุเป็นลายเช่นกันและ    ยังมีลายฉลุตามส่วนต่างๆของอาคารอีกมากมาย
เช่นทางขึ้นวิหารวัดศรีชุมฉลุลายใต้หน้าจั่วได้อย่างวิจิตรเป็นการอวดฝีมือของช่างฉลุในยุคนั้นว่าทำงานอย่างประณีตซึ่งเป็นศิลปะ
พม่าผสมฝรั่งที่นิยมทำกันมากในภาคเหนือ

          สถาปัตยกรรมแบบเชียงใหม่ ที่ลำปางจะเก่าแก่ยิ่งกว่าที่พบในเชียงใหม่   เพราะสถาปัตยกรรมไม้ในเชียงใหม่ส่วนใหญ่จะ
ได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นจากรูปแบบเดิมที่ชำรุดทรุดโทรม ส่วนที่ลำปางล้วนเป็นของเก่าทั้งสิ้น  ดังเช่นในวิหารน้ำแต้มที่วัดพระธาตุ
ลำปางหลวงมีภาพเขียนรุ่นเก่าร่วมสมัยกับอยุธยา ประตูใหญ่ด้านหน้าวัดมีลวดลายปูนปั้นประดับเป็นศิลปะเชียงใหม่รุ่นเก่าซุ้มประ
ตูวัดไหล่หินและ ประตูวัดบ้านเวียง กลางเมืองเถินในลำปาง ก็เป็นศิลปะแบบเชียงใหม่เช่นกัน และยังมีประตูวัดล้อมแรด ซึ่งเป็น
ศิลปะดั้งเดิมของล้านนาที่สมควรจะถนอมรักษาไว้อย่างดีที่สุด

          สถาปัตยกรรมแบบล้านนา พระวิหารหลวงวัดไหล่หินและวัดปงยางคกเป็นพระวิหารรุ่นเก่าขนาดย่อมลักษณะโปร่งด้านหน้า
และด้านข้าง ส่วนด้านหลังทึบ ประดิษฐานมณฑปหรือพระพุทธรูป เป็นวิหารเก่าแก่ของล้านนาที่กะทัดรัดแต่งดงามน่าดูยิ่ง

          สำหรับผู้ที่สนใจทางศิลปะ ควรจะแวะวัดลำปางหลวงและวัดพระแก้วดอนเต้า   ซึ่งได้รวบรวมศิลปะวัตถุจากที่ต่างๆ   และจัด
แสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ของวัด ในพิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุลำปางหลวงจะมีศิลปะวัตถุแบบล้านนาเป็นส่วนใหญ่ เช่น   เครื่องเขินตะลุ่ม
แบบโบราณรูปทรงแปลกๆ สังเค็ด ธรรมาสน์ คานหาบ ตู้พระไตรปิฎกและแบบจำลองปราสาทงานไม้รูปสัตว์ต่างๆ พิพิธภัณฑ์ของวัด
พระแก้วดอนเต้าส่วนใหญ่มีรูปจำหลักไม้เทวดาและม้านั่งแปลกๆ ส่วนศิลปะล้านนามีแบบจำลองวิหารเจดีย์กับเตียงตั่งรูปและลาย
แปลกๆ

ภูมิศาสตร์

          ลำปางมีอาณาเขต
                   ทิศเหนือติดต่อเชียงรายและพะเยา
                   ทิศใต้ติดต่อสุโขทัยและตาก
                   ทิศตะวันออกติดต่อแพร่
                   ทิศตะวันตกติดต่อเชียงใหม่และลำพูน
          รวมเนื้อที่ทังหมด ๑๒,๕๓๓ ตารางกิโลเมตร

          ลำปางเป็นเมืองในหุบเขารูปแอ่งกระทะรายล้อมด้วยเทือกเขาสูงชัน    บางส่วนผุดเป็นแนวหินแกรนิตบนเทือกเขาผีปันน้ำ
ด้านตะวันตก      ในบางยุคเกิดการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดแอ่งที่ราบขนาดใหญ่และ ทิวเขามากมายทับ
ซ้อนกัน     เมื่อผ่านกาลเวลามายาวนานส่วนที่เป็นแอ่งก็กลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่เกิดการทับถมของตะกอนดินและซากพืชซาก
สัตว์จนเป็นผืนดินที่ราบแหล่งน้ำมัน และถ่านหินลิกไนต์แทรกตัวอยู่ในอำเภอแม่เมาะ บริเวณตอนกลางของเมืองลำปาง

         บริเวณที่ราบภูเขาสูงและที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำอันเป็นที่ราบดินตะกอนเก่าผืนดินมีความอุดมสมบูรณ์ปานกลางและมีแม่น้ำวัง
ไหลผ่านทำให้บริเวณตอนกลางของจังหวัด อำเภอแม่พริก อำเภอเถิน    และบางส่วนของอำเภอสบปราบเป็นแหล่งทำเกษตรกรรม
ตลอดทั้งปีส่วนบริเวณอำเภอเมือง อำเภอเกาะคา อำเภอแม่ทะ อำเภองาว อำเภอห้างฉัตรและ  บริเวณตอนกลางของอำเภอแจ้ห่มจะ
เป็นที่ราบสูงและภูเขาสลับซับซ้อนบริเวณตอนบนและพื้นที่โดยรอบจังหวัด ด้านอำเภอวังเหนือ อำเภอแจ้ห่ม อำเภองาวและบริเวณ
ตอนใต้ของอำเภอแจ้ห่มส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง ปกคลุมด้วยผืนป่าอุดมสมบูรณ์อันเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของเมืองลำปาง

          ด้วยลักษณะพื้นที่ซึ่งเป็นแอ่งก้นกระทะดังกล่าวจึงทำให้มีอากาศอบอ้าวแบบฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดูโดยได้รับอิทธิพลจากลม
มรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ จึงมีอากาศแตกต่างกันมากตามฤดูกาล ฤดูหนาวค่อนข้างหนาวจัด    ฤดู
ร้อนยาวนาน

 


เอื้อเฟื้อข้อมูลโดยลำปางดอดคอม

 

 

thairommids.com
109 m.7 t.numjo a.maetha
j.lampang
52150
©Copyright Sittisak Pingwung
webmaster mailto:sukhompingwung90@hotmail.com