แหล่งท่องเที่ยวอันเป็นที่ชื่นชอบของชาวลำปางและจังหวัดใกล้เคียง ที่สามารถมาเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย
สามารถมาเที่ยวพักผ่อนแบบครอบครัว พาเพื่อนฝูง มาเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ เชิญมาดูธรรมชาติที่สวยงาม น่าดูชม พวกเราชาวลำปางยินดีต้อนรับ

อำเภอเมือง

  ชมเมืองบนรถม้า



          นับเวลาย้อนหลังไปช่วง 80 ปีที่แล้ว     สมัยของเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิตซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 การคมนาคมขนส่งทาง
รถยนต์ยังพัฒนาไม่ถึงนครลำปาง   รถม้าเป็นพาหนะชนิดเดียวที่ได้รับความนิยมในการเดินทางสูงสุดและสามารถใช้บรรทุก
ของหรือสินค้า รถม้าคันแรกได้ถูกซื้อมาจากกรุงเทพฯ       ขณะนั้นทางกรุงเทพฯ มีรถยนต์ใช้มากขึ้น บทบาทของรถม้าลากใน
กรุงเทพฯ จึงลดน้อยลง รถม้าจึงได้ถูกนำมาใช้ที่นครลำปางและยังได้กระจายไปสู่เมืองหลักของภาคต่างๆ ได้แก  ่ นครราชสีมา
ของอีสาน นครศรีธรรมราชของภาคใต้ นครเชียงใหม่ เมืองเชียงราย เมืองแพร่ เมืองน่าน เมืองแม่ฮ่องสอนของทางภาคเหนือ
แต่ด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ   ผู้ประกอบการรถม้าในเมืองดังกล่าวจึงเลิกกิจการไปคงเหลือแต่เฉพาะจังหวัดลำปางแห่งเดียวที่ยัง
คงใช้รถม้าอยู่ตราบจนกระทั่งทุกวันนี้

  ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง

          ตั้งอยู่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดลำปางด้านตะวันตกเฉียงใต้ หลักเมืองทำด้วยไม้สัก    สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อร้อย
กว่าปีมาแล้ว โดยหลักที่หนึ่งสร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2400 หลักที่สอง พ.ศ. 2416 และหลักที่สาม พ.ศ. 2429   ต่อมาในปี พ.ศ.
2440 เมื่อสร้างศาลากลางจังหวัดขึ้น ได้นำหลักเมืองมาไว้ที่บริเวณหน้าศาลากลาง  และได้มีการสร้างมณฑปครอบหลักเมืองทั้ง
สามในปี พ.ศ. 2511 เปิดทุกวันเวลา 06.00 - 18.00 น.

 พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ

          ประดิษฐานอยู่ในมณฑปทรงไทยแบบจตุรมุขซึ่งตั้งอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดลำปาง พระพุทธรูปสร้างด้วยโลหะผสมรมดำ
ทั้งองค์ ปางสมาธิ ชาวบ้านเรียก หลวงพ่อดำ จัดสร้างโดยกรมการรักษาดินแดนเมื่อปีพ.ศ. 2511 มี 4 องค์เพื่อนำไปประดิษฐาน
ไว้ 4 ทิศของประเทศ โดยทางทิศเหนือได้นำมาประดิษฐานไว้ ณ จังหวัดลำปาง นับเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง เป็นที่เคารพ
สักการะของประชาชน ปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ปิดทองเกือบทั้งองค์โดยสาธุชนที่มานมัสการ

 สถานีรถไฟนครลำปาง

          สถานีแห่งนี้เปิดรับขบวนรถไฟโดยสารครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2459  ซึ่งตรงกับวันปีใหม่
ไทยในยุคนั้น สมัยนั้นมีเจ้ากรมรถไฟเป็นวิศวกรชาวเยอรมันเมื่อแรกเริ่มมีรถไฟสายเหนือ
          สถานีรถไฟนครลำปางคือจุดสิ้นสุดของเส้นทางสถานีนี้ตั้งอยู่สุดถนนสุเรนทร์บริเวณสี่แยกบ้านสบตุ๋ย   เป็นจุดเชื่อมต่อ
กับถนนสามสายแรกในภาคเหนือของประเทศไทย      ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่นาบริเวณชานเมืองมาเป็นพื้นที่เมือง
อย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับความเจริญที่เพิ่มทวีมากขึ้น   เมื่อมีการพัฒนาเส้นทางรถไฟด้วยการขุดเจาะอุโมงค์ขุนตาลผ่านภูเขา
และไปถึงนครเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2464 นครลำปางจึงเป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า จากกรุงเทพฯไปยังภาคเหนือ  และลำ
เลียงสินค้าที่จำเป็นจากภาคเหนือมายังกรุงเทพฯ ส่งผลให้ย่านการค้าสบตุ๋ยแห่งนี้มีการความเจริญอย่างมาก      อาคารโบราณ
เหล่านี้ยังหลงเหลือเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมที่คงรายละเอียดของความสวยงามไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์  อันเป็นสัญลักษณ์
ของเมืองลำปางโดยแท้

 วัดศรีรองเมือง

          ตั้งอยู่ที่ บ้านท่าคร่าวน้อย ตำบลสบตุ๋ย ในเขตเทศบาลเมืองด้านทิศตะวันตก     เป็นวัดพม่าที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
โดยคหบดีที่ร่ำรวยจากการทำไม้สมัยที่ลำปางเป็นศูนย์กลางการค้าขายและการทำป่าไม้ สถาปัตยกรรมที่สำคัญได้แก่ วิหารไม้
ซึ่งมีหลังคาจั่วซ้อนกันเป็นชั้นเล็กชั้นน้อย มียอดแหลม 9 ยอด แบบศิลปะพม่า   เพดานเป็นลายไม้แกะสลัก และเสากลมใหญ่
จำหลักลวดลายประดับด้วยกระจกสี ฝีมือประณีต วิจิตรสวยงาม

 วัดศรีชุม

          เป็นวัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวัดพม่าที่มีอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด 31 วัด สร้างในปี พ.ศ. 2433   โดยคหบดีพม่าชื่อ
อูโย ซึ่งติดตามชาวอังกฤษเข้ามาทำงานป่าไม้ในประเทศไทย เมื่อตนเองมีฐานะดีขึ้นจึงต้องการทำบุญโดยสร้างวัดศรีชุมขึ้นใน
เขตตำบลสวนดอก

 วัดป่าฝาง

          หรือ วัดศาสนโชติการาม ตั้งอยู่ที่ ถนนสนามบิน ตำบลหัวเวียง สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5  โดยชาวพม่าที่มาประกอบอาชีพ
การป่าไม้ในจังหวัดลำปาง    งดงามด้วยพระเจดีย์ใหญ่สีทองสุกปลั่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากพม่าเมื่อประมาณ
พ.ศ. 2449 วิหารเป็นเรือนไม้ทั้งหลังขนาดใหญ่ หลังคาซ้อนกันเป็นชั้นๆ แบบพม่า   และพระอุโบสถขนาดเล็กหลังคาเครื่องไม้
แ บบพม่า มีลวดลายเครือเถาปูนปั้นเหนือประตูสวยงาม วัดนี้มีพระสงฆ์พม่าจากเมืองมัณฑะเลย์มาเป็นเจ้าอาวาสอยู่เสมอ

 วัดไชยมงคล

          ตั้งอยู่ที่ถนนสนามบิน ตำบลหัวเวียง เยื้องกับวัดป่าฝาง มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า วัดจองคา พุทธสถานที่เด่นของวัดคือวิหารเป็น
ตัวอาคารเป็นตึกสีขาว หลังคาเครื่องไม้แบบพม่า หน้าบันประดับกระจกเป็นรูปเทวดา     เสาประดับด้วยลวดโลหะสีทองขดเป็น
ลายเครือเถา ประดับกระจกสีสวยงาม ม่านและระเบียงโดยรอบทำด้วยแผ่นไม้ฉลุฝีมือประณีต ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป
สำริด มีลักษณะงดงามสร้างจากเมืองมัณฑะเลย์ สหภาพพม่า

 พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย

          ตั้งอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ( มหาชน )    สาขาลำปาง ถนนฉัตรไชยรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ด้านการเงิน
การธนาคาร อาคารพิพิธภัณฑ์นี้ในอดีต เคยเป็นบริษัทแบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด สาขาลำปาง      สมาคมสถาปนิกสยามใน
พระบรมราชูปถัมภ์ ได้คัดเลือกให้อาคารนี้เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2540 ธนาคารไทยพาณิชย์    จึงได้ปรับปรุง
อาคารดังกล่าวเป็นพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทยขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานอันเอื้อประโยชน์ในการเผยแพร่ความรู้ประวัติการก่อกำ
เนิดธนาคารตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและชั้นล่างได้จัดแสดงสิ่งของต่างๆ ที่ใช้ในธนาคารในยุคเริ่มก่อตั้งอาทิเช่น สมุดเงินฝาก
เคาน์เตอร์ธนาคาร และเครื่องพิมพ์บัญชี ชั้นบนเป็นห้องพักของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมชสมัยเป็นผู้จัดการสาขาที่นี่ผู้สนใจต้อง
เข้าชมเป็นหมู่คณะโดยติดต่อที่ โทร. 0 5422 5062, 0 5421 7064, 0 5421 7251


 ชุมชนท่ามะโอ

          ตั้งอยู่ทางฝั่งเหนือของสะพานข้ามแม่น้ำวัง บริเวณสะพานเขลางค์ ถนนราษฎร์พัฒนา เป็นชุมชนเก่าแก่ของเมือง   มีมา
ตั้งแต่สมัยที่ชาวพม่าเข้ามาทำการค้าไม้สักกับชาวอังกฤษในจังหวัดลำปาง  ในช่วงเวลานั้นได้สร้างบ้านเรือนมากมาย บ้านหลัง
หนึ่งในจำนวนนั้น คือ บ้านเสานัก


 บ้านเสานัก

          เลขที่ 86 ถนนป่าไม้ เป็นบ้านไม้ที่มีเสาไม้สักมากถึง 116 ต้น จึงเรียกว่าบ้านเสานัก ( ตามภาษาพื้นเมือง" นัก"  มีความ
หมายว่า มาก ) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2438 โดยหม่องจันโอง ต้นตระกูลจันทรวิโรจน์ ลักษณะศิลปะพม่าผสมล้านนา   ประกอบด้วย
เรือนใหญ่ ซึ่งเป็นเรือนหมู่ มีเสาไม้สักรองรับน้ำหนักบ้านถึง 116 ต้น หน้าบ้านมีต้นสารภี อายุ 133 ปี   แต่เดิมบ้านเสานักเป็น
สถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมบ้านและของสะสมต่างๆและใช้เป็นสถานที่จัดขันโตกและงานพิธีมงคล
ให้เข้าชมได้ทุกวัน เวลา 09.00 - 17.00 น. ค่าเข้าชมพร้อมเครื่องดื่ม 30 บาท สอบถามได้ที่ โทร. 0 5422 7653, 0 5422 4636

 สะพานรัษฎาภิเศก

          หรือ สะพานขาว ตั้งอยู่ที่ถนนรัษฎา เจ้าผู้ครองนครเป็นผู้ที่ตั้งชื่อจากพิธีเฉลิมฉลองรัษฎาภิเศก  สมัยรัชกาลที่ 5 สะพาน
รัษฎาเป็นสะพานร่วมสมัยกับยุคอารยธรรมรถไฟมีอายุผ่านสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 มาแล้ว     และรอดพ้นจากการโจมตีทิ้ง
ระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรได้ด้วย   การทาสีพรางตาและด้วยการอ้างว่าสะพานแห่งนี้ไม่มีประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ของนางลูซี
สคาร์ลิง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนวิชชานารี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของกองทัพสัมพันธมิตรในขณะนั้น   เป็นสะพานไม้เสริมเหล็กที่
ชำรุดผุพัง จึงมีการก่อสร้างใหม่เมื่อเดือนมีนาคม 2460เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กที่มีความคงทนมากกว่าสะพานรุ่นเดียว
กันที่ไม่เหลืออยู่แล้วในปัจจุบัน ที่บริเวณสะพานมีเครื่องหมายไก่ขาว และครุฑหลวงประดับไว้ตรงหัวสะพาน

 ตลาดรัษฎา

          หรือตลาดหัวขัว อยู่ตีนสะพานรัษฎา เป็นตลาดเช้าที่คึกคักและใหญ่ที่สุดในลำปาง   ติดตลาดกันแต่เช้ามืดจนถึงเก้าโมง
เช้า มีของขายมากมายทั้งกับข้าวพื้นเมือง ขนมพื้นบ้าน ผลไม้ ของสดตามฤดูกาล เช่น    ผักแปลกๆ แมลง เห็ด รวมทั้งของฝาก
ไม่ว่าจะเป็นไส้อั่ว ข้าวแต๋น แคบหมู หมูยอ ตอนเย็นจะมีร้านมาขายบ้าง ส่วนใหญ่เป็นขนม และกับข้าวสำเร็จรูป


 ถนนตลาดเก่า หรือ ถนนตลาดจีน

          เดิมที่มีชื่อเรียกเช่นนี้เพราะเป็นย่านการค้าของคนจีนยุคแรกๆ ที่มาทำการค้าบริเวณท่าน้ำวัง ในยุคต่อมาเมื่อชาวพม่า
เข้ามาทำการค้าไม้ร่วมกับฝรั่ง จึงได้รับอิทธิพลจากศิลปะการสร้างอาคารแบบยุโรป หากเดินทอดน่องไปตามถนนสายนี้ เราจะ
ได้เห็นอาคารโบราณตลอดจนร้านค้า ที่เป็นอาคารไม้และอาคารตึกปนไม้ ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่สองข้างทาง


 วัดประตูป่อง

          ตั้งอยู่ที่ ถนนป่าไม้ ตำบลเวียงเหนือเจดีย์วิหารสร้างเมื่อ พ.ศ. 2409 โดยเจ้าญาณรังษี ผู้ครองนครลำปาง โบสถ์เป็นฝีมือ
ช่างสิบสองปันนามีลายจีนผสมวัดนี้มีสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ คือ ประตูเมืองโบราณ(ประตูป่อง)มีซากหอรบสมัยพระยากาวิละ
ครองนครลำปาง เป็นปราการต่อสู้ทัพพม่าครั้งสำคัญ เมื่อ พ.ศ.2330    ในฝั่งเมืองด้านเหนือนี้เป็นที่ตั้งค่ายพม่าที่ยกพลมาล้อม
เมือง ห่างจากที่ตั้งเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร


 วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม


          ตั้งอยู่ที่ ถนนสุชาดา ตำบลเวียงเหนือ เป็นวัดเก่าแก่และสวยงาม มีอายุนับพันปี เคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณี
รัตนปฏิมากร(พระแก้วมรกต)ตั้งแต่ปี พ.ศ. 1979 เป็นเวลานานถึง 32 ปีเหตุที่วัดนี้ได้ชื่อว่าวัดพระแก้วดอนเต้ามีตำนานกล่าว
ว่า พระมหาเถระแห่งวัดนี้ได้พบแก้วมรกตในแตงโม (ภาษาเหนือเรียกว่า หมากเต้า)        และนำมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูป
แต่ต่อมาจึงได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระธาตุลำปางหลวงจนถึงปัจจุบัน


 สถานปฏิบัติธรรม-มณฑป หลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสุสานไตรลักษณ์

          ตั้งอยู่ชานเมืองลำปาง ตามทางสายลำปาง - แจ้ห่มประมาณ 1 กิโลเมตร   ไปเส้นทางเดียวกับวัดเจดีย์ซาวหลังแต่ถึงก่อน
ประมาณ500 เมตร เมื่อไปถึงจะพบรูปปั้นหลวงพ่อเกษมขนาดใหญ่ที่สังเกตเห็นได้จากถนน    ภายในบริเวณมีมณฑปลักษณะ
เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ มีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อเกษม เขมโก เกจิอาจารย์ซึ่งมีผู้เคารพนับถือเป็นจำนวนมาก   นั่งขัด
สมาธิขนาดเท่ารูปจริง เพื่อให้ประชาชนเคารพสักการะ และบริเวณหน้ามณฑปมีสถานที่เช่าพระเครื่อง     ส่วนกุฏิของหลวงพ่อ
เกษมอยู่ด้านข้างมณฑป


 วัดเจดีย์ซาวหลัง

          ตั้งอยู่ที่ตำบลต้นธงชัย ห่างจากตัวเมือง 1.5 กิโลเมตร ตามถนนสายลำปาง - แจ้ห่ม คำว่า ซาว แปลว่า ยี่สิบ      คำว่า หลัง
แปลว่า องค์ ฉะนั้น วัดเจดีย์ซาวหลัง จึงแปลได้ว่าวัดที่มีเจดีย์ 20 องค์ จากหลักฐานการขุดพบพระเครื่องสมัยหริภุญไชยที่องค์
พระเจดีย์ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าวัดนี้สร้างมานานกว่าพันปี


 วัดม่อนพระยาแช่

          ตั้งอยู่ที่ ตำบลพิชัย บนเส้นทางสายลำปาง - งาวจากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 1 และเลี้ยวขวาตรงหลักกิโลเมตร
ที่ 605 ประมาณ 5 กิโลเมตร มีพระเจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของจังหวัดลำปางได้อย่างชัดเจนทางวัดได้
พัฒนาเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและร่วมกับสำนักงานป่าไม้เขตลำปางจัดให้เป็นวนอุทยานม่อนพระยาแช่ เลยวัดขึ้นไปจน
ถึงที่ตั้งที่ทำการวนอุทยานเป็นจุดชมวิว   และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางอุทยานได้จัดให้มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
บริเวณรอบอ่างเก็บน้ำห้วยโจ้ และสามารถพักแรมได้ แต่ต้องไปเป็นหมู่คณะ โดยติดต่อล่วงหน้าที่ โทร 0 5422 6828


 วัดพระธาตุเสด็จ

          อยู่ห่างจากตัวเมืองไปตามเส้นทางลำปาง - งาว ประมาณ 19 กิโลเมตร แยกซ้ายตรงกิโลเมตรที่ 617 เข้าไปประมาณ 1.5
กิโลเมตร วัดพระธาตุเสด็จเป็นโบราณสถานอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลำปาง     มีตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นในสมัยพระนางจามเทวี
อุโบสถและวิหารต่างๆ ซึ่งเป็นโบราณสถานที่เก่าแก   ่ ได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมดแต่ยังคงสภาพศิลปะโบราณให้เห็นได้อยู่จน
ปัจจุบัน กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นโบราณสถานของชาติแล้ว

 เขื่อนกิ่วลม

          อยู่ห่างจากตัวเมืองไป 38 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายลำปาง - งาว โดยแยกซ้ายตรงหลักกิโลเมตรที่ 623 - 624 เข้าไปอีก
14 กิโลเมตร เขื่อนกิ่วลมอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทแต่อยู่ภายใต้การดูแลของกรมชลประทานบริเวณเหนือเขื่อนเป็น
อ่างเก็บน้ำเหมาะแก่การล่องเรือหรือแพ เพราะมีทัศนียภาพสวยงาม การล่องแพใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวัน    มีสถานที่น่าสนใจ
เช่น แหลมชาวเขื่อน ผาเกี๋ยง ผางาม ทะเลสาบสบพุ หมู่บ้านชาวประมงบ้านสา ฯลฯ ติดต่อบริการล่องแพได้ที่บริเวณเขื่อน


 สวนสาธารณะหนองกระทิง


          ตั้งอยู่ที่ตำบลบ่อแฮ้ว จากตัวเมืองข้ามลำน้ำวังไปตามเส้นทางสายลำปาง - ห้างฉัตร  ประมาณ 3 กิโลเมตรเป็นสถานที่พัก
ผ่อนหย่อนใจที่ใกล้ตัวเมือง ชาวลำปางนิยมมาทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ว่ายน้ำ เล่นเรือถีบ และมีสวนหย่อมสำหรับพักผ่อน มีร้าน
อาหารและเครื่องดื่มบริการหลายแห่ง


 ชมรมรักษ์สมุนไพรลำปาง


          นำสมุนไพรมาทำเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่ายมีสมุนไพรกว่า 150 ขนานผลิตและบรรจุเองรวมทั้งสินค้าปลอดสารพิษมีบริการ
อบไอน้ำสมุนไพร นวดแผนไทย ขัดผิวด้วยสมุนไพร สามารถชมขั้นตอนการผลิตได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00 - 20.00 น โทร.
0 5435 0787, 0 5431 3128 หรือ website : http://www.herblpg.com/ หรือ http://สมุนไพรลำปาง.คอม

          การเดินทางตั้งอยู่ถนนคันเหมือง ตำบลบ่อแฮ้วไปตามทางหลวงหมายเลข 1030 (ลำปาง-ห้างฉัตร)ประมาณกม.ที่ 4 เลี้ยว
เข้าซอยโรงเรียนเขลางค์นคร ประมาณ 200 เมตร

 อำเภอแม่เมาะ

 เหมืองลิกไนต์

          อยู่ในเขตอำเภอแม่เมาะ ไปตามถนนสายลำปาง - เด่นชัย (แพร่) เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร   จากนั้นแยกซ้ายเข้าการ
ไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นระยะทางประมาณ 26 กิโลเมตร    สามารถเช่ารถสองแถวซึ่งจอดอยู่บริเวณตลาด
บริบูรณ์ในตัวเมือง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที
          ลิกไนต์เป็นถ่านหินประเภทหนึ่งที่มีการค้นพบในบริเวณนี้เมื่อปีพ.ศ. 2460 มีปริมาณถึง 630ล้านตันและมีอายุประมาณ
40 ล้านปี พื้นที่เหมืองทั้งหมดเป็นของกรมป่าไม้ มีประมาณ 20,000 ไร่ สามารถใช้ได้อีกประมาณ 50 ปี       บริเวณเหมืองมีโรง
ไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินชนิดนี้เป็นเชื้อเพลิงตั้งอยู่หลายโรง    ถึงแม้นักท่องเที่ยวจะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงไปบริเวณขุดเจาะถ่านหิน
เพราะมีอันตรายจากวัตถุระเบิดที่ใช้ทำเหมือง    แต่ กฟผ.ได้จัดทำจุดชมวิวสำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นสวนหย่อมตกแต่งปลูก
ไม้ดอกไม้ประดับต่างๆ ณ จุดนี้       ซึ่งสามารถมองเห็นการทำงานของรถขุดตักแร่ซึ่งอยู่ห่างออกไปเบื้องล่างได้เป็นมุมกว้างใน
บริเวณเหมืองมีบ้านพักรับรองของกฟผ.สนามกอล์ฟและสโมสร สอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์โรงไฟฟ้าแม่เมาะ
โทร. 0 5425 2730-1, 0 5425 2724


 อำเภองาว


 ศาลเจ้าพ่อประตูผา

         อยู่ห่างจากตัวจังหวัดลำปางตามเส้นทางสายลำปาง - งาว ประมาณ 50 กิโลเมตร ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 649 - 650   ศาล
ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ด้านขวามือ เป็นศาลเล็กๆ ก่ออิฐถือปูน ภายในมีรูปปั้นเจ้าพ่อประตูผาและเครื่องบูชามากมาย   บริเวณใกล้
เคียงมีศาลพระภูมิเล็กๆ มากมายเรียงรายอยู่ ศาลเจ้าพ่อประตูผานี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์   ผู้ที่สัญจรไปมาบนเส้นทางนี้มักแวะ
นมัสการและจุดประทัดถวาย
          เจ้าพ่อประตูผาเดิมชื่อ พญาข้อมือเหล็ก เป็นผู้อยู่ยงคงกระพันเป็นทหารเอกของเจ้าผู้ครองนครลำปางครั้งหนึ่งได้ทำการ
ต่อสู้กับพม่าที่ช่องประตูผาจนกระทั่งถูกรุมแทงตายในลักษณะถือดาบคู่ยืนพิงเชิงเขา   ทหารพม่ากลัวจึงไม่กล้าบุกเข้าไปตีนคร
ลำปาง ด้วยเหตุนี้เอง ชาวบ้านจึงเกิดศรัทธาและเคารพสักการะโดยตั้งศาลขึ้นบูชาเป็นที่นับถือของชาวลำปาง


 แหล่งโบราณคดีค่ายประตูผา

          อยู่บริเวณเดียวกับศาลเจ้าพ่อประตูผาครอบคลุมพื้นที่บริเวณหน้าผาเทือกเขาหินปูนด้านทิศตะวันออก อันเป็นที่ตั้งของ
ศาลเจ้าพ่อประตูผา       จุดผ่านสำคัญทางประวัติศาสตร์ของนครลำปาง มีภาพเขียนสีที่กล่าวกันว่ายาวที่สุดในเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ อายุกว่า 3,000 ปี แบ่งเป็น 7 กลุ่ม ภาพบางส่วนค่อนข้างลบเลือนหมดแล้ว    หลงเหลือพอให้เห็นได้เพียง 1,872 ภาพ
ส่วนมากเป็นภาพมือ คน สิ่งของเครื่องใช้สัตว์ พืช และภาพเชิงสัญลักษณ์   นอกจากนี้ยังมีการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ
ด้วย พื้นที่ใกล้เคียงเป็นที่ตั้งของค่ายฝึกการรบพิเศษประตูผา มีการจัดเดินป่าเชิงอนุรักษ์ กระโดดหอ การฝึกแบบทหาร  และ
วิทยากรนำชมแหล่งโบราณคดีฯ


 อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท

           มีเนื้อที่ประมาณ 758,750 ไร่ ลักษณะเป็นภูเขาสลับซับซ้อนปกคลุมด้วยผืนป่าอุดมสมบูรณ์ของป่าสงวนแห่งชาติ 9  แห่ง
ในอำเภอต่างๆ ได้แก่ อำเภอเมือง งาว แม่เมาะ    และแจ้ห่ม จุดสูงสุดอยู่ที่ยอดดอยแม่ขวัญซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปาน
กลางประมาณ1,253 เมตร พื้นที่อุทยานแห่งชาตินี้ยังเป็นทางน้ำไหลลง    ทางด้านตะวันตกไหลลงสู่แม่น้ำวังทางด้านตะวันออก
ไหลลงสู่แม่น้ำงาวซึ่งไหลต่อไปสมทบแม่น้ำยมที่ทางตอนเหนือของอำเภอสองจังหวัดแพร่


 ศูนย์ศิลปะชุมชนเมืองงาว หรือ บ้านจ้างหลวง

          (ช้างหลวง) ตั้งอยู่ที่ 33 หมู่ 9 บ้านข่อย ตำบลบ้านร้อง ก่อตั้งโดย ครูคำอ้าย เดชดวงตา   เป็นที่รวบรวมงานไม้แกะสลักซึ่ง
เป็นผลงานของผู้ก่อตั้ง เรือนเก็บงานแกะสลักเป็นเรือนไม้หลังใหญ่ดูคล้ายช้าง    แทบทุกส่วนของอาคารออกแบบตกแต่งด้วย
ศิลปะที่กลมกลืน และเคยใช้เป็นที่จัดแสดงผลงานไม้แกะสลักของครูคำอ้ายแต่เป็นที่น่าเสียได้ที่ปัจจุบันอาคารหลังนี้ได้ถูกไฟ
ไหม้ไป ทำให้ผลงานถูกไหม้ไฟไปประมาณ 50 - 60 ชิ้น


 อำเภอแจ้ห่ม


 วัดอักโขชัยคีรี

          ตั้งอยู่บนเนินเขาริมถนนสายลำปาง - แจ้ห่ม (ทางหลวงหมายเลข 1035) บริเวณกิโลเมตรที่ 50 - 51 ด้านซ้ายมือมีทางขึ้น
2 ทางคือ ทางเดินขึ้นบันไดด้านหน้าหรือขับรถขึ้นทางถนนด้านหลัง โบสถ์และเจดีย์เป็นแบบล้านนาอยู่ใกล้เคียงกัน   ที่วัดนี้มี
ปรากฏการเงาสะท้อนพระเจดีย์เป็นภาพสีเช่นเดียวกับวัดพระธาตุจอมปิง   เงาพระเจดีย์จะปรากฏอยู่ตรงที่เดิมไม่เคลื่อนย้าย
ตลอดทั้งวันตราบเท่าที่ยังมีแสงสว่าง นอกจากนี้ภายในโบสถ์ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่เรียกว่า   พระศากย
มุณีคีรีอักโข ซึ่งมีความสูง 5 วา 2 ศอก เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ เป็นที่นับถือของชาวแจ้ห่มมาก โบสถ์เปิดเวลา 07.00 - 17.00 น.
หากสนใจงานศิลปะท้องถิ่น   มีสัตตภัณฑ์ไม้ไผ่พุทธศตวรรษที่25 สำหรับจุดเทียนบูชาพระประธานและธรรมมาสน์ไม้ไผ่ศิลปะ
ล้านนา ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังโบสถ์


 อำเภอเมืองปาน

 อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน



          มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอเมืองปาน อำเภอแจ้ห่มและอำเภอเมืองจังหวัดลำปาง  มีสภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์และ
เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร มีเนื้อที่ประมาณ 592 ตารางกิโลเมตร ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อ   วันที่ 28 กรกฎาคม
2531 เป็นแนวแบ่งเขตระหว่างลำปางและเชียงใหม่         ฤดูที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวและมีอากาศเย็นสบายคือช่วงเดือน
พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์


 อำเภอวังเหนือ

 น้ำตกวังแก้ว

          เป็นแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งในอุทยานแห่งชาติดอยหลวงซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่16 เมษายน
พ.ศ. 2533 และครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดพะเยา เชียงรายและลำปางรวมเนื้อที่ประมาณ 1,170 ตารางกิโลเมตรสภาพ
ภูมิประเทศเป็นเขาสูงทอดตัวแนวเหนือ - ใต้ มีดอยหลวงเป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ   ป่าดิบชื้นและป่า
เต็งรังปะปนกัน มีสัตว์ป่าและนกหลายชนิด ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่บริเวณน้ำตกปูแกง อ.พาน จ.พะเยา


 อำเภอห้างฉัตร


 วัดปงยางคก

          มีวิหารพระแม่เจ้าจามเทวีซึ่งเป็นวิหารไม้เก่าแก่ภายในประดิษฐานมณฑปปราสาทเก่าที่มีตำนานสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัย
พระนางจามเทวี เมื่อ พ.ศ. 1253
          การเดินทางจากอำเภอเมืองเข้าสู่ถนนสายห้างฉัตร-เกาะคา ประมาณ 5 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายไปประมาณ 100 เมตร




 ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย และ สวนป่าทุ่งเกวียน

          อยู่ในความดูแลของฝ่ายอุตสาหกรรมป่าไม้ภาคเหนือ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) แต่เดิม ออป.  มีศูนย์ฝึกลูกช้าง
ซึ่งเป็นแห่งเดียวในประเทศไทย อยู่ที่บ้านปางหละอำเภองาวโดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่พ.ศ. 2512 เป็นสถานที่เลี้ยงและฝึก
ลูกช้างเพื่อให้เชื่อฟังคำสั่งและ   มีความชำนาญการทำไม้ขณะที่แม่ช้างไปทำงานในป่าและเนื่องจากนโยบายปิดป่าซึ่งทำให้ช้าง
ต้องว่างงานศูนย์ฝึกลูกช้างจึงถูกปรับมาเป็นสถานที่ดูแลช้างแก่และเจ็บป่วย


 อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล

          เป็นเทือกเขากั้นเขตแดน ระหว่างจังหวัดลำพูนที่อำเภอแม่ทาและจังหวัดลำปางที่อำเภอห้างฉัตรและอยู่กึ่งกลางเส้นทาง
คมนาคมทางรถไฟ ระหว่างลำปาง - ลำพูนประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2518   มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 159,556
ไร่ ดอยขุนตาลประกอบด้วยป่าไม้หลายลักษณะ มีทั้ง ป่าดงดิบ และป่าสน มี 4 ยอดเขา     จากเชิงดอยถึงยอดสูงสุดต้องเดินเท้า
ประมาณ 7 กิโลเมตร

 อำเภอเกาะคา



 วัดพระธาตุลำปางหลวง


          เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาแต่โบราณ ตามตำนานกล่าวว่ามีมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ในราวพุทธศตวรรษที่   20
ตอนปลาย เป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย      งดงามด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่มากมายได้แก่ พระธาตุลำปางหลวง,
วิหารหลวง, วิหารพระพุทธ, ซุ้มพระบาท, กุฏิพระแก้ว, วิหารพระเจ้าศิลา และพิพิธภัณฑ์

 วัดเสลารัตนปัพพตาราม (วัดไหล่หินหลวงแก้วช้างยืน)

          ตั้งอยู่ที่ ตำบลไหล่หิน มีพระวิหารเก่าแก่ฝีมือช่างเชียงตุงเป็นศิลปะแบบล้านนาไทย    ประดับลวดลายงดงามทั้งหลังโดย
เฉพาะส่วนหน้าบัน และซุ้มประตูที่มีการก่ออิฐถือปูนประดับรูปปั้นสัตว์ศิลปะล้านนาแท้  ภายในวิหารนอกจากจะมีพระประธาน
แล้วยังมี รูปปั้นพระมหาเกสระปัญโญภิกขุขนาดเท่าตัวจริงซึ่งปั้นด้วยฝีมือของท่านเอง     พระเจดีย์ของวัดไหล่หินก่อสร้างแบบ
ศิลปะล้านนาที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 วัดพระธาตุจอมปิง

          ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 บ้านจอมปิง ตำบลนาแก้ว การเดินทางนั้นใช้เส้นทางเดียวกันกับวัดพระธาตุลำปางหลวง  แต่แยกซ้ายตรง
ที่ว่าการอำเภอไปอีก 17 กิโลเมตร  วัดพระธาตุจอมปิงเป็นวัดโบราณ ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าติโลกราชแห่ง
อาณาจักรล้านนาไทย วัดนี้มีความมหัศจรรย์ของการเกิดเงาสะท้อนเป็นภาพสีธรรมชาติขององค์พระธาตุ ผ่านรูเล็กบนหน้าต่าง
มาปรากฏบนพื้นภายในพระอุโบสถตลอดเวลาที่มีแสงสว่างทั้งกลางวันและกลางคืน และทางวัดยังจัดที่สำหรับแสดงโบราณวัตถุ
ต่างๆ ที่ขุดพบในบริเวณนี้ด้วย


 อำเภอสบปราบ


 อุทยานแห่งชาติดอยจง


          มียอดดอยจงเป็นยอดดอยที่สูงที่สุด    เคยเป็นสถานีโทรคมนาคมของกองทัพอากาศมาก่อน แต่หลังจากที่กองทัพอากาศ
สร้างสถานีเรดาร์ที่ยอดดอยอินทนนท์ สถานีที่นี่จึงได้ยกเลิกไป และอุทยานได้เข้ามาดูแลต่อโดยจะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ทุกวัน
จากบนสันเขามองลงไปเห็นท้องนากว้างใหญ่ของอำเภอสบปราบและอำเภอเกาะคา ทางขึ้นกับทางลงเป็นคนละเส้นกัน   ทางลง
ชันมากและพื้นที่เป็นก้อนกรวดเล็กๆ ขาขึ้นใช้เวลาเดินเท้านานกว่า 5 ชั่วโมง ทางลงจะผ่านสันป่าเกี๊ยะ ซึ่งมีต้นสนสองใบและ
สนสามใบขึ้นอยู่หนาแน่นกว่าบริเวณอื่น เหมาะที่จะค้างแรมถ้ามีเวลา


 อำเภอเถิน

 อุทยานแห่งชาติแม่วะ


          ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 เป็นต้นกำเนิดของน้ำตกแม่วะ มีพื้นที่ 368,125 ไร่ หรือ 589 ตาราง
กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ตำบลต่างๆ ในอำเภอเถิน อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง อำเภอสามเงา อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก

 

เอื้อเฟื้อข้อมูลโดยลำปางดอดคอม