
กระซู่เป็นสัตว์จำพวกแรด
เนื่องจากมี นอ
ซึ่งเป็นเขาที่เกิดจากการรวมตัวของเส้นขนจนแข็งติดอยู่บนดั้งจมูก
ไม่มีแกนขาที่เป็นส่วนของกระโหลกศรีษะ
ลักษณะเป็นเขาหรือนอเดี่ยว
ถึงแม้กระซู่จะมีนอ 2 นอ
แต่นอทั้ง 2
มีขนาดไม่เท่ากัน
เรียงเป็นแถวอยู่บนดั้งจมูก
ต่างจากเขาของวัว ควาย
ซึ่งเป็นเขาคู่ขนาดเท่า ๆ
กัน
ตัวเขากลางสวมทับบนแกนกระดูกเขาบนกระโหลกศรีษะ
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของกระซู่ที่ใช้อย่างเป็นทางการในปัจจุบัน
ใช้ชื่อสกุล Dicerorhinus
ซึ่งตั้งขึ้นโดย Gloger ในปี ค.ศ.
1841
ส่วนชื่อสกุลที่มีการใช้ซ้ำ
ๆ กัน คือ Didermocerus
ซึ่งเป็นชื่อสกุลที่ตั้งขึ้นก่อนนั้นเป็นชื่อที่ใช้ในทางการค้า
ไม่ได้ตั้งขึ้นตามอนุกรมวิธาน
จึงไม่ได้รับการยอมรับ
ดังนั้นชื่อทางวิทยาศาสตร์ของกระซู่ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติสงวนคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. 2535 ที่ใช้เป็น Didermocerus Sumatrensis
จึงไม่ถูกต้องตามหลักการใช้ชื่อทางวิทยาศาสตร์
กระซู่เป็นภาษากะเหรี่ยงที่เรียกแรดที่มี2นอกระซู่เป็นสัตว์จำพวก
แรดที่มีขนาดเล็กที่สุดลักษณะ
ทั่วไปคล้ายแรด คือมีลำตัวล่ำใหญ่ ขาทั้ง 4 ข้างสั้นใหญ่ เท้ามีกีบนิ้วแข็งข้างละ 3 นิ้ว ตาเล็ก ใบหูใหญ่ตั้งตรง
แตกต่างกันที่ขนาดของตัวกระซู่จะเล็กกว่าหนังตามตัวบางกว่าไม่มีลายเป็นตุ่มหรือเม็ดมีหนังเป็นพับ
ข้ามหลังบริเวณด้านหลังของหัวไหล่พับเดี่ยว
ส่วนของแรดมี 3 พับชัดเจน
มีขนตามตัวและขอบใบหูดกกว่า
โดยเฉพาะช่วงอายุน้อย ๆ
ครั้นเมื่ออายุมากขึ้นขนตามตัวอาจหลุดร่วงไปบ้าง
เหนือโคนหางขึ้นไปถึงบริเวณสะโพกจะปรากฏรอย
สันนูนของกระดูกหางชัดเจน
และที่สำคัญคือ กระซู่มีนอ
2 นอ
เรียงเป็นแถวบนสันดั้งจมูกนออันหน้ายาวกว่านออันหลัง
ขนาดของนออันหน้ายาวประมาณ
25 เซนติเมตร
ส่วนนออันหลังยาวเพียงประมาณ
10 เซนติเมตร
นอหน้าของกระซู่เมียมักเล็กกว่า
แต่ยาวกวานอตัวผู้
นอตัวผู้มักใหญ่กว่า
แต่สั้นกว่านอตัวเมีย
นอกจากนี้
กระซู่เมื่อโตเต็มวัย
จะมีฟันหน้ากรามล่าง 2 ซี่
ส่วนแรดจะมีฟันหน้ากรามล่าง
4 ซี่
ขนาดของกระซู่
ส่วนสูงที่ไหล่ 1.0 1.4 เมตร
ขนาดตัว 2.4 2.6 เมตร หางยาว 0.65
เมตร น้ำหนักตัว 900 1,000
กิโลกรัม
เขตการกระจายพันธุ์ของกระซู่
แต่เดิมค่อนข้างกว้างกว่าแรดชนิดอื่น
ๆ
มักพบตั้งแต่แถบรัฐอัสสัมของอินเดีย
บังคลาเทศ
ประเทศในแถบเอเวียตะวันออกเฉียงใต้
สุมาตรา และบอร์เนียว
แต่ไม่มีพบในชวาปัจจุบันประชากรของกระซู่ในป่าธรรมชาติมีเหลืออยู่น้อยมาก
และกระจัดกระจายเป็นกลุ่มเล็ก
ๆ อยู่หางไกลกันมาก
แห่งสำคัญที่ยังมีกระซู่อยู่ได้แก่
ประเทศมาเลเซีย
สุมาตราและบอร์เนียว
คาดว่ามีกระซู่อยู่รวมกันไม่ถึง
200 ตัว
นอกจากนี้คาดว่ายังมีกระซู่อยู่ในประเทศเมียนม่าร์
และลาวบ้าง
ประเทศไทยคาดว่าจะยังมีกระซู่หลงเหลืออยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวและอุธยาน
แห่งชาตื
น้ำหนาว
จังหวัดชัยภูมและเพชรบูรณ์
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว
จังหวัดจันทบุรี
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
จังหวัดอุทัยธานี
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา
และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง
จังหวัดระนองและสุราษฎร์ธานี
และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา
บาลา จังหวัดยะลา
ซึ่งเป็นตามแนวพรมแดนไทย
มาเลเซีย
และเชื่อว่าจะเป็นหลักฐานที่ยังมีกระซู่เหลืออยู่ได้มากที่สุด
ส่วนแหล่งอื่น ๆ
ที่กล่าวมาไม่มีหลักฐานยืนยันเป็นทางการว่ายังคงมีกระซู่เหลืออยู่แน่นอนหรือไม่
ปกติแล้วกระซู่ชอบที่จะอาศัยอยู่ตามป่าลุ่มและรกทึบ
ไม่ชอบอยู่ที่โล่งหรือป่าโปร่งโดยไม่จำเป็นแต่ภาวะการณี่ถูกรบกวนจากการพัฒนาด้านต่าง
ๆ
บีบให้กระซู่ต้องหลีกหนีขึ้นไปอยู่ตามป่าเขาสูงถึงระดับประมาณ
2,000 เมตรได้
แต่ครั้นถึงฤดูฝนมักจะกลับลงมาหากินตามป่าล่าง
นิสัยของกระซู่ชอบอาศัยอยู่ตามลำพังคล้ายแรด
ตัวเมียมักจะมีถิ่นที่อาศัยและอาณาเขตถือครองที่มีขนาดใหญ่
มีขอบเขตแน่นอน
ส่วนตัวผู้ชอบย้ายที่อยู่เที่ยวหากินไปตามลำน้ำ
โป่ง หรือตามด่านเก่า ๆ
ไปเรื่อย ๆ นาน ๆ
จึงย้อยกลับทางเดิม ชอบนอน
แช่ปลักโคลนและชอบใช้
นอหน้าขวิดแทงตามขอบปลัก
จึงสังเกตุได้ง่ายว่าเป็นปลักของกระซู่หรือสัตว์ชนิดอื่น
เช่นหมูป่า
สายตาของกระซู่นั้นไม่ดีจะมองเห็นภาพได้ชัดเจนในระยะใกล้
ๆ
แต่จมูกและหูไวต่อประสาทสัมผัสดีมาก
เมื่อถูกรบกวนมักจะวิ่งหนีและอาจขู่เสียงสั้น
ๆ ไปด้วย
แต่หากจวนตัวหนีไม่ทัน
กระซู่จะวิ่งไล่ขวิดด้วยนอหน้าอย่างดุร้ายทันที
ชอบออกหากินในตอนกลางคืน
อาหารได้แก่ ใบไม้ ยอดไม้
เถาเครือต่าง ๆ
รวมทั้งลูกไม้ที่ร่วงหล่นตามพื้นป่าแต่ไม่ชอบกินหญ้าเช่นเดียวกับแรด
เคยมีผู้พบว่า
กระซู่ใช้นอหน้าขวิดฉีกเปลือกไม้เพื่อกินไส้ในได้ด้วย
ฤดูผสมพันธุ์ของกระซู่พบอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม
ตุลาคม
ระยะตั้งท้องประมาณ 7 8
เดือน
ซึ่งสั้นกว่าระยะตั้งท้องของแรดชนิดอื่น
ๆ ซึ่งนานประมาณ 16 เดือน
ทั้งนี้สันนิษฐานว่า
ระยะตั้งท้องของสัตว์จะแปรตามขนาดของสัตว์
โดยเฉลี่ยแล้วน้ำหนักตัวของกระซู่นั้นจะน้อยกว่าแรดชนิดอื่นอยู่ประมาณครึ่งหนึ่ง
ระยะตั้งท้องจึงสั้นกว่าแรดชนิดอื่นอยู่ครึ่งหนึ่งอีกด้วย
ออกลูกท้องละ 1 ตัว
ลูกแรกเกิดจะมีขนยาวทั้งตัว
น้ำหนักประมาณ 25 กิโลกรัม
กระซู่จะมีอายุยืนยาวประมาณ
33 ปี

จากความเชื่อที่ว่า
นอและส่วนต่าง ๆ
ของกระซู่เช่น
เลือดหนังของกระซู่มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงชั้นเลิศ
และรักษาโรคต่าง ๆ
ได้ครอบจักรวาล
อีกทั้งยังมีราคาสูงมาก
ราคานอแรดไทยต่อกิโลกรัมประมาณ
120,000 บาท
ทำให้กระซู่กลายถูกล่าอยู่เนือง
ๆ
ประกอบกับนิสัยและจำนวนของกระซู่
ซึ่งมีน้อยมาก
และกระจัดกระจายกันมาก
จนไม่มีโอกาสจับคู่ผสมพันธุ์
หรือแลกเปลี่ยนพันธุกรรม
เพื่อรักษาเผ่าพันธุ์กระซู่ตามธรรมชาติได้
|