
กวางผาถูกค้นพบครั้งแรก
ปี พ.ศ.2368
ในแถบเทือกเขาหิมาลัย
ประเทศเนปาลแต่เดิมมีการจำแนกสัตว์จำพวกกวางผาออกเป็น
2 ชนิด คือกวางผาโกราล
ซึ่งเป็นกวางผาชนิดที่รู้จักกันครั้งแรก
ขนตามตัวสีเทาแกมเหลือง
และมีการกระจายพันธุ์ในแถบไซบีเรีย
ใต้ลงมาถึงภาคเหนือของประเทศไทย
อีกชนิดหนึ่งคือ กวางผาแดง
เป็นกวางผาชนิดที่มีขนตามตัวสีแดงสด
และมีถิ่นกำเนิดแถบธิเบตลงมาถึงประเทศเมียนมาร์
ปัจจุบันได้มีการตรวจสอบ
พิจารณารูปร่างลักษณะและเขตการกระจายพันธุ์
พบว่ากวางผาในบางแหล่งมีความแตกต่างกันเด่นชัด
จำแนกได้เป็น 5 ชนิด
ไม่รวมเลียงผา คือ
กวางผาโกราล
หรือกวางผาต้นแบบ
เป็นกวางผาในแถบเทือกเขาหิมาลัย
บริเวณประเทศเนปาล ภูฐาน
สิกขิม อินเดีย และปากีสถาน
กวางผาญี่ปุ่นเป็นกวางผาที่พบบนเกาะออนซู
ชิโกกุ และกิวซิว
ของญี่ปุ่น กวางผาแดง
กวางผาไต้หวัน
เป็นกวางผาที่จำแนกออกจากกวางผาญี่ปุ่น
มีพบบนเกาะไต้หวัน
และชนิดที่ 5 คือ กวางผาจีน
เป็นกวางผาที่มีเขตการกระจายพันธุ์ในแถบตอนเหนือของทวีป
เอเชียลงมาถึงภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไทย

กวางผาเป็นสัตว์จำพวกเดียวกับแพะในวงศ์ย่อย
Caprinae เช่นเดียวกับเลียงผา
คือ
ไม่มีหนวดเครายาวที่คางอย่างแพะ
ลำเขาสั้น
ปลายเขาโค้งไปข้างหลัง
และมีต่อมเปิดที่กีบนิ้วเท้า
รูปร่างคล้ายเลียงผาแต่ขนาดเล็กกว่ามาก
ลำคอเรียวเล็ก
หางยาวและเขาสั้นกว่า
ใบหน้าเว้าเป็นแอ่งไม่แบนราบอย่างเลียงผา
ต่อมเปิดระหว่างตากับจมูกเป็นรูเล็กมาก
กระดูกดั้งจมูกยื่นออกแยกจากส่วนกระโหลกศีรษะชิ้นหน้าติดอยู่แต่
เฉพาะส่วนฐานกระดูกจมูก
ส่วนกระดูกดั้งจมูกของเลียงผาจะยื่นออกเฉพาะส่วนปลาย
ท่อนโคนจมูกเชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกับกระดูกกระโหลกศีรษะ
ลักษณะรูปร่างของกวางผาดูคล้ายคลึงกับเลียง
ผาย่อขนาดเล็กลงเกือบเท่าตัว
สีขนตามตัวเป็นสีน้ำตาลแกมเทาไม่ดำอย่างเลียงผา
ขนตามตัวชั้นนอกเป็นเส้นยาวหยาบ
มีขนชั้นในเป็นเส้นละเอียดนุ่ม
ซึ่งจะไม่มีพบในเลียงผา
ระหว่างโคนเขาทั้ง 2
ข้างไปถึงหลังใบหูมีกระจุกขนเป็นยอดแหลมสีน้ำตาลเข้มชัดเจนถัดต่อมา
บริเวณหลังและสะโพกมีแผงขนยาวคล้ายอานม้าบางๆสีเทา
กลางหลังมีแถบขนสีดำพาดยาวตามแนวสันหลังไปจดโคนหาง
หางสั้นเป็นพวงสีเข้มดำ
ขนใต้คางและอกแผ่นสีน้ำตาลอ่อน
เห็นเป็นแถบลาย จางๆ
บริเวณแผ่นอก
สีขนช่วงโคนขาเข้มกว่าช่วงปลายขาลงไปถึงกีบเท้า
เขาสั้นสีดำเป็นรูปกรวยแหลมปลายเขาเรียวแหลมโค้งไปด้านหลังเล็กน้อย
โคนเขาใหญ่มีรอยหยักเป็นวงๆ
รอบเขาชัดเจน
โดยทั่วไปแล้วสีขนของกวางผาตัวเมียจะอ่อนกว่าตัวผู้
เขาสั้นเล็กและมีรอยหยักรอบโคนเขาไม่ลึกชัดเจนอย่างอย่างเขาของตัวผู้
ขนาดของกวางผาไทย
ขนาดตัวประมาณ 80-120 เซนติเมตร
หางยาว 7-20 เซนติเมตร ใบหูยาว
10-14 เซนติเมตร
ความสูงที่ไหล่ 50-70
เซนติเมตร
น้ำหนักตัวประมาณ 22-35
กิโลกรัม
ขนาดของเขาแต่ละข้างมักยาวไม่เท่ากัน
แต่โดยเฉลี่ยความยาวของเขาแต่ละข้างประมาณ
13 เซนติเมตร
ขนาดวัดรอบโคนเขาประมาณ 7
เซนติเมตร

กวางผาพันธุ์
ไทยเป็นชนิดเดียวกับกวางผาจีน
มีศูนย์กลางการกระจายพันธุ์อยู่ในแถบประเทศจีนแพร่กระจายออกไปในเกาหลี
แมนจูเรีย และแถบอัสซูริ
(Ussuri) ของประเทศรัสเซีย
ใต้ลงมาในแถบภาคตะวันออกของประเทศเมียนมาร์
และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
ปัจจุบันมีรายงานแหล่งที่พบกวางผาในประเทศไทยอยู่ใน
บริเวณเทือกเขาต้นน้ำปิง
ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อยและแม่ตื่น
จังหวัดเชียงใหม่และตาก
และเทือกเขาบริเวณเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแม่เลา
แม่แสะ
และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว

กวางผามีสายตาดีมาก
การใช้ชีวิตส่วนใหญ่อาศัยการมองดูมากกว่าใช้การดมกลิ่นหรือการฟังเสียงอย่างสัตว์กินพืชทั่วๆไป
เวลา
พบเห็นสิ่งแปลกปลอมหรือสงสัยมักจะแสดงท่าขยับใบหูไปมา
ยกขาหน้าโขกกับพื้นและส่งเสียงพ่นออกมาทางจมูก
แต่ถ้าตกใจจะกระโดดตัวลอยวิ่งหนีและส่งเสียงร้องแหลมสั้นๆเป็นระยะๆถึงแม้กวางผาจะ
ชอบอาศัยอยู่ตามหน้าผาสูงชัน
แต่พบว่ากวางผาสามารถว่ายน้ำได้ดีด้วย
ฤดูผสมพันธุ์ของกวางผาอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม
ระยะตั้งท้องประมาณ 6 เดือน
ออกลูกท้องละ 1 ตัว
อายุวัยเจริญพันธุ์ประมาณ
2-3 ปี อายุยืนประมาณ 8-10 ปี
เนื่องจากสภาพถิ่นที่อยู่
อาศัยของกวางผาเป็นหน้าผาสูงชันที่สัตว์ทั่วๆไปไม่สามารถอาศัยอยู่ได้แต่แหล่งที่อยู่มีอยู่จำกัดอยู่ตาม
เขาสูงเป็นบางแห่งของจังหวัดเชียงใหม่
แม่ฮ่องสอน และตาก
ประกอบกับมีนิสัยอยู่รวมกันเป็นฝูงและมีอาณาเขตครอบครองที่แน่นอน
ทำให้ถูกพรานชาวเขา
ตามล่าได้ง่าย
โดยดูจากร่องรอยการกินอาหารและกองมูลที่ถ่ายทิ้งไว้
อีกทั้งบริเวณที่เป็นแหล่งที่อยุ่ของกวางผาเป็นถิ่นที่อยู่ของพวกชาวเขาเผ่าต่างๆ
ซึ่งมีการบุกรุกทำไร่เลื่อนลอยมาโดยตลอด
ทำให้กวางผาไม่มีที่อยู่อาศัยต้องหลบหนีไปอยู่แหล่งอื่นและถูกฆ่าตายไปในที่สุด
นอกจากนี้ความเชื่อที่ว่าน้ำมันกวางผามีสรรพคุณใช้เป็นยาสมานกระดูกที่หักได้เช่นเดียวกับน้ำมัน
เลียงผา
ทำให้กวางผาถูกฆ่าตายเพื่อเอาน้ำมันอีกสาเหตุหนึ่งด้วย
ปัจจุบันกรมป่าไม้สามารถเพาะขยายพันธุ์กวางผาไทยได้สำเร็จ
แต่เนื่องจากมีพ่อ-แม่พันธุ์เพียงคู่เดียว
สถานการณ์ความอยู่รอดของกวางผาไทย
จึงยังอยู่ในขั้นน่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง
|