พระราชวังดุสิต, กรุงเทพมหานคร

พระตำหนักสวนสี่ฤดู ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้
- การก่อกำเนิดของพระราชวังดุสิตนั้น
สืบเนื่องมาจากภายหลังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลย์สิริราชสมบัติในปีพุทธศักราช 2443
ทรงมีพระราชดำริว่า พระบรมมหาราชวังในช่วงฤดูร้อนมีอากาศร้อนจัดเพราะมีตึกบังอยู่โดยรอบทางลมเดินไม่สะดวก
อนึ่งพระราชอัธยาศัยโปรดพระราชดำเนินด้วยพระบาทในระยะทางอันพอสมควรแก่พระกำลังเป็นที่ทรงสบาย
ถ้าประทับอยู่บนพระที่นั่งโดยไม่ได้เสด็จพระราชดำเนินแห่งใดหลายเดือนก็ไม่ใคร่ทรงสบาย
จึงต้องทรงเสด็จประพาสหัวเมืองเพื่อให้ทรงสำราญพระราชอิริยาบถ
ทรงพระราชดำริจะให้มีที่ประทับแรมและมีที่รงพระราชดำเนินด้วยพระบาทในกรุงเทพฯ
ให้เป็นการสะดวกดีได้ตามพระราชประสงค์ทุกเมื่อ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ซื้อที่สวนและนาในระหว่างคลองผดุงกรุงเกษมข้างทิศใต้จนถึงคลองสามเสนข้างทิศเหนือ
ด้านตะวันออกจดทางรภไฟด้วยเงินพระคลังข้างที่ ซึ่งเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพรองค์
เพื่อจะได้ทำเป็นอุทยานสถานที่ประทับและถนนหนทางที่ประพาสต่อไปด้วยเงินพระคลังข้างที่

พระที่นั่ง "พระพุทธรูปเบญจพิทักษ์ไทยเฉลิมพระเกียรติ"
ครั้นในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2441
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ
ให้ลงมือเริ่มตัดไม้เป็นปฐมฤกษ์ แล้วต่อมาจึงมีการตัดถนนขุดคลอง ทำสะพาน
และสร้างพระราชอุทยานปลูกรุกชาติต่าง ๆ รวมถึงพระราชนิเวศน์
มีพลับพลาที่ประทับแรมและอาคารสถานที่ต่าง ๆ ขึ้นในบริเวณแห่งนี้
ทรงพระราชทานชื่อตำบลนี้ว่า "สวนดุสิต" และพระราชทานนามวังว่า
"วังสวนดุสิต" ซึ่งต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้เรียกว่า"พระราชวังดุสิต"

พระที่นั่งอานันตสมาคม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพระราชวังดุสิต
นอกจากนี้ยังโปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างวัตถุสถานและที่เสด็จทรงพระราชสำราญในสวนดุสิตพอแก่การที่จะไปประทับแรมได้
โดยในชั้นแรกได้ปลูกพลับพลาขึ้นเป็นที่ประทับ มีการทำพิธีเถลิงพลับพลา
เมื่อ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2442 ซึ่งพลับพลาหลังใหม่นี้เป็นที่ประทับส่วนพระองค์
มีลักษณะเป็นเรือนหลังใหญ่ชั้นเดียว สามารถเดินถึงกันได้หมด
มีที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีพระวรราชเทวีอยู่ใกล้กัน
นอกจากนั้นยังมีสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระมเหสีเทวี
พระเจ้าลูกเธอ และข้าราชบริพารฝ่ายในประทับและอาศัยพลับพลาเรือนนี้อีกมาก

พระตำหนักที่ประทับ ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้สุด
ในการนี้พระองค์ทรงแบ่งที่ดินพระราชทานแด่พระจอมมารดาและพระเจ้าลูกเธอเป็นส่วน ๆ เรียกว่า
"สวน" มีคลองขุดเพื่อเป็นทางได้น้ำใช้และระบายน้ำและยังมีถนนสายต่าง ๆ
พระราชทานชื่อทั้ง สวน คลอง ประตู และถนนตามชื่อเครื่องกิมตึ๋ง
ซึ่งเป็นเครื่องลายครามที่นิยมเล่นกันในสมัยนั้น อาทิคลองต่าง ๆ ที่มีชื่อดังนี้
คลองเม่งเส็ง คลองรางเงิน คลองร่องไม้หอม และยังมีสระใหญ่กลางบริเวณสวนดุสิต
เรียกว่า "อ่างหยก" ซึ่งน้ำในสระแห่งนี้จะมีสีเขียวสวยงามเหมือนสีของหยก
จึงเป็นที่พิศวงประหลาดใจแก่ผู้ได้พบเห็นยิ่งนัก ทั้งสีหยกนั้นก็มิได้เกิดเนื่องจากความสกปรกหรือการไม่ไหลถ่ายเวียนของน้ำ
หากแต่เกิดจากสภาพธรรมชาติของน้ำในอ่างนั้นเองเป็นเหตุ

พระตำหนักสวนสี่ฤดู
ประตูแลถนนในพระราชวังดุสิตก็มีชื่อเรียกดีงนี้ ประตูเซียน ประตูโลโต
ประตูเล่าหั้น ประตูกิเลน ประตูกวาง ประตูนกกระเรียน และถนนส้มมือ ถนนเบญจมาศ
ถนนป๋วย ถนนซางฮี้ ถนนเต็ก เป็นต้น ในส่วนของสวนที่มีชื่อเรียกตามเครื่องลายครามมีดังนี้
สวนหงห์ สวนป๋วยไผ่ สวนโป๊ยเซียน และสวนบัว นอกจากนี้ยังมีพระตำหนักสมเด็จฯ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ ชื่อ
"โป๊ยเก็งเซียน" และพระตำหนักสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลกและสมเด็จฯ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ ชื่อ
"เล่งหมึง" ด้วย
เมื่อแรกสร้างสวนดุสิตนั้นเป็นสมัยที่กำลังนิยมถีบจักรยาน
ในบางคราวพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงถีบจักรยานพระที่นั่งพร้อมด้วยผู้ตามเสด็จเป็นขบวนรถจักรยาน
จากพระบรมมหาราชวังมายังสวนดุสิตจนถึงเวลาค่ำจึงทรงเสด็จกลับ
หรือบางโอกาสก็เสด็จมาประทับแรมที่สวนดุสิตในพลับพลาที่พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น
กระทั่งปี พุทธศักราช 2444 พระที่นั่งวิมานเมฆซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ
ให้ทำการปลูกสร้างในพระราชวังดุสิตเสร็จสมบูร์ พระองค์จึงแปรพระราชฐานมาประทับ ณ
พระราชวังดุสิตเป็นการถาวรอย่างสำราญพระราชหฤทัย นับจากเวลานั้นเป็นต้นมา