พระที่นั่งวิมานเมฆ, กรุงเทพมหานคร

พระที่นั่งวิมานเมฆ จัดเป็นพระที่นั่งไม้สักทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- ภายหลังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวังสวนดุสิต เพื่อให้เป็นที่สำราญพระราชหฤทัยแล้วนั้น
ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะสร้างอาคารในวังสวนดุสิตพอแก่การที่จะมาประทับแรมได้
โดยในชั้นแรกได้มีการปลูกพลับพลาขึ้นเป็นที่ประทับจนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2443
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จประพาสหัวเมืองชายฝั่งทะเลทางด้านตะวันออก
ทรงทอดพระเนตรพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ที่ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างโดยมีฐานเป็นทรงแปดเหลี่ยม
ก่อสร้างเป็นอาคารยาวเพื่อให้รับลมทะเลได้สะดวก ณ เกาะสีชัง เมื่อ พ.ศ. 2436นั้น
แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เนื่องจากเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองระหว่างไทยและฝรั่งเศสเสียก่อน
ทำให้พระราชฐานบนเกาะสีชังไม่เป็นสถานที่ปลอดภัยอันควรแก่การเสด็จพระราชดำเนิน
จึงถูกทิ้งให้ทรุดโทรมเปล่าประโยชน์ จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้พระราชโยธาเทพ (กอน หงสกุล ภายหลังเป็นพระยาราชสงคราม)
เป็นนายงานในการรื้อพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์จากเกาะสีชังมาปลูกสร้างขึ้นในวังสวนดุสิตเพื่อจะได้เป็นที่ประทับแรมได้สะดวกทุกเมื่อ
โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปทรงอาคารจากทรงยาวตลอดมาเป็นอาคารทอดยาวตั้งมุมหักศอกคล้ายตัวแอลในภาษาอังกฤษและพระราชทานนามเปลี่ยนเป็น พระที่นั่งที่วิมานเมฆ

พระที่นั่งวิมานเมฆทางด้านทิศตะวันตก
การดำเนินงานก่อสร้างพระที่นั่งวิมานเมฆมีการก่อรากมาตามลำดับและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้จัดวางศิลาฤกษ์ขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2443
ซึ่งนายช่างทั้งหลายใช้เวลาทำการก่อสร้างพระที่นั่งประมาณ 19 เดือน
ก็แล้วเสร็จในเดือน มีนาคม พ.ศ. 2444

พระที่นั่งวิมานเมฆทางด้านทิศตะวันตก
มูลเหตุที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดประทับ ณ พระที่นั่งวิมานเมฆ
เพาระบรรยากาศที่ร่มครึ้มไปด้วยหมู่ต้นไม้ใหญ่น้อยที่ทรงปลูกไว้ เช่น
ต้นสายน้ำผึ้ง จันทร์กะพ้อ อโศก มะม่วง ไทร และยาง
นอกจากนี้ยังมีต้นลิ้นจี่ซึ่งนำมาจากเมืองจีนจัดเป็นต้นไม้ที่แปลกในสมัยนั้น
ถึงกับมีการจัดงานฉลองในยามที่ลิ้นจี่ออกผลเลยทีเดียว

มุมศาลาท่าน้ำทางทิศใต้ริมอ่างหยก น้ำโดยรอบเกาะที่ตั้งพระที่นั่งวิมานเมฆนั้น
มีสีเขียวเหมือนหยกทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำในอ่างหยกนั้นมีสีสันสวยงามยิ่งนัก
ทั้งสีหยกนั้นก็มิได้เนื่องมาจากความสกปรกหรือการไม่ไหลถ่ายเทของน้ำ
หากแต่เกิดจากสภาพธรรมชาติของน้ำในอ่างนั้นเองเป็นต้นเหตุ
ดังนั้นนามที่ได้รับพระราชทานว่า "อ่างหยก" จึงสมด้วยเหตุด้วยผลทุกประการ
ทัศนียภาพที่ร่มครึ้มด้วยมวลแมกไม้เช่นนี้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับพระบรมมหาราชวังซึ่งเป็นที่แออัดคับแคบ
ทั้งสิ่งก่อสร้างก็เป็นตึกทำให้ระบายความร้อนและลมได้ไม่สะดวก
ชาววังในสมันนั้นจึงเห็นว่าวังสวนดุสิตเป็นดั่งแดนสวรรค์
เนื่องจากความเคร่งครัดในขนบประเพณีต่าง ๆ ได้คลายลง
รวมถึงความโปร่งขององค์พระที่นั่งวิมานเมฆที่เป็นเรือนไม้
ประดับตกแต่งด้วยเครื่องไม้ฉลุลายตามศิลปะตะวันตกที่เรียกว่า แบบขนมปังขิง
และหน้าต่างนับร้อยบาน ทำให้บาทบริจาริกาและข้าราชบริพารที่ล่องเรือเลาะตามลำคลองและเกาะแก่งในบริเวณวังสวนดุสิต
อาจมองเห็นสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงบ่อยครั้ง ชีวิตความเป็นอยู่ในวังสวนดุสิตในยามนั้นจึงเป็นเวลาแห่งความสุขอย่างแท้จริง

การแสดงนาฏศิลป์ไทย "กฤษดาภินิหาร" ทุกวัน วันละ 2 รอบ ในเวลา 10.30 และ 14.00 น.
พระที่นั่งวิมานเมฆ เป็นพระที่นั่งองค์แรกที่ทรงโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างขึ้นในสวนดุสิต ด้วยไม้สักทองทั้งหลังรูปตัว L
ปัจจุบันสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงขอพระบรมราชานุญาตอนุรักษ์ไว้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
เปิดให้ประชาชนเข้าชมศิลปวัตถุที่จัดแสดงภายใน

พระที่นั่งวิมานเมฆทางด้านทิศใต้
พระที่นั่งวิมานเมฆ ตั้งอยู่ถนนราชวิถีกับถนนราชสีมา
เปิดทุกวัน ในเวลา 09.30-15.30 น. ค่าผ่านประตู ผู้ใหญ่ 50 บาท
นักเรียนนักศึกษา 20 บาท โทร. 282-8683, 281-4715
สถานที่จอดรถอยู่ภายในบริเวณพระที่นั่งวิมานเมฆ