พระที่นั่งบรมพิมาน และ หมู่พระที่นั่งในสวนศิวาลัย, พระบรมมหาราชวัง



มุมหนึ่งของพระที่นั่งบรมพิมาน
พื้นที่ทางตะวันออกของู่พระมหามณเฑียร อันเป็นที่ตั้งพระที่นั่งบรมพิมานและ พระที่นั่งใหญ่น้อยในสวนศิวาลัยนั้น เคยเป็นสวนสำหรับประพาสสำราญพระอิริยาบถมาแต่ ครั้งรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 2 เมื่อขยายเขตพระราชวังทางด้านทิศใต้แล้วมีที่ว่าง จึงโปรด เกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งทอง 3 หลัง สร้างตึกแบบยุโรปและเก๋งจีนอีกเป็นจำนวนมาก สวนดังกล่าวเรียกว่า "สวนขวา" เพราะอยู่ทางขวาของพระมหามณเฑียร ต่อมาในรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้รื้อสิ่งก่อสร้างในสวนไปปลูกสร้างและประดับประดาในพระอารามต่าง ๆ เพื่อ อุทิศพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระบรมชนกนาถ รวมทั้งพระที่นั่งใหญ่ 3 องค์ ก็ทรงมี พระราชดำริจะรื้อไปสร้างเป็นพระอาราม แต่ไม่ดำเนินการ ครั้นถึงรัชกาลที่ 4 ทรงพระราช ดำริว่าถ้ารื้อพระที่นั่งดังกล่าวไปสร้างวัด พระราชมณเฑียรสถานที่สร้างในรัชสมัยพระบาท สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จะไม่เหลือปรากฏในพระบรมมหาราชวัง จึงโปรดเกล้าฯ ให้ ทำการบูรณะแล้วสถาปนาเป็น "พระพุทธมหามณเฑียร" พร้อมทั้งโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง พระพุทธรัตนสถานขึ้นทางเบื้องหน้าพระพุทธมหามณเฑียรนั้น แล้วก่อกำแพงแก้วกั้นยก เป็นพุทธเจดีย์สถานอารามภายในพระบรมมหาราชวัง ขนานนามว่า "พระพุทธนิเสศน์" และ สถาปนาเก๋งโรงละครทางด้านทิศใต้ของพระพุทธมหามณเฑียร เป็นพระที่นั่งทรงธรรม สำหรับมีเทศน์ในวัง ส่วนเนื้อที่ในสวนขวาที่เหลืออยู่นั้น โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราช มณเฑียรขึ้นหมู่หนึ่ง พระรชทานนามว่า "พระอภิเนาวนิเวศน์" ประกอบด้วยพระที่นั่งและ หอต่าง ๆ รวม 10 องค์ด้วยกัน แล้วเสด็จมาประทับ ณ พระอภิเนาวนิเวศน์นี้จนตลอดรัชกาล ครั้นสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งทรงผนวช สำหรับเสด็จประทับในคราว เสด็จออกผนวชทางด้านทิศเหนือของพระพุทธมณเฑียร ต่อมาพระพุทธมณเฑียรและพระ อภิเนาวนิเวศน์ทรุดโทรมมากจนเหลือที่จะรักษาไว้ได้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อลงแล้วปรับที่บริเวณนั้ทำเป็นสวน ส่วนพระที่นั่งทรงธรรม ก็โปรดเกล้าฯ ให้รื้อไปปลูกไว้ ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
ภายในสวนศิวาลัยปัจจุบันนี้ มีพระพุทธรัตนสถานอยู่ตอนกลาง และยังมีพระที่นั่ง น้อยใหญ่อยู่ในบริเวณสวนอีก 3 องค์


  • พระที่นั่งบรมพิมาน
  • พระที่นั่งมหิศรปราสาท
  • พระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาท
  • พระที่นั่งสีตลาภิรมย์
  • พระพุทธรัตนสถาน


  • พระที่นั่งบรมพิมาน

    บันไดมุขชั้นลดหน้าพระที่นั่งบรมพิมาน

    พระที่นั่งบรมพิมาน อยู่ทางด้านเหนือของสวนศิวาลัย เดิมเป็นที่ตั้งคลังสรรพาวุธ เรียกว่าโรงแสง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้รื้อสร้างเป็น พระที่นั่ง 2 ชั้น หลังคารูปโค้งมุงกระเบื้องหินชนวนแบบยุโรป พระราชทานนามว่าพระที่นั่ง ภานุมาศจำรูญ เพื่อให้เป็นที่ประทับของพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เจ้าฟ้ามหา วชิรุณหิศ ซึ่งสวรรคตเสียก่อน แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงดำรง พระยศเป็นสยามมกุฎราชกุมารต่อจากเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ก็ไม่ได้เสด็จประทับ ณ พระที่นั่ง องค์นี้ แต่เมื่อเสด็จขึ้นทรงราชย์แล้ว จึงได้เสด็จมาประทับเป็นครั้งคราว แล้วโปรดเกล้าฯ ให้ เปลี่ยนชื่อเป็นพระที่นั่งบรมพิมานตามชื่อพระวิมานที่ประทับในพระอภิเนาวนิเวศน์ของสมเด็จ พระบรมอัยกาธิราชที่รื้อไปแล้ว
    เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ได้เสด็จมาประทับ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ก่อนการพระราชพิธีบรมราชภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันท มหิดล เมื่อคราวเสด็จนิวัติพระนครใน พ.ศ. 2489 ก็เสด็จประทับ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน พร้อมด้วยสมเด็จพระอนุชาธิราชและสมเด็จพระราชชนนีและเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่ง องค์นี้
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะ และต่อมามุขทาง ด้านใต้เพื่อจัดเป็นที่พักรับรองพระราชอาคันตุกะชั้นประมุขและพระราชวงศ์ชั้นสูงของ นานาประเทศ และให้สร้างเรือนรับรองทรงไทยขึ้นทางด้านหลังพระที่นั่งอีก 2 หลัง สำหรับ คณะผู้ติดตาม

    พระที่นั่งมหิศรปราสาท

    พระที่นั่งมหิศรปราสาท (ด้านขวา)

    พระที่นั่งมหิศรปราสาท ตั้งอยู่บนกำแพงแก้วกั้นเขตระหว่างพระราชฐานชั้นในและ สวนศิวาลัย เป็นพระที่นั่งขนาดเล็กชั้นเดียวยกพื้นสูง มีมุข 4 ด้าน มุขด้านเหนือด้านใต้เป็น มุขยาว ส่วนด้านตะวันออกและตะวันตกเป็นมุขสั้น ยอดปราสาทเป็นทรงมณฑปซ้อน 7 ชั้น ที่มุมยอดปราสาทมีรูปจำหลักครุฑยุดนาครองรับ หลังคาเป็นชั้นลดสองชั้นมุงกระเบื้อง เคลือบสี มีช่อฟ้า ใบระกาและหางหงส์ซึ่งเป็นแบบนาคเบือน หน้าบันตอนบนจำหลักเป็นรูป ครุฑยุคนาค ตอนล่างเป็นรูปคชสารยืนแท่นอยู่ในพลับพลาตรีมุข มีลายกนกก้านขดล้อมซุ่ม พระทวารและพระบัญชรเป็นซุ้มยอด มีอัฒจันทร์ทางด้านตะวันตกเพียงด้านเดียว
    พระที่นั่งมหิศรปราสาทนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบรมชนกนาถ และ อัญเชิญพระบรมอัฐิพระบรมชนกนาถมาประดิษฐานไว้ด้วย แต่ปัจจุบันพระบรมอัฐินั้น ประดิษฐานอยู่ ณ หอพระธาตุมณเฑียรตามเดิม ส่วนพระที่นั่งมหิศรปราสาท เป็นที่ ประดิษฐานพระพุทธรูปต่าง ๆ

    พระที่นั่งศิลาลัยมหาปราสาท

    ประตู "กมลเกลาตรู" ระหว่างบริเวณพระราชฐานชั้นใน และสวนศิลาลัย มีลักษณะเหมือนอย่างเก๋งจีน

    พระที่นั่งศิลาลัยมหาปราสาท ตั้งอยู่ตรงมุมสวนศิวาลัยด้านตะวันออกเฉียงใต้ในเขต พระราชฐานชั้นใน เป็นปราสาท 5 ยอด ยอดตรงกลางเป็นองค์ประธานสร้างอย่างยอดปราสาท ทั่วไป มียอดเล็กตั้งอยู่บนสันหลังคารายล้อมทั้ง 4 ด้าน ยอดปราสาทเหล่านี้เป็นยอดทรง มณฑปซ้อน 7 ชั้น ตรงมุมยอดทั้งสี่มีรูปครุฑจำหลักรองรับ หลังคามุงกระเบื้องเคลือบสี หลังคามุขหน้าและมุขหลังซึ่งเป็นมุขยาวและมีชานโดยรอบนั้น เป็นหลังคาชั้นลด 4 ชั้น ส่วน หลังคามุขข้างซึ่งเป็นมุขสั้นและมีชานด้านเดียวทางทิศเหนือนั้นเป็นหลังคาลด 2 ชั้น หน้าบัน จำหลักรูปนารายณ์ทรงครุฑ มีลายกนกเทพพนมล้อมปิดทองประดับกระจก องค์พระที่นั่งเป็น อาคารสองชั้น มีอัฒจันทร์ขึ้นลงทางด้านหน้าและด้านหลัง ซุ้มพระทวารและพระบัญชรเป็น ซุ้มบันแถลง

    ภาพเขียนเทพธิดาจีนบนบานประตู "มังกรเล่นลม" ในสวนศิลาลัย ซึ่งเป็นประตูแบบเก๋งจีน

    พระที่นั่งศิลาลัยมหาปราสาทนี้สร้างขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว โดยโปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระที่นั่งประพาสพิพิธภัณฑ์ ในหมู่พระอภิเนาวนิเวศน์ ซึ่งใน สมัยรัชกาลที่ 4 ใช้เป็นที่จัดแสดงศิลปโบราณวัตถุ และสรรพสิ่งที่นานาประเทศทูลเกล้าฯ ถวายเป็นทางพระราชไมตรี แล้วสร้างพระที่นั่งศิลาลัยมหาปราสาทขึ้นแทนที่เพื่อประดิษฐาน พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 4 รัชกาล ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2414 แต่ยังไม่มีสถานที่ประดิษฐานให้สมพระเกียรติยศ ส่วนวัตถุที่จัดแสดงอยู่ในพระที่นั่ง องค์เดิม โปรดเกล้าฯ ให้จัดไว้ ณ ศาลาสหทัยสมาคม
    ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญ พระบรมรูปดังกล่าวไปประดิษฐาน ณ ปราสาทพระเทพบิดร ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พร้อมทั้งโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีถวายบังคมพระบรมรูปในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2461 ซึ่งได้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อมา พระที่นั่งศิลาลัยมหาปราสาทจึงว่างลงจนถึง ปัจจุบัน

    พระที่นั่งสีตลาภิรมย์
    ตั้งอยู่ริมสนามด้านเหนือพระพุทธรัตนสถาน เบื้องหลังพระที่นั่งบรมพิมาน เป็น พระที่นั่งโถงขนาดเล็ก สร้างด้วยไม้ หลังคามุงกระเบื้องเคลือบสี มีช่อฟ้าใบระกา หางหงส์ ลงรักปิดทอง หน้าบันจำหลักลายเป็นพระบรมราชสัญญลักษณ์รัชกาลที่ 6 ล้อมด้วยกนกเปลว เสาที่มุมทั้งสี่เป็นเสากลมมุมละ 3 เสา ตั้งเอียงสอบเข้าข้างใน ระหว่างเสาทั้งสามในแต่ละมุม มีลูกกรงเตี้ย ๆ พื้นพระที่นั่งเป็นไม้ยกสูงจากพื้นดินเล็กน้อย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นที่ประทับพักผ่อนพระอิริยบถ และเป็นที่ประทับในโอกาส ต่าง ๆ เช่น ประทับเสวยในโอกาสที่พระราชทานเลี้ยงกลางแจ้ง ปัจจุบันจัดเป็นที่ประทับใน งานพระราชอุทยานสโมสรเนื่องในการเฉลิมพระชนมพรรษา

    พระพุทธรัตนสถาน
    ตั้งอยู่ในสวนศิวาลัยตอนกลาง เป็นพระอุโบสถสร้างด้วยศิลาสีเทา หลังคาลด 2 ชั้น มุงกระเบื้องสีเขียว มีช่อฟ้าใบระกา หางหงส์ ด้านหน้ามีมุขกระสันชั้นลด รอบอาคารเป็น ระเบียงรายล้อมด้วยเสารายซุ้มพระทวารและพระบัญชร เป็นซุ้มยอดทรงมงกุฏ
    พระพุทธรัตนสถาน สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 4 เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบุษยรัตน์ ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาจากนครจำปาศักดิ์ และ ใช้เป็นที่ประกอบพระราชกิจในพระศาสนาในบางโอกาส รวมทั้งพระราชพิธีทรงผนวช



    ท่องเที่ยวทั่วไทย เงินตราไม่รั่วไหล ช่วยเศรษฐกิจไทยเจริญ
    Information
    : Hotel & Resorts in Bangkok
    : Hotel & Resorts in Thailand
    : พระอารามหลวงและวัดในประเทศไทย
    : กรุงเทพมหานคร
    : The Chao Phraya River
    : Major tourist of RATTANAKOSIN