
หน้าประตูทางเข้าวิหาร มีบันไดนาคเลื้อยลงมางดงามยิ่ง
ใช้หางเกี่ยวกระหวัดขึ้นไปเป็นซุ้มประตูวิหารมหาเจดีย์หลวง
มหาเจดีย์หลวง เป็นมหาเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่ของ
เมืองเชียงใหม่ เป็นเจดีย์รูปทรงปราสาท โดยอาศัย
องค์ประกอบของเจดีย์ทรงระฆังมาผสม แสดงให้เห็น
ถึงช่วงปรับเปลี่ยนของรูปแบบเจดีย์รูปทรงปราสาท
ในพุทธศตวรรษที่ 21 เป็นวิวัฒนาการของศิลปะล้านนา
สะท้อนทัศนคติที่ยึดมั่นตามประเพณีชาวล้านนาอย่าง
ชัดเจน เช่น การนำองค์ประกอบของเจดีย์ทรงระฆัง
ที่นิยมในยุคเดียวกัน มาไว้เหนือเรือนธาตุสี่เหลี่ยมของ
เจดีย์รูปทรงปราสาท

มหาเจดีย์หลวงในมุมด้านทิศเหนือ
มหาเจดีย์หลวง สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้า
แสนเมือง (พ.ศ. 1928-1944) กษัตริย์แห่งนพบุรี
ศรีนครพิงค์เชียงใหม่เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้พระเจ้ากือนา
พระราชบิดา ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 21 ต่อมาได้
สร้างเพิ่มเติมให้เป็นมหาเจดีย์สูงใหญ่เสียดฟ้า สูงใหญ่
พอที่จะให้คนที่อยู่ไกลสองพันวาสามารถมองเห็นได้
แต่พระเจ้าแสนเมืองมาเสด็จสวรรคตเสียก่อน
พระนางเจ้าติโลกจุฑาราชเทวีผู้เป็นมเหสีได้สืบทอด
เจตนารมย์สร้างต่อ จนเสร็จในรัชสมัยพระเจ้าสาม
ฝั่งแกน ใช้เวลาสร้าง 5 ปี

เสาอินทขีล หรือเสาหลักเมืองที่อยู่ในมณฑปเยื้องหน้าพระวิหาร
มีพญากุมภัณฑ์ 2 ตน ผู้คอยรักษาเสาอินทขีล อยู่ข้างหน้าด้านเหนือและใต้ของพระวิหาร ด้านทิศใต้มณฑปมีต้นยางใหญ่
สูงไม่ต่ำกว่า 40 เมตร ความยาวรอบ ๆ ต้น ประมาณ 10 เมตร กล่าวกันว่าปลูกในสมัยพระเจ้ากาวิละ (พ.ศ. 2324-2358)
มหาเจดีย์หลวงที่พระนางเจ้าติโลกจุฑาราชเทวี
ทรงก่อสร้างนั้น ประดับด้วยโขงประตูทั้งสี่ด้าน มี
พระพุทธรูปปูนปั้นประทับนั่งในโขงทั้งสี่ด้าน มีรูป
พญานาคปั้นเต็มตัวและหัวห้าหัว รูปปั้นราชสีห์สี่ตัว
ตั้งอยู่ตรงสี่มุมของมหาเจดีย์ กล่าวกันว่า รอบ ๆ
ฐานพระมหาเจดีย์หลวงนี้ แต่เดิมมีรูปปั้นพญาช้าง
8 เชือก มีชื่อต่าง ๆ กัน คือ เมฆบังวัน ข่มพลเสน
ดาบแสนค้ำ หอกแสนคัน กลอนแสนแหล้ง หน้าไม้
แสนเกียง แสนเขื่อนค้าน และไฟแสนเตา ยามใดมี
ข้าศึกมาถึงเมือง เจ้าเมืองและเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย
ก็จะเขียนชื่อพญาช้างทั้ง 8 เชือกนี้ และพญาช้างเผือกอีก
2 เชือก ที่ประตูหัวเวียง คือ พญาช้างปราบจักรวาล
และพญาช้างปราบเมืองมารเมืองยักษ์ พร้อมกับพญา
ราชสีห์สองตัวที่อยู่หัวเวียงใส่วอไปบูชาที่ประตูเมือง
แจ่งเมือง และที่กลางเมืองทุกแห่ง เชื่อว่าจะสามารถ
ป้องกันข้าศึกได้

พระพุทธรูปปูนปั้นประทับนั่งในโขงทั้งสี่ด้านของมหาเจดีย์หลวง
มีการปฏิสังขรณ์ ในสมัยพระเจ้าติโลกราช (พ.ศ.
1985-2030) ในสมัยพระเจ้ายอดเชียงรายได้ปิดทอง
ภายในซุ้มจรนัมของเจดีย์หลวงทั้งสี่ด้าน ในสมัย
พระเจ้าเมืองแก้ว ได้สร้างหอพระแก้วและอัญเชิญ
พระแก้วมรกตมาประดิษฐานอยู่ที่ซุ้มจระนำ ด้านทิศ
ตะวันออกของเจดีย์หลวงนี้ถึง 79 ปี อีก 1 ปี
ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวง สร้างมหาวิหารหลวง
แล้วอัญเชิญพระอัฏฐารสมาเป็นพระพุทธปฏิมาประธาน
เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมริดปางห้ามญาติสูง
18 ศอก พร้อมทั้งพระอัครสาวกโมคคัลลาน์ สารีบุตร
ซึ่งหล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1954 โดยพระนางติโลกจุฑาฯ
ทรงซ่อมแซมทองจังโกและปิดทององค์มหาเจดีย์

มหาเจดีย์หลวงในมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ในสมัยพระนางจิรประภา รัชกาลที่ 15 แห่ง
ราชวงศ์เม็งราย เกิดพายุฝนตกหนัก แผ่นดินไหว
พระมหาเจดีย์หลวงได้พังทลายลงมาเหลือเพียงครึ่งองค์
จากนั้นก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไปนานกว่า 4 ศตวรรษ
พระมหาเจดีย์หลวงที่เห็นปัจจุบันกรมศิลปกรเพิ่งจะ
บูรณะปฏิสังขรณ์เสร็จไปเมื่อ พ.ศ. 2535 นี่เอง
|