
พระวิหารหลวง ตั้งอยู่ด้านหน้าวัดคู่กับหอพระไตรปิฎก (ขวา)
|
|
- วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เป็นวัดหลวงประจำเมืองที่เจ้าเมืองใช้เป็นสถานที่
ประกอบพิธีสำคัญทางพระพุทธศาสนา และพิธีสำคัญของบ้านเมือง ตำนานการสร้าง
พงศาวดารเมืองน่านกล่าวว่า เจ้าผู้ครองนครน่าน ชื่อพญาภูเข่ง หรือภูเข็ง เป็นผู้สร้าง
เมื่อปีจุลศักราช 768 ตรงกับ พ.ศ. 1949 เรียกชื่อในครั้งนั้นว่า วัดหลวง ตามหลักฐาน
ดังกล่าวนี้ อายุของวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร นับถึงปัจจุบัน ก็จะมีอายุถึง 593 ปี
(ถึง พ.ศ. 2542)
|
สิ่งสำคัญภายในวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
|

พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำ หรือพระธาตุหลวง
พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำ
- พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำ เป็นบูชนียสถานสำคัญที่เป็นประธานของวัด ตั้งอยู่ในเขต
พุทธาวาสตรงแนวตะวันตกด้านหลังวิหารหลวง ก่อเป็นเจดีย์สวมพระบรมธาตุไว้ภายใน
ชาวบ้านเรียกว่าพระธาตุหลวง สัณฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสซ้อนกัน 3 ชั้น กว้างด้านละ
9 วา สูงตั้งแต่พื้นดินถึงยอด 16 วา 2 ศอก องค์เจดีย์ก่ออิฐถือปูน ชั้นล่างสุดยกขึ้นไป
ประมาณ 5 วา ฐานชั้นที่ 2 ทำรูปช้างโผล่หน้าลอยออกมาครึ่งตัว ขาหน้าคู่ยืนพ้นออกมา
นอกเหลี่ยมฐานลักษณะรองรับฐานชั้นที่ 2 ไว้ เฉพาะช้างที่อยู่ตรงมุมทั้ง 4 ด้าน ประดับ
เครื่องอลังการตรงบริเวณตระพองและรอบคอเป็นพิเศษ แตกต่างจากช้างเชือกอื่น ๆ
ที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งมิได้ตกแต่งประดับประดาสิ่งใด เหนือขึ้นไปเป็นฐานปัทม์ซ้อนกัน 3 ชั้น
และเป็นองค์ระฆังลังกาที่ปรากฏอยู่ทางเหนือทั่วไปเหนือองค์ระฆังทำเป็นฐานเบียง
รองรับมาลัยลูกแก้ว ซึ่งลดหลั่นกันขึ้นไปเป็นส่วนยอด ตรงยอดทำเป็นปลี ภาษาเหนือ
เรียกว่า มานข้าว หุ้มด้วยทองจังโก้สวมยอดฉัตร
|

พระวิหารหลวง
พระวิหารหลวง
- พระวิหารหลวง ตั้งอยู่ด้านหน้าวัดคู่กับหอพระไตรปิฎก หันหน้าไปทางทิศใต้
ในสมัยโบราณเรียก พระวิหารหลวง หลังใต้ห่างจากกำแพงด้านหน้า 10 เมตร และ
ด้านทิศตะวันตก 5 เมตร กว้าง 12.50 เมตร ยาว 28 เมตร ใช้เป็นสถานที่ประกอบ
ศาสนกิจในวันธรรมสวนะเป็นประจำ รูปทรงสร้างตามสถาปัตยกรรมภาคเหนือ
- พระประธานองค์ใหญ่ในพระวิหารหลวงเป็นพระพุทธรูปปั้นปางมารวิชัย
ลงรักปิดทองขนาดหน้าตักกว้าง 4 เมตร 50 เซนติเมตร สูงจากฐานถึงยอดพระเกตุมาลา
6 เมตร ชาวเมืองเรียกว่า พระเจ้าหลวง เป็นลักษณะศิลปกรรมแบบล้านนาไทย
สังฆาฏิปั้นลวดลายด้านต่อศอกลงรักปิดทองติดกระจกสวยงามประทับนั่งอยู่บน
ฐานชุกชีที่ทำเป็นรูปตรีมุข ชาวเมืองนับถือว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์พระองค์หนึ่ง
ดุจเป็นพระพุทธรูปประจำเมือง กล่าวว่า ได้แสดงอภินิหารบอกเหตุล่วงหน้า เกี่ยวกับ
ชะตาของเมืองน่านด้วยเช่นกัน ครั้งหนึ่ง เมื่อเจ้าสุมนเทวราชเสด็จลงมายังกรุงเทพฯ
และทิวงคตกลางทางนั้น เมืองน่านมีเหตุการณ์เกิดขึ้นคือองค์พระเจ้าหลวงมี
เหงื่อไหลออกมาดังความในหนังสือพงศาสดารเมืองน่านว่า
- "อนึ่ง เมื่อเจ้าสุมนเทวราชเสด็จลงไปยังกรุงเทพมหานครแล้ว ขณะเดินทางใกล้
จะถึงสงกรานต์ปีใหม่ได้เกิดเหตุการณ์ในเมืองน่านขึ้นอย่างหนึ่ง คือเกิดพายุลมใหญ่
อันสพึงกลัวมากพัดมาทางทิศตะวันตกพัดเอาต้นไม้บ้านเรือนของคนทั้งหลายหักก่น
ล้มลงเป็นอันมาก และเหงื่อพระเจ้าหลวงองค์ในวิหารวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหารและ
ในอุโบสถก็ไหลออกมาโทรมทั่วพระวรกายเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก และยอดพระธาตุ-
เจ้าภูแช่แห้ง ก็คดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้"

อุโบสถวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
|

พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนีในหอพระไตรปิฎก
- พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี
- พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี คือพระพุทธรูปลีลาสมัยสุโขทัยหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์
อย่างดีมีส่วนทองผสมประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสูง 145 เซนติเมตร มีข้อความจาลึก
ไว้ที่ฐานว่าพระเจ้าลารผาสุมเป็นผู้สร้าง เมื่อวันพุธ เดือน 6 เหนือ เดือน 8 ใต้ จุลศักราช
788 พ.ศ. 1969 เดิมลงรักพอกปูน หุ้มไว้และประดิษฐานอยู่ภายในโขรพระเจดีย์ทิพย์
ทางด้านทิศตะวันออก เพิ่งพบเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 โดยนายไกรศรี นิมมาน-
เหมินทร์ และนายอเล็กซานเดอร์ เบราว์ กริสโวสด์ นักโบราณคดีชาวอเมริกัน ซึ่งมา
ศึกษาและค้นคว้าศิลปกรรมในจังหวัดน่าน ได้ตรวจพระพุทธรูปองค์นี้แล้ววินิจฉัยว่า
ไม่ใช่พระปูนปั้นจึงใช้ฆ้อนกระเทาะปูนที่หุ้มแตกออก ปรากฏว่า พระวรกายข้างใน
ทารักทับไว้อีกชั้นหนึ่ง เมื่อขูดดูจนเห็นเนื้อทองสุกปลั่ง ได้เคาะเอาปูนออกหมด
ทั้งองค์ตกแต่งขัดสีใหม่เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะสวยงามมาก เจ้าอาวาสสมัยนั้น
คือ พระชยานันทมุนี (พรหม) จึงได้ถวายพระนามตามตำแหน่งสมณศักดิ์เจ้าคณะ
จังหวัดน่านว่า พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี ปัจจุบันประดิษฐานไว้ในหอพระไตรปิฎก
ซึ่งได้บูรณะปรับปรุงให้เป็นวิหารพระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี ถือเป็นพระอันศักดิ์สิทธิ์
ประจำเมือง แต่เนื่องจากพระเกตุโมลีของพระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนีถูกตัดมาแต่เดิม
ต่อมาใน พ.ศ. 2522 สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท โดยนายอนันต์ สงวนนาม เลขาธิการ
เร่งรัดฯ รับพระราชทานกฐินพระราชทานมาทอดถวาย ณ ที่วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร
ได้ปรารภถึงยอดพระโมลีควรจะได้หล่อสวมให้สมบูรณ์ ได้ฝากกับ พ.ท.อุดม เพชรศิริ
ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมกับข้าราชการแผนกต่าง ๆ ศรัทธาประชาชนในจังหวัด
ได้ร่วมกันบริจาคทองเพื่อหล่พระเมาลี โดยนายอนันต์ สงวนนาม เลขาธิการเร่งรัดพัฒนา
ชนบทเป็นประธาน และคณะได้บริจาคทองสมทบอีก และมาร่วมพิธีหล่อพระเมาลีและ
พุทธาภิเศกพระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี พร้อมด้วยเหรียญจำลองขึ้น ณ วัดพระธาตุ
ช้างค้ำวรวิหาร ในวันสาร์ที่ 5 เมษายน 2523 เมื่อหล่อพระเมาลีเสร็จเรียบร้อยแล้วทาง
ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านได้นำยอดเมาลีไปเก็บรักษาไว้ที่ธนาคารกสิกรไทย และทาง
ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
องค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้สมเด็จพระบรม-
โอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินสวมพระเมาลีพระพุทธนันทบุรี
ศรีศากยมุนี แทนพระองค์ ณ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2524
เมื่อทรงสวมพระเมาลีเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้นำประดิษฐาน ณ ห้องพระที่สร้างขึ้นใหม่
ติดกับกุฎเจ้าอาวาส ปัจจุบันทางวัดได้บูรณะหอพระไตรปิฎก และปรับปรุงเป็นวิหารที่
ประดิษฐานพระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี

หอพระไตรปิฎก เป็นวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี
|

วิหารพระเจ้าทันใจ
|
Top
|
![[ Map of Thailand ]](wthai_p5.jpg)
![[ Map of Thailand ]](wthai_p6.jpg)
|