bs1.gif (2341 bytes)
บทสวดมนต์

NA00086A.gif (2284 bytes)
คืนสู่ธรรมชาติของมนุษย์

 คำทำวัตรเช้า : ปุพพภาคนมการ ; พุทธาภิถุติ ;  ธัมมาภิถุติ  ;   สังฆาภิถุติง ; รัตนัตตยัปณามคาถา ; สังเวคปริกิตตนปาฐะ



ปุพพภาคนมการ
( หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะ นะมะการัง กะโรมะ เส)


นะโมตัสสะ ภะคะวะโต ,อะระหะโต,สัมมาสัมพุทธัสสะ

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า,พระองค์นั้น, ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส; ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

 
..........(  ๓ ครั้ง).........

 


พุทธาภิถุติ

(หันทะ มะยัง พุทธาภิธุติง กะโรมะ เส.)

โย โส ตะถาคะโต,
พระตถาคตเจ้านั้น พระองค์ใด ;

อะระหัง
เป็นผู้ไกลจากกิเลส;

สัมมาสัมพุทโธ,
เป็นผู้ตรัสชอบได้โดยพระองค์เอง;

วิชชาจะระณะสัมปันโน,
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ;

สุคะโต
เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี

โลกะวิทู
เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง;

อะนุตตะโร ปุริสะธัมมะสาระถิ,
เป็นผู้ที่สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยื่งกว่า;

สัตถา เทวะมะนุสสานัง,
เป็นครูผู้สอน ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย;

พุทโธ,
เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม;

ภะคะวา,
เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์;

โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง สะพราหมะกัง สัสสะมะณะพราหมมะณิง  ปะชัง   สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญญา สัจฉิกัตวาปะเวเทสิ,
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด, ได้ทรงทำความดับทุกข์ให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว, ทรงสอนโลกนี้พร้อมทั้งเทวดา,มาร พรหม และหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์, พร้อทั้งเทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม;

โย ธัมมัง เทเสสิ,
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด, ทรงแสดงธรรมแล้ว;

อาทิกัลยาณัง,
ไพเราะในเบื้องต้น,

มัชเฌกัลยาณัง,
ไพเราะในท่ามกลาง,

ปะริโยสานะกัลยานัง,
ไพเราะในที่สุด

สาตถัง สะพยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พรหมะจะริยัง ปะกาเสสิ,
ทรงประกาศพรหมจรรย์ คือแบบแห่งการปฎิบัติอันประเสริฐ, บริสุทธิ์  บริบูรณ์ สิ้นเชิง, พร้อมทั้งอรรถะ (คำอธิบาย) พร้อมทั้งพยัญชนะ(หัวข้อ);

ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ,
ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่งเฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น.

ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ.
ข้าพเจ้านอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้
นด้วยเศียรเกล้า.


...........(กราบระลึกพระพุทธคุณ).........


***************************

 


ธัมมาภิถุติ

(หันทะ มะยัง ธัมมาภิถุติง กะโรมะ เส.)

โย โส สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสไว้ดีแล้ว;

สันทิฎฐิโก,
เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษา และปฎิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง

อะกาลิโก,
เป็นสิ่งที่ปฎิบัติได้ และให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล ;

เอหิปัสสิโก,
เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด;

โอปะนะยิโก,
เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว;

ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ,
เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ;

ตะมะหัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ,
ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระธรรมนั้น;

ตะมะหัง ธัมมัง สิระสา นะมามิ.
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระธรรมนั้น ด้วยเศียรเกล้า.

............(กราบระลึกพระธรรมคุณ)........



 


สังฆาภิถุติ
(หันทะ มะยัง สังฆาภิถุติ กะโรมะเส)

โยโส สุปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น หมู่ใดปฎิบัติดีแล้ว;

อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัตตรงแล้ว;

ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว;

สามีจิปะฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด, ปฏิบัติสมควรแล้ว;

ยะทิทัง,
ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ ;

จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฎฐะ ปุริสะปุคคะลา,
คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับตัวบุรุาได้ ๘ บุรุษ;

เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า;

อาหุเนยโย ,
เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา;

ปาหุเนยโย,
เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ;

ทักขิเณยโย,
เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน;

อัญชะลีกะระณีโย,
เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี;

อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ,
เป็นเนื้อนาบุญของโลก, ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า;

ตะมะหัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ,
ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระสงฆ์หมู่นั้น;

ตะมะหัง สังฆัง สิระสา นะมามิ.
ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์ฆมู่นั้น ด้วยเศียรเกล้า;


...............(กราบระลึกพระสังฆคุณ)...............

 

 


รัตนัตตยัปณามคาถา
(หันทะ มะยัง ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถาโย เจวะ สังเวคะปะริกิตตะนะปาฐัญจะ ภะณามะ เส)

พุทโธ สุสุทโธ กะรุณามะหันณะโว,
พระพุทธเจ้าผู้บริสุทธิ์. มีพระกรุณาดุจห้วงมหรรณพ;

โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน,
พระองค์ใด, มีตาคือญาณอันประเสริฐหมดจดถึงที่สุด

โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะฆาตะโก,
เป็นผู้ฆ่าเสียซึ่งบาป, และอุปกิเลสของโลก;

วันทามิ พุทธัง อะหะมาทะเรนะ ตัง
ข้าพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นโดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ.

ธัมโม ปะทีโป วิยะ ตัสสะ สัตตุโน,
พระธรรมของพระศาสดา , สว่างรุ่งเรืองดุจดวงประทีป;

โย มัคคะปากามะตะเภภินนะโก
จำแนกประเภทคือ มรรค ผล นิพพาน ส่วนใด

โลกุตตะโร โย จะ ตะทัตถะทีปะโน,
ซึ่งเป็นตัวโลกกุตตระ , และส่วนใดที่ชี้แนวแห่งโลกุตตระนั้น;

วันทามิ ธัมมัง อะหะมาทะเรนะ ตัง,
ข้าพเจ้าไหว้ พระธรรมนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ

สังโฆ สุเขตตาภยะติเขตตะสัญญิโต,
พระสงฆ์เป็นนาบุญอันยิ่งฬหญ่กว่านาบุญอันดีทั้งหลาย;

โย ทิฎฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก,
เป็นผู้เห็นพระนิพพาน, ตรัสรู้ ตามพระสุคต หมู่ใด;

โลลัปปะหีโน อะริโย สุเมธะโส,
เป็นผู้ละกิเลสเครื่องโลเล, เป็นพระ อริยะเจ้า มีปัญญาดี;

วันทามิ สังฆัง อะหะมาทะเรนะ ตัง
ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์หมู่นั้น, โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ.

อิจเจวะเมกันตะภิปูชะเนยยะกัง, วัตถุตตะยัง วันทะยะตาถิสังขะตัง,
ปุญญัง มะยา ยัง มะมะ สัพพุปัทวา, มา โหนตุ เว
ตัสสะ ปะภาวะสิทธิยา.

บุญใดที่ข้าพเจ้า ผู้ไหว้อยู่ซึ่งวัตถุสาม, คือ พระรัตนตรัย อันควรบูชายิ่งโดยส่วนเดียว, ได้กระทำแล้วเป็นอย่างยิ่งเช่นนี้นี้, ขออุปัททวะ(ความชั่ว) ทั้งปวง จงอย่ามีแก่ข้าพเจ้าเลย, ด้วยอำนาจความสำเร็จอันเกิด จากบุญนั้น



สังเวคปริกิตตนปาฐะ

อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปันโน,
พระตถาคตเจ้าเกิดชึ้นแล้ว ในโลกนี้ ;

อะระหัง สัมมาสัมพุทธโธ,
เป็นผู้ไกลจากกิเลส, ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

ธัมโม จะเทสิโต นิยยานิโก,
และพระธรรมที่ทรงแสดง, เป็นธรรมเครื่องออกจากทุกข์;

อุปะสะมิโก ปะรินิพพานนิโก,
เป็นเครื่องสงบกิเลส, เป็นไปเพื่อปรินิพพาน;

สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต,
เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม, เป็นธรรมที่พระสุคต ประกาศ;

มะยันตัง ธัมมัง สุตวา เอวัง ชานามะ :-
พวกเราเมื่อได้ฟังธรรมนั้นแล้วจึงรู้อย่างนี้ว่า;

ชาติปิ ทุกขา,
แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์;

ชะราปิ ทุกขา,
แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์;

มะระณัมปิ ทุกขัง,
แม้ความตายก็เป็นทุกข์;

โสกะปะริเทวะ ทุกขะโสมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา,
แม้ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์;

อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข,
ความประสพกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์;

ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข ,
ความพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รักที่พอใจนั้นก็เป็นทุกข์

ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง,
มีความปารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น นั่นก็เป็นทุกข์;

สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา,
ว่า โดยย่อ อุปทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัวทุกข์;

เสยยะทีทัง ,
ได้แก่สิ่ง เหล่านี้ คือ :-

รูปูปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็นที่ตั้ง แห่งความยึดมั่น คือ รูป;

เวทะนูปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็นที่ตั้ง แห่งความยึดมั่น คือ เวทนา;

สัญญูปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็นที่ตั้ง แห่งความยึดมั่น คือ สัญญา;

สังขารูปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็นที่ตั้ง แห่งความยึดมั่น คือ สังขาร;

วิญญาณูปาทานักขันโธ,
ขันธ์ อันเป็นที่ตั้ง แห่งความยึดมั่น คือ วิญญาณ;

เยสัง ปะริญญายะ,
เพื่อให้สาวก กำหนดรอบรู้อุปาทานขันธ์ เหล่านั้นเอง.

ธะระมาโน โส ภะคะวา,
จึงพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น, เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่,

เอวัง พะหุลัง สาวะเก วิเนติ,
ย่อมทรงแนะนำสาวกทั้งหลาย, เช่นนี้เป็นส่วนมาก;

เอวัง ภาคา จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสสาสะนี พะหุลา ปะวัตตะติ,
อนึ่ง คำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น, ย่อมเป็นไปในสาวกทั้งหลาย , ส่วนมาก, มีส่วนคือ การจำแนกอย่างนี้ว่า :-

รูปัง อะนิจจัง,
รูปไม่เที่ยง;

เวทะนา อะนิจจา ,
เวทนาไม่เที่ยง;

สัญญา อะนิจจา,
สัญญาไม่เที่ยง;

สังขารา อนิจจา,
สังขารไม่เที่ยง;

วิญญาณัง อะนิจจัง,
วิญญาณไม่เที่ยง;

รูปัง อะนัตตา,
รูปไม่ใช่ตัวตน;

เวทะนา อะนัตตา,
เวทนาไม่ใช่ตัวตน;

สัญญา อะนัตตา,
สัญญา ไม่ใช่ตัวตน;

สังขารา อะนัตตา,
สังขารไม่ใช่ตัวตน.

วิญญาณัง อะนัตตา,
วิญญาณไม่ใช่ตัวตน.

สัพเพ สังขารา อะนิจจา,
สังขารทั้งหลายทั้งปวง ไม่เที่ยง;

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ.
ธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่ใช่ตัวตน ดังนี้.

เต (ตา) มะยัง โอติณ ณามหะ ,
พวกเราทั้งหลาย เป็นผู้ถูกครอบงำแล้ว;

ชาติยา,
โดยความเกิด;

ชะรามะระเณนะ,
โดยความแก่ และความตาย;

เสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ,
โดยความโสกความร่ำไร รำพัน ความไม่สบายกายไม่สบายใจ ทั้งหลาย;

ทุกโขติณณา,
เป็นผู้ถูกความทุกข์ หยั่งเอาแล้ว;

ทุกขะปะเรตา,
เป็นผู้มีความทุกข์ เป็นเบื้องหน้าแล้ว;

อัปเปวะนานิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยา ปัญญาเยถาติ.
ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้, จะพึงปรากฎชัดแก่เราได้.

(สำหรับอุบาสก อุบาสิกา สวด)


จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา
เราทั้งหลายผู้ถึงแล้วซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า, แม้ปรินิพพานนานแล้ว, พระองค์นั้น เป็น สรณะ ;

ธัมมัญจะ สังฆัญจะ,
ถึงพระธรรมด้วย , ถึงพระสงฆ์ด้วย;

ตัสสะ ภะคะวะโต สาสะนัง ยะถาสะติ ยะถาพะลัง มะนะสิกะโรมะ อะนุปะฎิปัชชามะ,
จักทำในใจอยู่, ปฎิบัติตามอยู่ , ซึ่งคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าตามสติกำลัง,

สา สา โน ปะฎิปัตติ,
ขอให้ความปฎิบัตินั้น ของเราทั้งหลาย;

อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ.
จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ ทั้ง สิ้นนี้เทอญ.


(จบคำทำวัตรเช้า)

สูตรมหาเสน่ห์
"โอบอ้อมอารี           วจีไพเราะ
     สงเคราะห์ชุมชน            เสมอต้นเสมอปลาย   "

 

head1.gif (8616 bytes)
mail to webmaster 

Electrocreative corp., 2000