คำทำวัตรเย็น
(คำบูชาพระ และปุพพภาคนมการ
ใช้อย่างเดียวกับคำทำวัตรเช้า)
ปุพพภาคนมการ
( หันทะ มะยัง พุทธัสสะ
ภะคะวะโต ปุพพะภาคะ นะมะการัง
กะโรมะ เส)
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต
,อะระหะโต,สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า,พระองค์นั้น,
ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส;
ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
..........(
๓ ครั้ง).........
พุทธานุสสติ
(หันทะ มะยัง
พุทธานุสสตินะยัง กะโรมะเส )
ตังโข
ปะณะ ภะคะวันตัง เอวัง กัลยาโณ
กิตติสัทโธ อัพภุคคะโต,
ก็กิตติศัพท์อันงามของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น
ได้ฟุ้งไปแล้วอย่างนี้ว่า :-
อิติปิโส
ภะคะวา,
เพราะเหตุอย่างนี้ ๆ
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น;
อะระหัง,
เป็นผู้ไกลจากกิเลส;
สัมมา
สัมพุทโธ,
เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง;
วิชชาจะระณะสัมปันโน,
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชา และ
จรณะ;
สุคะโต
,
เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี;
โลกะวิทู,
เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง;
อะนุตตะโร
ปุริสะทัมมะสาระถิ,
เป็นผู้ฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า;
สัตถา
เทวะมะนุสสานัง ,
เป็นครูผู้สอนของ
ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย;
พุทโธ,
เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น
ผู้เบิกบานด้วยธรรม;
ภะคะวา
ติ.
เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรม
สั่งสอนสัตว์ ดังนี้.
พุทธาภิคีตี
(หันทะ มะยัง พุทธาภิคีติง
กะโรมะเส)
พุทธวาระหันตะวะระตาทิคุณาภิยุตโต,
พระพุทธเจ้าประกอบด้วยคุณมีความประเสริฐแห่งอรหันตคุณ
เป็นต้น;
สุทธาภิ
ญาณะกรุณาหิ สมาคะตัตโต,
มีพระองค์อันประกอบด้วยพระญาณ
และพระกรุณาอันบริสุทธิ์;
โพเธสิ
โย สุชะนะตัง กะมะลังวะ สูโร,
พระองค์ใด
ทรงกระทำชนที่ดีให้เบิกบาน
ดุจอาทิตย์ทำดอกบัวให้บาน;
วันทามะหัง
ตะมะระนัง สิระสา ชิเนนทัง.
ข้าพเจ้าไหว้พระชินสีห์
ผู้ไม่มีกิเลสพระองค์นั้น
ด้วยเศียรเกล้า.
พุทโธ
โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง
เขมะมุตตะมัง,
พระพุทธเจ้าพระองค์ใด
เป็นสรณะสูงสุดของสัตว์ทั้งกลาย;
ปะฐะมานุสสะติฎฐานัง
วันทามิ ตัง สิเรนะหัง,
ข้าพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น,
อันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกองค์ที่หนึ่งด้วยเศียรเกล้า
;
พุทธัสสาหัสมิ
ทาโส (ทาสี) วะ พุทโธ เม
สามิกิสสะโร,
ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระพุทธเจ้า ,
พระพุทธเจ้าเป็นนาย
มีอิสระเหนือข้าพเจ้า;
พุทโธ
ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ
หิตัสสะ เม,
พระพุทธเจ้าเป็นเครื่องกำจัดทุกข์
และทรงไว้ซึ่งประโยชน์
แก่ข้าพเจ้า;
พุทธัสสาหัง
นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตตัญจิทัง,
ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้
แด่พระพุทธเจ้า;
วันทังโตหัง
(ตีหัง) จะริสสามิ พุทธัสเสวะ
สุโพธิตัง,
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม
ซึ่งความตรัสรู้ดีของพระพุทธเจ้า;
นัตถิ
เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม
สะระณัง วะรัง,
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี,
พระพุทธเจ้าเป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า;
เอเตนะ
สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง
สัตถุสาสะเน,
ด้วยการกล่าวคำสัจจ์นี้
ข้าพเจ้าพึงเจริญในพระศาสนาของศาสดา;
พุทธัง
เม วันทะมาเนนะ (มายานะ)ยังปุญญัง
ปะสุตัง อิธะ,
ข้าพเจ้าไหว้อยุ่ซึ่งพระพุทธเจ้า
ได้ขวนขวายบุญใด ในบัดนี้;
สัพเพปิ
อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ
เตชะสา.
อันตรายทั้งปวงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า
ด้วยเดชแห่งบุญนั้น.
(*หมอบลงกราบแล้วกล่าวว่า)
กาเยนะ
วาจายะ วะ เจตะสา วา,
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี
ด้วยใจก็ดี ;
พุทเธ
กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง ,
กรรมน่าติเตียนอันใด
ที่ข้าพเจ้ากระทำแล้วในพระพุทธเจ้า;
พุทโธ
ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
ขอพระพุทธเจ้า
จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น;
กาลันตะเร
สังวะริตุง วะ พุทเธ,
เพื่อการสำรวมระวัง
ในพระพุทธเจ้า ในกาลต่อไป.
*บทขอโทษนี้
มิได้เป็นการขอล้างบาป
เป็นเพียงการเปิดเผยตัวเอง ;
และคำว่าขอโทษในที่นี้มิได้หมายถึงกรรม
: หมายเพียงโทษเล็กน้อยซึ่งเป็น
"ส่วนตัว"
ระหว่างกันที่พึงอโหสิกันได้.
การขอขมาชนิดนี้
สำเร็จผลได้ในเมื่อผู้ขอตั้งใจทำจริงๆ
และเป็นเพียงศีลธรรม
ฆรือสิ่งที่ควรประพฤติ.
ธัมมานุสสะติ
(หันทะ มะยัง
ธัมมานุสสะตินะยัง กะโรมะเส.)
สวากขาโต
ภะคะวะตา ธัมโม,
พระธรรม
เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้ตรัสไว้ดีแล้ว;
สันทิฎฐิโก,
เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษา และปฎิบัติ
พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
อะกาลิโก,
เป็นสิ่งที่ปฎิบัติได้
และให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล ;
เอหิปัสสิโก,
เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า
ท่านจงมาดูเถิด;
โอปะนะยิโก,
เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว;
ปัจจัตตัง
เวทิตัพโพ วิญญูหี ติ.
เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน
ดังนี้.
ธัมมาภิคีติ
หันทะ มะยัง ธัมมาภิคีติง
กะโรมะ เส.
สวากขาตะตาทิคุณะโยคะวะเสนะ
เสยโย,
พระธรรมเป็นสิ่งที่ประเสริฐ,เพราะประกอบด้วยคุณ
คือความที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัส ไว้ดีแล้ว เป็นต้น;
โย
มัคคะปากะปะริยัตติวิโมกขะเภโท,
เป็นธรรมอันจำแนกเป็น มรรค ผล
ปริยัติ และ นิพพาน;
ธัมโม
กุโลกะปะตะนา ตะทะธาริธารี ,
เป็นธรรมทรงไว้ซึ่งผู้ทรงธรรม
จากการตกไปสู่โลกที่ชั่ว;
ธัมโม
โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง
เขมะมุตตะมัง,
พระธรรมใด
เป็นสรณะอันเกษมสูงสุด
ของสัตว์ทั้งหลาย;
ทุติยานุสสะติฏฐานัง
วันทามิ ตัง สิเรนะหัง,
ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้น
อันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึก
องค์ที่ ๒ ด้วยเศียรเกล้า;
ธัสสาหัสมิ
ทาโส (ทาสี) วะ สังโฆ เม
สามิกิสสะโร,
ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระธรรม
พระธรรมเป็นนาย
มีอิสระเหนือข้าพเจ้า;
ธัมโฆ
ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ
หิตัสสะ เม,
พระธรรมเป็นเครื่องกำจัดทุกข์
และทรงไว้ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า;
ธัมฆัสสาหัง
นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง,
ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้
แด่พระธรรม;
วันทันโตหัง
(ตีหัง) จะริสสามิ ธัมมัสเสวะ
สุธัมมะตัง,
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม
ซึ่งความเป็นธรรมดีของพระธรรม;
นัตถิ
เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม
สะระณัง วะรัง,
สระณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี
พระธรรมเป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า;
เอเตนะ
สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง
สัตถุสาสะเน,
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้
ข้าพเจ้าพึงเจริญในพระศาสนาของพระศาสดา;
ธัมมัง
เม วันทะมาเนนะ (มานายะ) ยัง ปุญญัง
ปะสุตัง อิธะ,
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระธรรม
ได้ขวนขวายบุญได ในบัดนี้;
สัพเพปิ
อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ
เตชะสา.
อันตรายทั้งปวง
อย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า
ด้วยเดชแห่งบุญนั้น.
(หมอบลงแล้วกล่าวว่า)
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี
ด้วยใจก็ดี;
ธัมเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
หรรมน่าติเตียนอันใดที่
ข้าพเจ้ากระทำแล้วในพระธรรม;
ธัมโม ปะฎิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
ขอพระธรรม
จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น;
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเฆ.
เพื่อการสำรวมระวัง ในพระธรรม
ในกาลต่อไป.
สังฆานุสสติ
หันทะ มะยัง
สังฆานุสสะตินะยัง กะโรนะเส
สุปะฏิปันโน
ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์ สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
หมู่โดปฏิบัติดีแล้ว;
อุชุปะฏิปันโน
ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด
ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว;
สามีจิปฏิปันโน
ภะคะโต สาวะกะสังโฆ,
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
หมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว;
ยะทิทัง,
ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ;
จัตตาริ
ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคะลา,
คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่
นับเรียงบุรุษได้ ๘ บุรุษ;
เอสะ
ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
นั่นแหละ
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า;
อาหุเนยโย,
เป็นสงฆ์
ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา;
ปาหุเนยโย,
เป็นสงฆ์
ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ;
ทักขิเนยโย,
เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน;
อัญชะลีกะระณีโย,
เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี;
อะนุตตะรัง
ปุญญักเขตตัง โลกัสสา ติ,
เป็นเนื้อนาบุญของโลก,
ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้.
สังฆาภิคคีติ
หันทะ มะยัง สังฆาภิคีติง
กะโรมะ เส.
สัทะมมะโช
สุปะฏิปัตติคุณาทิยุตโต,
พระสงฆ์ที่เกิดโดยพระสัทธรรม
ประกอบด้วยคุณมีความปฏิบัติดีเป็นต้น;
โยฏฐัพพิโธ
อะริยะปุคคะละสังฆะเสฏโฐ,
เป็นหมู่แห่งพระอริยะบุคคลอันประเสริฐ
๘ จำพวก;
สีลาทิธัมมะปะวะราสะยะกายะจิตโต,
มีกายและจิต
อันอาศัยธรรมมีศีลเป็นต้น
อันบวร;
วันทามะหัง
ตะมะริยานะคะณัง สุสุทธัง,
ข้าพเจ้าไหว้หมู่แห่งพระอริยเจ้าเหล่านั้น
อันบริสุทธิ์ด้วยดี;
สังโฆ
โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง
เขมะมุตตะมัง,
พระสงฆ์ หมุ่ใด
เป็นสรณะอันเกษมสูงสุด
ของสัตว์ทั้งหลาย;
ตะติยานุสสะติฏฐานัง
วันทามิ ตัง สิเรนะหัง,
ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์หมู่นั้น
อันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึก
องค์ที่ ๓ ด้วยเศียรเกล้า;
สังฆัสสาหัสมิ
ทาโส (ทาสี) วะ สังโฆ เม
สามิกิสสะโร,
ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระสงฆ์
พระสงฆ์เป็นนาย
มีอิสระเหนือข้าพเจ้า;
สังโฆ
ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ
หิตัสสะ เม,
พระสงฆ์เป็นเครื่องกำจัดทุกข์
และทรงไว้ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า;
สังฆัสสาหัง
นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง,
ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้
แด่พระสงฆ์;
วันทันโตหัง
(ตีหัง) จะริสสามิ
สังฆัสโสปะฏิปันนะ ตัง,
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม
ซึ่งความปฏิบัติดีของพระสงฆ์;
นัตถิ
เม สะระณัง อัญญัง สังโฆเม
สะระณัง วะรัง,
สระณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี
พระสงฆ์เป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า;
เอเตนะ
สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง
สัตถุสาสะเน,
ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้
ข้าพเจ้าพึงเจริญในพระศาสนาของพระศาสดา;
สังฆังเม
วันทะมาเนนะ (มานายะ) ยัง ปุญญัง
ปะสุตัง อิธะ,
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระสงฆ์
ได้ขวนขวายบุญได ในบัดนี้;
สัพเพปิ
อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ
เตชะสา.
อันตรายทั้งปวง
อย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า
ด้วยเดชแห่งบุญนั้น.
(หมอบลงแล้วกล่าวว่า)
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี
ด้วยใจก็ดี;
สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,
หรรมน่าติเตียนอันใดที่
ข้าพเจ้ากระทำแล้วในพระสงฆ์;
สังโฆ ปะฎิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,
ขอพระสงฆ์
จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น;
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ.
เพื่อการสำรวมระวัง ในพระสงฆ์
ในกาลต่อไป.
(จบคำทำวัตรเย็น)
|