การออกแบบและแบ่งประเภทของเครือข่ายระหว่างมหาวิทยาลัย

ในการออกแบบระบบเครือข่ายระหว่างมหาวิทยาลัยนี้ ได้คำนึงถึงหลักการออกแบบ ดังนี้
        Reliability ต้องการให้ระบบมีความเชื่อถือได้มากที่สุด โดยที่จะพยายามลด จุดเดี่ยวที่เสี่ยงต่อการทำให้ระบบ
ล่มสลาย (Single point of failure)
        Scalability ต้องการให้ระบบสามารถรองรับต่อการขยายขนาดของระบบในอนาคตได้
        Manageability ต้องการให้ระบบง่ายต่อการบริหารและการจัดการ

ในการพิจารณาระบบเครือข่ายระหว่างมหาวิทยาลัยเพื่อให้สามารถมองเห็นภาพและเข้าใจระบบเครือข่ายได้ง่ายและยิ่ง
ขึ้นสามารถที่จะพิจารณาการแบ่งเครือข่ายได้ ดังนี้
        @ การแบ่งเครือข่ายตามภาค
        @ การแบ่งเครือข่ายตามระดับ
เนื่องจากระบบเครือข่ายระหว่างมหาวิทยาลัยนี้มีขนาดใหญ่ และมีความหลากหลายของแต่ละสถานที่
เพื่อให้ระบบเครือข่ายสามารถมีการจัดการที่ดีและสามารถระบุภาระหน้าที่ของแต่ละแห่งได้อย่างสะดวก จึงได้
จัดแบ่งประเภทของสถานีในเครือข่าย (Node) ออกเป็นประเภทต่างๆ ตามลำดับขนาดและหน้าที่การจัดการ ดังนี้ ประเภทของสถานี (Node) ในเครือข่ายระหว่างมหาวิทยาลัย

        @ ศูนย์กลางระบบ (System Center)
        @ ศูนย์ประสาน (Gateway)
        @ ศูนย์ภาค (Regional Center)
        @ สถานีแยก (Junction)
        @ สถานีเครือข่ายแกนหลัก (Backbone Node)
        @ สถานีเครือข่ายย่อย (Access Node)

การแบ่งเครือข่ายตามภาค

ในการพิจารณาระบบเครือข่ายนี้ เนื่องจากลักษณะทางภูมิศาสตร์และกายภาพของประเทศไทย มีการแบ่งออกเป็นภาคต่างๆ
โดยระบบเครือข่ายระหว่างมหาวิทยาลัยนี้จะได้ทำการแบ่งระบบเครือข่ายออกเป็นภาคต่างๆเครือข่ายในแต่ละภาคจะเป็น
เครือข่ายที่สามารถติดต่อสื่อสารกันภายในภาคได้ และมีการติดต่อสื่อสารกันระหว่างภาคต่างๆ โดยมีเครือข่ายในเขตกรุงเทพ
และปริมณฑลทำหน้าที่เป็นแก่นกลาง (Core) การเขื่อมต่อ การเชื่อมต่อระหว่างภาคต่างๆ จะมีเส้นทางการเชื่อมต่อมากกว่า 1
เส้นทาง














 

 

 

 


การแบ่งเครือข่ายตามระดับ

ในการออกแบบระบบเครือข่าย เพื่อให้สามารถจัดการและกำหนดการใช้งานเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้แบ่งเครือข่ายออกเป็น 2 ระดับ คือ

        เครือข่ายแกนหลัก (Backbone Network) จะเป็นเครือข่ายที่ใช้เป็นเส้นทางหลักในการติดต่อสื่อสารระหว่าง
มหาวิทยาลัย ในเครือข่ายแกนหลักนี้จะต้องเป็นเครือข่ายที่มีความเชื่อถือได้ มีความสามารถสูง ดังนั้นสถานี
หรือสถานี (Node) ในเครือข่ายนี้จะต้องมีเส้นทางการเชื่อมต่อเครือข่ายไม่น้อยกว่า 2 เส้นทาง เพื่อที่จะได้มี
เส้นทางสำรองในการติดต่อสื่อสารได้ ดังนั้นจึงกำหนดให้มหาวิทยาลัยหลักทั้งหมด
เป็นสถานีของเครือข่ายแกนหลักนี้ เนื่องจากในการใช้งานมหาวิทยาลัยหลักจะทำหน้าที่เป็นแม่ข่าย
ให้กับวิทยาเขตต่างๆ ซึ่งจำเป็นจะต้องสามารถเข้าถึงเพื่อใช้งานได้ตลอดเวลาหรือให้มีความเชื่อถือ
ได้มากที่สุด นอกจากนี้ในบางภาคที่ไม่มีมหาวิทยาลัยหลักอยู่ แต่จำเป็นที่จะต้องมีสถานีของเครือข่าย
แกนหลักเพื่อเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอื่นๆจึงจำเป็นจะต้องเลือกวิทยาเขตที่มีความเหมาะสมทำหน้าที่
เป็นสถานีของเครือข่ายแกนหลัก
        เครือข่ายย่อย (Access Network) เป็นเครือข่ายของสถานีหรือ Node
ที่ทำการเชื่อมต่อการสื่อสารเข้าสู่ระบบเครือข่ายโดยผ่านทางเครือข่ายแกนหลักโดยได้กำหนดให้
มหาวิทยาลัยที่เป็นวิทยาเขต ทำการเชื่อมต่อกับเครือข่ายในลักษณะที่เป็นสถานีของเครือข่ายย่อยนี้

จากลักษณะการแบ่งเครือข่ายออกเป็นเครือข่ายตามภาคและเครือข่ายแกนหลักและเครือข่ายย่อยนั้นในเครือข่าย แต่ภาคจะประกอบด้วยทั้งเครือข่ายแกนหลัก
และเครือข่ายย่อยโดยเครือข่ายแกนหลักของแต่ละภาค จะเชื่อมต่อถึงกันเป็นเครือข่ายแกนหลักระหว่างภาค ดังแสดงในภาพรวมการเชื่อมต่อเครือข่าย ในส่วน
ของสื่อสัญญาณ (Transmission) จะขึ้นอยู่กับลักษณะทางภูมิศาสตร์และความพร้อมของสื่อสัญญาณ ที่มีในแต่ละท้องที่ โดยในกรุงเทพ จะมีความพร้อมที่ จะใช้
Fiber Optic หรือ SDH เป็นสื่อสัญญาณ ของเครือข่าย ในขณะที่ในเขตภูมิภาคนั้น อาจมีการใช้สื่อสัญญาณเป็นแบบใด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละสถานที่ว่ามีสื่อ
สัญญาณ อะไรที่มีให้บริการไปถึงบ้างในรายละเอียดของสื่อสัญญาณจะกล่าวถึงโดยละเอียดในระบบสื่อสัญญาณ

        ศูนย์กลางระบบ (System Center) จัดเป็นสถานีของเครือข่ายแกนหลัก ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการควบคุม
ดูแลระบบเครือข่ายทั้งหมดซึ่งต้องมีศักยภาพที่จะดำเนินการและดูแลรักษาเครือข่ายตลอดจนให้ความช่วย
เหลือแก่สถานีและระบบเครือข่ายทั้งหมดได้ในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้นซึ่งสำหรับศูนย์กลางของระบบที่ได้ทำ
การพิจารณาเลือกไว้แล้วว่ามีความเหมาะสมที่สุด ก็คือ ทบวงมหาวิทยาลัยโดยอาจมอบหมายให้หน่วยงาน
ภายในสำนักงานปลัดทบวงมหาวิทยาลัยเป็นผู้ดำเนินการทั้งนี้เนื่องมาจากเป็นหน่วยงานที่สามารถเป็นศูนย์
กลางการประสานงานระหว่างมหาวิทยาลัยต่างๆได้ดีที่สุดตลอดจนลักษณะทางองค์กรก็มีความเหมาะสม
ในการประสานการใช้งานระบบเครือข่ายให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ดีที่สุด

        ศูนย์ประสาน (Gateway) จัดเป็นสถานีของเครือข่ายแกนหลัก ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการควบคุมดูแล
ระบบเครือข่ายส่วนย่อยที่ได้รับมอบหมาย โดยจะเป็นสถานีที่อยู่บนแก่นของเครือข่ายแกนหลักที่มีความ
เหมาะสมศูนย์นี้จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างเครือข่ายแกนหลักไปยังเครือข่ายแกนหลักที่อยู่ในภูมิภาคต่างๆโดย
อาจจะเชื่อมต่อกับสถานีหลักของภูมิภาคได้มากกว่าหนึ่งภูมิภาคนอกจากนี้ศูนย์ประสานยังทำหน้าที่เป็นผู้
ช่วยเหลือศูนย์กลางระบบ โดยเฉพาะทางด้านเทคนิค หรือช่วยเหลือการดูแล ควบคุมระบบเครือข่ายทั้งหมด
ให้สามารถทำงานได้ ในกรณีที่ศูนย์กลางระบบมีปัญหาเกิดขึ้น สถานีที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสาน ได้แก่

       มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะครอบคลุมการเชื่อมต่อไปยังภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และภาคใต้ทั้งนี้เนื่องจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีที่ตั้งอยู่ในเส้นทางที่เป็นทางออกไปสู่ภาค
เหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับชุมสายโทรคมนาคม (หลักสี่)
ที่เป็นทางออกไปสู่ตอนบนของประเทศ ทำให้สะดวกในการติดตั้งระบบโทรคมนาคม
และศักยภาพความพร้อมของมหาวิทยาลัยก็มีมาก จึงมีความเหมาะสมที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสาน

       สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จะครอบคลุมการเชื่อมต่อไปยังภาคตะวันออก
โดยทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังมีที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพ ด้านทิศตะวันออก
และในการติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายในระยะแรกก็มีการติดตั้งอุปกรณ์ชุมสายสำหรับเชื่อมต่อออกไปยังภาคตะ
วันออกไว้แล้ว รวมทั้งยังอยู่ใกล้ชุมสายโทรคมนาคม (พระโขนง) ซึ่งเป็นทางออกไปสู่ภาคตะวันออกด้วย
ทำให้สะดวกในการติดตั้งระบบโทรคมนาคม และศักยภาพความพร้อมของมหาวิทยาลัยก็มีมาก
จึงมีความเหมาะสมที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสาน

       สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จะครอบคลุมการเชื่อมต่อไปยังภาคใต้โดยทางสถาบันเทคโนโลยี
พระจอมเกล้าธนบุรีมีที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพ ด้านทิศตะวันตก และในการติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายในระยะแรก
ก็มีการติดตั้งอุปกรณ์ชุมสายสำหรับเชื่อมต่อออกไปยังภาคใต้ไว้แล้ว รวมทั้งยังอยู่ใกล้ชุมสายโทรคมนาคม
(ลาดหญ้า)ซึ่งเป็นทางออกไปสู่ภาคใต้ด้วยทำให้สะดวกในการติดตั้งระบบโทรคมนาคมและศักยภาพความ
พร้อมของมหาวิทยาลัยก็มีมากจึงมีความเหมาะสมที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานศูนย์ประสานมีหน้าที่ดูแล
และสนับสนุนภูมิภาคที่ศูนย์เชื่อมต่ออยู่และมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยศูนย์กลางระบบในการทำงานโดยศูนย์ประสาน
ทั้ง 3 จะทำงานร่วมกันในกรณีที่ศูนย์กลางระบบไม่สามารถทำงานได้หรืออาจจะแบ่งเบาภาระการทำงาน
ของศูนย์กลางระบบ เช่น รับคำสั่งหรือนโยบายในการทำงานมาจากศูนย์กลางระบบเพื่อที่จะนำมาปฏิบัติอีก
ทอดหนึ่ง

        ศูนย์ภาค (Regional Center) จัดเป็นสถานีของเครือข่ายแกนหลัก ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการควบคุม
ดูแลระบบเครือข่าย ส่วนย่อยในภูมิภาคโดยจะเป็นสถานีที่อยู่บนเครือข่ายแกนหลักที่มีความเหมาะสม
ศูนย์นี้จะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนั้นเพื่อทำหน้าที่ควบคุมดูแลเครือข่ายในภาคนั้นๆโดยสถานีนี้จะเป็น
สถานีหลักของเครือข่ายในแต่ละภูมิภาคโดยจะมีหน้าที่เช่นเดียวกับศูนย์กลางระบบแต่จำกัดขอบเขตอยู่ภาย
ในภาคนั้นๆ มีหน้าที่ดูแลรักษาและจัดการ ระบบเครือข่ายของภาค นอกจากนี้ในกรณีที่การเชื่อมต่อระหว่าง
ส่วนกลาง (กรุงเทพ) กับภูมิภาคขาดไปหรือมีปัญหาเกิดขึ้น ศูนย์ภาคจะมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลระบบเครือ
ข่ายภายในภาคให้สามารถทำงานได้ในระดับหนึ่ง เช่นการติดต่อสื่อสารภายในภูมิภาคจะยังคงสามารถ
กระทำได้ สำหรับสถานีที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์ภาคในแต่ละภูมิภาคมี ดังนี้
       เขตกรุงเทพและปริมณฑล และภาคกลาง เนื่องจากในส่วนนี้จัดเป็นแก่นของเครือข่ายแกนหลัก (Core-
Backbone) จึงใช้ศูนย์กลางระบบและศูนย์ประสานทั้งสามทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นศูนย์ภาค
       ภาคเหนือ เลือก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำหน้าที่เป็นศูนย์ภาคเนื่องจากในภาคเหนือมีมหาวิทยาลัย
หลักเพียง 4 แห่ง และจากการพิจารณาจากทำเลที่ตั้งซึ่งมีจังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางของภาคเหนือทำ
ให้สามารถ จัดหาสื่อสัญญาณโทรคมนาคมได้สะดวก
       ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เลือก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ทำหน้าที่เป็นศูนย์ภาคเนื่องจากในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือมีมหาวิทยาลัยหลักเพียง 4 แห่งและจากการพิจารณาจากทำเลที่ตั้งซึ่งมีจังหวัด
นครราชสีมาเป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและจังหวัดขอนแก่น เป็นศูนย์กลางของ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและเมื่อเปรียบเทียบระหว่างจังหวัดทั้งสองแล้วในด้านของระยะทาง
ระหว่าง จังหวัดกับกรุงเทพ จังหวัดนครราชสีมาจะมีระยะทางที่ใกล้กรุงเทพกว่า และประกอบกับจังหวัด
นครราชสีมาเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างภาคกลางและภาคตวันออก ซึ่งเป็นทำเลทางด้านภูมิประเทศที่ เหมาะ
สมกว่าจึงเลือกจังหวัดนครราชสีมาซึ่งมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีเป็นศูนย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

                ภาคตะวันออก เลือก มหาวิทยาลัยบูรพา ทำหน้าที่เป็นศูนย์ภาคเนื่องจากในภาคตะวันออกมีมหาวิทยาลัย
หลัก เพียงแห่งเดียว
       ภาคตะวันตก เลือก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ทำหน้าที่เป็นศูนย์ภาค เนื่องจาก
ในภาคตะวันตกไม่มีมหาวิทยาลัยหลักเลยแต่เนื่องจากระบบเครือข่ายในภาคตะวันตกมีจำนวนสถานี
ที่มากพอสมควร จึงควรที่จะมีระบบเครือข่ายของภาคและมีศูนย์ภาคเพื่อควบคุมดูแลและจากการพิจารณา
วิทยาเขต ที่มีอยู่พบว่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสนมีการเชื่อมต่ออยู่กับ มหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร์ ที่เป็นมหาวิทยาลัยหลักและเป็นศูนย์ประสานอยู่แล้ว และ การเชื่อมต่อเข้ากับวิทยาเขตใน
สังกัดจะทำให้การควบคุม ดูแลและจัดการเป็นไปได้สะดวก รวดเร็ว ดังนั้นจึงเลือก มหาวิทยาลัย
เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เป็นศูนย์ภาคตะวันตก ซึ่งจัดเป็นสถานีเครือข่ายแกนหลักด้วย
       ภาคใต้ เลือก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทำหน้าที่เป็นศูนย์ภาค เนื่องจากในภาคใต้มีมหาวิทยาลัย
หลักเพียง 3 แห่ง และ จากการพิจารณาจากทำเลที่ตั้ง ซึ่งมีจังหวัดสงขลาเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ ทำให้
สามารถจัดหาสื่อสัญญาณโทรคมนาคมได้สะดวก
       สถานีแยก (Junction) จัดเป็นสถานีของเครือข่ายแกนหลัก ที่มีการเส้นทางการเชื่อมต่อมากกว่า 2 เส้นทางโดยจะ
เป็นสถานีที่อยู่บนเครือข่ายแกนหลักที่มีเส้นทางการเชื่อมต่อไปยังส่วนต่างๆของระบบเครือข่ายมากกว่าสถานี
เครือข่ายแกนหลักปกติ ซึ่งมี 2 เส้นทาง ทำให้ที่สถานีนี้จะเป็นจุดสามารถทำการปรับเปลี่ยนเส้นทางของข้อมูลได้
(Routing) สำหรับสถานีที่จะทำหน้าที่เป็นสถานีแยกในแต่ละภูมิภาคมีดังนี้
        เขตกรุงเทพและปริมณฑล และภาคกลาง ได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย และ
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
        ภาคเหนือ ได้แก่ มหาวิทยาลัยนเรศวร
        ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
        ภาคตะวันออก ไม่มี เนื่องจากมี มหาวิทยาลัยหลักเพียงแห่งเดียวและทำหน้าที่เป็นศูนย์ภาคแล้ว
        ภาคตะวันตก ไม่มี เนื่องจากมี ศูนย์ภาคเพียงแห่งเดียว
        ภาคใต้ ได้แก่ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
       สถานีเครือข่ายแกนหลัก (Backbone Node) เป็นสถานีต่างๆที่มีอยู่บนเครือข่ายแกนหลัก จะมีเส้นทางการเชื่อมต่อกับเครือข่ายแกนหลัก (Backbone Node) อื่นๆมากกว่า 1 เส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นมหาวิทยาลัยหลักซึ่งจะ
เป็นแหล่งข้อมูลต่างๆ ดังนั้นจึงต้องมีการเชื่อมต่ออย่างน้อย 2 ทางเพื่อสำรองซึ่งกันและกัน และมีความเชื่อถือ
ได้ แต่จะมีบางวิทยาเขตที่ถูกจัดให้อยู่ในเครือข่ายแกนหลัก อันเนื่องมาจาก ในบางภูมิภาคไม่มีมหาวิทยาลัยหลัก
อยู่เลย จึงจำเป็นที่จะต้องยกเอาวิทยาเขตที่มีคุณสมบัติเหมาะสมขึ้นมาเป็นสถานีเครือข่ายแกนหลัก เพื่อเป็นจุด
เชื่อมต่อให้กับวิทยาเขตอื่นๆในภูมิภาคนั้นๆ ศูนย์กลางระบบ, ศูนย์ประสาน, ศูนย์ภาค, สถานีแยกทั้งหมดนี้
ก็จัดเป็นสถานีเครือข่ายแกนหลักด้วยเช่นกัน
       สถานีเครือข่ายย่อย (Access Node) เป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับสถานีเครือข่ายแกนหลัก โดยวิทยาเขตต่างๆและ มหาวิทยาลัยที่จะมาเชื่อมต่อในอนาคต หรือหน่วยงานที่มีความต้องการที่จะเชื่อมต่อกับเครือข่ายนี้ ด้วยวิธี
การที่สะดวกและรวดเร็วก็จะเป็นการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายในลักษณะสถานีเครือข่ายย่อยนี้ สถานีเครือข่าย
ย่อย (Access Node) สามารถแบ่งประเภทตามการเชื่อมต่อได้เป็น 2 ประเภท คือ
        ATM Access node เป็นวิทยาเขตที่อยู่ภายในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยจะเป็นวิทยาเขต
ที่ซึ่งการเดินสายเส้นใยนำแสงหรือบริการที่เกี่ยวกับเครือข่าย ATM สามารถเข้าไปถึงได้
        E1 Access node เป็นวิทยาเขตต่างๆ ที่อยู่ภายนอกเขต กรุงเทพมหานครและปริมณฑลและมีปริมาณ
การใช้งานเครือข่ายไม่สูงมากนัก หรือไม่สามารถจัดหาสื่อสัญญาณความเร็วสูงได้