ตัวร้ายกลายเป็นตัวดี (2)
ใช้อาหารให้ถูกทาง
กลายเป็นยาวิเศษได้
ฉบับที่แล้วได้ชักชวนให้กินโยเกิร์ตเพื่อป้องกันเชื้อโรคหลายๆ
ตัว ซึ่งจะมาทำอันตราย ให้กับท้องไส้ของเรา แต่ได้กันๆ ไว้ก่อนว่า
ขอให้กินโยเกิร์ตธรรมดาหรือนมเปรี้ยวแบบ ไม่ได้ปรุงแต่ง
ไม่มีนํ้าตาลหรือผลไม้เชื่อมบางอย่างปนอยู่กับโยเกิร์ตนั้น
ทำไมหรือครับ มีเหตุผลอยู่สองประการซึ่งอยากจะเอ่ยถึง
เหตุผลสองประการนี้เป็นเหตุผลทางวิชาการ และได้ทดลองและทดสอบมาแล้ว
ประการแรก
ถ้าคุณกินโปรตีน-ไขมันรวมกับนํ้าตาลหรือของหวาน
จะเกิดแก๊สหรือกรดในลำไส้ ของคุณทันที คุณจะมีอาการท้องอืด
ท้องเฟ้อได้ง่ายๆ ระบบย่อยของคุณจะทำงานได้ไม่เต็มที่
ประการที่สอง
ข้อนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องท้องอืดท้องเฟ้อ ถ้าคุณ ไม่
กินโปรตีน+ไขมัน ร่วมกับนํ้าตาลและ ของหวาน
แต่กลับกินโปรตีนหรือไขมันรวมกับข้าวหรือผักและผลไม้ ซึ่งไม่หวานแล้ว
คุณจะได้ ประโยชน์อย่างมหาศาล คือนอกจากจะได้
เชื้อโรคซึ่งเป็นเพื่อนและเป็นประโยชน์ต่อท้องไส้ ของคุณแล้ว
คุณยังจะได้แอมมิโน แอซิค ฮอร์-โมน-เอนไซม์-วิตามิน-แร่ธาตุ
ซึ่งเป็นประโยชน์ มหาศาลต่อท้องไส้ของคุณอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ อีกด้วย
แอมมิโน แอซิค นั้นก็คือโปรตีนจากเนื้อสัตว์-ไข่
และถั่วจากพืชนั่นเอง เมื่อคุณกินหรือเคี้ยวโปรตีน
ในปากลงถึงกระเพาะและลำไส้ มันก็
จะถูกย่อยและแตกตัวจากโปรตีนกลายเป็นแอมมิโน แอซิค
ถ้าเป็นโปรตีนอยู่
มันจะเข้าไปบำรุงเลี้ยงร่างกายของคุณไม่ได้
มันต้องแตกตัวของมันออกเป็นแอมมิ-โน แอซิค เสียก่อน
มันจึงจะไปบำรุงเลี้ยงร่างกายคุณ กลายเป็นเลือดเป็นเนื้อ กล้ามเนื้อ
กระดูกของคุณได้
ก่อนที่โปรตีนจะถูกย่อยได้ คุณจะต้องมีนํ้าย่อย
ซึ่งเริ่มทำงานด้วยฮอร์โมน
และจะส่งต่อไปที่เอนไซม์ซึ่งไปย่อยโปรตีนเหล่านี้
ในด้านของวิชาการเกี่ยวกับเรื่องของอาหารเหล่านี้
เราต้องศึกษาถึงสรีรวิทยาของร่างกาย เราต้องศึกษาถึงไบโอเคมี
และปฏิกิริยาเกี่ยวกับอาหาร แล้วเราก็ต้องจัดการทดลองในห้องแล็บและ
ทดลองกับกลุ่มของคนไข้กลุ่มต่างๆ แล้วเปรียบเทียบกันดู
ผลการทดลองตรงกันทุกครั้งแล้ว
จึงจะยอมรับและประกาศว่าเป็นวิชาการ และเป็นวิทยาศาสตร์ได้
แพทย์หญิง เลสลี่ย์ เอ็ช ซาลอฟ และคณะ
ซึ่งได้เอ่ยถึงไว้ในฉบับก่อน ได้กล่าวยืนยันถึงเรื่อง
โปรตีน+ไขมัน+นํ้าตาล และของหวาน ซึ่งจะทำให้เกิดการท้องอืด ท้องเฟ้อ
และยังเป็นการทำลายตัว เชื้อแลตโตบาซิลลัส ให้เหลือน้อยกว่าปกติ
และนี่ย่อมเป็นสาเหตุ ของการทำลายพลังของเชื้อโรค
ที่ดีหรือเชื้อโรคที่เป็นเพื่อนของเรา
เชื้อโรคกลุ่มนี้คือเชื้อโรคที่จะช่วยทำลายเชื้อโรคที่เป็นตัวร้าย
ทำลายท้องไส้ของเรา จำได้ไหมครับที่ผมคุยไว้ในอาทิตย์ที่แล้ว
หมอซาลอฟได้คิดสูตรอาหารใหม่ขึ้นมา 10 สูตร
เจตนาก็เพื่อจะหาสูตรที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยสร้างเชื้อโรค
ที่เป็นเพื่อนช่วยเหลือปราบเชื้อร้ายในลำไส้ของเรา
และยังได้สารอาหารที่ เป็นประโยชน์โดยได้โปรตีน-วิตามิน-แร่ธาตุ
รวมทั้งคาร์โบไฮเดรตอย่างสมบูรณ์ด้วย
10 สูตรดังว่านี้ได้แก่
1. สลัดผักเขียวสด
โรยด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ดิบและถั่วต่างๆ ดิบๆ
2. คั้นสลัดผักเขียวให้เป็นนํ้า
แล้วผสมกับถั่วดิบตำละเอียดและเมล็ดพืชตำละเอียด
3. สลัดผักเขียวสดราดหน้าด้วยนํ้าสลัดอโวคาโด
4. ถั่วงอกจากถั่วต่างๆ (SPROUT) ผสมกับสลัดผักเขียว
5. สลัดผักโรยด้วยเนยแข็งสวิสชีส หรือเช็ดด้า
6.สลัดผัก ผสมกับคอท- เทจชีสและจมูกข้าวสาลี
7.
สลัดผักคลุกด้วยนํ้ามันงาหรือนํ้ามันพืชชนิดมีไขมันดี (HDL)
8. สลัดผักล้วนราดหน้าด้วยมายองเนสทำจากพืช
(เช่นถั่วเหลือง)
9. สลัดผัก+ถั่ว+ราดหน้าด้วยโยเกิร์ต
10. สลัดผักผสมเนื้อสัตว์หรือปลา หรือไข่ซึ่งต้มสุก
ผลปรากฏว่า สูตรที่ 9 คือ ผัก+ถั่ว (โปรตีน)
+โยเกิร์ต ดีสำหรับระบบย่อยมากที่สุด
ต้องเรียนให้ทราบล่วงหน้าเสียก่อนว่า
สูตรผัก-โปรตีนล้วนๆนี้ต้องการให้ใช้ อาหารเป็นยา
เพราะฉะนั้นไม่มีการปรุงรสใดๆ ทั้งสิ้น อาหารจึงมีรสจืด หรือรสอื่นๆ
แล้วแต่จะใช้ผักประเภทใด ฉะนั้นผักต่างๆ เหล่านี้จะให้รสธรรมชาติ
อาจจะหวานปะแล่มๆ หรือรสเผ็ดนิดหน่อย หรือเค็มนิดๆ
แล้วแต่ชนิดของผัก
ในขณะเดียวกัน ผักและถั่วล้วนๆ นี้จะให้แต่
เฉพาะอาหารกลางวัน ส่วนอาหารเช้า-เย็นจะเพิ่มขนมปัง มันฝรั่ง
(คือคาร์โบไฮเดรต) และซุปเติมเข้าไปด้วย
แม้ว่าในสูตรที่ 10 มีเนื้อสัตว์ซึ่งก็มักจะใช้
ไก่หรือไก่งวง ปลา หรือไข่ ร่วมด้วยนั้น ก็เพราะจะเพิ่มโปรตีน
จากเนื้อสัตว์เข้ามาบ้าง เป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเล็กน้อย
เพราะเนื้อสัตว์พวกนี้คิดแล้ว ไม่เกิน 5% ของอาหารทั้งหมด
อาหารซึ่งจัดให้เป็นยารักษาโรคนี้ จะให้แก่
ผู้ทดลองประมาณ 4 อาทิตย์ เมื่อพ้นระยะทดลองแล้ว จะใช้อาหารแบบเดิม
แต่มีการปรุงแต่งรสเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เช่น บีบมะนาวเพิ่มรสเปรี้ยว
ใช้เกลือเพิ่มรสเค็ม ใช้นมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตแทนนํ้าสลัด
และโปรตีนใช้ถั่วเป็นหลัก และเพิ่มปลาเป็นเนื้อสัตว์ เข้าไปด้วย
สิ่งที่พิสูจน์ได้ ในระหว่างการทดลอง 4 อาทิตย์ ปรากฏว่า
ระบบขับถ่ายดีขึ้นเกือบ 100% ทุกคนท้องโล่งสบาย ไม่มีท้องขึ้น ท้องอืด
เมื่อเช็กร่างกายปรากฏว่าระบบต่างๆ ของร่างกายดีขึ้น โลหิตดีขึ้น
ระบบประสาทดีขึ้น การทำงานของต่อมต่างๆดีขึ้น
ผู้ร่วมรายการผู้หนึ่งเป็นสตรี
และมีอาการภูมิแพ้อย่างรุนแรง เวียนหัว ปวดหัว มือเย็นเท้าเย็น
เจ็บข้อปวดข้อ และเคลื่อนไหวร่างกายลำบาก
เมื่อเธอเข้าทดลองโปรแกรมเพียง 2 อาทิตย์ อาการต่างๆ
หายไปหมด
ส่วนผู้เข้าโปรแกรมคนอื่นๆ
ที่รู้สึกเหมือนเป็นหนุ่มเป็นสาวกว่าเดิมนั้น
เนื่องมาจากนํ้าคั้นจากผักสดนั้น
มีทั้งฮอร์โมนและเอนไซม์ซึ่งช่วยไปกระตุ้นต่อมต่างๆ
ของร่างกายได้เป็นอันดับแรก
ต่อมซึ่งได้รับประโยชน์โดยตรงจากอาหารสดๆ ผัก-ถั่ว
ก็คือ ต่อมไทรอยด์ พาราไทรอยด์ และอดรีนัล
ต่อมเหล่านี้จะช่วยขับฮอร์โมน ไทร็อกซิน พาราทอร์โมน คอร์ติน
เอพิเนพฟริน และอดรีนาลิน
ซึ่งจะไปช่วยให้การสร้างเลือดเนื้อให้แก่ร่างกายได้ผลทันที
นอกไปจากนั้น ประโยชน์ทางตรงอีกอย่างหนึ่งก็คือเอนไซม์
ซึ่งทำงานร่วมกับฮอร์โมนซึ่งมีอยู่ไม่ตํ่ากว่า 700
กว่าตัวในร่างกายนั้น ก็จะกลายเป็นตัวกระตุ้นต่อมต่างๆได้อย่างดีที่สุด
และนั่นก็เหมือนกับเอารถเข้าอู่ยกเครื่องใหม่ให้กับร่างกายนั่นเอง
สำหรับท่านที่อยากจะทดลองยาวิเศษจากอาหารสูตรต่างๆเหล่านี้
ขอสรุปให้ท่านสังเกตไว้ ดังนี้ว่า
1. อาหารเหล่านี้อันที่จริงครบตามสูตรของชีวจิตอยู่แล้ว
คือ คาร์โบไฮเดรต-โปรตีน-ไขมัน-วิตามิน และแร่ธาตุ
ต่างกันอยู่นิดก็ตรงที่ว่า แทนที่จะใช้ข้าวซ้อมมือ (คาร์โบไฮเดรต)
เป็นตัวนำ ก็กลับใช้ผักสด (คือวิตามิน-แร่ธาตุ) เป็นตัวนำแทน
และเราก็ใช้วิตามิน-แร่ธาตุนี้เองไปกระตุ้นต่อมต่างๆของร่างกาย
และต่อมต่างๆ ก็ไปกระตุ้นให้ระบบต่างๆ ทั่วร่างกายทำงานต่อๆ
กันไปเหมือนกับลูกโซ่
2. ถ้าคุณจะลองใช้สูตรอาหารตามนี้
คุณต้องระวังที่สุดเรื่องผักสด ผักสดของคุณต้อง สะอาดจริงๆ
พ่นยาฆ่าแมลงแม้แต่นิดหนึ่งก็ไม่ได้ ใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้
ต้องใช้ผักซึ่งปลูกตามธรรมชาติจริงๆ
และถ้าหากได้ผักซึ่งปลูกตามธรรมชาติมาแล้ว
ก็ต้องล้างให้สะอาด จนแน่ใจว่าผักธรรมชาตินั้นไม่มีของสกปรก เช่น
ไข่พยาธิติดมาด้วย
อย่างนี้อาหารจึงจะเป็นยาได้
หน้าร้อนอย่างนี้ไว้ใจเรื่องอาหารสะอาดไม่ค่อยได้เลย
ระวังหน่อยนะครับ
ประเดี๋ยวยาจะกลายเป็นยาพิษไปเสียก่อน.