แก้หวานแล้วก็ต้องแก้เค็ม
ชีวิตก็เหมือนจะมีอยู่แค่นี้แหละครับ

ชีวิตคนเราโดยเฉพาะคนไทยสมัยนี้ ยุ่งอยู่กับเรื่องหวาน แล้วก็เรื่องเค็ม อยู่ตลอดชีวิต เลยแหละครับ

เขียนเรื่องของภัยแห่งความหวานมานานตั้งเดือนแล้ว คราวนี้ก็มาถึงเรื่องของเค็มบ้าง

สถิติของฝรั่งอีกเหมือนกันครับ ในอเมริกาแห่งเดียว ชาวอเมริกันกินเกลือหรือของเค็มต่างๆ ซึ่งมาจาก เกลือนั้น คนหนึ่งปีละประมาณ 15 ปอนด์ ซึ่งถ้าเอาเกลือที่กินนั้นมาปั้นเป็นก้อน ก็ขนาดราวๆ ลูกโบว์ ลิ่งหนึ่งลูกนั่นแหละครับ

และก็อีกเหมือนกัน เมืองไทยเราไม่มีการศึกษาและทำสถิติไว้ ไม่มีใครบอกได้ว่า คนไทย กินเค็มกันแค่ไหน

แต่ผมเชื่อแน่นอนที่สุดว่า คนไทยกินเค็มหรือกินเกลือมากกว่าฝรั่งหลายเท่านัก

เพราะอาหารของคนไทยสมัยนี้ต้องปรุงกันแบบรสจัดๆ หวานจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด รสจัดๆ ต้องมีครบ จึงจะถูกอกถูกใจ ผู้บริโภคชาวไทย

ของเค็มต่างๆ ที่พูดถึงนี้ ไม่ได้หมายความ ถึงตัวเกลือเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึง เกลืออยู่ใน ลักษณะต่างๆ ของอาหาร เช่น ซอส น้ำปลา ซีอิ๊ว และของกินเล่น เช่น พวกมันฝรั่งทอด ถั่วทอด และอาหารสำเร็จรูปทุกชนิด

ผู้บริโภคมักจะไม่ตระหนักว่าตนเองนั้น ได้กินเค็มจนติดเป็นนิสัยมากน้อยประการ ใด แต่ลองไป ตามร้านอาหาร ธรรมดาๆ ดูซิครับ เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวแกง ร้านสุกียากี้เหล่านี้ เป็นต้น

สิ่งที่จะเห็นเป็นสิ่งแรกก็คือ เครื่องพวง น้ำปลา น้ำตาล พริกดอง พริกป่น ร้านธรรมดาสามัญ เหล่านี้ ทุกโต๊ะ จะต้องมีเครื่องพวง และที่น่าจะสะดุดใจที่สุด ก็คือ เครื่องพวงต่างๆ จะอยู่ในถ้วยเล็ก แต่เมื่อ มาถึงน้ำปลา จะเห็นเขาวางขวดน้ำปลา ขวดใหญ่ทั้งขวด ไว้ใกล้เครื่องปรุง ถ้าเข้าร้านตอนเช้า จะเห็น น้ำปลาเต็มขวด แต่ถ้าไปตอนเย็น จะเห็นน้ำปลาเกือบ หมดขวด หรือบางโต๊ะ ต้องเอาขวดใหม่ มาตั้งรอไว้แล้ว

พิสูจน์ได้ง่ายๆ อย่างนี้แหละครับว่า ผู้บริโภคคนไทยของเรา กินเค็มกันเหลือประมาณ

เอาละ เขาอยากจะกินกันเค็ม แค่ไหน มันก็เรื่อง ของเขา มันหนักศีรษะผู้เขียน (ก็คือผม เองนั่นแหละ) อย่างไรเล่า ถึงต้องได้ไปยุ่งกับเขา

มันก็ต้องยุ่งอยู่นั่นแหละครับ มีผู้ป่วยเพราะกินเค็มมากมายเหลือเกิน ผมเจอะคนไข้ หลายคน ที่ป่วย เพราะ กินเค็ม มากเกินไป

ไม่ได้หมายความว่าคนไข้เหล่านี้ ท่านมาหาผมโดยตรงนะครับ แต่ท่านมาหาทีมแพทย์ ผสมผสาน แห่งหนึ่ง และผมบังเอิญ เป็นที่ปรึกษา ของทีมแพทย์เหล่านี้

เอาเป็นว่า ที่ผมต้องยุ่งกับเรื่องกินเค็ม ก็เพราะได้พบกับผู้ป่วยซึ่งไม่น่าจะป่วยเลย ถ้าหากท่าน รู้จักบริโภคอาหาร ที่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่ากินอาหาร ที่เค็มจัดจนเกินไป

กินเค็มแล้วเกี่ยวข้องกับเรื่องการเจ็บป่วยอย่างไร

ขอระบุโรคซึ่งแท้ที่จริงไม่ใช่โรค แต่ เป็นอาการมากกว่า แต่คนทั่วไป มักจะเรียกว่าเป็นโรค คือ ความดันโลหิตสูง

สาเหตุสามัญของความดันโลหิตสูง ก็คือ กิน เค็มมากเกินไป

ขอเล่าถึงกลไกของเลือดสักนิด ปกติเลือดของเรามี ปริมาณแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าปริมาณของเลือด ที่ลด น้อยลง เมื่อไหร่ ร่างกายก็จะปรับให้หัวใจทำงาน มากขึ้น นั่นก็คือต้องสูบฉีดเลือด ให้แรงขึ้น ความดัน ของเลือด จึงสูงขึ้น

สูตรเกี่ยวกับเลือดง่ายๆ ตอนนี้ก็คือ ปริมาณเลือด ต่ำ ความดันเลือดต้องขึ้นสูง สูงเพื่ออะไร เพื่อจะดัน ให้เลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย เลี้ยงทุกเซลล์ของร่าง-กายให้ทั่วถึง (ร่างกายประกอบไปด้วยเซลล์ต่างๆ ประมาณ 50-60 ล้านล้านเซลล์)

การที่เลือดจะไปเลี้ยงทั่วร่างกายได้ เลือดต้องมีน้ำหรือของเหลวเป็นส่วนผสม น้ำหรือของเหลว ในร่างกาย มีประมาณ 75% ของร่างกายทั้งหมด เราต้องรักษา สัดส่วนของน้ำ ในร่างกาย ให้อยู่ในระดับนี้ ตลอดชีวิต

โซเดียมหรือกลุ่มเกลือ เป็นผู้รักษาปริมาณของน้ำในร่างกายไว้ให้อยู่ในระดับ คงที่

ถ้าเผื่อร่างกายเสียน้ำมากเกินไป เช่น คนอยู่กลางทะเลทรายอดน้ำ หรือออกกำลังกายเสียเหงื่อมาก โซเดียมในเลือดก็จะเข้มข้น นั่นก็คือโซเดียมจะสูงขึ้น

หรือถ้าโซเดียมสูง จะด้วยการกินอาหารซึ่งเค็มจัดเกินไป หรืออย่างไรก็ตามที ร่างกาย ก็จะต้อง เก็บน้ำไว้ ในร่างกายเพื่อให้สมดุล กับความเข้มข้นของเกลือ

น้ำในร่างกายมีมาก หัวใจก็ต้องปั๊มน้ำและเลือดให้ไปทั่วร่างกายให้มากขึ้น ความดันโลหิตก็สูง

ไม่ใช่แต่อาการความดันโลหิตสูงจะมีมากอย่างเดียว ที่จะต้องทำงานหนักไปด้วย ก็คือไต

เมื่อร่างกายมีน้ำมาก และมีสารแร่ ธาตุต่างๆในร่างกายมากเกินไป ไตก็ต้องทำงานหนัก ไตต้องขับน้ำ ต้องขับโซเดียม ซึ่งมีปริมาณมากเกินไป และยังต้องขับ และจัดสัดส่วน ของแร่ธาตุต่างๆ ให้มีพอดี และได้สัดส่วนกันด้วย

ไตต้องทำงานหนักขึ้น หัวใจก็ต้องทำงาน หนักขึ้น แถมยังความดันโลหิตสูง อยู่ตลอดเวลา ร่างกาย จะเป็นอย่างไร

ก็ป่วยหนักถึงตายนะซีครับ

กรุณาอย่าเพิ่งกล่าวหาว่าผมเป็นกระต่ายตื่นตูม คุณเอาน้ำปลาใส่ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ มากไปหน่อย กลับบ้าน ก็จะถึงกับความดันโลหิตสูง หัวใจวายหรือไตวายไปอย่างนั้น เลยเชียวหรือครับ

ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่ตอนแรกๆ คุณจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรอก แต่การกินเค็มนี้ เป็นตัวตั้งต้น พฤติกรรมการกินที่ผิดๆ แรกๆ อาจจะผิดน้อยๆแต่เมื่อสะสมกันมากๆ ก็จะกลายเป็น ความผิดมากๆ และ ก็ป่วยหนักในที่สุด

แต่ก่อนที่จะถึงจุดนั้น ผมขอสะกิดคุณเบาๆ ก่อนได้ไหมครับ คุณจะได้หันมามอง และเมื่อผมสะกิด คุณแรงๆ ขึ้น คุณก็จะได้เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ และปรับปรุงตัวเองได้โดยไม่สายจนเกินไป อย่างนี้ ไม่ดีกว่าหรือครับ

อยากจะขอต่อสักนิดว่า เกลือนั้นมีกี่ชนิดและเรากินเข้าไปแล้ว มันจะสะสม หรือมีพิษต่อร่างกาย ทีละน้อยๆ อย่างไร

ตอนนี้ขอจบด้วยว่า เกลือหรือกลุ่มเกลือนั้น มีหลายชนิด ในด้านเคมีเราขึ้นต้นด้วยคำว่า โซเดียม เขียนเป็นภาษาเคมีว่า Na.

เพราะฉะนั้น เกลือมีหลายอย่างครับ เบกิ้งโซดาก็เป็นเกลือ ผงชูรสก็เป็นเกลือ และ เกลือที่เรากิน เป็นอาหารประจำนั้น เราเรียกว่า เกลือแกง หรือโซเดียมคลอไรด์ (NaCL) ครับ.


ไทยรัฐ ๒๑ ก.ค. ๔๕ ชีวจิต