The Seven Books
C.S. Lewis
Narnia on Media
Discover Narnia
Contact

|
|
อีกครั้งที่วรรณกรรมแนวแฟนตาซีโดยนักเขียนอังกฤษได้
รับการถ่ายทอดสู่แผ่นฟิล์ม
ตามหลังความสำเร็จของ
Harry Potter ที่สร้างกันมาถึง 4 ภาคแล้ว หรือความสำเร็จ
ทั้งรายได้และรางวัลของ
ไตรภาค The Lord of the Rings
วรรณกรรมเยาวชนชุด Narnia สร้างจากบทประพันธ์ของ
ซี.เอส.ลูอิส (ชื่อเต็มๆ ของเขาคือ ไคล้ฟ์ สเตเปิ้ลส์ ลูอิส 1898-1963)
หนังสือThe Lion, The Witch and the Wardrobe ได้รับการตีพิมพ์ตั้งแต่
ปี 1950 ช่วงที่โลกของเราเพิ่งผ่านความบอบช้ำ
จากสงครามโลกครั้งที่ 2 มาได้ไม่นาน
หนังเป็น เรื่องของสี่พี่น้องครอบครัว พีเวนซี่ คือ
ปีเตอร์ ซูซาน เอ็ดมันด์ และ ลูซี่ ที่ต้องหลบภัย
ลูกระเบิดเครื่องบินเยอรมันในช่วงสงครามเดินทางจากกรุงลอนดอน
ไปอยู่ในบ้านชนบทห่างไกลของศาสตราจารย์เคิร์ก
และในบ้านหลังใหญ่นี้ น้องเล็กลูซี่ได้พบโลกของนาร์เนีย
ที่อยู่หลังตู้ไม้ใบใหญ่ในห้องว่างห้องหนึ่ง
ตอนอยู่ลอนดอนพวกเขาปลอดภัยในหลุมหลบภัย
แต่ในบ้านหลังนี้โลกหลังตู้เสื้อผ้าเป็นที่หลบหน
ีจากแม่บ้านที่ดุร้าย โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่ายังมีสงครามอีกแบบรอเขาอยู่
นาร์เนียเป็นผลงานกำกับ (และร่วมเขียนบท)
หนังคนแสดงจริงครั้งแรกของ
แอนดรูว์ อดัมสัน เจ้าของผลงานการ์ตูนคอมพิวเตอร์เนื้อหา
แหวกแนวล้อเลียนเทพนิยาย Shrek ทั้งสองภาคเขาเอง
เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเพราะหนังเรื่องนี้ที่อุดมไปด้วย
สเปเชี่ยล เอ็ฟเฟ็คส์ สัตว์หลายๆ ตัวในหนังต้อง
สร้างขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งเรื่อง
อดัมสันเองสั่งสมประสบการณ์ด้านนี้ในตำแหน่ง
Visual Effect Supervisor ให้กับหนังแบทแมนที่โจเอล ชูมัคเกอร์กำกับ
ทั้งสองภาค รวมไปถึง A Time to Kill เทคนิคทางด้านภาพ
ในหนังคือความโดดเด่นโดยเฉพาะการสร้างสิงโตตัวเอกของเรื่อง
คือ อัสลาน (ให้เสียงพากษ์โดยเลียม นีสัน) รวมไปถึง
ความน่ารักของบีเวอร์ตา-ยาย และความทุ่มเท
ในการสร้างสัตว์นานาสารพันทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรม
งานด้านฉากตลอดจนโลเคชั่นในหนังพยายามถ่ายทอด
จินตนาการของผู้แต่งให้ได้ใกล้เคียงมากที่สุด
(ยิ่งมาได้ดูหนังเรื่องนี้ในระยะเวลาใกล้ๆ
กับหนังจีนอย่าง The Promise ทำให้ได้ข้อเปรียบเทียบ
ว่าเทคนิคที่สวยเนียนตานั้นเป็นเช่นไร)
จุดเด่นที่ทำให้ Shrek ประสบความสำเร็จคือ
อารมณ์ขันก็ยังคงอยู่ในหนังเรื่องนี้ แต่ก็ไม่แพรวพราวเท่า
Shrek รวมไปถึงฉากแอ็กชั่น ก็ถือได้ว่าทำได้ไม่เลว
หากในโลกนี้ไม่มีหนังอย่าง The Lord of The Rings
Narnia และ Harry Potter มีตัวละครหลักของเรื่องในวัยใกล้เคียงกัน
ขณะที่ Harry โฟกัสไปที่มิตรภาพ ความไว้วางใจช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ของเพื่อนสนิทสามคน เพื่อนก็คงเป็นเพื่อนแม้จะมีเรื่องเข้าใจผิด
ไปบ้างก็พร้อมให้อภัยกันได้เสมอ แต่ Narnia คือ ความรักความ
ผูกพันธ์ของพี่น้องทั้งสี่ที่ต้องดูแลซึ่งกันและกัน
ในยามที่ไม่มีพ่อแม่อยู่เคียงข้าง
นอกจากนี้หนังมีเนื้อหาทางคริสตศาสนาสอดแทรกเข้ามา
ค่อนข้างเด่นชัดไม่ว่าจะเป็นคำใช้เรียกชื่อตัวละคร เช่น
บุตรของอาดัมหรือธิดาของอีฟ
(ในไบเบิ้ลฉบับปฐมกาล อาดัมและอีฟหรือเอวา
เป็นชื่อของมนุษย์คู่แรกที่พระเจ้าสร้าง)
ชื่อพี่คนโต ปีเตอร์ คือชื่ออัครสาวกของพระเยซูเจ้าที่
เป็นผู้สืบทอดงานของพระองค์ไม่ต่างจากมือขวาของ
พระเยซู ปีเตอร์ในหนังก็เป็นเด็กธรรมดาสามัญไม่ได้มี
จุดเด่นอะไรพิเศษ ในช่วงแรกยังกล้าๆ กลัวๆ ด้วยซ้ำ
ไม่ต่างจากเซนต์ปีเตอร์ที่ก่อนพระเยซูจะเรียกมาเป็น
สาวกก็เป็นเพียงชาวประมงธรรมดา
เนื้อหาของหนังเองเป็นการต่อสู้ระหว่างธรรมะกับอธรรม
ฝ่ายธรรมะที่มีผู้นำคือ อัสลาน มีอำนาจน่าเกรงขาม
ไม่อ่อนข้อให้ความเลวร้าย แต่จิตใจอ่อนโยน
รักเด็กๆ เช่นเดียวกับพระเยซู
ฝ่ายอธรรมนำโดยแม่มดขาว แม้รูปลักษณ์ภายนอก
จะเป็นหญิงสาวสวยสง่า เครื่องแต่งตัวเป็นสีขาว
ล้วน
แต่จิตใจกลับมืดบอดดำสนิท เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
ความชั่วร้ายของนางทำให้อาณาจักรแห่งนี้มีแต่ฤดูหนาว
ไม่เคยได้พบสีเขียวสดชื่นมาเป็นร้อยปีแล้ว
ชาวนาร์เนียไม่เคยได้ฉลองคริสต์มาส ซานต้า คลอส
ไม่มาเยี่ยม เมื่อไม่มีคริสต์มาส พระเยซูเจ้าก็ไม่มีโอกาสบังเกิดมา
(ความหมายที่แท้จริงของวันคริสตมาสต์
คือวันบังเกิดของพระเยซู หรือวันคริสตสมภพ)
แต่มนุษย์เรามักมีความอ่อนแอยากยิ่งที่จะทนต่อสิ่งยั่วยวน
เช่นตัวละคร เอ็ดมันด์ในช่วงแรกไม่ค่อยจะรักพี่รักน้องนัก
ไม่คิดถึงหัวจิตหัวใจของผู้อื่น ทำตัวแปลกแยก
เมื่อได้ลิ้มรสขนมหวานชื่นใจอย่างเตอร์กิช ดีไล้ท์
จากแม่มดขาวก็ยากจะหักใจลืม มีแต่จะอยากกินมากขึ้นไม่รู้จักพอ
เมื่อได้ยินข้อเสนอที่จะให้เป็นเจ้าชายก็อดเคลิบเคลิ้มไปไม่ได้
ใฝ่ฝันถึงอำนาจจนทรยศพี่น้องบอกที่ซ่อนไม่ต่างจากยูดา
สาวกที่ขายพระเยซูด้วยเงินไม่กี่เหรียญ
ต่างตรงที่เอ็ดมันด์ยังมีโอกาสได้สำนึกผิดกลับใจสู่หนทางชอบธรรม
ด้วยการเสียสละชีวิตของอัสลาน ให้กับนางแม่มดขาวและลูกสมุน
แต่ด้วยความรักยิ่งใหญ่นี้ทำให้เขากลับคืนชีวิตอีกครั้งในยามรุ่งอรุณ
เช่นเดียวกับพระเยซู (ฉากที่อัสลานโดนทรมานคงทำให้หลายคน
คิดไปถึงหนัง The Passion of the Christ ของเมล กิ๊บสัน)
ลูซี่ตัวละครเด็กที่สุดเป็นตัวแทนความบริสุทธิ์ สะอาดไร้เดียงสา
ที่บางครั้งก็ต้องเจ็บปวดเพราะความไม่เข้าใจของพี่ๆ ซึ่งนักแสดงหน้าใหม่
จอร์จี้ เฮนลี่ย์เล่นบทนี้ได้อย่างน่ารักและขโมยหัวใจของผู้ชมไปได้
ด้วยความตั้งใจของผู้กำกับอดัมสันที่จะถ่ายทอดเรื่องราว
ให้ตรงกับหนังสือให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้แฟนหนังสือเล่มนี้หลายล้านคน
ต้องผิดหวังหรือเสียความรู้สึกทำให้หนังบางช่วงไม่ค่อยชวนติดตามเท่าไรนัก
แต่เรื่องราวในหนังสือยังคงอยู่ในหนังได้ค่อนข้างครบถ้วน
เพราะหนังสือชุดนี้แต่ละเล่มไม่ค่อยยาวนัก (เล่มที่มาทำหนังเรื่องนี้
ฉบับแปลภาษาไทยเนื้อหาประมาณ 200 หน้าเท่านั้น)
ซึ่งก็เป็นข้อเสียอีกอย่างที่ทำให้ขณะที่ดูหนัง
เราจะรู้สึกว่าขาดรายละเอียดบางอย่างไป
นั่นเป็นเพราะหนังสือเองก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากมายนัก
ส่วนใหญ่จะเป็นการให้ตัวละครมาพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วอย่างรวบรัด
ฉากที่หนังเพิ่มเติมรายละเอียดลงไปได้ดีกว่าที่มีอยู่ในหนังสือ
ก็คือ ฉากรบช่วงท้าย ที่มีแท็กติกการรบให้เราได้แปลกใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
หรือการส่งข่าวของต้นไม้ ก็ทำได้น่าอัศจรรย์และงดงามดี
|