กา่รจัดประเภทของหนังสือโรแมนซ์ |
||
โดย may |
||
อันที่จริงการแบ่งประเภทของหนังสือโรแมนซ์เป็นเรื่องที่ว่าง่ายก็ง่าย
แต่ถ้าจะทำให้ยากก็ทำได้อีกเหมือนกัน
โดยทั่วไปหนังสือโรแมนซ์แบ่งออกเป็น
3 ประเภท คือ
แนวอิงประวัติศาสตร์
(Historical)
แนวร่วมสมัย
(Contemporary)
และแนวเหนือธรรมชาติ
(Paranormal)
แต่แน่นอนว่า เพื่อให้เกิดเป็นบทความขึ้นมาได้ การแบ่งที่กำลังจะกล่าวดังต่อไปนี้จะทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้นไปอีก โดยจะแบ่งทั้ง 3 แนวที่กล่าวไปแล้ว ออกเป็นประเภทย่อยลงไปอีก แนวอิงประวัติศาสตร์ (Historical) ชื่อก็บอกแล้วว่าอิงประวัติศาสตร์ ดังนั้นการแบ่งจึงขึ้นอยู่กับยุคสมัยเป็นสำคัญ ซึ่งใช้แนวทางกว้าง ๆ แบ่งได้ดังนี้ Pre-historic หรือยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคนี้ไม่ใช่ว่าจะย้อยไปถึงยุคมนุษย์หินฟรินสโตนอะไรหรอก เพียงแต่ย้อนไปยังยุคกรีก-โรมัน หรืออิยิปต์โบราณเท่านั้นเอง เรื่องแนวนี้ไม่ค่อยมีคนเขียนถึงมากนัก Conqueror หรือยุคล่าดินแดน เป็นเรื่องแนวไวกิ้งที่คุ้นเคยกันดี เป็นเรื่องของการเดินทางเพื่อแสวงโชค หาดินแดน และความมั่งคั่ง ที่เป็นของตัวเองของเหล่านักรบ มักเกี่ยวพันกับสตรีเจ้าของที่ดินเดิมกับไว้กิ้งผู้พิชิต บางส่วนจะนำเรื่องการสร้างชาติในยุโรปยุคต้นมารวมไว้ด้วย Medieval หรือยุคกลาง เป็นยุคที่รัฐก่อนตั้งขึ้นเป็นรูปร่างแล้ว แม้ว่าศาสนจักรจะยังคงมีบทบาทอย่างสูง ระบบศักดินา (feudal) ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย การใช้กำลังในการจัดการปัญหายังคงมีอยู่ Renaissance หรือยุคฟื้นฟูศิลปวัฒนาการ ชื่อนี้เป็นชื่อที่เรียกใช้ในเรื่องที่เกิดในดินแดนที่ปัจจุบันเป็นประเทศอิตาลี ส่วนเรื่องที่เกิดในประเทศอังกฤษมักจะเรียกว่ายุค Elizabethan ทั้งนี้เพราะยุค Renaissance จะตรงกับยุคของพระนางเจ้า Elizabeth ที่หนึ่งแห่งอังกฤษ แต่น่าแปลกที่นิยายโรแมนซ์ที่เกิดในยุคนี้มีไม่มากนัก ทั้งที่เป็นยุคที่ขึ้นชื่อว่าผู้ชายมีเสน่ห์ที่สุดยุคหนึ่ง ว่ากันว่าเป็นยุคที่ชายใช้มือข้างหนึ่งสร้างสรรผลงานทางศิลปะ หรือแต่งบทกวีจีบหญิง ส่วนอีกมือถือกริชที่สามารถปาดคอศัตรูได้ในพริบตา Restoration อันที่จริงยุคนี้บ่งบอกถึงยุคของพระเจ้าชาลล์ที่ 2 แห่งอังกฤษ ซึ่งเป็นสมัยที่อังกฤษกลับมามีกษัตริย์อีกครั้งหลังจากที่ถูกปกครองโดย Oliver Cromwell มานานสิบกว่าปี เป็นยุคที่ว่ากันว่าบรรดาศักดิ์ดยุคเกิดขึ้นมากที่สุด เป็นยุคที่ความสำราญในราชสำนักถูกนำมาตีแผ่ แนวคิดเกี่ยวกับการปกครองโดยสภาเกิดขึ้น อำนาจของกษัตริย์ที่ริดรอนมากขึ้น Georgian เป็นยุคที่ความรุ่งเรืองของศิลปวัฒนธรรมขึ้นสู่จุดสูงสุด การแต่งกายของผู้คนจะสวยสดงดงาม มารยาทกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตในสังคม ในขณะเดียวกันสภาพสังคมก็เริ่มเสื่อมโทรมลงสำหรับคนด้อยโอกาส ช่องว่างระหว่างเจ้าของที่ดินกับคนธรรมดาเริ่มห่างมากขึ้น Regency เป็นยุคสุดฮิตของโรแมนซ์ หนังสือส่วนใหญมักเกิดในยุคนี้ คิดว่าทุก ๆ คนที่อ่านโรแมนซ์คงจะต้องเคยอ่านเรื่องที่เกิดในยุคนี้ เรื่องส่วนใหญ่จะเกิดในห้องบอลรูม วนเวียนอยู่กับฤดูกาลหาคู่ (Season) เรื่องน่ารู้สำหรับหนังสือที่ถูกจัดอยู่ในประเภทนี้ก็คือ มีการแบ่งหนังสือออกเป็น 2 ประเภทย่อยคือ
Victorian ในรัชสมัยของพระนางเจ้า Victoria เป็นยุคที่ความยิ่งใหญ่ของประเทศอังกฤษเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลก บางครั้งเป็นเรื่องที่เกิดในวงสังคม คล้ายคลึงกับหนังสือในยุค Regency แต่บางครั้งจะเป็นเรื่องการผจญภัยหาดินแดนใหม่ของตัวเอง อาจเป็นเรื่องที่เกิดในประเทศออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ ซึ่งในขณะนั้นมีการส่งนักโทษไปจองจำที่นั่นแล้ว สภาพสังคมในยุคนี้ ซึ่งเป็นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วย นับว่าเลวร้ายที่สุด คนรวยมีความเป็นอยู่อย่างฟุ้งเฟ้อสุขสบาย ในขณะที่คนจนการลำบากยากเข็ญอย่างแสนสาหัส หนังสือโรแมนซ์ที่เกิดหลังจากยุค Victorian ยังคงมีบ้าง แต่ไม่มากนักเพราะไม่ค่อยได้รับความนิยม นอกจากนี้ยังมีหนังสือแนวอิงประวัติศาสตร์บางประเภทที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะนั่นก็คือ Western เป็นเรื่องที่เกิดในอเมริกาตะวันตก เรื่องของมือปืนรับจ้าง นายอำเภอผู้รักความยุติธรรม การเดินทางมาของสาวน้อยจากทางฝั่งตะวันออกเพื่อค้นหาบิดาที่สูญหาย ปัจจุบันหนังสือ Western กำลังจะสูญหายไปจากท้องตลาด นักเขียนแนวนี้หลายคนต้องเปลี่ยนแนวหันไปเขียนเรื่องแนวอื่น Americana เป็นเรื่องที่เกิดในอเมริกาเหมือนกันแนว Western แต่จะเป็นเรื่องที่เกิดในเมืองเล็ก ๆ มักเกี่ยวกับผู้คนในเมืองนั้น ตัวละครอาจเป็นคนธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษมากมาย Scottish Romance ประเทศสก็อตแลนด์เป็นดินแดนที่มีมนต์ขลังกับนักอ่านโรแมนซ์ อาจเป็นเพราะนักรบชาวสก็อตมีความเข้มแข็ง น่าเกรงขาม แต่ก็อบอุ่นกับนางเอกเหลือเกิน แนวร่วมสมัย (Contemporary) เรื่องแนวนี้เกิดในยุคปัจจุบัน ดังนั้นการแบ่งคงจะแบ่งมักจะเป็นไปตามแนวเรื่องมากกว่า ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้คือ Category เป็นหนังสือที่มีขนาดหนาไมมากนัก เนื้อเรื่องจะเน้นไปที่ความรักเป็นหลัก คือแทบจะไม่มีการกล่าวถึงประเด็นอื่น ๆ เลย เพราะถูกจำกัดไว้ด้วยจำนวนหน้า ปัจจุบันผู้พิมพ์หนังสือประเภทนี้มีเพียงรายเดียวเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการโรแมนซ์ทีเดียวนั่นก็คือ Harlequin Enterprises Contemporary เป็นเรื่องร่วมสมัยทั่วไป คือจะเน้นที่ความรักเป็นหลักอีกเช่นกัน แต่ความหนาจะมีมากกว่าประเภท Category อาจมีประเด็นรองในเรื่อง หรือมีความรักของตัวละครรอง (Secondary Romance) Romantic Suspense เป็นเรื่องตื่นเต้น มีการสืบสวนสอบสวนค้นหาความลับ แต่สัดส่วนของความรักก็ยังคงมีมากพอกับการสืบสวน เรื่องจะมีความหลากหลายประเด็นมากกว่าประเภทอื่น ๆ ในขณะเดียวกันก็จะไม่ทิ้งเรื่องความรักไว้ Mainstream คล้ายคลึงกับแนว Romantic Suspense แต่จะมีสัดส่วนของความรักของตัวละครเอกในเรื่องน้อยลงอย่างมาก บางเรื่องแทบจะไม่เน้นเรื่องความรักเลย อาจให้ความสนใจประเด็นอื่นในเรื่องมากกว่า แนวเหนือธรรมชาติ (Paranormal) หนังสือแนวนี้จะเป็นเรื่องที่คนเราเชื่อกันว่าเป็นไปไม่ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ ความเชื่อในเรื่องภูติผีปีศาจ ในเรื่องวิญญาณ จะเข้ามีบทบาทอย่างมาก Time-Travel เป็นแนวหนึ่งที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่นักอ่านโรแมนซ์ เป็นเรื่องที่ตัวเอกเดินทางข้ามเวลาไปด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง อาจเป็นการย้อนไปสู่อดีตซึ่งเป็นที่นิยม หรือเป็นการเดินทางไปยังอนาคตก็ได้ Futuristic เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอนาคต ฉากในเรื่องอาจเป็นโลกในอนาคต หรือเกิดขึ้นที่ดาวดวงอื่น อาจมีการนำศัพท์ใหม่ ๆ มาใช้เพื่อบัญญัติความหมายต่าง ๆ มีการสร้างกฎเกณฑ์ในการดำรงชีวิตอยู่ และวัฒนธรรมแปลก ๆ Fantasy หนังสือแนวนี้คล้ายคลึงกับแนว Futruistic แต่ต่างกันตรงที่จะเกิดในโลกที่พวกเราอยู่กัน เพียงแต่ในนี้จะถือว่ามีความเหนือธรรมชาติอยู่จริง เช่น แวมไพร์ หรือ มนุษย์หมาป่า หรือ เกี่ยวกับวิญญาณ นี่เป็นทั้งหมดที่พอจะนึกออกในตอนนี้ ถ้าผู้อ่านคนใดมีข้อเสนอแนะ หรือคำแนะนำก็โปรดส่งความคิดเห็นมายัง |