วัดพุทไธศวรรย์ (Wat PhutThaiSaWan)
วัดพุทไธสวรรย์
มีฐานะเป็นพระอารามหลวง
พระมหากษัตริย์ผู้สร้างคือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ดังมีเรื่องราวการสร้างวัดปรากฎอยู่ใน พงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ซึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์การสร้างวัดในสมัย กรุงศรีอยุธยา ว่า ศักราช 715 ปีมะเส็ง เบญจศก วันพฤหัสบดีเดือน 4 ขึ้น 1 ค่ำ เพลา 2 นาฬิกา 5 บาท ทรงพระกรุณาตรัสว่า ที่พระตำหนักเวียงเหล่านี้ให้สถาปนา พระวิหารและพระมหาธาตุ เป็นพระอารามแล้วให้นามชื่อ "วัดพุทไธศวรรย์" พระตำ หนักเวียงที่กล่าวไว้ในพงศาวดารนี้คือ บริเวณที่ประทับของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อู่ทอง) ก่อนที่จะยกข้ามแม่น้ำไปสร้างพระราชวังที่บึงพระราม วัดพุทไธสวรรย์ เป็นวัดซึ่งตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองกรุงศรีอยุธยา ใน คราวที่พม่านำกำลังมาล้อมกรุงไว้นั้น วัดนี้จึงกลายเป็นที่ตั้งทัพของพม่าอยู่คราวหนึ่ง คือ เมื่อพระเจ้าบุเรงนองแห่งกรุงหงสาวดีทรงส่งพระราชสาสน์ขอม้าขอช้างเผือก จากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ แต่ถูกปฏิเสธ พระเจ้าบุเรงนองจึงยกทัพเข้ามาและกวาดต้อนเอากำลังทางหัวเมืองเหนือ ของไทยมาสมทบด้วย เมื่อยกทัพมาถึงกรุงศรีอยุธยา จึงโปรดให้พระมหาอุปราชาเป็น กองหน้าตั้งค่าย ณ ตำบลเพนียด ทัพพระเจ้าแปรเป็นปีกซ้าย ตั้งค่าย ณ ตำบลทุ่งวัด โพธาราม ทัพพระเจ้าอังวะเป็นปีกขวา ตั้งค่าย ณ ตำบลวัดพุทไธศวรรย์ ทัพพระยาตองอู ทับพระยาจิตตอง ทัพพระยาละเคิ่งเกียกกาย ตั้งค่ายวัดท่าการ้องลงไปถึงวัดไชยวัฒนาราม ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าเสือ ราว พ.ศ.2243 กรมหลวงโยธาเทพ กรมหลวง โยธินสมเด็จพระอัครมเหสีฝ่ายซ้าย และฝ่ายขวา ในสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ โปรดฯให้ตั้ง พระตำหนักใกล้วัดพุทไธศวรรย์ และได้ผนวช "เจ้าตรัสน้อย" พระโอรสที่วัดพุทไธศวรรย์นี้ ด้วย ครั้นต่อมาในปี พ.ศ.2258 กรมหลวงโยธาทิพ ทิวงคต ณ พระตำหนัก ริมวัด พุทไธศวรรย์ พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระจึงได้จัดงานพระศพตามพระราชประเพณี ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จ พระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดพุทไธศวรรย์ เมื่อวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 ปีเถาะ แต่เดิมนั้น วัดพุทไธศวรรย์ ถือเป็นพระอารามหลวง เนื่องจากกษัตริย์เป็นผู้ สร้างต่อมาได้กลายเป็นวัดราษฎร์แต่เมื่อใดไม่มีหลักฐานปรากฎ สันนิษฐานกันว่าคงเป็นใน ช่วงปลายรัชกาลที่ 4 นี่เอง วัดพุทไธศวรรย์ทางกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน โดย ได้รับประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ 75 เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2478 ศิลปะโบราณวัตถุสถาน มีพระปรางค์ตั้งอยู่กึ่งกลางของเขตพุทธาวาส ล้อม รอบด้วยระเบียงคดและกำแพงแก้ว มีพระทุทธรูปประดิษฐานอยู่ภายใน องค์พระปรางค์ ตั้งอยู่บนฐานไพทีย่อมุมงดงาม มีบันไดขึ้นทางทิศตะวันตกและตะวันออก มีมณฑปตั้งอยู่ บนฐานเดียวกัน 2 หลัง ทางด้านเหนือและใต้ ภายในมณฑปมีพระประธาน ด้านตะวันออก ของฐานไพทีเป็นมุขเด็จ เดิมมีพระรูป (เทวรูป) พระเจ้าอู่ทองประดิษฐาน ต่อมาพระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดฯ ให้อัญเชิญพระรูปนี้ไปไว้ที่กรุงเทพฯ และโปรดให้หล่อองค์ใหม่ไปประดิษฐานไว้แทน ส่วนองค์จริงที่อัญเชิญมาไว้ ณ หอพระเทพบิดร ทรงโปรดให้หล่อขึ้นใหม่ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องหุ้มเงินทั้งองค์ พระอุโบสถอยู่ทางทิศตะวันตกของพระปรางค์ วิหารหลวงอยู่ต่อกับพระระเบียง คดวิหาร พระนอนอยู่ทางทิศใต้ วิหารน้อย อยู่ด้านหน้าของวิหารพระนอน พระเจดีย์ ตำหนัก สมเด็จพระพุทโฆษาจารย์ ภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง ฝีมือช่างสมัยอยุธยา |