(เวทีประชาชน 2000 : การพัฒนาต้องมาจากประชาชน ณ ห้องแกรนด์ภูคำ โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 3 - 5 พฤษภาคม 2543)
วิพากย์เอดีบีในภูมิภาคแม่น้ำโขง
ชาลี พาลแมน จากเอซีทีแม่โขง ออสเตรเลีย เห็นว่าขณะที่เอดีบีบอกให้ประเทศอื่นลดการอุดหนุน แต่เอดีบีกลับต้องอาศัยการอุดหนุนจากประเทศต่าง ๆ และในขณะที่เอดีบีพร่ำบอกให้ประเทศอื่น ๆ ต้องมีธรรมรัฐ เอดีบีกลับเป็นองค์กรที่ขาดความน่าเชื่อถือ และบิดเบือนตลาดเพื่อประโยชน์ของภาคเอกชนของญี่ปุ่นและประเทศผู้บริจาคอื่น ๆ นอกจากนี้ชาลีเห็นว่า ออสเตรเลียคงไม่ทำตามถ้าเอดีบีจะให้ออสเตรเลียปรับโครงสร้างภาคเกษตรอย่างที่ให้ไทยทำ ขณะนี้มีองค์กรพัฒนาเอกชนในออสเตรเลียที่ติดตามเรื่องเอดีบี และพยายามผลักดันให้กระบวนการให้เงินเอดีบีของรัฐบาลออสเตรเลียโปร่งใสขึ้น และในปลายปีนี้จะมีการจัดสัมมนาเกี่ยวกับบทบาทของออสเตรเลียในเอดีบี ซึ่งเขาเชื่อว่าการร่วมมือกันจะสามารถทำให้เราเปลี่ยนแปลงเอดีบีได้
ขณะที่ซาโตลุ มัตสุโมโต จากองค์กรเอกชนที่ติดตามการให้กู้เงินของเอดีบีในภูมิภาคแม่น้ำโขง ประเทศญี่ปุ่น ให้ข้อมูลว่า รัฐบาลญี่ปุ่นมีความเกี่ยวข้องกับเอดีบีอย่างมาก โดยเป็นผู้ร่วมทุนในโครงการใหญ่ ๆ เช่น โครงการปรับโครงสร้างภาคเกษตร และโครงการบำบัดน้ำเสียที่คลองด่าน ส่วนโครงการ กก อิง น่าน เป็นโครงการที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนโดยตรงโดยไม่เกี่ยวข้องกับเอดีบี ในขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าหินกรูดกำลังอยู่ในระหว่างการเสนอให้รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุน ซึ่งเหตุผลที่รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนโครงการที่มีปัญหาในลุ่มน้ำโขง เพราะ (1) เจ้าหน้าที่ที่กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นที่ดูแลเอดีบีมีเพียง 3 คน และคนชุดนี้ไม่รู้เรื่องผลกระทบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม (2) คนที่เป็นผู้อำนวยการ (Executive Director) ของรัฐบาลญี่ปุ่นในเอดีบีตัดสินใจโดยไม่รู้ข้อมูล เช่น ไม่รู้เรื่องการปรับโครงสร้างภาคเกษตรในประเทศไทย หรือโครงการบำบัดน้ำเสียที่คลองด่าน และ (3) การให้เงินสนับสนุนเอดีบีไม่ผ่านกระบวนการรัฐสภา จึงทำให้ภาคประชาชนไม่มีโอกาสมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
มาร์ค สิทธิริด จากเอ็นจีโอฟอรั่ม ประเทศกัมพูชา บอกว่า เอดีบีสนับสนุนโครงการด้านการคมนาคม โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนเขมรต้องการ อีกทั้งเอดีบียังเข้าไปเกี่ยวข้องกับการร่างกฎหมายให้สัมปทานป่าแก่ต่างชาติ และให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องทางเทคนิคมากกว่าผลกระทบทางสังคม โดยเฉพาะผลกระทบต่อประชาชนในเขตสัมปทาน ผลกระทบที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การให้สัมปทานในการจับปลาในทะเลสาบ ทำให้คนท้องถิ่นไม่สามารถจับปลาได้
สำหรับ เดฟ ฮับเบิล จากโครงการฟื้นฟูนิเวศวิทยาในอินโดจีนและพม่า พูดถึงกรณีที่เอดีบีให้เงินบริษัท Norwegian Agency for Development (NORAD) ของนอรเวย์ทำการศึกษา การสร้างเขื่อนเทินหินบูนที่แม่น้ำเทิน ประเทศลาว ซึ่งเป็นแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขงที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของลาว เขื่อนนี้ออกแบบในลักษณะเดียวกับเขื่อนปากมูล ซึ่งแล้วเสร็จในปี 2537 ในขณะที่หลายฝ่ายบอกว่าการสร้างเขื่อนนี้จะมีผลกระทบอย่างมาก แต่ NORAD กลับบอกว่าไม่มีผลกระทบทั้งยังจะมีปลามากขึ้นด้วย เอดีบีให้เงินในโครงการนี้จำนวน 60 ล้านเหรียญสหรัฐ เขื่อนสร้างเสร็จต้นปี 2541 ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ จำนวนปลาลดลงร้อยละ 60 90 และความหลากหลายของปลาลดลง มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่ทำมาหาเลี้ยงชีวิตจากการจับปลาให้แม่น้ำเทินจำนวนถึง 70,000 คน
3 พฤษภาคม 2543
คณะทำงานติดตามผลกระทบโครงการเงินกู้เอดีบี