เรื่องสามก๊ก เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ของจีน ซึ่งเดิมเป็นนิทานที่เล่าต่อๆ มา แล้วพวกงิ้วก็นำไปแสดงบนเวที จนเป็นที่แพร่หลาย ( อุดม ดุจศรีวัชร ๒๕๔๓ : ๓๑ ) จนกระทั่ง นักปราชญ์คนหนึ่งชื่อ   ล่อกวนตง   ชาวเมืองฮั่งจิ๋ว   ได้เลือกเอาพงศาวดารตอนหนึ่งมาแต่งขึ้น ในสมัยราชวงศ์ไต้เหม็ง ราวปี พ.ศ. ๑๙๑๑-๒๑๘๖ มีความยาว ๒๒๐ ตอน

                        ต่อมามีนักปราชญ์จีนอีก ๒ คน คือ   เม่าจงกัง และกิมเสียถ่าง   ช่วยกันแต่ง เพิ่มเติมอีก   แล้วพิมพ์จำหน่ายเป็นที่แพร่หลาย   เรียกว่า "ซำก๊กจี่" หรือ "สามก๊กจี่"   แปลว่าจดหมายเหตุเรื่องสามก๊ก สามก๊ก มีผู้แปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง ๑๐ ภาษา

                        ส่วนการแปลเป็นภาษาไทยนั้น สันนิษฐานว่าแปลในปี พ.ศ. ๒๓๔๕ในสมัย รัชกาลที่ ๑   โดยเจ้าพระยาพระคลัง (หน)   เป็นแม่กองในการแปล การใช้สำนวนภาษาดี ถ้อยคำ ที่อ่านเข้าใจง่าย   จึงมีการคัดลอกไว้หลายสำนวน   แต่สำนวนที่ตีพิมพ์เป็นครั้งแรก ที่โรงพิมพ์ หมอบรัดเลย์   มิชชันนารีชาวอเมริกัน   เป็นสำนวนที่ได้สอบกับต้นฉบับของ   สมเด็จเจ้าพระยา บรมมหาศรีสุริยวงศ์ และได้พิมพ์ออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๐๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ (พรทิพย์ แฟงสุด ๒๕๔๔ : ๗๘)

                        วรรณคดีสโมสร   สมัยรัชกาลที่ ๖   ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๗   ได้ตัดสินให้ สามก๊ก เป็นวรรณคดี  ประเภทความเรียงยอดเยี่ยมเรื่องนิทาน  เสมอเรื่องราชาธิราช เพราะมี สำนวนภาษาที่สละสลวย เนื้อเรื่องสนุกสนาน สอดแทรกแง่คิดไว้มากมาย ถือกันว่าเป็นตำรา สำหรับศึกษากลยุทธในการทำสงครามและประวัติศาสตร์ของจีนเป็นอย่างดี


      

ที่มา:

พรทิพย์ แฟงสุด. หนังสือเสริมประสบการณ์วิชาภาษาไทย ท ๓๐๕, ท๓๐๖. ๒๕๔๔.

วิชาการ,กรม กระทรวงศึกษาธิการ. หนังสือเรียนภาษาไทย ท ๓๐๕, ท ๓๐๖ ชุดทักษะสัมพันธ์เล่ม ๓. ๒๕๓๙.