DETECTIVE CONAN VOL.3

File 01 : ตระกูลฮาตะโมโตะ
โคโกโร่ โคนัน และรัน ได้ไปเที่ยวเกาะ แต่เนื่องจากโคโกโร่จำเวลาเรือออกผิด ทั้งสามจึงมีโอกาสได้กลับบ้านด้วย
เรือลำใหญ่ของตระกูลฮาตะโมโตะแทน ขณะที่รันกับโคนันกำลังชมวิวทะเลยามเย็นอยู่ที่ดาดฟ้าเรือนั้น ก็พบกับ
นัตสึเอะ คนในตระกูลฮาตะโมโตะ กำลังร้องไห้อยู่ รันจึงถามเธอว่าเป็นอะไร นัตสึเอะก็ตอบว่าเธอนึกอยากจะให้
พ่อกับแม่ที่ตายเมื่อปีที่แล้วได้มีโอกาสเห็นเธอมีความสุขในวันนี้ เพราะเธอเพิ่งจะแต่งงานกับทาเคชิบนเกาะที่รัน
กับโคนันเพิ่งจากมานี่เอง ด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่บนเกาะเป็นของตระกูลฮาตะโมโตะ ตระกูลจึงมักจะมาจัดงานใหญ่
ๆ บนเกาะนี้ จากนั้นคนในตระกูลฮาตะโมโตะก็ทยอยปรากฏตัวออกมาเรื่อยๆ เริ่มจากโกโซ (ต้นตระกูลฮาตะโม
โตะ) คิตาโร่ (สามีของมาริโกะ) มาริโกะ (ลูกสาวคนโตของโกโซ) โจจิ (ลูกชายคนที่ 2 ของโกโซซึ่งเป็นเชฟอาหาร
ฝรั่งเศส) อิจิโร่ (ลูกชายของคิตาโร่กับมาริโกะ) อากิเอะ (พี่สาวของนัตสึเอะ) ทัตสึโอะ (สามีของอากิเอะ)
โกโซโวยวายกับคิตาโร่ที่รับคนนอกตระกูลขึ้นเรือมาด้วย และเหน็บแนมอิจิโร่ที่กำลังนั่งสเก็ตช์ภาพอยู่ว่าไม่ได้
เรื่องเหมือนพ่อ "เป็นพ่อก็หัดสั่งสอนมั่งสิ ให้มันทิ้งความฝันลมๆ แล้งๆ ไปซะ!!" จากนั้นโกโซก็เรียกทาเคชิไป
คุยที่ห้อง มาริโกะปลอบสามีให้อดทนจนกว่าโกโซจะตาย เพื่อที่มรดกจะได้ตกเป็นของเขาทั้งหมด แต่อากิเอะ
กลับบอกว่ารู้มาจากพ่อบ้านแล้วว่าโกโซวางแผนทั้งหมดเกี่ยวกับมรดกไว้แล้ว แผนนั้นทำให้มาริโกะตกตะลึงจน
อ้าปากค้าง แล้วอากิเอะก็กล่าวเป็นนัยว่า "กว่าจะถึงตอนนั้น ต้องทำอะไรสักอย่างล่ะ....."
ทาเคชิไปพบโกโซที่ห้อง โกโซจึงบอกว่าตนจับได้แล้วที่ทาเคชิเป็นลูกชายของไซกิ อิซาโอะ ซึ่งฆ่าตัวตายเพราะ
บริษัทถูกโกโซยึดมา โกโซถามทาเคชิว่าที่เข้ามาตีสนิทนัตสึเอะนั้นทำไปเพื่ออะไร เงินหรือชีวิตของตน โดยที่ไม่รู้
ว่าข้างนอกห้องมีคนแอบฟังอยู่ อาหารเย็นวันนั้น ขณะที่พ่อบ้านเข้าไปตามโกโซไปทานอาหารเย็น เขาก็พบว่า
โกโซกลายเป็นศพอยู่ในห้องพักที่ล็อกอยู่แล้ว

File 02 : ความลับในห้องลับ
ทุกคนรีบวิ่งตรงไปที่ห้องพักของโกโซทันที แต่โคโกโร่สั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในที่เกิดเหตุ เนื่องจากห้องนั้นล็อกอยู่
จนพ่อบ้านต้องใช้กุญแจซึ่งมีอยู่ดอกเดียวไขเข้ามา จึงดูเหมือนว่าโกโซจะฆ่าตัวตาย แต่ถ้าฆ่าตัวตายจริง ทำไม
ถึงไม่มีอาวุธมีคมที่ใช้แทงได้ตกอยู่ข้างๆ เลย โคนันจึงแทรกขึ้นมาว่าเป็นการฆาตกรรมอย่างรีบร้อน เพราะมี
รอยเลือดหยดอยู่ที่ธรณีประตู แสดงว่าโกโซถูกแทงตอนประตูเปิดอยู่ และพอถูกแทงแล้วเขาก็ถอยเข้ามาใน
ห้องและล็อกประตูด้วยตัวเอง ดังนั้น เมื่อคิดถึงเวลาฆาตกรรมแล้ว ทุกคนในตระกูลฮาตะโมโตะยกเว้นนัตสึเอะ
ก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งหมด โคโกโร่สอบถามพ่อบ้านว่าพบเห็นอะไรแปลกๆ ตอนเข้าห้องหรือไม่ พ่อบ้านก็
ตอบว่าพบดอกไม้ที่นัตสึเอะติดบนปกเสื้อให้ทาเคชิ แล้วมาริโกะก็เปิดเผยกับทุกคนว่าทาเคชิเป็นลูกชายของ
ศัตรูเก่าของโกโซ ทุกคนจึงคิดว่าทาเคชิเป็นคนฆ่าโกโซ นัตสึเอะเสียใจมากจนร้องไห้วิ่งหนีไป ท่ามกลางเสียง
โหยหวนของทาเคชิที่ตะโกนก้องว่า "ผมไม่ได้ฆ่าเค้า....ไม่ใช่ผม !!" โคนันก็พบบางสิ่งอยู่ในกองเลือด

File 03 : มรดกอยู่ที่ไหน
สิ่งที่โคนันพบอยู่ในกองเลือดของโกโซนั้นคือเศษขนมปังชิ้นหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดา เพราะอาหาร
มื้อนั้นเป็นอาหารฝรั่งเศสซึ่งมีขนมปังรวมอยู่ด้วย ทุกคนก็กินกันหมดยกเว้นแต่โกโซซึ่งพ่อบ้านบอกว่าเขา
เกลียดอาหารฝรั่งมาก ทาเคชิถูกจับตัวไปขังอยู่ในห้องเก็บของ โคโกโร่พูดถึงหลักฐานว่าถ้าพบลายนิ้วมือของ
ทาเคชิบนอาวุธที่เขาใช้ก็จะได้หลักฐานสมบูรณ์ แต่คาดว่าทาเคชิน่าจะทิ้งลงทะเลไปแล้ว มาริโกะรู้สึกสบายใจขึ้น
ที่มรดกทั้งหมดกำลังจะตกเป็นของสามีของเธอ แต่พ่อบ้านก็ขัดขึ้นว่าโกโซทำพินัยกรรมไว้แล้ว และมรดกทั้ง
หมดก็จะตกเป็นของนัตสึเอะ สร้างความผิดหวังให้กับทุกคนโดยเฉพาะทัตสึโอะซึ่งแต่งงานกับอากิเอะเพราะ
หวังสมบัติของตระกูล กลางดึก รันไปพบนัตสึเอะที่ดาดฟ้าเรือ รันพยายามปลอบใจนัตสึเอะว่าทาเคชิคงไม่ใช่
คนเลวเพราะทาเคชิเป็นถึงคนที่นัตสึเอะเลือกเอง ทันใดนั้น โคนันก็ได้ยินเสียงเหมือนมีของตกน้ำ โคนันจึงวิ่ง
ลงไปดู และพบศพทัตสึโอะนอนตายอยู่ตรงนั้น เสียงกรีดร้องของรันกับนัตสึเอะเรียกทุกคนมาที่จุดเกิดเหตุ 
โคนันรีบวิ่งไปดูที่ห้องเก็บของที่ขังทาเคชิไว้ทันที ก็ปรากฏว่าห้องไม่ได้ใส่กลอนไว้ และทาเคชิก็หายตัวไปแล้ว

File 04 : ล้างตระกูล
โคโกโร่คิดว่าทาเคชิอาจหมายฆ่าทุกคนในตระกูลฮาตะโมโตะ จึงให้ทุกคนไปรวมกันที่ห้องอาหารเพื่อความปลอด
ภัย อากิเอะต่อว่านัตสึเอะที่พาทาเคชิเข้ามาในตระกูล แล้วโคนันก็แทรกขึ้นมาว่าคนร้ายอาจไม่ใช่ทาเคชิ เพราะห้อง
ที่ขังทาเคชิมีกลอนที่ล็อกจากข้างนอก แต่ตอนที่ไปดูกลอนก็ไม่มีรอยพัง แสดงว่าต้องมีคนมาเปิดให้แน่ ซึ่ง
เป็นคนใดคนหนึ่งที่เหลือในตระกูลฮาตะโมโตะ ทุกคนก็เริ่มใส่ร้ายกันเอง โคโกโร่พยายามทำให้เหตุการณ์สงบลง
อิจิโร่ก็ขอตัวไปห้องน้ำ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ จนโจจิพูดขึ้นมาว่าคนที่เปิดกลอนอาจเป็น
ทัตสึโอะเสียเอง ทันใดนั้น ไฟก็ดับ แล้วทุกคนก็ได้ยินเสียงอิจิโร่ดังมาจากห้องน้ำ พอไฟสว่างขึ้นอีกครั้ง ก็พบ
อิจิโร่ถูกแทงบาดเจ็บอยู่ในห้องน้ำ

FIle 05 : นักประดิษฐ์ในความมืด
ที่ตกอยู่ข้างๆ ตัวอิจิโร่นั้นคือมีดของโจจิ แต่โจจิปฏิเสธว่าเขาก็อยู่กับทุกคนในห้องอาหาร ไม่มีเวลาออกมาแทง
อิจิโร่ โคโกโร่เรียกทุกคนไปที่ห้องจ่ายไฟ ที่นั่นมีคนทำกลไกง่ายๆ เพื่อดึงเบรกเกอร์ตัดไฟไว้ จึงสรุปได้ว่าต่อ
ให้อยู่ในห้องอาหารก็อาจเป็นคนทำเช่นกัน แล้วก็สั่งให้ทุกคนไปอยู่รวมกันที่ห้องอาหาร ส่วนตัวเองกับโคนัน รัน
และพ่อบ้าน ก็ออกตามหาตัวทาเคชิกัน จนตัดสินใจไปหากันที่ห้องของทุกๆ คน หลังจากดูจนทั่ว โคนันก็พบ
บางสิ่งในตู้เสื้อผ้าที่ห้องของอากิเอะ หลังจากถามอะไรบางอย่างจากพ่อบ้านแล้ว โคนันก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด

File 06 : ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง
โคโกโร่พูดถึงคดีฆ่าโกโซก่อนว่าดอกไม้ที่ตกอยู่หน้าห้องนั้นเป็นการกระทำเพื่อป้ายความผิดให้ทาเคชิ เพราะหาก
ทาเคชิรีบร้อนขนาดทำดอกไม้ตกไว้จริง แล้วเอาเวลาที่ไหนไปเช็ดรอยเลือดที่น่าจะกระเซ็นออกมานอกห้องด้วย
 ส่วนคดีฆ่าทัตสึโอะนั้น เป็นไปได้ว่าทัตสึโอะไปเห็นตอนคนร้ายกำลังทิ้งมีดที่ใช้เป็นอาวุธตอนฆ่าโกโซ เขาจึงถูก
ฆ่าปิดปาก และคนร้ายคงจะไปเปิดกลอนห้องขังทาเคชิ เพื่อป้ายความผิดให้ทาเคชิอีกว่าเขาเป็นคนฆ่าทัตสึโอะ 
แล้วโคโกโร่ก็เรียกทาเคชิออกมาจากตู้เสื้อผ้าที่เขาซ่อนตัวอยู่ ทาเคชิจึงสารภาพว่าตอนที่ได้ยินเสียงนัตสึเอะร้อง
เขาตัดสินใจจะออกไปหาเธอ แต่ปรากฏว่ากลอนไม่ได้ล็อก พอเขาออกมาได้ก็เห็นทัตสึโอะเป็นศพ ทาเคชิจึงนึก
กลัวว่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรอีก จึงหนีมาซ่อนอยู่ในห้องอากิเอะ ส่วนในคดีแทงอิจิโร่ โคโกโร่กล่าวว่าเป็น
ความพยายามปกปิดตัวเองของคนร้าย เพราะการที่คนร้ายไปเปิดกลอนห้องขังทาเคชิกลับกลายเป็นทำให้ตัว
เองถูกสงสัยอีก ประกอบกับคำให้การของอิจิโร่ที่ไม่น่าเชื่อถือ และมีดที่ตกอยู่ข้างๆ จึงสรุปได้ว่าอิจิโร่นี่แหละ
แทงตัวเอง และเป็นคนฆ่าโกโซกับทัตสึโอะด้วย หลักฐานก็คือเศษขนมปังติดถ่านซึ่งใช้เป็นยางลบสำหรับดินสอ
ถ่านได้ ซึ่งโคนันพบอยู่ในกองเลือดในห้องของโกโซ ส่วนแรงจูงใจนั้นมาจากการที่อิจิโร่แอบรักนัตสึเอะแล้ว
อิจิโร่ก็สารภาพว่าเขาไปขอโกโซให้ได้แต่งงานกับนัตสึเอะ แต่โกโซไม่ยอม แถมยังยกนัตสึเอะให้ทาเคชิแทน
ทำให้อิจิโร่รู้สึกแค้นใจโกโซกับทาเคชิมากจนต้องตัดสินใจฆ่า โคนันเรียกโคโกโร่ไปที่ห้องของอากิเอะ แล้วใช้ปืน
ยาสลบ ของเล่นชิ้นใหม่จากดร. อากาสะ ยิงโคโกโร่จนสลบ แล้วบอกรันให้ช่วยเรียกทุกคนมาที่ห้องอากิเอะ 
จากนั้น โชว์การคลี่คลายคดีของโคโกโร่ก็เริ่มต้นขึ้น

File 07 : ของขวัญประหลาด
รันได้รับจดหมายจากนัตสึเอะ บอกว่าหลังจากเรื่องนั้นทั้งนัตสึเอะและทาเคชิก็ตัดสินใจออกจากตระกูลฮาตะโม
โตะโดยไม่รับมรดก แล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ฟาร์มในฮอกไกโด แล้วก็มีคนมาหาที่สำนักงานนักสืบ เขามาปรึกษา
โคโกโร่เรื่องที่ตั้งแต่สองปีที่แล้วมีคนส่งของเล่นที่เก่าๆ บางชิ้นก็พังแล้ว กับเงินเดือนละ 1 ล้านเยนมาให้จน
รวมตอนนี้ได้ 25 ล้านเยน เขาบอกว่ารู้สึกไม่สบายใจที่ใครก็ไม่รู้ส่งมา โคนันขัดขึ้นมาว่า "ไม่ใช่คนไข้ในอดีต
ของคุณลุงเหรอฮะ?" ทำให้ทุกคนงงมากที่โคนันรู้ว่าเขาเป็นหมอผ่าตัดทั้งที่เขายังไม่ได้บอก จากนั้นเขาก็บอก
ว่าครั้งล่าสุดมีจดหมายแนบมาด้วย 1 ฉบับ เขียนว่า "จ่ายครบ 25 ล้านเยนแล้ว จะมาเอาของแลกเปลี่ยนบ้าง
ล่ะ" ขณะที่โคนันกำลังขบคิดปริศนาชิ้นใหม่นี้ รันก็กำลังนึกสงสัยตัวจริงของโคนันอยู่ในใจ

File 08 : คนเดียวกัน
โคนันถามคุณหมอโองาวะว่าคนที่ส่งมาอาจจะอยากได้อะไรซักอย่าง คุณหมอก็เลยนึกถึงรูปภาพที่แขวนในโรง
พยาบาลซึ่งมีค่าประมาณ 20 ล้านเยน โคนันจึงขอให้ไปดูรูปนั้นที่โรงพยาบาลเบกะ ที่โรงพยาบาล พยาบาลก็
บอกว่าคนที่ชื่อทานากะส่งดอกไม้มาให้อีก เป็นดอกมอร์นิ่งกลอรี่ ซึ่งคุณหมอโองาวะบอกว่าส่งมาให้ตั้งแต่สอง
ปีที่แล้วเช่นกัน แต่จะส่งมาทุกวันที่ 3 สิงหาคม และส่งมาที่โรงพยาบาล โคนันเสนอขึ้นมาอาจอาจเป็นคนไข้ที่
เกี่ยวข้องกับวันที่ 3 สิงหาคม และขอดูประวัติคนไข้ โคโกโร่ดูประวัติคนไข้อยู่ซักครู่ ก็ออกไปดูรูปพร้อมกับ
คุณหมอ ส่วนโคนันขออยู่ที่ห้องทะเบียนดูประวัติคนไข้ รันจึงบอกให้รออยู่ที่นี่ แล้วเธอก็เดินออกไป แล้วก็
แอบเปิดประตูเข้ามาดูใหม่ รันเห็นโคนันกำลังค้นประวัติคนไข้ด้วยท่าทางผิดจากเด็กประถมทั่วๆ ไป แล้วเธอก็
ฉุกคิดขึ้นได้ว่า วันที่ชินอิจิหายไป โคนันก็โผล่มาแทนที่ แล้วโคนันจะเป็นใครไปได้นอกจากชินอิจิ รันจึงตัดสินใจ
จะลองทดสอบดู เธอลองถามโคนันว่าพบอะไรบ้าง แล้วก็บอกว่า "สมแล้วล่ะที่เป็นชินอิจิ !" 

File 09 : ปริศนาวันที่ 3 สิงหาคม
โคนันพอรู้สึกตัวว่ากำลังจะถูกจับได้ เลยพยายามกลบเกลื่อนโดยการหยิบเกมกดที่คุณหมอเอามาด้วยมาเล่น 
แต่พอเล่นจนจบ ตรงหน้าจอ "สถิติ" ก็ปรากฏชื่อ "โอกิโนะ โทโมยะ" โคนันจึงรู้สึกเอะใจว่าลูกชายของคุณหมอ
โองาวะชื่อยูตะ และเขาก็เคยเห็นชื่อโอกิโนะ โทโมยะมาแล้วในประวัติคนไข้ โคนันจึงกลับไปค้นดูอีกครั้ง พบว่า
โอกิโนะ โทโมยะ อายุ 5 ขวบ ตายหลังการผ่าตัดของคุณหมอโองาวะเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ในที่
สุดโคนันก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด เขาตะโกนให้รันไปตามคุณหมอมาด้วยท่าทางที่เหมือนชินอิจิ โคนันเล่าให้โคโกโร่
ฟังว่าของเล่นที่มีคนส่งมาให้ คงจะเป็นของเล่นของโทโมโยะที่จงใจส่งมาด้วยความแค้น ส่วนจดหมายที่คุณ
หมอได้รับนั้นหมายความว่า พ่อของโทโมยะตั้งใจจะมาเอาชีวิตของยูตะ ลูกชายของคุณหมอบ้าง คุณหมอ
โองาวะจึงรีบโทรไปที่โรงเรียนอนุบาลที่ยูตะเรียนอยู่ ก็ปรากฏว่ามีคนมารับยูตะไปแล้ว ทั้งคุณหมอ โคโกโร่ รัน 
และโคนัน ก็วิ่งออกจากโรงพยาบาลมาทันที

File 10 : เส้นยาแดงผ่าแปด
ทุกคนวิ่งออกตามหายูตะ จนไปเจอที่สวนสาธารณะเบกะ ยูตะกำลังเล่นของเล่นอยู่ ส่วนด้านหลังก็คือพ่อของ
โทโมยะ ยืนถือมีดเงื้อง่าหมายจะแทงยูตะ พอดีโคนันยืมลูกบอลจากเด็กที่เล่นอยู่แถวนั้นมาเตะสกัดด้วยรองเท้า
เพิ่มพลังได้ทันเวลา ยูตะจึงรอดตายมาได้ คุณหมอโองาวะรีบวิ่งไปหาลูกชาย แต่พ่อของโทโมยะจี้ตัวยูตะไว้ 
เขาบอกเล่าถึงความคับแค้นใจที่ลูกชายสุดที่รักคนเดียวต้องตาย ทิ้งไว้แต่เถ้ากระดูกกับเงินประกันชีวิตอีก25
ล้านเยน คุณหมอโองาวะขอร้องให้ไว้ชีวิตยูตะโดยจะเอาชีวิตตนไปแทนก็ยินยอม แล้วยูตะก็หันมาหาพ่อของ
โทโมยะแล้วบอกว่า "อ๋อ...คนที่ส่งของเล่นมาให้คือคุณลุงเองเหรอฮะ ขอบคุณนะฮะ คุณลุง ผมเก็บของเล่น
นั่นอย่างดีทุกชิ้นเลยฮะ" ทำให้พ่อของโทโมยะนึกถึงลูกชายตัวเอง เขาทิ้งมีดลงกับพื้นและเริ่มร้องไห้ คุณหมอ
โองาวะขอไม่ให้โคโกโร่แจ้งตำรวจ เพราะตัวคุณหมอเองก็เข้าใจความรู้สึกนั้น ในฐานะของพ่อที่มีลูกชายเช่นกัน
คืนนั้นโคนันกลับมาที่สำนักงานนักสืบ รันก็พูดขึ้นมาลอยๆ ว่าอาจารย์กิชิดะที่สอนพละในโรงเรียนมัธยมเทตัน
กำลังจะแต่งงาน โคนันก็พูดขึ้นว่า "กอริลล่านั่นน่ะเรอะ....." รันจึงจู่โจมโคนันทันทีว่า "ทำไมเธอถึงรู้เรื่อง
อาจารย์ที่โรงเรียนฉันด้วยล่ะ" แล้วเธอก็คาดคั้นให้โคนันสารภาพว่า จริงๆ แล้วเขาคือชินอิจิ พอดีโทรศัพท์ดัง
ขึ้น รันจึงหันไปรับโทรศัพท์ ก็ปรากฏว่าเสียงจากอีกด้านนั้นเป็นเสียงของชินอิจิ ซึ่งจริงๆ แล้วโคนันได้ไปขอ
ร้องดร. อากาสะให้ใช้เครื่องเปลี่ยนเสียงโทรมาหารันด้วยเสียงชินอิจิเพราะตัวเองกำลังถูกสงสัย ด้วยเหตุนี้
โคนันจึงรอดตัวมาได้อีกวาระหนึ่ง