DETECTIVE CONAN VOL.4

File 01 : อัศวินเสื้อเกราะ
มีข่าวลือว่าที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเบกะ มีเสื้อเกราะสมัยยุคกลางเดินได้เอง รันได้ยินข่าวนี้เข้าก็นึกสนุกอยากไปดูมั่ง
 แล้วก็ลากโคโกโร่กับโคนันไปเป็นเพื่อนด้วย ขณะที่รันกำลังชื่นชมภาพสีสวย "ลมหายใจของนางฟ้า" ผู้อำนวย
การพิพิธภัณฑ์ก็เข้ามาคุยด้วย เขาเป็นคนเข้มงวดเรื่องการดูแลงานศิลปะมาก ตอนหนึ่งที่คุโบตะซึ่งทำงานอยู่
ในพิพิธภัณฑ์จับภาพโดยไม่ใส่ถุงมือ ผอ. ก็โวยวายใหญ่ แต่พิพิธภัณฑ์นี้กำลังจะปิดตัวลง เพราะนายทุนมานากะ
ซื้อไปทุบทิ้งสร้างโรงแรมแทน หลังจากเดินดูจนเย็น รันก็แปลกใจที่ป้าย "ห้ามเข้า" ที่เคยตั้งอยู่เมื่อตอนบ่าย
หายไปแล้ว เธอจึงชวนโคโกโร่และโคนันไปดูห้องสุดท้ายที่มีป้าย "ห้ามเข้า" ตั้งไว้ตอนบ่าย ห้องนั้นเป็นห้องจัด
แสดงหัวข้อ "นรกอเวจี" ในห้องมีรูปภาพใหญ่สะดุดตาชื่อ "สวรรค์ลงทัณฑ์" แต่ข้างๆ ภาพนั้นคือศพของคุณ
มานากะ คอถูกดาบเสียบตายคาผนังห้อง สารวัตรเมกูเระมายังที่เกิดเหตุโดยทันที โชคดีที่ที่พิพิธภัณฑ์มีกล้อง
วงจรปิดติดตั้งไว้ ทุกคนจึงไปดูเทปบันทึกภาพที่ห้องควบคุมเผื่อว่าจะถ่ายติดตอนเกิดคดี ก็ปรากฏว่าถ่ายติด
ตอนคุณมานากะถูกฆ่าจริงๆ แต่ทว่าคนที่ฆ่านั้นกลับกลายเป็นเสื้อเกราะอัศวินที่ตั้งอยู่ในห้องนั้นเอง

File 02 : ข้อความที่ทิ้งไว้ก่อนตาย
จากเทปบันทึกภาพ คุณมานากะถูกอัศวินเสื้อเกราะแทงคอด้วยดาบทีเดียวตายสนิท แต่สภาพศพและภาพที่
ปรากฏบนจอภาพช่างเหมือนกับฉากในภาพ "สวรรค์ลงทัณฑ์" บังเอิญอย่างน่าประหลาด โคนันสังเกตเห็นว่า
ก่อนจะถูกฆ่า คุณมานากะหยิบกระดาษที่ผนังมาเขียนอะไรซักอย่างก่อนจะกำไว้ในมือ สารวัตรเมกูเระจึงเอากระ
ดาษในมือศพมาดู ปรากฏว่าบนนั้นมีชื่อ "คุโบตะ" พนักงานคนหนึ่งในพิพิธภัณฑ์เขียนไว้ ประกอบกับคุโบตะที่
ร่วมมือกับนายทุนพยายามจะขายพิพิธภัณฑ์ ทุกคนจึงสงสัยว่าเขาจะเป็นฆาตกรจริงๆ โคนันพบปากกาอันหนึ่ง
ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นปากกาที่ให้เส้นหมึกเหมือนหมึกในกระดาษที่คุณมานากะเขียนก่อนตาย ถึงจะเห็นอย่างนั้น 
โคนันก็รู้สึกข้องใจกับข้อที่ว่า คุโบตะเป็นฆาตกร เขาจึงออกสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตัวเอง จนเริ่มจะตามทัน
ปริศนาที่คนร้ายทิ้งไว้

File 03 : ปากกาที่เขียนไม่ออก
ตำรวจพบชุดเกราะเปื้อนเลือดในตู้ของคุโบตะ นั่นยิ่งทำให้ทุกคนปักใจเชื่อว่าคุโบตะเป็นฆาตกรจริงๆ ยิ่งขึ้น 
แต่โคนันรู้ว่าฆาตกรไม่ใช่คุโบตะแน่ ผอ. ต่างหากที่เป็นฆาตกร แต่เพราะไม่มีหลักฐานอะไรมามัดตัวผอ. ได้ 
โคนันจึงวางแผนล่อให้หลักฐานโผล่ออกมาเอง โคนันแกล้งทำเป็นปวดฉี่จะราด และขอให้ผอ. เขียนแผนที่ทาง
ไปห้องน้ำให้ ผอ. หยิบปากกาขึ้นมาแล้วชะงัก โคนันได้ทีจึงบอกทุกคนว่า ปากกาที่ผอ. เก็บไว้เป็นปากกาที่เขียน
ไม่ออก และชี้ให้โคโกโร่เห็นรอยปากกาไม่มีหมึกขีดฆ่าบนกระดาษเขียนชื่อ "คุโบตะ" แสดงว่าสิ่งที่มานากะเขียน
ลงไปไม่ใช่ชื่อ "คุโบตะ" แต่มานากะคงพยายามขีดฆ่าชื่อคุโบตะทิ้ง เพราะคุโบตะไม่ใช่ฆาตกรที่ฆ่าเขา นอกจาก
นั้นปากกาที่โคนันพบในที่เกิดเหตุก็ยังถูกเก็บปลายปากกาเรียบร้อยผิดวิสัยคนใกล้ตาย แสดงว่าปากกาต้องถูก
สับเปลี่ยนแน่ และคนที่มีปากกาที่เขียนไม่ออกอยู่กับตัวก็คือฆาตกร ซึ่งก็คือผอ. นั่นเอง ผอ. ยอมรับสารภาพ
ผิดทั้งหมด ด้วยควมมรักในงานศิลปะทุกชิ้น ผอ. จึงตัดสินใจฆ่านายทุนมานากะเพื่อปกป้องงานศิลปะที่ตนรัก
เหมือนลูก ข่าวนี้ดังมาก ทำให้คนสนใจพิพิธภัณฑ์และเรียกร้องไม่ให้ทุบทิ้ง และโคโกโร่ในฐานะนักสืบผู้คลี่คลาย
คดีลงได้ก็พลอยดังไปด้วย

File 04 : เผชิญหน้า
โคโกโร่ต้องไปงานแต่งงานเพื่อนที่เกียวโต รันอยากจะไปจึงขอตามมา และเอาโคนันติดมาด้วย ขณะที่โคนันแยก
ตัวออกไปเข้าห้องน้ำ เขาก็บังเอิญไปเจอกับชายชุดดำที่กรอกยาเขาจนตัวเล็กลง โชคดีที่ชายชุดดำทั้งสองยัง
ไม่รู้ว่ายานั้นทำให้คนตัวเล็กลงได้ โคนันจึงดูเหมือนเด็กธรรมดาๆ ในสายตาของชายชุดดำทั้งสอง โคนันตัดสิน
ใจจะลองสืบตามชายชุดดำเผื่อจะได้สูตรยานั้นมา โคนันแอบตามชายชุดดำไปเรื่อยๆ จนถึงตู้เสบียง ก็ถูกรัน
ลากตัวกลับไปนั่งที่ โคนันเลยเอาเครื่องดักฟังห่อหมากฝรั่งติดไว้แถวที่นั่งของพวกชายชุดดำแทน โคนันจึงได้
รู้ว่าพวกชายชุดดำเอาระเบิดเวลาใส่กระเป๋าเอกสารสีดำไปแลกเปลี่ยนของกับผู้โดยสารคนอื่น ซึ่งระเบิดจะระ
เบิดตอน 3 โมง 10 นาที แล้วพอถึงสถานีนาโกย่า พวกชายชุดดำก็จากไปก่อนที่โคนันจะมีโอกาสได้รู้อะไรไปมาก
กว่านี้ โคนันมีเวลาแค่ 40 นาทีเท่านั้นที่จะสืบหากระเป๋าใบนั้น ก่อนที่รถไฟชินคังเซ็นทั้งขบวนจะระเบิด

FIle 05 : ผู้ต้องสงสัยทั้งสี่ในกรีนคาร์
โคนันพยายามแจ้งพนักงานรถไฟว่ามีระเบิด แต่ไม่มีใครเชื่อ โคนันจึงต้องสืบหาเองจากคำพูดที่พวกชายชุดดำ
พูดไว้ จนตามไปถูกที่ชั้น 2 ของตู้เบอร์ 7 ซึ่งเป็นตู้ที่มีที่นั่งชมวิวกับห้ามสูบบุหรี่ ในตู้นั้นมีคนอยู่ 4 คนที่มีกระ
เป๋าเอกสารสีดำ คนหนึ่งเป็นหนุ่มพนักงานบริษัท คนหนึ่งเป็นสาวออฟฟิศ คนหนึ่งเป็นคุณลุงแก่ๆ อีกคนเป็นยา
กูซ่า โคนันเข้าไปคุยกับผู้โดยสารเหล่านั้นทีละคนๆ และพยายามแอบดูในกระเป๋าสีดำด้วย ด้วยความบังเอิญ 
โคนันทำกระเป๋าสีดำของลุงยากูซ่าตกกระแทก เคราะห์ดีที่ในกระเป๋านั้นไม่ใช่ระเบิด จำนวนผู้ต้องสงสัยก็ลดไป
ได้คนหนึ่ง แต่ก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 14 นาทีเท่านั้น 

File 06 : วินาทีสุดท้ายแห่งความสยอง
โคนันถูกรันจับกลับมานั่งที่อีก เวลากระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ โคนันก็ยังไม่อาจระบุได้ว่าใครเป็นเจ้าของกระเป๋า
ระเบิดกันแน่ โคนันตัดสินใจจะบอกความจริงแก่รันว่าเขาคือชินอิจิ เพื่อที่รันจะได้เชื่อเรื่องระเบิด แต่ก่อนที่
โคนันจะได้พูดจนจบประโยค เขาก็ได้ยินเสียงเด็กแทรกขึ้นมาว่า "เราเลยทะเลมาแล้วเหรอคะ" โคนันจึงฉุกคิด
และจับพิรุธคำพูดของสาวออฟฟิศเจ้าของกระเป๋าสีดำได้ ระเบิดอยู่ที่เธอนั่นเอง โคนันวิ่งตรงไปจนเจอสาว
ออฟฟิศกับกระเป๋าสีดำ มีเวลาอีกเพียง 10 วินาทีก่อนระเบิดจะระเบิด โคนันจึงใช้รองเท้าเพิ่มพลังเตะเตะ
กระเป๋าออกไปนอกหน้าต่างรถได้อย่างเฉียดฉิว ระเบิดนั้นระเบิดกลางอากาศห่างจากขบวนรถไฟเพียงเล็กน้อย
เท่านั้น โชคดีที่รถไฟไม่เสียหายและไม่มีใครบาดเจ็บ สาวออฟฟิศถูกตำรวจสอบสวนเป็นการใหญ่ แต่เพราะเธอ
ไม่รู้อะไรมากนัก พวกชายชุดดำจึงหายไปในเงามืดอีกเช่นเคย แต่โคดเนมของชายชุดดำทั้งสอง
"ยิน"กับ"ว้อดก้า" ยังคงติดตรึงในใจโคนันอยู่ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา 

File 07 : รหัสลับ
โคนันช่วยพวกอายูมิแก้ปริศนาชิงรางวัลได้ ทุกคนจึงขอให้รันพาไปรับรางวัลเป็นตุ๊กตาหน้ากากไยเบอร์ที่
โตเกียวทาวเวอร์ บรรยากาศที่โตเกียวทาวเวอร์วันนั้นทำให้รันนึกถึงวันที่เธอมาเที่ยวที่นี่กับชินอิจิ มีคนบังเอิญ
มาหยิบถุงใส่ตุ๊กตาของอายูมิผิดไป เก็นตะจึงค้นของในถุงที่เขาทิ้งไว้แทน เก็นตะเจอกระดาษเขียนสัญลักษณ์
ประหลาดๆ เข้าก็คิดว่าเป็นลายแทงสมบัติ เลยแอบจิ๊กเก็บไว้ จากนั้นเจ้าของถุงก็เอาถุงมาคืนอายูมิจัง แต่จาก
นั้นเขาก็กลับมาใหม่ ถามหากระดาษที่เก็นตะแอบงุบงิบไว้ รันใช้วิชาคาราเต้ขู่ไม่ให้มายุ่งอีก ชายคนนั้นจึงหนีไป
เก็นตะเอากระดาษลายแทงมาอวดเพื่อนๆ และนัดหมายกันว่าพรุ่งนี้จะไปล่าสมบัติกัน

File 08 : ถอดรหัส ABC
เด็กๆ เริ่มต้นการค้นหาสมบัติที่โตเกียวทาวเวอร์ สัญลักษณ์เหล่านั้นดูเหมือนเสื้อผ้ามาก เด็กๆ จึงคิดว่าสมบัติ
อยู่ที่ร้านขายเสื้อผ้า หลังจากค้นจนเย็น โคนันก็ขอแวะที่ร้านขายหนังสือ เขาจึงพบว่าคำว่า "oro" ที่เขียนอยู่ใน
ลายแทงนั้นเป็นภาษาอิตาลี แปลว่าทอง จากนั้นอีกหลายนาทีผ่านไป โคนันพยายามถอดรหัสดู แต่ก็ไม่สำเร็จ 
ขณะที่กำลังปวดหัวอยู่นั้น อายูมิก็ชี้ให้ดูป้ายที่มีรูปร่างเหมือนสัญลักษณ์ในลายแทง โคนันเข้าใจว่ารูปพระจันทร์
ในลายแทงหมายถึงถนนชมจันทร์ แสดงว่าสัญลักษณ์ในลายแทงแสดงถึงป้ายที่อยู่ตามถนนชมจันทร์ และที่จุด
หมายปลายทางก็ต้องมีทองคำอยู่แน่! เด็กๆ วิ่งออกไปด้วยความดีใจ โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีชาย 3 คน
กำลังสะกดรอยตามพวกเขาอยู่ 

File 09 : คำตอบกับคำตอบอีกอย่างหนึ่ง
เด็กๆ ตามป้ายไปจนสุดถนนชมจันทร์ แต่ปรากฏว่าไม่พบป้ายสัญลักษณ์ที่ 5 พวกเขาคิดผิดหรือ? ขณะที่กำลัง
งุนงงอยู่นั้น โคนันก็สังเกตเห็นขาย 3 คนที่ตามพวกเขามา และข่าวในทีวี ไม่ผิดแน่ ชายทั้งสามคือกลุ่มโจรอิตาลี
ที่หลบหนีการจับกุมอยู่ในตอนนี้ โคนันจึงหลอกพวกอายูมิว่าคงไม่มีสมบัติ แล้วบอกให้กลับบ้านไป ส่วนตัวเอง
ก็ออกล่าสมบัติต่อ โคนันคิดขึ้นได้ว่าถ้าคนที่เขียนลายแทงเป็นคนต่างประเทศ รูปพระจันทร์ก็ไม่น่าจะหมายถึง
ถนนชมจันทร์ หากแต่หมายถึงตอนกลางคืนต่างหาก และสัญลักษณ์บนลายแทงก็คือป้ายไฟนีออนซึ่งสามารถ
เห็นได้ชัดตอนกลางคืน หลังจากตามไปได้ 2 ป้าย โคนันก็ถูกพวกอายูมิจับได้ว่าโกหก พวกอายูมิจึงกลับมาตาม
ล่าสมบัติกันต่อ แต่รูปปลาที่เป็นสัญลักษณ์สุดท้ายนี่หมายถึงอะไรกันแน่ เด็กๆ วิ่งไปที่แม่น้ำ แต่ก็ไม่พบอะไร 
จนโคนันคิดขึ้นมาได้ว่าสัญลักษณ์ต้องเป็นไฟนีออน เขาจึงหัวเราะขึ้น แล้วพูดว่า "ปลาส่องแสงไงล่ะ !!!"

File 10 : ตัวจริงของปลาส่องแสง
โคนันพาเพื่อนๆ ขึ้นไปบนตึกที่มีป้ายไฟนีออนตรงตามสัญลักษณ์ในลายแทงอันที่มีคำว่า oro เขียนอยู่ แล้ว
บอกให้มองออกไปข้างนอกทางแม่น้ำ เด็กๆ จึงเห็นไฟจากราวสะพานขึงที่สะท้อนผิวน้ำกลายเป็นรูปปลา ในที่
สุดเด็กๆ ก็พบสมบัติ แต่กลุ่มโจรอิตาลีที่ตามมาก็จับตัวเด็กๆ ไว้ และขู่ให้บอกที่ซ่อนทอง โคนันกับเพื่อนๆ จึง
ร่วมมือกันรอตอนพวกโจรเผลอ ดึงแกนเหล็กที่ยึดเชือกที่ผูกถุงทองไว้ออก ถุงทองจึงหล่นลงมาทับพวกโจร
สลบ ทุกคนรีบออกไปแจ้งตำรวจ กลุ่มโจรจึงถูกจับได้ในที่สุด คดีนี้ก็กลายเป็นผลงานของพวกเขาไป อายูมิ
ชมโคนันว่าเท่ที่สุด และจูบที่แก้มเป็นรางวัลให้ซะด้วย (ว้าวๆ ^_^)