File 01 : ความจริงใต้หน้ากาก
โชคเข้าข้างโคนัน ประตูห้องข้างๆ เปิดออก โคนันจึงแอบหลบเข้าไปข้างใน โคนันหลอกเด็กที่เฝ้าห้องอยู่ว่าเป็น
นักสืบอวกาศ แล้วก็ขอใช้โทรศัพท์ในห้องกับหมากฝรั่ง จากนั้นไม่นาน ก็มีพนักงานโรงแรมเอาอาหารมาเสิร์ฟที่
ห้อง 301 โดยบอกว่ามีคนโทรสั่ง ผู้หญิงคนนั้นก็ปฏิเสธว่าไม่ได้สั่ง แต่ชายใส่หน้ากากก็ตวาดให้เข็นเข้ามาข้าง
ใน ก่อนจะปิดประตูไล่หลังพนักงาน ชายใส่หน้ากากก็เจอหมากฝรั่งที่อุดอยู่ในรูกุญแจ ก่อนที่จะเริ่มกิน ชายใส่
หน้ากากก็หยิบปืนขึ้นมา บอกว่าขอแนะนำแขกอีก 1 คนก่อน หญิงคนนั้นตกใจมาก รีบยกผ้าคลุมรถเข็นขึ้นทันที
โคนันไม่ได้อยู่ที่นั่น ชายใส่หน้ากากหัวเราะแล้วว่า รถเข็นนั้นเป็นตัวหลอก แล้วเขาก็กระชากประตูตู้เสื้อผ้าที่
โคนันซ่อนตัวอยู่ !!! ชายใส่หน้ากากเอาปืนจ่อหน้าโคนัน โคนันจึงยกข้อมือขึ้นเตรียมยิงกระสุนยาสลบ แต่นาฬิกา
ก็ไม่ทำงาน ชายใส่หน้ากากจึงบอกว่าเขาทำให้มันไม่ทำงานตั้งแต่ตอนที่จับตัวโคนันมาแล้ว และ "เก็บไปเสียใจที
หลังในภาพหน้าที่บังอาจดูถูกคนอย่างฉันซะเถอะ หือ... จริงมั้ย? เจ้านักสืบเด็ก ม. ปลาย......คุโด้ ชินอิจิ !!!"
แล้วเขาก็ลั่นไกปืน ปัง !!! แต่ที่พุ่งเข้าใส่หน้าผากโคนันไม่ใช่กระสุนปืน เป็นลูกดอกยางของเล่นเด็กตะหาก แล้ว
ชายใส่หน้ากาก ผู้หญิงคนนั้น กับชายตัวโตก็หัวเราะลั่น ชายใส่หน้ากากถอดหน้ากากออก เขาก็คือนักเขียนนิยาย
นักสืบมือหนึ่งของโลก คุโด้ ยูซากุ พ่อของชินอิจินั่นเอง ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็คือคุโด้ ยูกิโกะแม่ของชินอิจิปลอม
ตัวมา และผู้ชายตัวโตๆ ก็คือดร. อากาสะนั่นเอง แล้วยูซากุก็บอกให้โคนันย้ายไปอยู่ต่างประเทศด้วยกัน เพราะ
เหตุการณ์สมมติทั้งหมดนี้ทำขึ้นเพื่อให้ชินอิจิรู้ตัวว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงขนาดไหน แต่ชินอิจิก็
ปฏิเสธไม่ยอมไปจากญี่ปุ่นด้วยเหตุผลส่วนตัวบางประการ และพ่อก็ตามใจเขาในที่สุด ดังนั้น วันต่อมายูกิโกะก็
ปลอมตัวเป็นฟุมิโยะไปขอฝากโคนันไว้กับครอบครัวโมริต่อ พร้อมด้วยเงินค่าเลี้ยงดู 10 ล้านเยนที่ทำให้โคโกโร่
ตาโต รับเลี้ยงโคนันต่ออย่างเต็มใจ แต่ยูซากุที่คิดจะถือโอกาสนี้โดดงานไปเที่ยวรอบโลก ก็โดนลูกชายเอาคืน
จนได้ เขาถูกคนจากนิตยสารต่างประเทศที่ทราบข่าวว่ายูซากุอยู่ที่ญี่ปุ่นเพราะชินอิจิโทรไปบอกตามมาทวงต้น
ฉบับถึงเครื่องบิน....เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ
File 02 : แขกทั้งสามคน?
โคโกโร่พาโคนันกับรันไปที่บ้านของมารุ เดนจิโร่ ลูกค้าที่จ้างเขาให้สะกดรอยตามภรรยา มารุ อิเนโกะ โคโกโร่เข้า
ไปคุยกับเดนจิโร่และบอกเขาว่าอิเนโกะนอกใจเขาแน่ จากนั้นก็มีเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เดนจิโร่ซึ่งสั่งให้พวก
คนใช้ออกไปนอกบ้านตั้งแต่ตอนโคโกโร่มาหาก็เลยออกไปเปิดประตูรับและพาไปที่เรือนเล็กข้างๆ เดนจิโร่หาย
ไปนานมาก จน 2 ชั่วโมงผ่านไปก็ยังไม่ออกมา จนมีเสียงคนใช้กรี๊ดขึ้นเพราะตกใจที่เห็นโคโกโร่ซึ่งเป็นคนแปลก
หน้าอยู่ในบ้าน โคโกโร่จึงวิ่งออกไปดู ก็เจออิเนโกะ เขาแนะนำตัวว่าไม่ใช่คนแปลกหน้าแต่เป็นนักสืบที่เดนจิโร่จ้าง
มา อิเนโกะจึงให้คนใช้ไปตามเดนจิโร่ที่เรือนเล็ก แล้วคนใช้ก็กรีดร้องขึ้นอีกครั้ง เพราะในเรือนเล็กนั้น มีศพของ
เดนจิโร่ถูกแทงอยู่ในห้องที่มีรอยดาบฟันจนเละ โคโกโร่สั่งให้รันเรียกตำรวจทันที สารวัตรเมกูเระคาดจากสถาน
ที่เกิดเหตุว่าคงจะมีการต่อสู้ และเดนจิโร่ก็ถูกฆาตกรแทงตายด้วยดาบซามูไร ซึ่งดาบนั้นเป็นของเดนจิโร่เอง
เพราะเขาสนใจศิลปะ "อิไอ" มากและมีฝีมือทีเดียว โคนันบอกว่าฆาตกรน่าจะเป็นแขกที่นัดกับเดนจิโร่ไว้
สารวัตรเมกูเระเปิดดูสมุดบันทึกของเดนจิโร่ ในนั้นมีหมายกำหนดการของวันนั้น ซึ่งมีนัดกับคน 4 คน คือ
โคโกโร่ หมอฮาตะโนะซึ่งมาตรวจเบาหวานให้เดนจิโร่อาทิตย์ละครั้ง อาจารย์ช่างแกะสลักอะคุซึ และซึวะ ซึ่งเป็น
วิชา "อิไอ" เช่นเดียวกับผู้ตาย
File 03 : ข้ออ้างของ 3 คน
โคโกโร่บอกกับบรรดาผู้มาใหม่ทั้งสามถึงการตายของเดนจิโร่ โคโกโร่นึกสงสัยซึวะซึ่งเป็นวิชา "อิไอ" แล้วรันก็
บอกให้ดูที่มือของเดนจิโร่ว่าเขากำดาบสลับข้าง สารวัตรเมกูเระจึงคิดว่ามีคนจับดาบให้ถือ และใช้ดาบฟันทั่ว
ห้องเพื่อโยนความผิดให้ซึวะ สารวัตรจึงเริ่มการสอบสวน ซึวะบอกว่าเขามาเพื่อเอาเงินที่ยืมไป 5 ล้านเยนมาคืน
แต่ช่วงเกิดเหตุเขากำลังนั่งสมาธิอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครเป็นพยาน ส่วนอะคุซึบอกว่าเขามาขอเลื่อนเวลาคืน
เงินที่เขายืมไป 1 ล้านเยน และช่วงเกิดเหตุเขาก็กำลังแกะสลักอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครเป็นพยานเช่นกัน ส่วน
หมอฮาตะโนะ เขาบอกว่าช่วงเกิดเหตุเขากำลังดูหนังอยู่ที่กินซ่า โคนันเอะใจที่หมอฮาตะโนะมีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิง
โคนันลองดมกลิ่นผู้หญิงคนอื่นๆ ดู และพบว่าเป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นของอิเนโกะภรรยาผู้ตายนั่นเอง พอ
สารวัตรเมกูเระซักต่อว่าหมอไปดูหนังเรื่องอะไร หมอก็อ้ำๆ อึ้งๆ โคนันก็เลยพูดขึ้นมาว่า "หรือว่าเรื่องซานตา
คลอสฤดูร้อนฮะ?" หมอฮาตะโนะก็ตอบว่าใช่ทันที แล้วรันก็ว่าหนังเรื่องนี้ออกจากโรงไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว
สารวัตรเมกูเระจึงจับได้ว่าหมอฮาตะโนะโกหกและบอกให้ไปคุยที่โรงพัก แต่แล้วอิเนโกะก็ยอมรับสารภาพว่าหมอ
ฮาตะโนะอยู่กับเธอที่โรงแรมเบกะตอนเวลาเกิดเหตุ เพราะหมอฮาตะโนะเป็นชู้รักของเธอเอง สารวัตรถามทุกคน
ว่านัดผู้ตายไว้ตอนกี่โมงกัน โคโกโร่ก็ตอบว่า 2 โมง อะคุซึตอน 4 โมง หมอฮาตะโนะ 5 โมง ส่วนซึวะ 6 โมง แล้ว
ซึวะ หมอฮาตะโนะ และอะคุซึก็บอกว่าได้ฝากข้อความทางโทรศัพท์ไว้ สารวัตรจึงลองเปิดเทปฟังดู มีทั้งเสียง
หมอฮาตะโนะที่บอกว่ากำลังจะไป ซึวะที่บอกว่าจะไปเร็วกว่ากำหนด แต่ไม่มีข้อความของอะคุซึ อะคุซึโวยวายว่า
เขาโทรมาบอกว่าจะไปสายหน่อย แต่ไม่ให้ขายรูปปั้นแกะสลักที่ผู้ตายยึดไว้เป็นประกัน และในห้องนั้น รูปปั้นนั้น
ก็ยังตั้งอยู่ดีมีสุขไม่เสียหายอะไร ต่างจากรูปปั้นอื่นๆ ในห้องที่พังไม่มีชิ้นดี
File 04 : ปริศนาเครื่องรับโทรศัทพ์ตอบรับ
รูปปั้นที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ต่างจากสิ่งของอื่นๆ ในห้องของอะคุซึทำให้โคโกโร่สงสัยว่าอะคุซึโกหกและเป็น
คนฆ่าเดนจิโร่ โคนันถามว่าตอนโทรมาได้ยินอะไรแปลกๆ รึเปล่า อะคุซึก็บอกว่าเขาได้ยินสัญญาณดังอยู่หลาย
หน ซึ่งรันก็คิดว่าอาจเป็นโทรศัพท์ครั้งแรกที่ดังสิบกว่าครั้งจึงเงียบไป สารวัตรจึงลองเปิดเทปอีกที แต่ก็ไม่มี
เสียงของอะคุซึจริงๆ โคนันจึงลองคิดถึงคำพูดของคนทั้ง 3 อีกครั้ง และรู้สึกเอะใจกับประโยคที่ผิดปกติของ
คนๆ หนึ่ง สารวัตรถามอิเนโกะว่าในห้องมีของมีค่าอีกรึเปล่า อิเนโกะก็บอกว่าในลิ้นชักในห้องมีกุญแจตู้เซฟ แต่
พอเธอเปิดหาลิ้นชักที่สามีใส่ไว้เป็นประจำก็ไม่เจอ ไปเจออยู่ในลิ้นชักอีกอัน โคนันสังเกตเห็นรอยฟันบนตู้ลิ้นชัก
ว่ารอยฟันไม่ต่อกัน พอเขาเอื้อมมือจะแตะตู้ก็โดนตำรวจไล่ โคนันเลยขอยืมกล้องโพลารอยด์จากคนใช้ในบ้าน
ไปถ่ายรูปตู้ แล้วเอาคัตเตอร์ตัดรูปลิ้นชักมาต่อใหม่ เขาจึงเจอสาเหตุที่คนร้ายจงใจใช้ดาบฟันห้องให้เละ ก่อนที่
สารวัตรจะพาตัวอะคุซึไปสอบสวนต่อ โคโกโร่ที่หลับด้วยฤทธิ์ปืนยาสลบของโคนันก็ค้านขึ้นว่าทั้งหมดเป็นกล
ลวงของคนร้ายตัวจริง "ฆาตกรคนนั้น...คือคุณ !!!"
File 05 : คำให้การของตู้ลิ้นชัก
"ฆาตกรคนนั้น....คือคุณ คุณซึวะ !!"
โคโกโร่บอกว่าในขณะที่ซึวะกำลังฆ่าเดนจิโร่ เขาก็เผอิญได้ยินเสียงอะคุซึที่โทรมาฝากข้อความ เลยได้รู้เรื่องรูป
ปั้นและคิดแผนโยนความผิดให้อะคุซึ และซึวะก็ย้อนเทปกลับแล้วอัดเสียงตัวเองทับเสียงของอะคุซึไว้เพื่อให้อะ
คุซึไม่มีหลักฐาน และถ้ามีเสียงของซึวะตอนเกิดเหตุเขาก็จะพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยทันที ถึงกระนั้น ในข้อ
ความของซึวะก็มีช่องโหว่ให้จับได้อยู่ นั่นคือซึวะบอกว่าตัวเองกำลังจะ "ไปถึงเร็วกว่ากำหนด" ซึ่งผิดวิสัยคน
ปกติที่รู้ว่าคนที่กำลังจะไปหาไม่อยู่บ้านแล้วยังจะไปเร็วกว่ากำหนดอีก นอกเหนือไปจากนั้น รอยฟันบนตู้ลิ้นชัก
ที่ไม่ต่อกัน ยังแสดงให้เห็นว่าลิ้นชักถูกสลับตำแหน่ง โคโกโร่จึงขอให้สารวัตรเมกูเระเรียงลิ้นชักให้รอยฟันต่อ
กันใหม่ ก็ปรากฏเป็นข้อความจากผู้ตายเขียนว่า "ซึวะ" ซึวะจึงสารภาพว่าเขาโกรธที่เดนจิโร่ขายดาบ "คิคุจิโยะ"
ที่เขาวางเป็นประกัน ซึ่งตกทอดในตระกูลซึวะมานาน จึงคว้าดาบฟันหลังเดนจิโร่ทันที แล้วซึวะก็พุ่งตัวใส่
โคโกโร่ เงื้อดาบฟัน ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน ซึวะยั้งมือไว้ก่อนคมดาบจะลงหัว เขากล่าวชมโคโกโร่ที่
รับดาบได้โดยไม่สะทกสะท้าน ก่อนตำรวจจะพาตัวเขาไป แต่พอโคโกโร่ตื่นขึ้นมาเจอแผลเลือดไหลขนาด 3
มิลลิเมตรบนศีรษะ เขาก็ร้องลั่นบ้าน
File 06 : ขบวนการนักสืบรุ่นเยาว์
โคนันซึ่งเล่นเกมแพ้ที่เกมเซ็นเตอร์เมื่อหลายวันก่อน ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเก็นตะ มิสึฮิโกะ และอายูมิ เขา
เอาเข็มกลัด Detective Boys ที่ดร. อากาสะทำให้ ซึ่งติดเครื่องรับส่งวิทยุขนาดจิ๋วไว้มาให้ พวกอายูมิดีใจกัน
ยกใหญ่ และตัดสินใจเริ่มขบวนการนักสืบ พวกเขาแอบเข้าห้องเสียงโรงเรียนไปประกาศผ่านลำโพง "พวกเรา
เริ่มงานนักสืบกันแล้ว!"เย็นวันนั้น ลูกค้าคนแรกก็มาหา เขาขอให้หาตัวอากิระ แมวที่หายตัวไป โดยจะให้การ์ดไอ้
มดแดงรูปหายากแบบไฮเปอร์โกลเด้นการ์ดเป็นค่าจ้างถ้าหาเจอ นักสืบจิ๋วจึงได้งานแรกไปทำ พวกเขาออกตาม
หากันตลอดเย็นก็ไม่เจอ จนไปได้ยินเสียงแมวร้องมาจากบ้านหลังหนึ่ง ใช่อากิระที่กำลังตามหาอยู่แน่ แต่ปรา
กฏว่ามีเลือดติดเต็มตัวมันไปหมด โคนันจับแมวขึ้นมาดู ไม่มีแผลบนตัวแมว แสดงว่าเลือดมาจากที่อื่น โคนันรีบ
ปีนรั้วเข้าไปในบ้านนั้นทันที และในห้องน้ำที่แมววิ่งออกมานั้นก็มีศพคุกเข่าหน้าคว่ำอยู่ในอ่างน้ำ ทีมนักสืบจิ๋วจึง
รีบโทรแจ้งตำรวจ พอสารวัตรเมกูเระมาถึง ก็กดกริ่งเรียกคนในบ้าน คนที่ออกมาเปิดประตูรับเป็นผู้ชายใส่แว่น
ไว้หนวด พอสารวัตรเมกูเระขอเข้าไปตรวจในห้องน้ำ ก็ปรากฏว่าศพหายไปจากห้องนั้นแล้ว
File 07 : พี่น้องลึกลับ
ชายใส่แว่นเจ้าของบ้านหัวเราะเยาะที่ตำรวจเชื่อคำพูดของเด็กๆ ก่อนจะขอตัวไปนอนที่ชั้น 2 สารวัตรเมกูเระคิด
ว่าตั้งแต่ตอนที่เด็กๆ พบศพจนถึงเวลาที่ตำรวจมาถึงนั้นนานพอที่จะเอาศพไปซ่อน จึงสั่งให้ตำรวจช่วยกันหา
ให้ทั่ว จนน้องชายของชายใส่แว่นกลับมาถึงบ้าน เขาแนะนำตัวว่าชื่อทานากะ โทโมฟูมิ โคนันพบบางสิ่งปลิวจาก
ชายเสื้อของโทโมฟูมิด้วย มันคือใบไม้ใบหนึ่ง หลังจากหาจนทั่วบ้าน สารวัตรเมกูเระก็ขอค้นห้องของพี่ชายเขา
เขาจึงเคาะประตูเข้าไป ในห้องนั้นค่อนข้างโล่งไม่มีอะไร พี่ชายยังเปิดทีวีทิ้งไว้ แต่พอโทโมฟูมิพูดว่า "หลับไป
แล้วน่าจะปิดทีวีซะก่อน...." ทีวีก็ปิด เขาจึงรีบออกจากห้องทันที โคนันลองบอกสารวัตรว่าอาจจะมีคนอุ้มศพ
ออกไปทางหลังบ้าน ตำรวจจึงลองไปดูหลังบ้าน ก็ปรากฏว่าหลังกำแพงด้านหลังเป็นกำแพงกั้นน้ำและมีทาง
เดินแคบๆ พอให้คนๆ เดียวเดินไปได้เท่านั้น ไม่มีทางที่จะแบกศพเดินไปด้วย สารวัตรเมกูเระจึงคิดว่าเด็กๆ
โกหก แล้วก็ขับรถจากไป โคนันซึ่งยังไม่ยอมตัดใจง่ายๆ ก็กลับเข้าไปในบ้านอีก เขาเจอเพื่อนๆ ที่ซ่อนตัวอยู่
บนต้นไม้ หรือว่าโคนันจะคิดผิด?
File 08 : ไขปริศนาที่หายไป
โคนันตัดสินใจจะกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง โคนันจึงบอกให้เพื่อนๆ นักสืบจิ๋วไปรออยู่หน้าตู้โทรศัพท์ที่อยู่หน้า
บ้าน แล้วจะติดต่อมาทางวิทยุในตรานักสืบจิ๋ว แล้วโคนันก็เข้าไปข้างในทางหน้าต่างห้องน้ำ โคนันเห็นน้องชาย
เอาโทรศัพท์ไร้สายไปวางที่โทรศัพท์บนโต๊ะ เขาจึงเริ่มอ่านทางออก พอขึ้นไปที่ห้องพี่ชาย เขาก็เข้าใจเรื่องทั้ง
หมด โชคร้ายที่ตอนนั้นน้องชายเข้ามาในห้องพอดี โคนันจึงรีบไปหลบหลังตัวพี่ชาย แต่ขณะที่น้องชายกำลังจะ
เดินออกไปจากห้อง เก็นตะก็วิทยุเข้ามา น้องชายจึงจับได้ว่ามีคนอยู่ในห้อง เขาหันกลับมาทันที โคนันจึงบอกว่า
ศพที่ตำรวจหาไม่เจอนั้น ที่แท้ก็คือตัวพี่ชายที่นั่งดูทีวีอยู่นั่นเอง ทีมนักสืบจิ๋วพอได้ยินจากวิทยุ ก็รีบโทรศัพท์
แจ้งตำรวจทันที โคนันเปิดโปงเรื่องที่น้องชายอำพรางคดีว่า ตอนแรกพอรู้ว่าเด็กๆ เห็นศพ ก็ล้างเลือดในอ่าง
อาบน้ำ จับศพพี่ชายแต่งตัวแล้วเอาไปนั่งที่เก้าอี้บนชั้น 2 แล้วตัวเองก็ปลอมตัวเป็นพี่ชายมาต้อนรับตำรวจ
เสร็จแล้วก็ฉวยโอกาสตอนตำรวจกำลังยุ่งวุ่นวายปีนหนีออกไปข้างนอก ปลอมตัวกลับเป็นน้องชาย แล้วกลับ
เข้ามาในบ้าน ทำทีว่าไม่รู้อะไรเลย ส่วนเรื่องที่พี่ชายตะโกนลงมาจากชั้น 2 ได้นั้นก็เป็นเสียงจากเทปตอบรับ
โทรศัพท์ ซึ่งน้องชายกดเรียกให้ทำงาน ส่วนโทรทัศน์ที่ปิดเองก็เป็นการตั้งเวลาปิดอัตโนมัติเท่านัน โทโมฟูมิพอ
ได้ยินอย่างนั้นก็ตะโกนลั่นว่า "ฉันเป็นคนฆ่าพี่ชายเอง !!!" โดยไม่รู้ว่าเสียงนั้นผ่านวิทยุบนตรานักสืบไปเข้าหู
สารวัตรเมกูเระที่ยืนถือหูโทรศัพท์อยู่เต็มๆ โคนันใช้รองเท้าเพิ่มพลังเตะ เตะกาน้ำไปโดนหัวน้องชายสลบ และ
ถูกจับได้ในที่สุด ส่วนขบวนการนักสืบจิ๋วก็สามารถกอบกู้ชื่อเสียงเอาไว้ได้
File 09 : ในคืนวันเทศกาล
เรื่องเกิดขึ้นที่โรงแรมโอเคยาม่า จังหวัดไซตามะ ชายผิวคล้ำเหนี่ยวไกปืนที่จ่อหน้าผากเพื่อนร่วมห้องตัวเอง
ก่อนจะล้วงเอากระเป๋าเงินและวิ่งหนีออกไปทางคลอง เขาทิ้งแจ็กเก็ต ผ้าพันคอ กระเป๋าเงิน และปืนลงคลอง
ไป และหยิบกล้องขึ้นมา...โคนัน โคโกโร่ และรัน ได้ไปร่วมงานเทศกาลฉลองฤดูใบไม้ผลิที่ไซตามะด้วย ขณะที่
กำลังเดินเที่ยวงาน รันก็ถูกชายผิวคล้ำขอให้ช่วยถ่ายรูปเขากับตัวหนังสือไฟบนภูเขา แล้วเขาก็แนะนำตัวว่าเป็น
นักเขียนสารคดีชื่อซาซาอิ โนริคาซึ แต่เมื่อก่อนเป็นนักเขียนนิยายใช้นามปากกา "อิมาอิ โทโมคาซึ" ซึ่งรันรู้จักดี
โคโกโร่สงสัยว่าชื่อนี้น่าจะเป็นชื่อของอิมาทาเคะ ซาโตรุ นักเขียนที่ได้รางวัลมากกว่า ซาซาอิเลยตอบว่าเป็นเพื่อน
เก่ากัน เมื่อก่อนก็แต่งหนังสือด้วยกัน และวันนี้ก็มาอยู่ด้วยกันเพื่อฉลองรางวัลด้วย จากนั้นซาซาอิก็ขอให้รัน
ช่วยถ่ายรูปให้อีกสองสามใบ จนไปเจอโยโกมิโซะซึ่งเป็นตำรวจ โยโกมิโซะขอคุยกับซาซาอิ เพราะอิมาทาเคะ
เพื่อนของเขาถูกฆ่าตายที่ห้องพักในโรงแรมที่เขากับซาซาอิพักอยู่ โยโกมิโซะพอรู้ว่าคนที่ตามเขามาด้วยเป็นนัก
สืบโคโกโร่คนดัง โยโกมิโซะจึงขอความเห็นจากโคโกโร่ ในชั้นแรกโคโกโร่คิดว่าเป็นการปล้นชิงทรัพย์ธรรมดา
แต่โยโกมิโซะกลับคิดว่าเป็นการฆาตกรรมโดยฝีมือของซาซาอิ ซาซาอิจึงเอากล้องของตัวเองให้ตำรวจเอาไป
ล้างฟิล์มดูว่าเขาอยู่ที่งานเทศกาล ฝ่ายโคนันดูจากสภาพห้องก็นึกสงสัยซาซาอิขึ้นมาทันที แต่ในกล้องนั้นมีดี
อะไรทำให้ซาซาอิมั่นใจขนาดนั้น จากภาพ 7 ใบที่ได้ ปรากฏภาพซาซาอิอยู่ที่งานตอนจุดอักษรไฟตัวแรกเมื่อเวลา
ก่อน 8 โมง 25 นาที เป็นหลักฐาน เขาพูดความจริงหรือ รึว่านี่เป็นเพียงหลักฐานปลอม
File 10: การวางแผนที่แนบเนียน
กล้องที่ซาซาอิใช้ก็เป็นกล้องแบบใช้แล้วทิ้ง ไม่สามารถใช้เทคนิคพิเศษกับภาพถ่ายได้ แต่จู่ๆ โคนันก็พูดขึ้นมาว่า
ตั้งแต่เข้ามาซาซาอิก็มัวแต่คุยกับตำรวจ ไม่ใส่ใจสำรวจว่าข้าวของตัวเองถูกขโมยบ้างรึเปล่า ซาซาอิจึงเริ่ม
ตรวจดู ก็ปรากฏว่าไม่มีอะไรหาย ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งร้องไห้วิ่งเข้ามาหาศพของอิมาทาเคะ เขาแนะนำตัวว่า
ชื่อยามาดะ อยู่กองบรรณาธิการของนิตยสารบุนเกย์ที่ลงเรื่องของอิมาทาเคะ แต่ถ้าอิมาทาเคะตายตอนนี้แล้ว
จะไปหาใครมาเขียนแทน ซาซาอิเลยเอางานของเขาให้ยามาดะอ่าน ยามาดะก็ตกลงให้ซาซาอิเขียนแทนอิมาทาเคะ
พอยามาดะกลับไป โคนันทักขึ้นมาว่า ตอนที่ถูกยิงอิมาทาเคะกำลังแปรงฟันอยู่เพราะมีฟองยาสีฟันเปื้อนปากอยู่
เลยไม่ปกติที่จะออกไปเปิดประตูให้คนแปลกหน้าขณะที่กำลังแปรงฟัน โยโกมิโซะที่ได้ยินเข้าเลยว่ายิ่งเป็นไปได้
ใหญ่ที่ซาซาอิจะเป็นคนฆ่า แต่รูปที่ซาซาอิถ่ายไว้ล่ะ โคนันจึงลองนึกถึงพฤติกรรมทั้งหมดที่ซาซาอิแสดงออก
หลังจากดูภาพเหล่านั้นอีกครั้ง โคนันก็ปักใจเชื่อว่าซาซาอินี่แหละฆาตกร และเขาก็อ่านแผนการฆ่านั้นออกแล้ว