ผลงานทั้งหมดที่ลงอยู่ในหน้า
Novel เป็นสิทธิส่วนตัวของผู้เขียน หากมีผู้ใดต้องการจะทำการคัดลอกหรือดัดแปลงผลงานบางส่วน
หรือทั้งหมดเพื่อนำไปใช้ในการอื่น นอกจากอ่านเพื่อความบันเทิง กรุณาติดต่อเพื่อขออนุญาตจากผู้เขียนตาม
e-mail ที่ให้ไว้เสียก่อน ขอบคุณสำหรับความร่วมมือค่ะ อีกประการหนึ่งนักเขียนทุกคนต้องการกำลังใจและคอมเมนท์(แม้ว่าบางคนจะไม่พูดออกมา)ไม่ว่าจะเป็นคำติหรือคำชมนะคะ
เพราะฉะนั้นเมื่ออ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงไ ก็เมลไปคอมเมนท์ได้ตามอีเมลที่ให้ไว้ของแต่ละคน
หรือไม่ก็โพสต์คำติชมไว้ในบอร์ดก็ได้ค่ะ
|
Wolf (1) by...Rai เขาขับรถไปตามถนนสีฝุ่นที่มุ่งสู่ภูเขาสูง โดยทิ้งเมืองใหญ่ไว้ข้างหลัง หมอกที่ปกคลุมดูคล้ายกับผ้าห่มขนาดมหึมาที่วางพาดผืนผา ระยะทางที่ห่างไกลจากตัวเมืองทำให้ดูเหมือนกับเป็นอีกโลกหนึ่ง โลกที่เต็มไปด้วยความลึกลับ สวยงาม และสงบ ผิดกับโลกที่เขาจากมา เขาเชื่อว่านี่เป็นเวลาที่สมควรจะทิ้งเมืองใหญ่เพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ละทิ้งสิ่งที่ทำร้ายเขาไว้เบื้องหลัง "ดีจริงที่มันยังไม่เปลี่ยนแปลง" ชายหนุ่มคิดในใจ สภาพแวดล้อมที่คุ้นตาทำให้ดูเหมือนกับว่าเขาได้กลับบ้าน แม้จะต้องอยู่ตามลำพัง แต่เขากลับไม่รู้สึกเหงาแต่อย่างใด การที่เขาคุ้นเคยกับที่นี่มากอาจจะเป็นเพราะมันเป็นสถานที่ที่ครอบครัวของเขาใช้เป็นสถานที่พักผ่อนในช่วงวันหยุดทุกปีนับแต่เขาจำความได้ พ่อของเขาสอนการใช้ชีวิตกลางแจ้ง ทั้งแกะรอยสัตว์ ตั้งแคมป์ ตกปลา ตลอดไปถึงการดูดาวบนท้องฟ้า เมื่อนึกถึงครอบครัวที่ไม่ได้มีอีกต่อไปแล้ว ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเศร้าซึมในทันที พ่อและแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว ทิ้งกิจการของครอบครัวให้เขาดำเนินงานต่อไป แต่เขาซึ่งไร้ประสบการณ์กลับโดนคนที่ไว้ใจที่สุดหลอกลวง ตอนนี้หุ้นของบริษัทถูกเร่ขายคล้ายกับขยะไร้ค่า เขาหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง หมดแม้แต่กำลังใจที่จะตามทวงทุกสิ่งกลับคืนมา เขากลับมาที่นี่เพื่อสงบจิตใจและหวังจะได้พลังในการเริ่มต้นใหม่กลับไปด้วย บ้านพักที่ก่อสร้างด้วยซุงหยาบ ๆ ดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบข้าง ชายหนุ่มขนข้าวของและสัมภาระเข้าที่พัก ซึ่งกว่าจะเสร็จก็เย็นมากแล้ว เขาปรุงอาหารง่าย ๆ และจุดไฟที่เตาผิงเพื่อสร้างความอบอุ่นภายในบ้านพัก ชายหนุ่มผู้โดดเดี่ยวนั่งละเลียดอาหารไป พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่ายามค่ำคืนของที่นี่จะมาเร็วกว่าที่คิด อาจเป็นเพราะที่นี่ไม่มีแสงสังเคราะห์ที่สะท้อนจากตึกสูง หรือแหล่งบันเทิงอย่างในเมือง 'เขาอยู่ที่นั่น' 'ในที่สุดเขาก็กลับมา' เร็วกว่าที่คิดไว้' "เสียงอะไร?" ชายหนุ่มอุทานกับตนเองเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างแทรกเข้ามาระหว่างความสงบที่กำลังดำเนินอยู่ในตอนนี้ เสียงนั้นดังแว่วจากนอกบ้านพัก เหมือนกับเสียงกระซิบกระซาบ เท่าที่เขารู้มานั้นไม่มีสัตว์ชนิดไหนทำเสียงแบบนี้ได้ เขาพยายามเงี่ยหูฟังอีกครั้งอย่างตั้งใจ "เขารู้ว่าพวกเราอยู่ใกล้เขา
สัญชาติญาณดีกว่าที่เราคิดเอาไว้" สุนัขป่าสีดำขนาดใหญ่ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มคำรามให้คนอื่นอยู่เงียบ
ๆ มันเฝ้าดูแมทธิวผ่านนัยน์ตาสีเหลืองแวววาว จับตาดูทุกความเคลื่อนไหว และเฝ้ารอ
มันคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาที่บ้านพักในช่วงนี้ เพราะไม่ใช่วันหยุดยาวประจำปี ***** แมทธิวเงี่ยหูฟังเสียงสัตว์ป่า
ใจเต้นระทึก ประสาทสัมผัสตื่นตัวเต็มที่หลังจากเขาทิ้งความเครียดและความบอบช้ำที่ได้รับในเมืองใหญ่ไว้เบื้องหลัง "หล่อนบอกว่าฉันไม่เหมาะสมและคู่ควรกับหล่อน" แมทธิวรำพึงกับตัวเอง เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่อย่างเหลืออด เพราะตอนนี้เขาไม่มีทรัพย์สมบัติมหาศาลเฉกเช่นในอดีต ชายหนุ่มเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นต้องการก็คือเงินทองของเขา ไม่ใช่ตัวของเขา ก่อนหน้านี้เขาสนุกกับการแย่งชิงตัวหล่อนจากผู้ชายคนอื่น แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยเหลือเกินกับการต่อสู้ในสนามรักเพื่อผู้หญิงที่ทะเยอทะยานและเย่อหยิ่ง ***** ยิ่งฝูงสุนัขป่าขยับเข้าไปใกล้บ้านพัก
แมทธิวก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีบางสิ่งกำลังดิ้นรนอยู่ภายในร่างกาย เหมือนกับเมล็ดพันธุ์ที่ค่อย
ๆ เจริญเติบโต แทรกตัวขึ้นจากพื้นดิน แผ่ขยายรากไปกว้างเหลือคณานับ บางสิ่งที่ร่ำร้องอยู่ข้างในคล้ายกับต้องการจะดันออกมานอกร่างกายของมัน แมทธิวไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เขากำลังถูกตรวจสอบ ปฏิกริยาของเขาดูเหมือนจะไม่เหมาะกับกลุ่มตามที่สุนัขป่าหลายตัวกังวล เพราะเมื่อฝูงของสุนัขป่าได้ขยับเข้าใกล้ถึงตัว เขามีเวลาแค่หันกลับไปดู พริบตาเดียวชายหนุ่มก็ถูกกระแทกจนล้มลงบนพื้นทั้งยืน สัตว์ป่าขนาดใหญ่ข่มขู่เขาด้วยเขี้ยวคมวาววับ ภาพตรงหน้าทำให้ร่างกายของแมทธิวคล้ายเป็นอัมพาตไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้ สุนัขป่าสองตัวสีเทากับน้ำตาล ยืนขวางไม่ให้ชายหนุ่มขยับตัวหนีไปไหนได้ แล้วหัวหน้าฝูงก็ย่างเท้าเข้ามาในบ้านพัก มันยืนตระหง่านหน้าเตาผิง นัยน์ตาลุกโชนเหมือนเปลวไฟ พร้อมกับจ้องมองชายหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะส่งสัญญาณให้สุนัขป่าตัวอื่นขยับออกไป แล้วมันก็ย่างสามขุมไปยังร่างของชายหนุ่ม แมทธิวนิ่งงัน ตัวแข็งแทบลืมหายใจ ชายหนุ่มคิดว่าสุนัขป่าคงจะตรงเข้ามากระชากคอหอยเขาแน่นอน แต่ทันใดนั้นเจ้าสุนัขป่าขนาดใหญ่นั้นกลับคำรามในลำคอเบา ๆ ก่อนที่จะอ้าปากอันมหึมางับที่แขนเขา กดเขี้ยวคมจมบนผิวเนื้อจนเลือดและน้ำลายผสมปนกัน "โอ๊ย!!!" ชายหนุ่มร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ความเจ็บปวดนั้นบาดลึกลงไปเรื่อย ๆ จวบจนกระทั่งเขี้ยวขาวจมไปในเนื้อจนมิด สักพักมันก็ถอนเขี้ยวออกจากผิวเนื้อของชายหนุ่ม แล้วปล่อยให้แขนของเขาตกลงข้างตัว ก่อนจะยืนนิ่งเพื่อคอยดูปฏิกริยาของแมทธิว ชายหนุ่มกัดกรามกรอดเพื่อข่มความเจ็บปวด แต่ก็ทนไม่ไหว เขาได้แต่ครางออกมาเสียงแผ่ว เจ้าสุนัขป่าสีดำยังคงยืนตระหง่านจ้องมองเขาอยู่ แล้วเจ้าสัตว์ป่าก็ทำเรื่องที่เขาไม่คาดคิด มันค่อย ๆ ก้มลงเลียรอยกัดนั้น แมทธิวผวาลุกขึ้นแล้วกระตุกแขนหนีทันทีตามสัญชาติญาณ ก่อนจะเสียหลักล้มกระแทกพื้นอีกครั้ง พวกสุนัขป่าขยับตัวออกห่างในระยะที่เหมาะสมกับการเฝ้ารอดู ทันใดนั้น เหมือนกับมีปรากฏการณ์กลุ่ม พวกมันหันไปมองที่ยอดเขาพร้อมกัน พระจันทร์สีเหลืองสดปรากฏให้เห็น ตอนนี้มันมองดูคล้ายกับกองไฟที่ส่องแสงในความมืด แมทธิวยังนอนอยู่ที่เดิม จ้องมองฝูงสุนัขป่าที่เริ่มต้นหอนโหยหวน เขารู้สึกคล้ายกับมีคลื่นปั่นป่วนในร่างกาย เหมือนมีกระแสไฟวิ่งวนไปทั่วอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ทำให้ร่างกายร้อนเหมือนจะลุกไหม้ ชายหนุ่มยันตัวเองขึ้นจากพื้น กระชากเสื้อผ้าทิ้ง แล้วต่อมาเขาก็ยืนอย่างมั่นคงด้วยขาทั้งสี่ ร่างกายของเขาสมบูรณ์ไปทุกส่วน สุนัขป่าทุกตัวมองหัวหน้าฝูงแล้วนึกเคารพในการเลือกของเขา "เขาสมบูรณ์มาก เหมือนอย่างที่คิดเอาไว้" ภาพสุนัขป่าสีทองที่เห็นอยู่ตรงหน้าคล้ายกับจะจุดความปรารถนาของสุนัขป่าสีดำที่เป็นหัวหน้าฝูงให้ทวีขึ้น ตอนนี้เขาได้พบสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตแล้ว หลังจากที่ได้อดทนรอ และเฝ้าคอยมานาน "เกิดอะไรขึ้น?" แมทธิวรำพึง แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อไม่ได้ยินเสียงของตนเอง เสียงมนุษย์หายไป มันถูกแทนที่ด้วยเสียงของสุนัขป่า เมื่อการเปลี่ยนแปลงร่างกายเสร็จสมบูรณ์ ตอนนี้สุนัขป่าขนสีทองที่ส่องเป็นประกายใต้เงาจันทร์รอคอยที่จะเข้าร่วมฝูง สุนัขป่าหัวหน้ากลุ่มส่งสัญญาณด้วยการร้องคำรามเสียงดังพร้อมกับเริ่มต้นออกวิ่งนำฝูงหมาป่าตัวอื่น มันวิ่งตะลุยไปข้างหน้าโดยไม่เหลียวกลับไปมอง คล้ายกับรู้ว่าแมทธิวจะต้องวิ่งตามหลังมันมาอย่างแน่นอน นับเป็นเวลาหลายชั่วโมง ผ่านป่าใหญ่และตะบึงไปสูงขึ้น สูงขึ้น ขึ้นไปบนภูเขาที่ไม่มีมนุษย์คนไหนไปถึง ความลึกลับและตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาทำให้พวกมนุษย์พากันหวาดกลัวในสถานที่นั้น ในที่สุดฝูงสุนัขป่าก็มาถึงทุ่งหญ้าเล็ก ๆ มีบึงใสที่พวกมันสามารถดื่มกินกันได้อย่างเต็มที่ สุนัขป่าสีทองที่วิ่งตามมาข้างหลังฝูงหอบจนตัวโยน มันมองสุนัขป่าตัวอื่นด้วยความระวังระไว พวกฝูงสุนัขป่าทำสัญญาณเรียกมันเข้ามาร่วมกลุ่ม พระจันทร์ลอยเด่นเหนือศีรษะ แสงจันทร์ทอดผ่านดงไม้เห็นเป็นเงารูปร่างแปลกตา แมทธิวมองภาพเงาไม้ที่ปรากฏตรงหน้าแล้วประหลาดใจว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นดูแปลกตาไป อาจจะเป็นเพราะเขามองผ่านมันด้วยนัยน์ตาสีเหลืองอำพันของสุนัขป่า แมทธิวมองฝูงสุนัขป่าที่ทำกิจกรรมส่วนตัวบนพื้นหญ้าด้วยความสนใจ ความรู้สึกและสัญชาติญาณของสุนัขป่าเข้ามาอยู่ในตัวเขา ตอนนี้แมทธิวรู้แต่ว่าตนเองจะต้องเข้าร่วมในฝูงของสุนัขป่า แต่ในฐานะอะไร? เพราะเท่าที่เขาเรียนรู้มานั้น ในวงศ์วานของสัตว์จำพวกสุนัขจะต้องจัดลำดับสมาชิกในกลุ่ม เพื่ออำนาจและการควบคุม แมทธิวเริ่มสงสัยในบทบาทของตนในฝูง ร่างกายของเขาที่เต็มไปด้วยพลังงานของสุนัขป่าหนุ่มอาจจะทำให้เขาสามารถช่วงชิงอำนาจหรือตำแหน่งที่ดีในฝูงได้ เขามองและประเมินพละกำลังของสุนัขป่าตัวอื่นที่รวมกลุ่มอยู่อย่างใช้ความคิด หลายตัวมีขนาดใหญ่และดูกล้าแกร่งจนนึกสยดสยองเมื่อนึกไปถึงภาพการต่อสู้ระหว่างเขากับสุนัขป่าที่มีขนาดตัวมหึมาพวกนั้น แต่โชคดีว่าตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีตัวไหนที่สนใจจะเข้ามาทดสอบพละกำลังกับเขา พลันสายตาของแมทธิวก็เหลือบไปเห็นสุนัขป่าสีดำตัวมหึมา ตัวที่กัดและเปลี่ยนแปลงเขา ดูเหมือนมันจะมีฐานะเป็นหัวหน้าฝูง เจ้าหมอนั่นยืนห่างออกไปจากกลุ่มทำให้ดูเด่นสะดุดตา สายตาของทั้งคู่ปะทะกันอย่างตั้งใจ แมทธิวไม่คิดจะท้าทายแต่ความสับสนในตำแหน่งของตนในฝูงทำให้เขากล้าที่จะเผชิญหน้า สุนัขป่าสีดำขยับตัวแล้ว แมทธิวรู้สึกตึงเครียดไปทั้งร่างเพราะรู้ดีว่าเมื่อเผชิญหน้าหรือต้องต่อสู้กับอีกฝ่ายเสร็จสิ้นแล้ว ตนเองก็จะรู้ได้ทันทีว่ามีฐานะอะไรในฝูง หัวหน้าฝูงคำรามก้อง สุนัขป่าตัวอื่นที่ยืนรายรอบแหวกทางให้ผู้นำของตน ร่างสูงใหญ่กำยำพ่วงพีที่ปกคลุมด้วยขนสีดำสนิทจนเห็นเป็นเงาสะท้อนในแสงจันทร์แสดงถึงสุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกาย มันก้าวเคลื่อนเข้าไปหาแมทธิวช้า ๆ สุนัขป่าขนสีทองยืนนิ่งขึง พยายามเตือนสติตนเองไม่ให้ตื่นเต้นลนลานจนเกินไปนัก แม้ขนาดตัวจะย่อมกว่า แต่หากเขาสามารถหลบการโจมตีของอีกฝ่ายแล้วโต้กลับทันควัน ผลการต่อสู้อาจจะไม่เลวร้ายเกินไปนัก สมองของแมทธิวเขม็งตึงด้วยสถานการณ์ที่ตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ เขากำลังเตรียมรับมือกับเขี้ยวคมหรือเสียงคำราม แต่แล้วเมื่อร่างสูงใหญ่ของหัวหน้ากลุ่มเข้าถึงตัว แมทธิวก็รู้สึกถึงความอบอุ่นของร่างใหญ่ที่เสียดสี สุนัขป่าสีดำถูต้นคอของมันกับต้นคอของสุนัขป่าสีทองเป็นการทักทาย แมทธิวไม่คุ้นเคยกับสัมผัสดังกล่าว ดังนั้นเขาจึงขยับตัวหลบและก้าวเท้าหนี แต่อีกฝ่ายแข็งแรงและรวดเร็วกว่า มันกระชากงับต้นคอของแมทธิวแล้วลากเข้าไปในถ้ำ สุนัขป่าสีทองพยายามดิ้นรนแต่ก็ไร้ผล รู้สึกถึงเขี้ยวคมที่ฝังลึกบนคอของเขา เรี่ยวแรงที่มีมากกว่าดึงเขาให้เข้าไปในถ้ำ แมทธิวไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรกับตน การขัดขืนแม้จะทำสุดกำลังแต่ก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น หัวหน้ากลุ่มงับตัวเขาจนเกือบลอยจากพื้น สภาพในตอนนี้เหมือนแม่สุนัขคาบลูกสุนัข เมื่อเข้าสู่ส่วนลึกของถ้ำ สุนัขป่าสีดำก็เหวี่ยงร่างสีทองลงไปในพื้นถ้ำที่ปูด้วยใบไม้แห้ง แมทธิวกระสากลิ่นของอีกฝ่ายที่อบอวลอยู่ทั่ว เขาสรุปได้ในทันทีว่าที่นี่คงเป็นถ้ำของเจ้าหัวหน้าฝูง และเขาก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้เกี่ยวกับธรรมชาติของสุนัขป่า มีเพียงสุนัขป่าตัวเมียเท่านั้นที่จะอยู่ร่วมถ้ำเดียวกับสุนัขป่าตัวผู้! แต่เขาไม่ใช่สุนัขป่าตัวเมีย แมทธิวขยับตัวถอยไปยังมุมถ้ำ แยกเขี้ยวขู่และคำรามใส่อีกฝ่าย สุนัขป่าสีดำเมื่อเห็นปฏิกริยาอีกฝ่ายจึงคำรามกลับเหมือนจะสั่งให้อีกฝ่ายเชื่อฟังมัน แต่แมทธิวปฏิเสธ เขี้ยวขาวยังแยกกว้าง เสียงขู่ดังอึงในลำคอ สร้างความขัดเคืองให้กับอีกฝ่ายไม่น้อย สุนัขป่าหัวหน้าฝูงพุ่งตัวเข้าหาสุนัขป่าสีทอง มันกัดต้นคออีกฝ่ายแล้วคร่อมกดลงบนพื้นที่ปูด้วยใบไม้แห้งด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล แมทธิวพยายามขืนตัวไว้ แต่ไม่สามารถสู้แรงอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย เพราะร่างของสุนัขป่าสีดำนั้นมีขนาดใหญ่กว่าเขามาก เขารับรู้ถึงเขี้ยวขาวคมของสุนัขป่าสีดำที่ฝังลึกและตรึงแน่นกับต้นคอของเขาจนปวดหนึบ แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนมีบางสิ่งแทรกผ่านเข้าไปในร่างกาย ความรู้สึกนั้นมันเจ็บปวดยิ่งกว่าคมเขี้ยวที่จมลึกบนต้นคอ เขาร้องและหอนด้วยความเจ็บปวดทุกครั้งที่สิ่งนั้นขยับลึกลงไปเรื่อย ๆ แม้ในเวลาต่อมาเสียงร้องของเขาจะเปลี่ยนเป็นเสียงคราง แต่ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมหยุด ต้นคอเขาอ่อนเปลี้ยเหมือนเป็นอัมพาต ทั้งร่างนิ่งขึงเหมือนไม่มีแรง ***** "นายได้ยินเสียงหอนของเขาแล้วใช่ไหม แสดงว่าเขายอมรับโลธาร์แล้ว" สุนัขป่าสีน้ำตาลหันไปพูดกับคู่ของตน หูของมันเงี่ยฟังเสียงร้องจากการจับคู่และความเจ็บปวด จอห์นยังจำได้ดีถึงเมื่อครั้งที่คู่ของเขาเปลี่ยนแปลงเขา ในตอนนั้นเขาเองก็ขัดขืนเช่นกัน "นายขย้ำคอหอยฉันเกือบตายนะบาร์ท" ใช่ เพราะนายไม่ยอมแต่โดยดี แต่ฉันเลือกนาย ฉันคอยเฝ้าดูนายอยู่หลายคืน กลัวว่านายจะไม่กลับมาที่บ้านพัก แต่นายก็กลับมา" บาร์ทสุนัขป่าสีเทาพูดพร้อมกับใช้จมูกดุนศีรษะอีกฝ่าย ชีวิตของเขามีเพื่อจอห์น และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไปตราบชีวิตจะหาไม่ *****
แมทธิวขยับตัวเบา ๆ พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดของร่างกายท่อนล่าง เขามองแขนแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่โอบรัดรอบเอวเขา ละเรื่อยไปจนถึงใบหน้าที่เขาไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นมาก่อน ผิวคร้ามเข้ม ผมสั้นเกรียนสีดำ ทั้งร่างอีกฝ่ายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเขาถึงได้มานอนอยู่ที่นี่ ในถ้ำกับผู้ชายอีกคน หรือเขาถูกวางยาและทำร้ายร่างกาย ดูเหมือนว่าชายตรงหน้าจะตื่นเพราะรู้สึกถึงการขยับตัวของแมทธิว นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มคล้ายสีของท้องทะเลของชายแปลกหน้าดึงดูดสายตาของแมทธิว เพราะมันเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ผิดกับรูปหน้าที่คล้ายจะดุดัน "เอ่อ---ผมมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วคุณเป็นใคร?" เขาถามชายตรงหน้าอย่างระมัดระวัง "ฉันชื่อโลธาร์ เธอถูกเลือกแล้ว แมทธิว เธอจับคู่กับฉัน และเธอก็เป็นของฉัน" โลธาร์เอ่ยแนะนำตัว เสียงนั้นดังกังวานเหมือนคนที่เคยชินต่อการออกคำสั่งอยู่ตลอดเวลา "คุณพูดว่าอะไรนะ?" แมทธิวขมวดคิ้วเพราะไม่สามารถเรียบเรียงประโยคของอีกฝ่ายที่พูดออกมาให้ฟังเข้าใจได้ในทันที บางทีเขาอาจจะฟังผิดไป "ฉันบอกว่าเธอเป็นของฉัน" ชายผิวคล้ำย้ำประโยคเดิม นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มมีแววขบขันเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของอีกฝ่าย พร้อมกับลากนิ้วเรียวยาวสัมผัสร่างของแมทธิวเหมือนเขามีสิทธิในร่างกายของอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ตามที่ได้พูดเอาไว้ แมทธิวสะดุ้งในสัมผัสของอีกฝ่าย เขาตะปบนิ้วของโลธาร์ไว้แน่น "จะบ้าหรือไง ผมไม่ใช่ของคุณ และไม่มีวันเป็นของใครทั้งนั้น" แมทธิวเสียงสั่นด้วยความโมโห พยายามจะขยับตัวออกจากการถูกกดทับ แต่ด้วยน้ำหนักของอีกฝ่ายหรือความอ่อนเพลียของเขาก็ตาม ที่ทำได้ก็เพียงแค่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของโลธาร์เท่านั้น นัยน์ตาสีเขียวสดคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตระหนกเมื่อพบว่าเขาไม่สามารถป้องกันตัวเองได้แม้แต่น้อย เขาอยากจะคิดว่าตอนนี้เขากำลังฝันไป หรือไม่ก็ตกเป็นเหยื่อของพวกคลั่งพิธีกรรม หรือพวกติดยา หรืออะไรก็ตามที่มันฟังดูบ้า ๆ "เป็นความจริงแมทธิว ตอนนี้เธอได้กลายเป็นสุนัขป่า และเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราแล้ว การจะถูกเลือกหรือไม่นั้น มันเป็นชะตากรรม" โลธาร์จูบแก้มและหน้าผากอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา แล้วลูบมืออีกฝ่ายเหมือนจะปลอบประโลม "ผม ไม่ " แมทธิวตัวสั่นระริก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษ เขาไม่สิทธิจะกำหนดชีวิตของตัวเองหรือไรกัน เขาไม่ได้ต้องการอยู่ในฐานะนี้ ไม่ได้ต้องการเข้าร่วมเป็นพวกสุนัขป่า เขายังมีภาระในเมืองใหญ่ที่จะต้องกลับไปสะสาง โลธาร์เคลียจมูกกับแก้มอีกฝ่ายเพื่อปลอบโยน "ใจเย็นไว้ ตัวเธอสั่นเหมือนคลื่นในท้องทะเล เธอน่าจะรู้แล้วในตอนนี้ว่า ไม่มีทางจะหวนกลับได้ ไม่มีทางไปจากฉันได้" "คุณหมายความว่าอะไรที่ว่าไม่มีทางหวนกลับได้ ผมต้องกลับบริษัทเพื่อสะสางงานและผมก็ไม่ต้องการจะเป็นนักโทษของคุณด้วย" ความโกรธพุ่งขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตนจะต้องอยู่ร่วมกับอีกฝ่ายโดยที่ไม่เต็มใจ แมทธิวพยายามแกะมืออีกฝ่ายออกจากตัว "ฉันไม่ได้คิดว่าเธอเป็นนักโทษของฉัน" โลธาร์พยายามแก้คำพูดของอีกฝ่าย "แต่คุณไม่ยอมปล่อยผมไป ไม่ใช่หรือ?" นัยน์ตาสีเขียวสดทอประกายขุ่นเคือง "ก็คงจะสักช่วงระยะเวลาหนึ่ง ฉันคงจะอธิบายเรื่องนี้ได้ไม่ชัดเจนนัก เพราะฉันเองก็ไม่ใช่นักพูดที่ดีนักหรอก แต่ตอนนี้ฉันจะสอนเธอให้รู้ว่าเธออยู่ในฐานะอะไร" โลธาร์รัดแขนที่โอบรอบเอวอีกฝ่ายแน่นขึ้น แล้วรั้งร่างอีกฝ่ายแนบเข้าหาตัว ความแข็งแรงของเขาทำให้ยกร่างของแมทธิวได้เหมือนกับเบาหวิว ทั้งที่จริงแล้วแมทธิวไม่ใช่คนรูปร่างเล็ก แต่ค่อนข้างจะสูงโปร่งด้วยซ้ำ แต่กลับเทียบความสูงและความหนาของอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่น้อย ทันทีที่แมทธิวมองนัยน์ตาที่แสดงถึงความต้องการของอีกฝ่ายก็รู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ "อย่า!" แมทธิวพยายามดันร่างของตนออกห่างจากอีกฝ่าย ทั้งมือและเท้าสะบัดไปทั่วทั้งเตะและต่อย มันป่ายไปโดนร่างสูงใหญ่ของโลธาร์เต็มแรง แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของอีกฝ่ายจะไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย "ดูเหมือนเธอจะเป็นคนที่เข้าใจอะไรได้ยากจริง ๆ" น้ำเสียงของโลธาร์คล้ายจะรำคาญอยู่ไม่น้อย เขารวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างไว้แน่นด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็พยายามปัดป้องแรงเตะจากขาของอีกฝ่าย ใบไม้แห้งที่ปูรองนอนนั้นปลิวฟุ้งกระจายไปทั่ว "ปล่อยสิโว้ย!" แมทธิวดิ้นรนแม้จะรู้ว่ามันคงจะไร้ผล แต่เขาจะไม่ทางยอมรับชะตากรรมง่าย ๆ หรอก แม้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาไปแล้วก็ตาม สัญชาติญาณดิบของโลธาร์ลุกโชนเมื่อเห็นใบหน้าสวยเกรี้ยวกราด ความรู้สึกอยากเอาชนะปะทุขึ้นในทันที เขาดันร่างแมทธิวล้มคว่ำลงบนพื้นที่ปูด้วยใบไม้แห้ง มือแกร่งตวัดรั้งเอวเล็กยกขึ้นเผยให้เห็นบั้นท้ายที่ลอยโด่งของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน มันยังมีร่องรอยแดงช้ำจากการร่วมรักเมื่อคืนที่ผ่านมา ชายหนุ่มผู้มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝูงสุนัขป่าหัวเราะเบา ๆ ในลำคอเมื่อได้ยินเสียงร้องห้ามและด่าทอของอีกฝ่าย ก่อนจะกดร่างตัวเองจมดิ่งลงไปในร่างเปลือยของอีกฝ่ายอย่างไม่มีการเล้าโลมหรือเตรียมการใด ๆ ทั้งสิ้น แมทธิวสะดุ้งและร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดเมื่อร่างกายถูกรุกล้ำ ท่อนล่างเขาร้อนระอุเหมือนมีกองไฟสุมอยู่ "หยุดนะ ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต" แมทธิวตวาดด่าอีกฝ่ายลั่น แต่ที่ได้รับก็คือความรุนแรงที่เร่าร้อน เรี่ยวแรงที่โถมเข้าใส่อย่างไม่ปรานีทำให้ชายหนุ่มถึงกับน้ำตาปริ่มขอบตา โลธาร์ไม่สนใจเสียงด่าทอของอีกฝ่าย เขาหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เค้นเสียงแสดงความพึงพอใจที่ข้างหูอีกฝ่าย "อืมม์ ฉันนึกอยู่แล้วว่าร่างมนุษย์ของนายนี่จะต้องเยี่ยมพอ ๆ กับร่างหมาป่าเมื่อคืน" ตอนท้ายชายหนุ่มก็กระซิบถ้อยคำลามกอนาจารหลายประโยค แมทธิวชะงักด้วยนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินถ้อยคำดังกล่าว พอตั้งสติได้เขาก็ผรุสวาทกลับไปทันควัน "ไอ้หมาป่าหยาบคาย ไอ้หมาป่าลามก ไอ้พวกวิปริต ไอ้ " เสียงขาดหายเมื่อมือใหญ่ตะปบริมฝีปากให้หยุดคำด่าที่พรั่งพรูออกมา "โอ๊ย!!" โลธาร์ร้องอุทานเบา ๆ เมื่ออีกฝ่ายใช้โอกาสนี้กัดอุ้งมือเขาเต็มแรง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววฉุนเฉียวเมื่อเห็นเลือดซึมออกมาจากผิวหนังตามรอยฟัน ชายหนุ่มพลิกร่างที่นอนคว่ำให้ขึ้นมาเผชิญหน้า นัยน์ตาสีเขียวสดของแมทธิวเป็นประกายวาววับไม่แพ้กัน "คิดว่าจะชนะฉันอย่างนั้นหรือ?" โลธาร์คำรามในลำคอ ตวัดเรียวขาของอีกฝ่ายขึ้นพาดไหล่ ก่อนจะโถมร่างของตนเข้าสู่ร่างเบื้องล่างเต็มแรง "เธอจับคู่กับฉัน และเธอก็เป็นของฉัน" แมทธิวรู้สึกเจ็บจนจุก น้ำตาที่ปริ่มอยู่ถึงกับไหลพราก เขาไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะสู้อีกฝ่ายแม้แต่น้อย ทั้งร่างไหวสะเทือนด้วยแรงกระแทกกระทั้นจากอีกฝ่าย "โลธาร์---หยุด
ได้โปรดหยุดเถอะ?" แมทธิวกรีดร้องปนสะอื้นคล้ายจะขอความเห็นใจจากอีกฝ่าย
มือของเขาตะกุยต้นแขนอีกฝ่ายเพื่อให้หยุดการกระทำอันป่าเถื่อนนั้น แต่ดูเหมือนว่าโลธาร์กำลังสนุกกับร่างที่ดิ้นขลุกขลักอยู่เบื้องล่างโดยไม่ได้ฟังคำร้องขอของเขาแม้แต่น้อย
"โลธาร์---ผมขอร้อง ได้โปรดหยุด---" ชายหนุ่มเร่งการเคลื่อนไหวเมื่อใกล้จะปลดปล่อย ทำให้ร่างเล็กกว่าที่ดิ้นรนอยู่เบื้องล่างรู้สึกคล้ายกับร่างกายจะฉีกขาดเป็นสองซีกเสียให้ได้ เจ็บ เป็นสำนึกเดียวที่แมทธิวรู้สึกในตอนนี้ เพราะรูปร่างของเขาเล็กและบอบบางกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด และประการสำคัญคือเขาไม่ได้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับอีกฝ่ายแม้แต่น้อย "แมท!" เสียงครางเรียกชื่อของเขาจากคนที่คร่อมทับดังขึ้นในทันทีที่หยาดน้ำอุ่นพุ่งเข้าสู่ร่าง หลังจากนั้นร่างสูงใหญ่ก็ทิ้งน้ำหนักลงบนตัวเขา ก่อนจะเคลื่อนตัวออกเหมือนนึกขึ้นได้ว่าน้ำหนักของตนอาจจะทำให้ร่างของแมทธิวอึดอัด ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนเคียงข้างร่างที่บอบช้ำของแมทธิว ก่อนจะตวัดแขนกอดร่างขาวนวลอย่างหลวม ๆ ร่างสีคร้ามของโลธาร์ตัดกับร่างสีขาวโพลนของแมทธิวอย่างเห็นได้ชัด แมทธิวขบริมฝีปากระงับความเจ็บปวดที่เพิ่งผ่านพ้น ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายอาจจะบ้าคลั่งอย่างเมื่อครู่ขึ้นมาอีก เขานอนฟังเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายอยู่พักใหญ่ เสียงระบายลมหายใจสม่ำเสมอที่ดังอยู่ข้างหูทำให้วางใจ เขาค่อย ๆ ดึงร่างของตนให้พ้นจากคนที่นอนเคียงข้าง การขยับตัวทำให้ความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นมาในทันที ชายหนุ่มกัดฟันแน่นไม่กล้าส่งเสียงดัง ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาพบ ความหนาวเย็นวูบขึ้นสัมผัสผิวเมื่อห่างจากร่างใหญ่ แมทธิวก้าวเดินไปทางปากถ้ำอย่างระมัดระวังที่จะไม่ทำให้เกิดเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น เบื้องนอกนั้นมีแสงสว่างจัดจ้าฉายส่องจนเขาต้องหรี่ตามอง เมื่อปรับสายตาได้ก็พบว่าตนเองอยู่หน้าถ้ำที่ไม่มีทางลง เบื้องล่างเป็นเพียงโตรกหินและโขดผาที่ยากแก่การปีนขึ้นลงของมนุษย์ เพราะหากพลาดเพียงนิดเดียวร่างก็คงจะแหลกเหลวเป็นแน่ ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง เขาไม่ทางหนีออกไปจากที่นี่ได้เลย แต่ในเมื่อเขาขึ้นมาได้ ทำไมจึงไม่สามารถลงไปได้เล่า นัยน์ตาสีเขียวสดเป็นประกายขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงข้อเท็จจริงบางอย่าง ถ้าร่างมนุษย์ของเขาไม่สามารถทำได้ บางทีร่างสุนัขป่าอาจจะทำได้ เขาคงจะต้องรอจนถึงคืนนี้ "เธอชอบดูธรรมชาติหรือคิดจะมองหาทางหนีทีไล่กันแน่? ฉันหวังว่าคงจะเป็นเรื่องแรกนะ เพราะฉันเห็นว่ามันฟังดูดีกว่าเรื่องหลัง" เสียงหัวเราะทุ้มลึกในลำคอของบุรุษผิวคล้ำทำให้แมทธิวสะดุ้งเฮือก เขารีบถดกายเข้าไปจนชิดกับผนังถ้ำ ร่างสูงใหญ่สาวเท้าตรงเข้ามาหาอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ "แล้วคุณจะกักขังผมไว้ถึงเมื่อไหร่กัน?" น้ำเสียงของแมทธิวสั่นระริกอย่างระงับไม่ได้ ความรู้สึกทั้งโกรธและกลัวเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน "ใครว่าขัง นี่เป็นฤดูจับคู่
พวกเราต้องอยู่ด้วยกันตลอดสามเดือน" "หน้าตาฉันเหมือนล้อเล่นหรือ?" ใบหน้าคมสันยิ้มละไมก่อนจะขยับตัวเข้าไปจนชิดร่างโปร่งบาง "ที่จริงถ้าอยู่กับเธอแบบนี้ตลอดทั้งปีก็ยังได้" "ไม่" แมทธิวพยายามยันร่างอีกฝ่ายออกห่าง มือใหญ่เริ่มต้นลูบไล้ผิวขาวเนียนตรงหน้า แมทธิวพยายามเบี่ยงตัวหลบแต่ก็ไม่พ้น ท้ายสุดอารมณ์ของคนตัวใหญ่กว่าก็เริ่มจะลุกโชนอีกครั้งจากการสัมผัสผิวเนื้อเรียบเนียน โลธาร์จู่โจมจูบริมฝีปากคู่สวยอย่างกระหาย ก่อนจะดึงร่างบางขึ้นมานั่งคร่อมบนตักของตนทั้งที่เจ้าตัวไม่ยินยอมแต่ก็ต้านแรงไม่ไหว แมทธิวรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายที่เสียดสีกับบั้นท้ายของตน "โลธาร์" ชายหนุ่มผมทองอุทานเมื่อมือทั้งสองข้างของโลธาร์เลื่อนต่ำลงมาที่กลางลำตัว ข้างหนึ่งก็คว้าจับอวัยวะกลางลำตัวเขาไว้แน่น ส่วนอีกข้างนั้นกลับใช้เพียงนิ้วคลึงบริเวณปากทางเข้าที่บอบช้ำจนทั้งร่างรู้สึกร้อนผ่าว "หือม์ มีอะไร?" โลธาร์ก้มหน้ากระซิบ สีหน้าของชายหนุ่มคล้ายสุนัขป่าที่กำลังสนุกกับการเล่นกับเหยื่อที่เพิ่งจับมาได้ "ผมไม่---ผม---ยังเจ็บ" แมทธิวพูดตะกุกตะกัก เขารู้ดีว่าคงไม่สามารถหนีจากเงื้อมมือของอีกฝ่ายได้พ้น หวังเพียงแต่อีกฝ่ายจะเมตตาเขาบ้าง ความเจ็บปวดจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาทำให้เขากลัวจนแทบร้องไห้ "ถ้าเธอสัญญาว่าไม่ต่อต้านขัดขืนฉัน ฉันจะอ่อนโยนกับเธอ" น้ำเสียงทุ้มนุ่มยื่นข้อเสนอ ทำให้แมทธิวต้องพยักหน้ายอมรับอย่างจำใจ "เด็กดี" โลธาร์ยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ "ฉันหวังว่าเธอจะน่ารักแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เพราะฉันเองก็ไม่ชอบการใช้กำลังเท่าไรนัก" นัยน์ตาสีเขียวสดตวัดมองคนพูดอย่างขุ่นเคือง พลางคิดในใจว่าหมอนี่น่ะหรือที่ไม่ชอบการใช้กำลัง ทั้งที่ไม่ว่าในร่างสุนัขป่าหรือมนุษย์เขาก็โดนหมอนี่บังคับขืนใจมาโดยตลอด เมื่อมือใหญ่ที่กำจับไว้เริ่มขยับขึ้นลง แมทธิวก็ครางด้วยเสียงสั่นพร่าอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง และเมื่อปลายนิ้วของอีกฝ่ายสอดผ่านเข้าไปในร่างกาย ทั้งร่างก็สั่นสะท้าน สองมือพยายามคว้าจับร่างสูงใหญ่ตรงหน้าไว้ให้มั่นคง ชายหนุ่มยิ้มอย่างพึงใจเมื่อเห็นปฏิกริยาของอีกฝ่าย มือข้างหนึ่งก็ขยับเร็วขึ้น ส่วนอีกข้างก็เพิ่มจำนวนนิ้วแล้วควานคลึงเส้นทางที่ต้องการอย่างใจเย็น เสียงครางเครือของอีกฝ่ายยามเมื่อนิ้วของเขาสัมผัสโดนผนังภายในส่วนที่ไวต่อความรู้สึก ทำให้ชายหนุ่มแทบทนไม่ไหว ร่างกายของเขาตอบสนองเสียงครางของอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อน โลธาร์ค่อย ๆ ยกร่างของอีกฝ่ายขึ้นอย่างไม่หนักแรง ก่อนจะวางร่างขาวนวลบนตักอีกครั้ง แต่คราวนี้ร่างกายของเขาส่วนหนึ่งได้แทรกเข้าไปอยู่ในร่างของอีกฝ่ายแล้ว มือใหญ่รั้งสะโพกเล็กไว้อย่างมั่นคงแล้วค่อย ๆ ยกขึ้นลงเป็นจังหวะ จากช้าก็ค่อย ๆ เพิ่มความเร็วมากขึ้น แมทธิวจิกนิ้วของตนจมลึกที่ต้นไหล่หนา ในตอนแรกเขาพยายามกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นเสียงร้องที่จะเล็ดลอดออกมา แต่ท้ายสุดเสียงร้องของเขาแทบจะเป็นเสียงตะโกนเมื่อได้ปลดปล่อยความต้องการที่ถูกปลุกเร้าจนหมดสิ้น โลธาร์ขบกรามแน่นเมื่อถึงจุดที่พึงพอใจ การปลดปล่อยของอีกฝ่ายทำให้เกิดการเขม็งเกร็งของกล้ามเนื้อที่ตอดรัดเขาอยู่ ความรู้สึกดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป พลันของเหลวในร่างก็พุ่งฉีดเข้าสู่ร่างบางเบื้องบนอย่างสุดกลั้น ร่างโปร่งบางเอนศีรษะพับกับไหล่กว้าง รู้สึกเหนื่อยเหมือนกับจะขาดใจ ความรู้สึกตึงแน่นยังไม่คลายลงไปเพราะแม้ว่าโลธาร์จะได้ปลดปล่อยความต้องการไปแล้วแต่ร่างกายของโลธาร์ยังคงติดตรึงอยู่ในร่างของเขาโดยไม่ยอมถอนตัวออกไป เหงื่อเม็ดเล็กเกาะพราวทั่วร่างของคนทั้งคู่ หูของแมทธิวคล้ายกับได้ยินเสียงหัวเราะจากร่างใหญ่ที่ฟุบพิงอยู่ แล้วจมูกของโลธาร์ก็เริ่มต้นซุกไซ้ไปทั่วไหล่เนียน ส่วนมือใหญ่ก็ประคองสะโพกอีกฝ่ายไว้ไม่ให้เลื่อนขยับหนี ลิ้นซุกซนก็ไล่เลียชิมผิวเนื้อขาวนวลบริเวณหัวไหล่กลมมนก่อนจะรุกไล่ลงมาจนถึงแผ่นอกแบนราบ ชายหนุ่มวนลิ้นกับยอดอกที่แข็งเป็นไตของอีกฝ่ายอย่างเพลิดเพลิน แมทธิวได้แต่ครางเบา ๆ ในลำคอ และดูเหมือนอีกฝ่ายจะพอใจในเสียงนั้น "รู้สึกดีไหม?" แมทธิวตอบรับเสียงแผ่ว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมือข้างหนึ่งของโลธาร์เริ่มต้นปลุกเร้าอารมณ์เขาอีกครั้ง "โลธาร์ ทำไมคุณถึง " "บอกแล้วไงว่านี่เป็นฤดูจับคู่ผสมพันธุ์" "จริงหรือ?" เสียงนั้นกลั้วหัวเราะเมื่อรู้สึกถึงการตื่นตัวของอีกฝ่ายในทันทีที่นิ้วของเขากระตุ้นสัมผัส แมทธิวขบริมฝีปากพยายามกลั้นเสียงแห่งความพึงพอใจให้มันอึงอยู่แค่ในลำคอ แต่เขาไม่สามารถบังคับร่างกายที่กำลังบิดเร่าตอบสนองสัมผัสของอีกฝ่ายได้ บั้นท้ายของเขาบดเบียดกับหน้าตักของโลธาร์จนแทบจะลุกไหม้ ***** แมทธิวนอนมองเพดานถ้ำอย่างเลื่อนลอย จนผ่านไปครึ่งค่อนวันแล้วเขายังคงอยู่ในอ้อมกอดของโลธาร์ อีกฝ่ายทำเรื่องอย่างว่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกับว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว แม้ว่าโลธาร์พยายามจะอ่อนโยนกับเขาเท่าที่สามารถจะทำได้ แต่เขาก็ยังเจ็บปวดระบมไปทั้งร่าง "แมท" เสียงเรียกนั้นแผ่วเบาแต่เจือไปด้วยความรู้สึกที่เร่าร้อน "เดี๋ยวก่อน" แมทธิวใช้มือยันใบหน้าคมคล้ำที่เอนเข้ามาใกล้ "หือม์" โลธาร์ชะงักก่อนจะจูบมือขาวนวล "เราจะทำ เอ่อ แบบนี้กันอีกกี่ครั้ง?" "นับไม่ถ้วนเลยล่ะ" ชายหนุ่มหัวเราะจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มทอประกายขบขัน "โดยเฉพาะสามเดือนต่อไปนี้ ฉันขาดเธอไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว" นัยน์ตาคู่สวยของแมทธิวเบิกกว้าง "จะบ้าแล้วหรือไง ผมจะทำได้ยังไงกัน" "ทำได้แน่นอน เพราะเธอเป็นคู่ของฉัน" โลธาร์พูดอย่างเชื่อมั่นก่อนจะตวัดร่างอีกฝ่ายเข้าหาตัว พร้อมระดมจูบไปทั่ว แมทธิวตอบสนองอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ แม้แต่ตัวเขาเองยังนึกแปลกใจว่าทำไมเขาจึงได้เปลี่ยนเป็นคนเร่าร้อนเช่นนี้ได้ภายในชั่วข้ามคืน อาจเป็นเหตุผลที่ว่าตอนนี้เขาได้กลายเป็นมนุษย์สุนัขป่า หรืออีกเหตุผลหนึ่งก็คืออีกฝ่ายเป็นโลธาร์ แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใดก็ตาม เขายังคิดว่าตัวเองก็ไม่ยินดีกับเรื่องนี้เท่าใดนัก ***** แมทธิวลืมตามาอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีอ้อมแขนแข็งแรงตระกองกอดเขาเหมือนเช่นเคย ชายหนุ่มขยับลุกขึ้นนั่งอย่างอ่อนแรงบนพื้นที่ปูด้วยใบไม้แห้ง เนื้อตัวของเขามีแต่ร่องรอยจากการกระทำของโลธาร์ และกลิ่นของโลธาร์ แมทธิวรู้สึกว่าประสาทสัมผัสรับกลิ่นของตนไวขึ้นกว่าเดิม "ตื่นแล้วหรือ?" เสียงของโลธาร์ดังขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นร่างอันอบอุ่นและวงแขนแกร่งก็กระหวัดโอบรอบร่างบางไว้แน่น จมูกโด่งเป็นสันเคลียอยู่แถวแก้มและซอกคอ "หิวหรือยัง?" แมทธิวเม้มริมฝีปาก แต่เสียงกระเพาะของเขาครวญครางตอบรับอย่างไม่ไว้หน้าเจ้าของ "งั้นกินนี่ซะ" ชายหนุ่มเลื่อนถุงผ้าใบใหญ่วางตรงหน้าอีกฝ่าย เมื่อแมทธิวเปิดถุงผ้าออกก็พบว่าในนั้นบรรจุอาหาร ผลไม้ และขวดใส่น้ำดื่ม "คุณเอามาจากไหน?" นัยน์ตาสีเขียวมรกตเต็มไปด้วยความพิศวง เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่มีถุงผ้าใบนี้ในถ้ำ "ลูกน้องของฉันเอามาให้" แมทธิวเบิกตากว้าง "เขาปีนขึ้นมา?" ชายหนุ่มพยักหน้า "แต่ไม่ใช่ด้วยร่างของมนุษย์" "ตอนกลางวันอย่างนี้นะรึ?" แมทธิวทำหน้าประหลาดใจ คราวนี้โลธาร์ถึงกับหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้ากังขาของอีกฝ่าย "เธอคิดว่าเราสามารถเปลี่ยนร่างได้เฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้นหรือ?" "ก็เท่าที่เห็นในหนัง หรือที่อ่านจากหนังสือ พวกมนุษย์หมาป่าจะเปลี่ยนร่างเฉพาะในวันพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้นไม่ใช่หรือ?" "พวกนั้นอาจจะเป็นคนละเผ่าพันธุ์กับพวกเราก็ได้มั้ง" นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มสะท้อนแววขบขัน "เพราะพวกเราจะเปลี่ยนร่างเมื่อไรก็ตามที่เราต้องการ" "ผมก็ทำได้เหมือนพวกคุณอย่างนั้นหรือ?" นัยน์ตาสีเขียวเป็นประกายวาววับ ถ้าเขาสามารถเปลี่ยนร่างได้ในตอนนี้ เขาก็สามารถหนีออกไปจากที่นี่ได้โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงกลางคืน ชายหนุ่มที่มองปฏิกริยาของอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลาจึงรีบพูดดักคอ "ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ อย่าได้พยายามเลย ถึงเป็นร่างสุนัขป่าแต่ถ้าไม่ชินกับเส้นทาง เธอก็อาจจะมีอันตรายได้ และที่สำคัญ ลูกน้องของฉันเฝ้าอยู่โดยรอบ" แมทธิวเม้มริมฝีปากด้วยความขุ่นเคืองที่อีกฝ่ายรู้เท่าทันความคิดของเขา บางทีนี่คงจะยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีนักที่จะหนี เขาน่าจะศึกษาทางหนีทีไล่ไว้ก่อน ดังนั้นชายหนุ่มจึงเลียบเคียงถามหาข้อมูลไปเรื่อย ๆ "คุณเป็นหัวหน้าฝูง?" แมทธิวถามขณะเริ่มรับประทานอาหารจากถุงผ้า ชายหนุ่มพยักหน้า "ที่จริงน่าจะพูดว่าฉันกับเธออยู่ในฐานะแอลฟาของฝูง" "เคยได้ยินแต่ว่าในฝูงหมาป่าจะมีแอลฟาตัวเดียวเท่านั้น" แมทธิวตั้งข้อสงสัย โลธาร์หัวเราะเบา ๆ
ในลำคอ "แต่ไม่ใช่ฝูงของฉัน เพราะฝูงหมาป่าของฉันต่างจากหมาป่าทั่วไป
พวกนั้นมีแต่หัวหน้าฝูงที่จะได้รับตำแหน่งแอลฟา ซึ่งเป็นตัวเดียวเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์จับคู่ผสมพันธุ์
แต่ที่นี่นั้นทุกตัวมีสิทธิ์จับคู่หากเขาเจอคนที่เหมาะสม ไม่ว่าเขาจะอยู่ในฐานะเบต้า
หรือโอเมก้า" แต่กลุ่มของโลธาร์กลับไม่ดำเนินไปตามธรรมชาติของเผ่าพันธุ์สุนัขป่า อาจจะเป็นเพราะกลุ่มนี้มีเฉพาะตัวผู้ ทำให้พวกมันไม่จำเป็นต้องจำกัดการจับคู่ไว้เพียงแอลฟา ทุกตัวสามารถมีคู่ได้หากพบกับบุคคลที่เหมาะสมกับตน และจะต้องอยู่ร่วมกับคู่ของตนไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แต่การแบ่งระดับความสำคัญและหน้าที่ของฝูงก็ยังอาศัยกฏเกณฑ์เดิมอยู่ "แล้วคุณมีพวกเบต้าและโอเมก้าอยู่มากไหม?" แมทธิวถามกำลังคนของอีกฝ่าย เพื่อจะได้เตรียมการรับมือ ถ้าหากเขาคิดจะออกไปจากที่นี่ "เบต้าสาม โอเมก้าหก แล้วฉันจะพาเธอไปแนะนำให้รู้จักลูกฝูงทีหลัง รับรองว่าเธอจะต้องชอบพวกลูกฝูงของเราทุกคน" "พวกคุณอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือ?" "เฉพาะช่วงจับคู่เท่านั้น" "แล้วนอกจากนี้ล่ะ?" "เธอคิดว่าในร่างมนุษย์นั้นพวกเราจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีเงิน ฉันมีกิจการค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนเบต้าทั้งสามคน และโอเมก้าหกคนต่างก็มีงานประจำของตัวเอง" ชายหนุ่มอธิบาย "แล้วพอพวกคุณมาที่นี่ งานของคุณล่ะ?" "เรามีมนุษย์มากพอที่จะทำงานแทนเราได้ ถ้าเรามีค่าจ้างให้เขานะ เธอก็น่าจะรู้ดีว่าเงินสามารถซื้อได้ทุกสิ่ง โดยเฉพาะพวกมนุษย์นี่มักจะเห็นเงินเป็นพระเจ้ากันทั้งนั้น" "คุณทำงานร่วมกับมนุษย์?" "ใช่สิ เพียงแต่พวกเราก็ต้องทำตัวให้กลมกลืนสักหน่อย บางทีเดินไปตามถนนยามค่ำคืนแล้วเห็นพระจันทร์สีสวยหากนึกอยากจะหอนก็ต้องอดกลั้นไว้ หรือต้องบังคับตัวเองให้กระดกแก้วไวน์แทนที่จะก้มลงเลีย มันคงจะน่าตกใจถ้ามีบางคนที่เปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าเพื่อจะวิ่งให้ทันขบวนรถไฟเที่ยวสุดท้าย แต่ฉันก็เผลอทำบ่อย ๆ เวลาลืมกุญแจบ้าน ฉันมักจะเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าแล้วกระโดดเข้าทางหน้าต่างแทน แต่ต้องดูว่าเพื่อนบ้านจะไม่ทันสังเกตเห็นด้วยนะ" ตอนท้ายชายหนุ่มหัวเราะอย่างขบขันเมื่อเห็นคนนั่งฟังตาไม่กระพริบ ส่วนหนึ่งที่เล่านั้นมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องไม่จริง แน่นอนว่ายามเมื่ออยู่ในเมืองเขาไม่ได้เปลี่ยนร่างเป็นสุนัขป่าอย่างพร่พรื่อ และเขาก็วางกฏให้ลูกฝูงทุกคนปกปิดและไม่แสดงว่าตนเป็นมนุษย์หมาป่าให้มนุษย์ธรรมดาทั่วไปพบเห็น แมทธิวมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหู "คุณพูดจริงรึที่เราสามารถเปลี่ยนร่างเมื่อไหร่ก็ได้ที่เราต้องการ?" โลธาร์หัวเราะในลำคอ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มนั้นพราวระยับ "จริงสิ บางทีเธออาจจะสนุกกับการเปลี่ยนร่าง เธอไม่คิดอยากทำเรื่องอย่างว่ากับหมาป่าสีดำตัวใหญ่ตอนที่อยู่ในร่างมนุษย์ หรืออยากจะมีประสบการณ์ตอนที่อยู่ในร่างหมาป่ากับร่างของฉันที่เป็นมนุษย์บ้างหรือ ฉันว่ามันน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน รับรองว่าฉันจะทำอย่างระมัดระวังเชียวละ" ผิวหน้าของแมทธิวร้อนวูบเมื่อวาดภาพตามที่อีกฝ่ายพูด เขาคว้าขวดน้ำเหวี่ยงใส่อีกฝ่ายอย่างเหลืออด "ถ้าคุณไม่พูดเรื่องทำนองนี้เลย คงอัดอั้นแทบบ้าละมั้ง" โลธาร์รับขวดน้ำที่พุ่งเข้าใส่ได้อย่างหวุดหวิด "เฮ้! ฉันแค่แนะนำเท่านั้น สามเดือนต่อจากนี้เราน่าจะหาอะไรแปลก ๆ ทำกันบ้าง" ไม่มีทางหรอก แมทธิวคิดในใจ เขาจะไม่มีวันอยู่ที่นี่ตลอดทั้งสามเดือนกับหมอนี่แน่ ๆ ถ้าเพียงเขามีโอกาส เขาจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ ให้เขากลับไปเผชิญหน้ากับปัญหาความยุ่งยากของธุรกิจยังดีเสียกว่าต้องอยู่ร่วมกับมนุษย์หมาป่าที่หื่นกระหายอยู่ตลอดเวลาอย่างเจ้าหมอนี่ *****
|