ผลงานทั้งหมดที่ลงอยู่ในหน้า
Novel เป็นสิทธิส่วนตัวของผู้เขียน หากมีผู้ใดต้องการจะทำการคัดลอกหรือดัดแปลงผลงานบางส่วน
หรือทั้งหมดเพื่อนำไปใช้ในการอื่น นอกจากอ่านเพื่อความบันเทิง กรุณาติดต่อเพื่อขออนุญาตจากผู้เขียนตาม
e-mail ที่ให้ไว้เสียก่อน ขอบคุณสำหรับความร่วมมือค่ะ อีกประการหนึ่งนักเขียนทุกคนต้องการกำลังใจและคอมเมนท์(แม้ว่าบางคนจะไม่พูดออกมา)ไม่ว่าจะเป็นคำติหรือคำชมนะคะ
เพราะฉะนั้นเมื่ออ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงไ ก็เมลไปคอมเมนท์ได้ตามอีเมลที่ให้ไว้ของแต่ละคน
หรือไม่ก็โพสต์คำติชมไว้ในบอร์ดก็ได้ค่ะ
|
Another Seasons (Spring : Angel) by...nongrata
++++++ คุณเคยพบกับทูตสวรรค์ไหม? ผมไม่ได้หมายความถึงเทพกาเบรียลหรืออะไรทำนองนั้นนะ ผมหมายถึงเทพที่คอยเฝ้าอยู่ข้างๆคุณ อยู่กับคุณมาตั้งแต่วันแรกที่คุณลืมตาดูโลก ไม่ใช่แค่ผมหรอกนะที่มีเทวดาอยู่ข้างกาย คุณเองก็มีเหมือนกัน ชั่วแต่ว่าคุณไม่เคยคิดจะสังเกตสังกาเท่านั้นเอง คุณอาจจะคิดว่าผมเสียสติไปแล้วที่มัวพร่ำเพ้อถึงเทพยดาที่ควรจะมีอยู่แค่ในนิทาน หรือหากจะเชื่ออยู่สักนิด คุณก็คงจะเยาะผมว่า ไม่มีเทวดาที่ไหนจะยอมกางปีกอันบริสุทธิ์บนโลกโสโครกอย่างนี้หรอก! ..อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว บนโลกเน่าๆใบนี้นี่ล่ะ! ผมได้พบกับเธอ.. เทพยดาองค์นี้ของผมตั้งแต่เริ่มจำความได้ แต่แท้จริงแล้วผมรู้ดีว่าเรารู้จักกันมานานกว่านั้น เธอคอยเฝ้ามองผมอยู่ตลอดเวลาราวกับว่านั่นเป็นหน้าที่ที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด ..ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมพอใจ เพราะมันดูเหมือนว่าผมมีความหมายสำหรับเธอมากกว่าใครทั้งหมด เมื่อผมยังเล็ก ยามตื่นขึ้นมาในตอนเช้าผมจะพบเธอยืนอยู่ข้างเตียง ใบหน้าอันไม่อาจบรรยายความงดงามออกมาเป็นคำพูดได้เพราะมันเป็นความงามในแบบฉบับของสรวงสวรรค์ หาใช่มนุษย์ไม่นั้นเอิบอิ่มไปด้วยแสงทองเรืองรอง ดูสวยสุดจะบรรยาย และเพราะความงดงามนั้นเอง ผมจึงเรียกเธอว่า 'อัลลัวร์' ผมจะรู้สึกอบอุ่นอยู่เสมอเมื่อได้เห็นเธออยู่ใกล้ๆ แต่เธอก็ไม่ได้อยู่กับผมตลอดเวลาเสมอไป และถ้าเป็นตอนนั้น ผมก็มักจะร้องไห้และพยายามทำตัวให้เป็นเด็กดีอย่างที่สุดเพื่อที่เธอจะได้ไม่ไปจากผม แต่นั่นมันก็แค่ตอนเป็นเด็กเท่านั้นล่ะนะ เมื่อผมเริ่มโตขึ้น เทวดาของผมก็เริ่มหายตัวไปบ่อยๆ ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร บางที อัลลัวร์อาจจะเริ่มไม่ชอบที่ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสามันเริ่มจางหายไปจากตัวผมเรื่อยๆกระมัง ในตอนแรก ผมรู้สึกเหงาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แล้วต่อมาก็เริ่มชิน จนในที่สุด บางครั้งผมเคยนึกภาวนาว่าอย่าให้เธอมาเจอผมได้แหละเป็นดี! สาเหตุที่ผมเริ่มไม่อยากให้อัลลัวร์มาหานั้นเนื่องมาจากเธอมักจะทำให้ผมรู้สึกแย่อยู่เรื่อย อย่างเช่นเวลาที่ผมโกหกแม่หรือแอบลงมาหาอะไรกินจากตู้เย็นกลางดึก ผมมักจะพบเธอยืนทำหน้าเรียบเฉยเเต่เย็นชาในทีใส่เสมอ สายตาแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกผิด รู้สึกเหมือนตัวเองต่ำต้อยด้อยค่าที่ไม่อาจเป็นเด็กดีให้สบใจเธอได้ ดังนั้น บางทีที่ผมรู้สึกแค้นใจมากๆเข้าผมก็จะทำอะไรก็ตามที่ผมคิดว่าเป็นสิ่งเลวร้าย แต่มันกลับทำให้ผมยิ่งรังเกียจตัวองมากขึ้นเป็นทวีคูณ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไปขโมยของในร้านของเล่นแล้วก็พบอัลลัวร์ยืนอยู่ มองผมด้วยดวงตาสีเขียวงดงามแต่เย็นชา ผมนึกขัดใจจนเกือบจะปาของใส่หน้าเธอ ในเวลานั้นผมเกลียดเธอเหลือเกิน อยากจะให้เธอออกไปให้พ้นจากชีวิตของผมเสียที แต่พอเธอหายไปผมก็กลับคิดถึงเธอ ช่างน่าประหลาดนักที่คนเราสามารถรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดในสิ่งเดียวกันได้พร้อมๆกัน! ยิ่งเวลาผ่านพ้นไป อัลลัวร์ก็ยิ่งอยู่กับผมน้อยลงเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็จะมาปรากฏตัวเเต่เฉพาะตอนที่ผมกำลังทำความผิดอยู่เท่านั้น! นั่นกลับทำให้ผมยิ่งโกรธแค้นเธอหนักข้อขึ้น ตอนนั้นผมเป็นวัยรุ่นแล้ว เลือดร้อน และไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น ช่วงนี้เองที่ผมกลายเป็นเด็กมีปัญหาเนื่องจากการเสียชีวิตของทั้งพ่อและแม่ ผมต้องย้ายไปอยู่กับญาติซึ่งมีศักดิ์เป็นป้า ป้าคนนี้อยู่ในวัยกลางคน อ้วนตุ๊ตะและเจ้าอารมณ์อย่างร้าย ผมกลายเป็นเด็กเกเร หนีโรงเรียนไปมั่วสุมอยู่กับพวกอันธพาล ช่วงนี้ผมได้เจอกับอัลลัวร์บ่อยครั้งและเริ่มมองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่านอกจากจะสวยแล้วอัลลัวร์ยังมีเสน่ห์อย่างร้ายสมชื่อที่ผมตั้งให้ ผมเริ่มอยากสัมผัสเธอ อยากรู้ว่าเทพผู้แสนบริสุทธิ์อย่างเธอจะเป็นอย่างไรเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของผม แต่ผมกลับไม่อาจสัมผัสร่างกายของเธอได้ ช่างน่าแค้นใจเหลือเกิน.. ตอนแรกผมเคยช่วยตัวเองโดยจินตนาการว่ากำลังมีเซ็กส์อยู่กับเธอ แต่ต่อมาผมรู้สึกว่ามันยังมีอะไรค้างคาอยู่จึงหาทางออกโดยนอนกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ที่ผมสีทอง และถ้าเจ้าหล่อนมีตาสีเขียวด้วยแล้วยิ่งถูกใจผมนัก อัลลัวร์เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมกลายเป็นคนชอบคนผมทอง นัยน์ตาสีเขียวจนตลอดชีวิต แล้วในที่สุด ผมก็พบวิธีที่ทำให้ผมสามารถทำอะไรกับทูตสวรรค์ของผมได้อย่างใจหวัง.. คุณรู้จักแอลเอสดีไหม? มันเป็นยาเสพติดที่จะช่วยให้ความฝันของคุณเป็นจริงเพียงแค่เอามันวางไว้บนลิ้นเท่านั้น ผมใช้มันในเวลาที่รู้สึกย่ำแย่ก่อนจะตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกผิดในชีวิตมากกว่าเดิมเมื่อฤทธิ์ของมันคลายลง แต่มันก็ช่วยผมในเรื่องนี้ได้ดีมาก เวลาที่ผมหลับตาลงก็จะมองเห็นอัลลัวร์กำลังอยู่ข้างๆ มีเลือดเนื้ออบอุ่นที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นรุ่มร้อนได้ยามเกิดความปรารถนาอย่างมนุษย์ทั่วไป เมื่อนั้นผมจะกอดเธอเอาไว้ รู้สึกดีที่เธอไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องเลิศเลอตามความเป็นจริง เธอในจิตสำนึกของผมเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แท้จริงแล้วผมอยากให้เธอกลายเป็นเพียงโสเภณีราคาถูกเสียด้วยซ้ำ ผมคงมีความสุขแทบดิ้นตายถ้าได้มองเธอด้วยสายตาที่เธอใช้มองผมมาตลอดชีวิต! แต่บางเวลาหลังจากหลุดพ้นจากความฝัน ผมกลับนึกละอายใจอย่างรุนแรง เกลียดตัวเองที่ทำตัวทุเรศได้ถึงเพียงนี้ เกลียดตัวเองที่ทำให้เทวดาผู้แสนบริสุทธิ์อย่างเธอต้องมาเกลือกกลั้วอยู่กับสิ่งเลวทราม อัลลัวร์ปรากฏตัวน้อยครั้งลงเรื่อยๆ แล้วในที่สุด วันหนึ่งเธอก็อันตรธานหายไปโดยไม่กลับมาอีกเลย ทำไมผมถึงรู้ว่าเธอจากไปน่ะหรือ? ถึงแม้ว่าระยะหลังเธอจะไม่ค่อยอยู่กับผม แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้ตลอดเวลาคือสายใยอันอ่อนโยนที่เชื่อมต่อระหว่างผมกับอัลลัวร์เอาไว้ มันทำให้ผมอบอุ่นและเป็นสุขอยู่เสมออย่างที่ไม่มีวันจะได้รับจากใครในโลกนี้ แต่บัดนี้เจ้าสายใยอันบอบบางนั้นได้ขาดไป อัลลัวร์จากไปแล้ว!ทั้งที่สิ่งนั้นน่าจะทำให้ผมดีใจ แต่ตรงข้าม ผมนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่หลายสัปดาห์ราวกับเด็กเล็กๆ ความโดดเดี่ยวเดียวดายรุนแรงเสียจนผมรู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวในโลกอย่างแท้จริง ผมกลายเป็นคนละคนทีเดียว เลิกทำตัวเป็นขยะ เลิกทำเรื่องเลวๆ เลิกจากยาเสพติดที่เคยทำให้ผมมีความสุขจนหลงคิดว่ามันคือที่สุดของชีวิต แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าไม่ใช่ สิ่งสำคัญของผมคืออัลลัวร์ต่างหาก เมื่อขาดเธอไปผมรู้สึกอ้างว้าง ว้าเหว่เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก ผมเป็นคนที่มีเพื่อนฝูงมากมาย แต่ไม่มีใครเลยที่จะเข้าใจผมเหมือนอัลลัวร์ จริงอยู่ว่าเธอไม่เคยพูดอะไรเลยสักคำ แต่เพียงแค่ได้รู้ว่าเธอคอยเฝ้ามองผม เท่านี้ผมก็มีความสุขเหลือเกินแล้ว ..ตอนนี้เองที่ผมรู้สึกตัวอย่างเงียบๆว่าผมรักเธอ คุณเชื่อเรื่องโชคลางหรือความบังเอิญไหม? ถ้าเชื่อก็เลิกเสียเถอะนะ แต่ถ้าเลิกไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องพยายามหรอก ผมจะไม่ว่าอะไรเกี่ยวกับความสำเร็จด้านหน้าที่การงานของผมอีก เนื่องจากนั่นเป็นเรื่องที่ใครๆก็ค่อนข้างจะรู้กันอยู่แพร่หลาย และอีกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องที่สนุกสนานน่าตื่นเต้นอย่างที่ใครๆคิดกันเลย ตรงกันข้าม ผมไม่เห็นว่าความลำบากเลือดตาแทบกระเด็นของตัวเองมันน่าประทับใจตรงไหน ถ้าหากว่าไม่ใช่เพื่อให้อัลลัวร์กลับมาแล้วผมก็ไม่คิดจะทนเหมือนกัน ผมได้แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งตอนอายุ 27 เธอชื่อมาเรีย ตัวเธอเองก็บริสุทธิ์สมชื่อเสียด้วย มาเรียเป็นคาทอลิกที่เคร่งครัดซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ผมแต่งงานกับเธอ หน้าสวยมาก ผมสีทองตาสีเขียวตามแบบที่ผมชอบ เธอเป็นภรรยาที่ดีเช่นเดียวกับที่ผมเป็นสามีที่ดี ผมหวังเหลือเกินว่าสิ่งนี้จะช่วยให้อัลลัวร์ยกโทษให้ผมเร็วขึ้น ผมเหงาเหลือเกิน.. ชีวิตช่างเป็นสิ่งเหลือทนนักหากต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเช่นนี้ตลอดไป ไม่กี่เดือนหลังการแต่งงาน มาเรียตั้งครรภ์ เธอดีอกดีใจมาก ส่วนผมเองก็ยินดีมากเช่นกัน ผมคิดว่าหัวใจของผมอบอุ่นขึ้นเมื่อคิดถึงลูก น่าแปลกที่สายใยบางเบาอย่างที่ผมรู้สึกกับอัลลัวร์เริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจผมอย่างเชื่องช้า มาเรียคลอดก่อนกำหนด! คุณคงไม่รู้หรอกว่าผมร้อนรนเพียงใด ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าผมเป็นห่วงอะไรกันแน่ มาเรีย ลูก หรือกลัวว่าถ้าผมไม่อาจดูแลภรรยาได้ดีแล้วอัลลัวร์จะไม่ยอมกลับมากันแน่ ลูกของผมเป็นลูกชาย ผมสีทองตาสีเขียวน่ารัก และทันทีที่ผมได้อุ้มแกอยู่ในอ้อมแขน ผมก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอ่อนโยนที่ได้ห่างเหินไปนานถึง 10 ปี ผมทั้งงุนงงทั้งปลื้มปีติ อัลลัวร์กลับมาแล้ว! ผมหมดความสนใจหรือห่วงใยมาเรียที่กำลังไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตายทันที ที่จริงผมควรจะต้องขอบคุณเธออย่างยิ่งที่ช่วยให้อัลลัวร์ของผมกลับมา ซ้ำยังกลับมาอย่างเป็น 'ของผม' โดยแท้ เอาเถิด ผมสัญญาว่าถ้ามาเรียรอดผมจะดูแลเธออย่างดีที่สุด แต่ถ้าเธอตาย ผมก็สาบานทีเดียวว่าหลุมศพเธอจะต้องงดงามที่สุดเช่นกัน มาเรียเสียชีวิตหลังจากนั้น 1 สัปดาห์ เธอตายไปโดยเชื่อมั่นเป็นที่สุดว่าผมสามารถดูแลลูกของเราได้ เธอไม่มีวันรู้หรอกว่าไม่มี 'ลูก' ของเรา ของเธอ หรือของผมคนไหนทั้งนั้น ถูกล่ะว่าร่างกายนั้นมาจากผมกับเธอ แต่เด็กคนที่เป็นของผมคนนี้คืออัลลัวร์! ผมตั้งชื่อให้ลูกชายของผมว่าอัลลัวร์ เป็นชื่อเก่าที่ผมเรียกเธอนั่นแหละ ผิดไปแต่ว่าคราวนี้ไม่ใช่ชื่อลอยๆที่ใครจะเรียกเป็นอื่นได้อีก ชื่อนี้จะปรากฏอยู่บนทะเบียนบ้าน พาสปอร์ต หรืออะไรก็ตามที่จะเป็นเครื่องยืนยันว่าเธอคืออัลลัวร์ อัลลัวร์ของผม! อัลลัวร์เติบโตขึ้นทุกวัน แกเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาสะสวยที่สามารถทำให้ทุกคนหลงรักได้ด้วยนัยน์ตาสีเขียวเหมือนใบลอเรล ซ้ำยังช่างจำนรรจาเสียจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าความเป็นมนุษย์ทำให้เทวดาของผมเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ? แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังรักเธอ รักเสียจนอยากเก็บเธอไว้ในโลกของผมคนเดียว ไม่ต้องการให้ใครได้เห็นหรือได้แตะต้องเทพผู้แสนบริสุทธิ์องค์นี้ของผมทั้งนั้น วันแรกที่อัลลัวร์เข้าโรงเรียนเป็นวันที่ทรมานจิตใจผมอย่างสุดแสน เเกเองก็ไม่อยากห่างผมเช่นกัน อัลลัวร์ร้องไห้เสียใหญ่โตจนผมต้องรีบพากลับบ้าน มือน้อยๆนั้นเกาะกอดผมไว้แน่น ผมจึงไม่ได้ให้อัลลัวร์เข้าโรงเรียนจนแล้วจนรอด แต่ใช้วิธีจ้างครูมาสอนที่บ้านแทน เรื่องนี้ทำให้คนอื่นคิดว่าผมรักลูกตามใจลูกจนเกินไป บางคนก็บอกว่าเพราะแกเป็นเหมือนของดูต่างหน้าของมาเรีย ผมเหม็นเบื่อกับคำร่ำลือทำนองนี้เสียแล้ว พวกเขาไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าอัลลัวร์ไม่ใช่ลูกของผม พวกเขาไม่มีวันเข้าใจว่าความรักที่ผมมอบให้เทวดาผู้อาศัยร่างกายของมนุษย์ซึ่งเกิดจากผมนั้นเป็นอย่างไร! เพื่อหลีกหนีจากเรื่องไร้สาระพวกนี้ ผมจึงพา อัลลัวร์ไปเที่ยวตากอากาศบ่อยๆ ผมมารู้ว่าเป็นเรื่องไม่น่าทำก็ตอนที่แกออกไปเล่นกับเด็กแถวนั้น อัลลัวร์เริ่มอยากไปโรงเรียน และผมก็ต้องตามใจแกทั้งที่แสนจะไม่อยาก ..เหมือนเคย วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ตอนนี้อัลลัวร์เริ่มย่างเข้าสู่วัยรุ่น ดวงหน้าซึ่งเคยใสบริสุทธิ์อย่างเด็กๆเรียวยาวดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น สะสวยเหมือนมาเรียไม่มีผิด บ่อยครั้งที่ผมมองเธอแล้วอดคิดไม่ได้ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรกับการที่ต้องมาอยู่ในร่างของมนุษย์ซึ่งถึงแม้จะงาม แต่ก็ไม่ได้ครึ่งของตัวเองในกาลก่อนเลย บางครั้งผมนึกอยากเห็นแสงเจิดจรัสของเทพยดาอย่างที่เคยเห็นเมื่อยังเด็ก แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ก็เทวดาของผมเดินดินอยู่นี่นะ! อัลลัวร์ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนมากขึ้น แม้เมื่อเทียบกับวัยรุ่นคนอื่นแล้วยังจะเป็น 'ลูกแหง่' ของพ่ออยู่ก็ตาม เรื่องนี้ทำให้ผมอารมณ์เสียอยู่เนืองๆ รู้สึกเหมือนกำลังมีคนมายื้อแย่งเธอไปจากผมเหมือนเมื่อครั้งกระนั้นที่เธอเริ่มห่างเหินผมไป ผมพยายามเก็บกดความไม่พอใจเอาไว้เรื่อยมา สะสมเอาไว้นานวันเข้ามันก็พังทลายลงจนได้ วันนั้นอัลลัวร์กลับถึงบ้านเมื่อเย็นมากแล้ว มีเพื่อนที่ชื่อแฮโรลด์มาส่งถึงบ้าน หมอนี่เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดในตอนนี้ของอัลลัวร์ เป็นเด็กขี้เล่น นิสัยดีแต่ผมไม่ชอบหน้าเอาเสียเลย ผมโกรธจนตัวสั่นเมื่อเห็นมันจูบเทวดาของผม ผมรู้ดีว่านั่นเป็นจูบทักทายตามประสาเพื่อน อัลลัวร์ยังสะสวยเหมือนเมื่อครั้งยังเด็ก ความที่ตัวเล็กแบบบางเหมือนแม่ของแกทำให้เพื่อนทุกคนรู้สึกเอ็นดูอยู่เสมอ แต่ผมก็ยังอดขุ่นเคืองไม่ได้อยู่ดี โทสะที่ปะทุขึ้นมาทำให้ผมรีบขอตัวกลับขึ้นห้องด้วยเกรงจะระงับอารมณ์ไม่อยู่ ระหว่างทางที่เดินขึ้นบันได ผมอดพิศวงไม่ได้ว่าเหตุใดหมอนั่นถึงกล้าดีเอาปากอันโสโครกของมนุษย์ที่ติดคราบคาวของกิเลสตัณหามาสัมผัสกับริมฝีปากอันบริสุทธิ์ของทูตสวรรค์ ความนิรมลนั้นไม่ทำให้หมอนั่นนึกละอายใจในความผิดบาปทั้งปวงที่ตัวเองกระทำอย่างผมบ้างเลยหรือไร? อัลลัวร์คงจะรู้ว่าผมไม่ค่อยพอใจ เพราะแกรีบส่งเพื่อนกลับบ้านก่อนขึ้นมาหาผมที่ห้อง อัลลัวร์เข้ามากอดผมพลางถามว่าผมโกรธอะไร นัยน์ตาสีเขียวสดใสมองผมอย่างวิตกกังวลเหมือนเด็กเล็กๆ ผมไม่พูดอะไรสักคำ ภาพเมื่อครู่ยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำไม่หายไปไหน มันทำให้ผมนึกถึงตอนเป็นวัยรุ่นที่นึกอยากร่วมรักกับอัลลัวร์ ตอนนั้นผมทำไม่ได้ แต่ตอนนี้เธออยู่ตรงหน้าผมแล้ว มีชีวิต มีเลือดเนื้ออย่างที่ผมเคยอยากจะให้เป็น และที่สำคัญ ตอนนี้เธอไม่มีปีกเอาไว้บินหนีผมอีกต่อไป! ผมดึงอัลลัวร์เข้ามาจูบ ตอนแรกแกไม่คิดอะไรแต่แล้วก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อพบว่าผมไม่ได้จูบแกเหมือนอย่างเคย ตอนแรกแกนึกว่าผมล้อเล่น หรือไม่ก็เมา.. แต่ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ผมรู้สึกตัวดี มีสติสัมปชัญญะแจ่มชัดยิ่งกว่าครั้งใดที่เคยรู้สึกเสียอีก ผมจำได้ดีว่าแกคร่ำครวญอย่างไร แทบจะนับจำนวนหยดน้ำตาที่ไหลออกมาได้ถ้วนทีเดียว อัลลัวร์เปลี่ยนไปนับแต่วันนั้น แกเปลี่ยนจากเด็กที่ไม่เคยรู้ว่าความทุกข์คืออะไรมาเป็นคนเก็บตัว ตกใจง่าย เมื่อแรกดูเหมือนแกจะตั้งใจทำใจให้ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ผมรู้ดีว่าแกยังรักผมมากเหมือนเดิมแกจึงพยายามหาเหตุผลมาแก้ต่างให้ผม ..พ่อคนที่ทำร้ายแก ให้ดูมีมลทินน้อยที่สุด ผมรู้ว่าอัลลัวร์ไม่อยากสูญเสียความสัมพันธ์แบบพ่อลูกเช่นนี้ไป แต่ผมเหลือทนแล้ว ผมอยากตะโกนบอกว่าผมไม่ใช่พ่อของเธอ เธอเองก็เป็นแค่ 'อะไรสักอย่าง' ที่อาศัยอยู่ในร่างของลูกผมเท่านั้น! ผมยังคงมีความสัมพันธ์กับอัลลัวร์อยู่เรื่อยๆ แต่ละครั้งล้วนนำมาซึ่งความไม่สาสมใจระคนกระอักกระอ่วนหลังจากความสุขสมผ่านพ้นไปเพียงชั่วครู่ ทั้งนี้เนื่องมาจากอัลลัวร์จะร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสารหรือที่จริงคือน่าสมเพชเวทนาทุกครั้ง แกเอาแต่พร่ำพูดว่าผมเป็นพ่อของแก มันทำให้ผมรู้สึกแย่ ซ้ำยังรู้สึกผิดหวังอยู่บ่อยครั้ง แต่กระนั้นผมก็ยังไม่อาจต่อต้านความปรารถนาของตนเองได้ อัลลัวร์เริ่มมีปัญหาด้านจิตใจ เพียงแค่ผมเข้าใกล้ก็หน้าซีด มือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก สุขภาพเริ่มย่ำแย่จนไม่สามารถไปโรงเรียนได้ ผมเป็นห่วงแกมาก ทั้งที่เป็นฤดูใบไม้ผลิแต่แกกลับได้แต่นอนซมอยู่บนเตียง ผมจึงตระเตรียมการไปพักผ่อนที่ไหนสักแห่งที่อากาศดีๆ มันคงจะทำให้แกแข็งแรงขึ้นบ้าง ผมไปที่นั่นด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ก่อนจะขุ่นเคืองอย่างยิ่งเมื่อพบว่าทุกสิ่งไม่เป็นไปตามความคาดหมายเลยสักนิด สถานที่เก่าๆที่ผมเคยพาอัลลัวร์มาเมื่อยังเป็นเด็กทำให้แกยิ่งคร่ำครวญหนักขึ้น แกเฝ้าแต่พร่ำรำพันว่าผมเป็นพ่อ และแกเป็นลูก ผมโมโหมาก ผิดหวังเหลือเกินที่เทวดาของผมจำผมไม่ได้ ในที่สุดผมจึงหลุดปากพูดออกไปว่าแกไม่ใช่ลูกผม อัลลัวร์ตกใจมากก่อนระล่ำระลักถามว่าแม่ของแกมีชู้รักคนอื่นงั้นหรือ ผมออกจะตกใจที่แกเข้าใจผิดไปกันใหญ่และนึกสงสารมาเรียที่จะถูกนึกถึงในแง่ร้ายจึงเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้ฟัง น่าแปลกที่อัลลัวร์กลับเงียบงันจนน่ากลัว ผมเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาแกกลับบ้าน อาการเหนื่อยอ่อนจากหลายสิ่งหลายอย่างของอัลลัวร์ทำให้ผมไม่อยากรบกวนแก ..บางที ..ถ้าปล่อยให้แกพักผ่อนไปเรื่อยๆแกอาจจะตื่นขึ้นมาเป็นเทวดาผู้งดงามคนเดิมของผมก็ได้ ตกดึก ผมไปที่ห้องนอนของอัลลัวร์เพื่อดูอาการอีกครั้ง แต่เคาะประตูเท่าไรก็ไม่มีเสียงตอบ ผมนึกเป็นห่วงขึ้นมาจึงรีบสั่งให้คนพังประตูห้องเข้าไป ในห้องนั้นมืดมาก ทั้งๆที่มันถูกเรียกว่า 'ห้องสีขาว' เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในห้องล้วนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ผมนึกสงสัยระคนหวาดหวั่น ..ก็ห้องนี้เคยสว่างสดใสตลอดมานี่นะ ผมกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อคิดถึงคำว่า 'เคย' ผมมองหาอัลลัวร์ แกไม่ได้นอนอยู่บนเตียงผมจึงไม่พบในตอนแรก จนกระทั่งเดินผ่านกระจกเงาบานใหญ่จึงได้เห็นร่างอันบอบบางของอัลลัวร์นอนทอดเหยียดยาวบนโซฟา ดูอ่อนระทวยและกระชดกระช้อยเสียจนผมอดชื่นชมในความงามอันน่าพิศวงนั้นไม่ได้ ผมขยับจะอุ้มแกขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้สัมผัสผิวกายเย็นเฉียบราวกับน้ำเเข็งทั้งที่อากาศไม่ได้หนาวเย็นอะไรเลย ผมเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ นี่คือหน้าของอัลลัวร์จริงๆน่ะหรือ..? อัลลัวร์สวย แต่ใบหน้านี้ดูเย็นชืดและแข็งทื่อเหมือนรูปสลักหินอ่อน ริมฝีปากซึ่งเคยเป็นสีกุหลาบอมยิ้มหวานระรื่นอยู่ตลอดเวลาแปรเปลี่ยนเป็นเขียวซีดซ้ำยังเม้มนิดๆเหมือนได้รับทุกขเวทนามาก่อนหน้านี้อย่างฉกาจฉกรรจ์ ข้อมือซีดเผือดยังมีเลือดรินไหลออกมาเรื่อยๆ ร่างอันเคยงามบัดนี้ขาวโพลนเหมือนหิมะ เต็มไปด้วยความผิดหวัง บอบช้ำยับเยินด้วยถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแสนสาหัส ผมนึกสงสัยขึ้นมาอีกครั้งอย่างน่าขัน นี่คือร่างของอัลลัวร์จริงๆล่ะหรือ..!? มือของผมสั่นระริกอย่างไม่อาจห้ามได้เมื่อได้ประจักษ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ผมรีบอุ้มอัลลัวร์ขึ้นรถ สั่งให้คนขับรถขับออกไปด้วยความเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ผมกอดร่างผอมบางนั้นเอาไว้แน่น สมองอึงอลไปด้วยความคิดที่วนเวียนไปมาอยู่ตลอดชีวิต ผมเริ่มสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ จนในที่สุด เมื่อรถถึงโรงพยาบาลผมก็สามารถควบคุมอารมณ์ได้จนเกือบเหมือนปกติ ในขณะที่นางพยาบาลจะเข็นเตียงที่มีร่างอันอ่อนเปียกจนดูเหมือนศพมากกว่าคนเข้าห้องฉุกเฉิน ผมก็เฉยเมยได้ถึงขนาดกล้ามองใบหน้าซึ่งฉายแววแห่งมรณกรรมอันน่าขนพองสยองเกล้าที่ผมเคยรักอย่างเหลือล้นนั้นได้เต็มตา หน้าของอัลลัวร์ในยามนั้นช่างเหมือนทูตสวรรค์แสนบริสุทธิ์ผู้ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ในโลกของความเป็นจริง ผมออกจะดีใจอยู่ที่เทวดาของผมจะได้กลับคืนเป็นดังเดิม ผมจวนจะได้เห็นแสงทองงดงามจับตานั้นอีกครั้งแล้วเมื่อลมหายใจของร่างกายซึ่งคือลูกชายของผมหมดไป ความรู้สึกของมิลตันตอนเขียนมหากาพย์เรื่อง Paradise Regained นั้นบัดนี้ผมเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว Paradise Lost ของผมกลับคืนมาแล้ว! อีกไม่นานนี้แหละ! ผมเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉินเมื่อทราบแน่ว่าอาการของลูกชายผมนั้นเกินเยียวยา แกจะอยู่ต่อไปได้อีกอย่างมากก็สัก 2 ชั่วโมง ผมยืนมองดวงหน้าเผือดซีด ร่างนี้ยังไม่ตายหรอก แต่ก็อีกไม่นาน ผมเริ่มรู้สึกถึงสายใยที่เกี่ยวกระหวัดระหว่างผมกับอัลลัวร์ค่อยแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆก่อนจะยิ้มอย่างเบิกบานเป็นที่สุด ทันใดนั้น ผมเบิกตากว้าง รีบผลักประตูออกจากห้องด้วยความสะเทือนใจ ทุกคนต่างเข้ามาถามว่าผมเป็นอะไร หน้าผมซีดเซียว ดูทรุดโทรมจนเหมือนว่าผมคือคนที่กำลังจะตายเสียเอง ในห้องนั้น ใกล้กับเตียงนอน เทวดาที่ผมไม่ได้พบมา 25 ปียืนอยู่ตรงนั้น เธอก้มหน้าอันแสนงามลงน้อยๆเพื่อมองร่างที่กำลังจะตาย รัศมีเจิดจรัสยิ่งส่องสว่างมากขึ้นราวกับได้บรรลุถึงหน้าที่แห่งตนโดยเสร็จสมบูรณ์แล้ว ราวกับผมจะได้ยินเสียงดนตรีอันเพราะพริ้งที่เหล่าทูตสวรรค์ร่วมกันบรรเลง 'อัลลัวร์' เบือนหน้ามาทางผม พลางแย้มยิ้มให้อย่างแสนอ่อนโยน
++++++ End |