Be My Valentine

 

 

Summary

นอกจากจะถูกบรรดาแฟนสาวที่คบด้วยหักอกจนครบรอบแล้ว เขายังได้เพื่อนบ้านที่ไม่น่าพิสมัยมาอยู่ข้างห้อง สำหรับหนุ่มเจ้าสำอางค์อย่างเบลค ไคแลน มันเป็นความซวยเสียยิ่งกว่าซวย โดยเฉพาะเมื่อเขาเกิดทำรูปปั้นที่แจสเปอร์ปั้นจนเสร็จแตกโดยไม่ตั้งใจ และไม่รู้ตัวสักนิด และเพื่อใช้หนี้ที่สร้างเอาไว้จากอุบัติเหตุในครั้งนี้ หมอนั่นจึงเปลี่ยนสถานะจาก 'เพื่อนบ้าน' มาเป็น 'เพื่อนร่วมห้อง' อย่างรวดเร็ว โดยแถมเจ้าเลกซี่หมาอ้วนจอใอัปลักษณ์มาอีกต่างหาก แต่ยัง...ความซวยของเขายังไม่หมดแค่นั้น เมื่อเบลคดันไปหลุดปากบอกแพททริค เกย์ที่มาสารภาพรักว่ามีคนรักอยู่แล้ว ทั้ง ๆ ที่ฝ่ายนั้นรู้ดีว่าตอนนี้เขาว่าง ด้วยเหตุนี้เบลคจึงต้องอ้อนวอนแจสเปอร์ให้ช่วยเล่นเป็นคนรักตบตาแพททริคอย่างไม่มีทางเลือก แต่เอ...ยิ่งทำตามแผนการณ์ไป แจสเปอร์ยิ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขามากทุกที หมอนั่นดูน่ารักขึ้นตั้งเยอะ เจ้าเลกซี่ก็ด้วย หรือว่าเขาชักจะเพี้ยนไปแล้วนะ?

 

 

Preview

 

"คุณมันคนเลว เจ้าชู้จอมกะล่อนที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น ฉันขอให้คนอื่น ๆ ทิ้งคุณไปจนหมด ให้คุณได้รู้รสที่ฉันรู้อยู่ในตอนนี้ ขอให้คุณรักใครจริง ๆ จัง ๆ แล้วเขาไม่สนใจคุณ!"
เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ที่โจเซฟีนบอกเลิกกับเขา จากนั้นคำแช่งของหล่อนก็ค่อย ๆ เป็นจริงทีละน้อย ตอนเขาจีบหล่อนใหม่ ๆ มีคนบอกเขาว่าโจเซฟีนเป็นพวกคลั่งไคล้ในมนต์ดำแต่เขากลับคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล
ตอนนี้ชายหนุ่มเพิ่งเห็นสัจธรรม
นับตั้งแต่นั้นมา ผู้หญิงเกือบสิบคนที่เขาคบเป็นตัวสำรองก็ค่อย ๆ บอกเลิกเขาทีละคนจนเหลือแต่มิเชล สาวน้อยไฮสกูลที่ยอมย้อมผมสีน้ำตาลของตัวเองให้เป็นสีบลอนด์สว่างเพื่อเขา
ผู้หญิงไม่น้อยที่ยอมย้อมผมทุกจุดในร่างกายให้เป็นสีบลอนด์เพื่อเขา แต่แล้วพวกหล่อนก็ค่อย ๆ จากเขาไป และมิเชลก็คงจะเป็นเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อวานหล่อนโทรศัพท์เข้ามาฝากข้อความให้เขาไปพบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจะเย็นชาเป็นพิเศษ
เบลค ไคแลน มองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกห้องน้ำ ภาพที่ปรากฏอยู่ในนั้นคือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผิวสีแทน หน้าตาชวนฝันด้วยผมสี บลอนด์เป็นลอนติดหนังศีรษะและดวงตาสีฟ้าสดใส เขาส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วถอนหายใจเฮือก
"จุดจบของนายแล้ว คาซาโนว่า"
เขาเดินออกจากห้องน้ำด้วยร่างกายกำยำที่เปลือยเปล่าแล้วตรงดิ่งไปยังตู้เสื้อผ้า ก่อนจะชะงักเมื่อจมูกกระสากลิ่นเหม็นเน่าเบาบางที่อบอวลอยู่ในห้อง แต่ตอนนี้เขาหดหู่เกินกว่าที่จะเก็บเรื่องหยุมหยิมนี้มาใส่ใจ ประตูตู้เสื้อผ้าถูกเปิดออกเผยให้เห็นเครื่องแต่งกายนับร้อย ๆ ชิ้นที่อัดแน่นอยู่ข้างใน ผู้เป็นเจ้าของเลือกมันอย่างพิถีพิถัน เขาใส่ใจเรื่องเสื้อผ้าและบุคลิกเสมอ แม้จะเป็นตอนนี้ หน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่งไม่ใช่หรือ?
00
ร่างสูงใหญ่ตามแบบฉบับนักกีฬาผลักประตูร้านฟาสต์ฟูตแล้วมองหาคนที่นัดตัวเองไว้ แต่ก็ต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ เมื่อครู่เขาแวะเข้าร้านขายเสื้อผ้า กว่าจะรู้ตัวก็เลยเวลาไปสิบห้านาทีแล้ว มิเชลไม่เคยมาสาย แล้วนี่ทำไมเธอถึงยังไม่มา?
เบลคหมุนตัวกลับแล้วตั้งใจยืนรอเด็กสาวอยู่หน้าร้าน เพราะว่ากันตามจริงแล้วเขาไม่ชอบอาหารร้านนี้เท่าไหร่ แต่มิเชลชอบ และตอนนั้นเขาจีบเธออยู่ เธอว่าอะไรเขาก็ต้องว่าตามกันตามประสาสุภาพบุรุษที่ดี
"เบลค"
เสียงเยียบเย็นเหมือนน้ำแข็งดังขึ้นข้างหลังทำให้เจ้าของชื่อหันไปมอง ก่อนจะเบิกตาค้างอย่างตกใจ…
มิเชลในเวอร์ชั่นผมสีน้ำตาล!
พระเจ้า! ไม่นะ เธอไม่รู้หรือไงว่าเขาชอบผู้หญิงผมสีบลอนด์ อย่าบอกนะว่าเธอย้อมตรงนั้นกลับคืนสีเดิมของมันด้วย!
"เฮ้!" เขาฝืนยิ้มแล้วนั่งตรงข้ามอีกฝ่าย ทั้ง ๆ ที่ยังช็อคในการเปลี่ยนแปลงของแฟนสาวไม่หาย "ย้อมผมมาเหรอ?"
เด็กสาวมองฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาไร้ความรู้สึก "แน่นอน"
"เอ่อ…แล้ว…" เขาถามอย่างอึกอัก ในขณะที่มิเชลต่อให้ทันทีอย่างรู้ทัน
"ตรงนั้นก็ด้วย"
ชายหนุ่มเผยอปากค้าง ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง "โอ! พระเจ้า เกิดอะไรขึ้นที่รัก เธอแพ้สีย้อมหรือไง?"
"ไม่ใช่" มิเชลตอบพลางดูดน้ำในแก้ว "แต่ฉันอยากเลิกกับคุณฉันจะ
ไม่ทำตามที่คุณต้องการอีกต่อไปแล้ว"
เบลคมองคนพูดเหมือนเมาค้าง เด็กสาวจึงกล่าวต่อเรียบ ๆ "คุณไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว"
"ที่รัก!" เขาพยายามประนีประนอมแล้วรู้สึกถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลกลางฝ่ามือ "พูดเรื่องอะไรกันจ๊ะ?"
เบลคบอกตัวเองอย่างแน่วแน่ในวินาทีนั้น…
เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาเหลืออยู่ ถ้าทำได้เขาก็อยากรักษาเธอเอาไว้ และชดเชยสิ่งที่เคยพลาดไปให้กับเธอทุกอย่าง
มิเชลยกนิ้วขึ้นนับ "คุณมีทั้งลอรี่ เจนนิเฟอร์ คอร์ทนีย์ เม็กกี้ โจเซฟีน แล้วก็ใครต่อใครอีกตั้งหลายคนที่ฉันไม่รู้จักชื่อ และเต็มใจจะย้อมผมทุกส่วนในร่างกายให้เป็นสีทองเพื่อคุณ"
"แต่ตอนนี้ผมมีคุณคนเดียวจริง ๆ นะ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนแต่ก็เท่ากับเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาไปในตัว
แน่นอนว่าสิ่งที่เบลคพูดเป็นความจริง ไม่ว่าจะเป็นลอรี่ เจนนิเฟอร์ คอร์ทนีย์ เม็กกี้ โจเซฟีน และอีกหลาย ๆ คนที่มิเชลยังไม่ได้เอ่ยชื่อ ต่างพากันทิ้งเขาไปทีละคน ๆ อย่างกับนัดกันไว้ แล้วคราวนี้มิเชลซึ่งเป็นฟางเส้นสุดท้ายของเขายังจะคิดแบบเดียวกันอีกหรือ
ร่างสูงหลับตาเตรียมพร้อมทันทีเมื่อฝ่ายตรงข้ามลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่เขาแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อมิเชลเพียงแต่คว้ากระเป๋าถือแล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"ลาก่อนค่ะ"
เบลคถอนหายใจเฮือก อย่างน้อยหล่อนก็ไม่แค้นเขาขนาดนั้นนี่นะ นอกจากโจเซฟีนที่ใช้มนต์ดำแล้ว บรรดาแฟน ๆ ที่เรียงคิวกันถีบหัวเขาส่งต่างก็ฝากรอยมือไว้บนแก้มเขาคนละรอบสองรอยกันทั้งนั้น นับว่าอะไรต่ออะไรก็ไม่เลวร้ายเกินไปนัก
ไม่เลวร้ายเหรอ? เบลคถามตัวเองกลับพลางคว้าแก้วน้ำของมิเชล
มาดูดอึก ๆ
ตั้งแต่สองเดือนที่แล้วแฟนที่เขาคบไว้เผื่อเป็นตัวเลือกก็พร้อมใจกันบอกเลิกเขาทุกอาทิตย์ ๆ จนตอนนี้ผู้หญิงในลิสต์ของเขาหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือสักราย
บางทีมันอาจจะไม่ใช่ความผิดของโจเซฟีน หล่อนมีมนต์ดำจริงหรือเปล่าเขาก็ยังไม่รู้ หรือว่าด้วยความที่มีโชคเรื่องความรักมานาน พระเจ้าจึงต้องกลั่นแกล้งหนุ่มหล่ออย่างเขาให้รู้รสแห่งความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเหมือนกับผู้ชายด้อยเสน่ห์ที่มีอยู่ดาษดื่น เพื่อให้เกิดความยุติธรรมขึ้นในโลก?
ชายหนุ่มพยักหน้ารับกับตัวเองอย่างเออออตามนั้น เอาเถอะ ให้ผ่านช่วงดวงซวยนี่ไปสักพัก เดี๋ยวเขาก็จะกลับเป็นผู้ชายที่ถูกสาว ๆ ล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนเดิมแล้ว
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาควักเงินขึ้นจ่ายค่าเครื่องดื่มที่มิเชลสั่งไว้แล้วสะบัดก้นหนี เพื่อเตรียมตัวออกจากร้านอันแสนน่าหดหู่ เขาดูหมายเลขหน้าจอแล้วกดสายรับก่อนจะกรอกเสียงเนือย ๆ ลงไป
"นายอยู่ไหนวะ? ฉันกำลังเซ็งชะมัดเลยว่ะ"
00
แอนดรูว เครน หนุ่มนักฟุตบอลประจำทีมเอซัสตบหลังตบไหล่เพื่อนเป็นการปลอบใจหลังจากรับฟังโศกนาฏกรรมความรักของอีกฝ่ายจบ
"เอาเถอะน่า ถือว่ามันเป็นช่วงซวยของนายก็แล้วกัน"
"เออ" เบลคตอบเซ็ง ๆ เขานั่งเท้าคางเอาศอกเกยเข่าอยู่บนอัฒจรรย์และมองไปยังเด็กปีหนึ่งที่กำลังฝึกซ้อมในสนามอย่างใจลอย
เพื่อนสนิทเอนศีรษะแล้วเอาต้นแขนทั้งสองข้างยันกับขั้นนั่งพลางลอบยิ้มกับตัวเองอย่างขบขัน ความจริงแล้วเขาไม่เห็นใจเบลคสักเท่าไหร่ เพราะปีที่แล้วหมอนี่เพิ่งจะหักอกน้องสาวเขาไปหมาด ๆ ให้รู้รสของการโดน
ทิ้งจนไม่มีใครบ้างก็ดีเหมือนกัน
"พระเจ้า!" หนุ่มผมบลอนด์อุทานลั่นแล้วหันมาทางเพื่อน "มิเชลแสบสุด ๆ เลย! ยังแม่มดเอ๊ย!"
คนฟังขมวดคิ้ว "เมื่อกี้นายเพิ่งพูดไปแหมบ ๆ ว่าเธอจิตใจงามเหมือนนางฟ้าองค์น้อย ๆ ที่ไม่ตบนายเหมือนคนอื่น ๆ แล้วตอนนี้มีอะไรขึ้นมาอีกล่ะ?"
"ฉันเพิ่งนึกออกว่าหล่อนไม่ตบฉันก็จริง แต่หล่อนทำยิ่งกว่านั้น"
"หืม?"
"หล่อนย้อมผมกลับไปเป็นสีเดิม!"
แอนดรูวหัวเราะก๊าก เพราะรู้ว่าจุดอ่อนของเพื่อนสนิทคือสาวผม บลอนด์เหมือนกับตัวเอง ลิซซี่น้องสาวของเขาก็มีลักษณะเช่นนั้น
เบลคมีความหลังฝังใจในเซ็กซ์ครั้งแรกตอนอายุสิบสามที่มีกับพี่เลี้ยงของตัวเองซึ่งอายุมากกว่าถึงสี่ปี หล่อนเป็นสาวผมบลอนด์สุกสว่างและมีชั้นเชิงรักที่เยี่ยมยอด เพื่อนของเขาคงจะเห็นความมหัศจรรย์ของผมสีบลอนด์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
สายตาของเขาหยุดนิ่งลงที่ร่างหนึ่งซึ่งยืนเกาะรั้วสนามอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะสะกิดเพื่อนที่นั่งขั้นต่ำกว่า "เฮ้"
"อะไร?"
"ถ้านายชอบผมสีบลอนด์สว่าง ตาสีฟ้าใส ตอนนี้ก็มีพร้อมอกพร้อมใจจะยินดีพลีกายให้นายอยู่นะ"
"ใคร?"
เบลคถามพร้อมรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังพลางมองตามปลายนิ้วเพื่อน แต่แล้วก็ต้องหันมาแยกเขี้ยวใส่คนชี้เมื่อเห็นบุคคลที่สามได้ถนัด
…แพททริค แอคตัน เด็กปีสองที่ชอบแอบมองเขาอยู่บ่อย ๆ…
"ไอ้บ้า! ฉันไม่ใช่เกย์เว้ย!"
คู่สนทนาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี "อ้าว! นี่ไง แพทน่ะสเป็คนายเลย ผมสีทราย ตาสีท้องฟ้า แถมผอมบางสะโอดสะอง ถ้านายจับเขาแต่งตัวเป็นผู้หญิงรับรองไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นผู้ชาย"
"เฮอะ" เบลคถอนหายใจเมื่อแพททริครีบเดินก้มหน้างุดออกไปเมื่อประสานสายตากับเขาโดยบังเอิญ เขาหันมาหาเพื่อนสนิทแล้วพูดเน้นเสียง "ของฉันต้องผู้หญิงเท่านั้น ผู้-หญิง-เท่า-นั้น เข้าใจมั้ย? ไม่งั้นต่อให้หมอนั่นย้อมเส้นขนในตัวให้เป็นสีบลอนด์หมดฉันก็ไม่สนเฟ้ย!"
"ให้มันได้อย่างที่พูดเหอะ" แอนดรูวแหย่
"เออซิวะ ไอ้เวรนี่ ว่าแต่วันนี้ฉันไปนอนที่หอนายได้มั้ย? เซ็งว่ะ ขี้เกียจกลับห้อง"
"เอาสิ"
เพื่อนสนิทรับคำ เขาเช่าหอพักของมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกับนักศึกษาต่างรัฐส่วนใหญ่ ส่วนเบลคเลือกที่จะเช่าอพาร์ตเมนท์อยู่เองเพื่อพาผู้หญิงทั้งหลายของเจ้าตัวเข้ามานอนได้สะดวก แต่แม้กระนั้นเจ้าตัวก็ยังดอดเข้ามานอนค้างที่ห้องเขาบ่อย ๆ เวลาที่เกิดเซ็งกับบรรดาแฟน ๆ ทั้งหลายขึ้นมา
00
อารมณ์หงุดหงิดของชายหนุ่มเมื่อกลับเข้าห้องในเย็นวันรุ่งขึ้นดูจะยิ่งทวีคูณกว่าเดิม เมื่อกลิ่นเหม็นเน่าลอยเข้ามากระทบจมูกทันทีที่เปิดประตูห้อง กลิ่นนั้นรุนแรงราวกับมีต้นตออยู่ในห้องของเขา หรืออย่างน้อยก็อยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้ ๆ
ร่างสูงสลัดรองเท้าออกอย่างลวก ๆ เขวี้ยงกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือไปบนเลซี่บอยตัวโปรด ก่อนจะทำจมูกฟุดฟิดตามเจ้ากลิ่นนรกนั่นไปเรื่อย ๆ และพบว่ามันลอยเข้ามาจากประตูเลื่อนที่อยู่ตรงทางออกสู่ระเบียงที่เขาเปิดทิ้งไว้เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ ตอนนี้ลมโชยพัดมาไม่ขาดระยะ จึงพาเจ้ากลิ่นเหม็นเน่าเข้าห้องเขามาด้วย
ระเบียงของอพาร์ตเมนท์ที่เขาอาศัยอยู่มีพื้นที่ไม่มากนัก และยังเปิดโล่ง พูดง่าย ๆ คือ จะปีนหากันจากห้องหนึ่งไปห้องหนึ่งก็ได้ แต่ยังไม่มีใครทำ หรืออาจจะมีคนทำแล้วเพียงแต่เบลคยังไม่รู้เท่านั้น
หนุ่มผมบลอนด์เอานิ้วหนีบจมูกแล้วชะโงกหน้าไปดูถังขยะที่วางอยู่ตรงมุมหนึ่งของระเบียงที่อยู่ติดกันซึ่งเศษอาหารที่กินไม่หมดอยู่เต็มถัง รวมทั้งซากผลไม้ที่เขาเดาไม่ออกว่ามันเคยเป็นอะไรมาก่อน ที่แย่ที่สุดดูจะเป็นเปลือกไข่ที่ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งอย่างรุนแรงจนเขาแทบจะเป็นลม
เรียวขายาวแข็งแรงพาเจ้าของจ้ำพรวดเข้าไปในบ้านอีกครั้งโดยไม่ลืมปิดประตูระเบียงให้สนิท เบลคยืนหมุนกลางห้องอยู่พักใหญ่ ระหว่างกำลังลังเลว่าควรจะโทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของอพาร์ตเมนท์กับการจัดการด้วยตัวเองอย่างไหนจะเร็วกว่ากัน ในที่สุดเขาก็เลือกอย่างหลัง…
ชายหนุ่มเดินออกจากห้องตัวเองแล้วมาหยุดอยู่ประตูข้าง ๆ เขากดออดค้างไว้ในขณะที่มืออีกข้างเท้าเอว และปรับสีหน้าเตรียมพร้อมจะหาเรื่องเต็มที่ เขาพยายามจินตนาการใบหน้าเจ้าของห้องว่าจะเป็นคนลักษณะไหน แต่ที่เขาแน่ใจสุด ๆ คือจะต้องเป็นคนสกปรกอย่างเหลือร้าย
เสียงออดที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการกดของตัวเองทำให้เบลคเริ่มลังเล …หรือว่าจะไม่มีใครอยู่กัน?…
หลังจากแช่นิ้วไว้ที่ออดเกือบหนึ่งนาที ประตูที่อยู่ตรงหน้าเขาก็ถูกกระชากออกอย่างแรงเสียจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกไปทั้งบาน เสี้ยววินาทีนั้นเองที่เบลคเริ่มกลัวว่าเจ้าของห้องอาจจะเป็นพวกมาเฟีย หรือนักเลงร่างยักษ์ ที่สามารถจับเขาหักคอได้ด้วยมือข้างเดียว
แต่แล้วเขาก็แทบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อผู้ที่เปิดออกมาเป็นแค่เด็กหนุ่มร่างผอมคนหนึ่ง ความจริงจะเรียกว่าเด็กหนุ่มคงจะไม่ถูกนัก เพราะอีกฝ่ายท่าทางจะมีอายุไล่เลี่ยกับเขา แต่ด้วยขนาดร่างกายที่แตกต่างกันลิบลับ ประกอบกับผมสีน้ำตาลเหลือบแดงนิด ๆ ที่ยาวรุงรังจึงทำให้เจ้าตัวดูอ่อนวัยลงไปไม่น้อย
"มีอะไรไม่ทราบ!?"
เจ้าของห้องกระชากเสียงถามอย่างหงุดหงิดและพร้อมจะมีเรื่องไม่แพ้กัน ทำให้อารมณ์ฮึดของเบลคแล่นเข้ามาอีกครั้ง เขายืนกอดอกจ้องร่างโปร่งเขม็ง แล้วให้สะดุดตากับมือทั้งสองข้างที่เปรอะเปื้อนไปด้วยปูนปลาสเตอร์ของอีกฝ่าย เบลคตวัดสายตากลับมาที่ใบหน้าค่อนข้างขาวซีดอย่างคนไม่โดนแดดของเจ้าตัว ก่อนจะพูดด้วยเสียงเครียด ๆ
"ถังขยะที่นายตั้งไว้ตรงระเบียงส่งกลิ่นรบกวนเพื่อนบ้าน ถ้ายังไงช่วยจัดการเสียก่อนที่ฉันจะเรียกเจ้าหน้าที่ของทางตึกจะดีมาก"
คนฟังอ้าปากค้างด้วยสีหน้าไม่พอใจเต็มที่ แล้วทำท่าจะเสยผมตัวเองแต่ก็ต้องชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามือเปรอะ "นายมายืนกดออดหน้าห้องฉันเพราะเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ? งี่เง่าที่สุด!"
คราวนี้เบลคเป็นฝ่ายตกตะลึงจนต้องอ้าปากบ้างที่ตัวต้นเหตุทำท่าเหมือนไม่แยแสจะรับผิดชอบขนาดนี้ "มันไม่ใช่เรื่องแค่นี้ มัน-เหม็น-มาก เหม็น-จน-นอน-ไม่-ได้ เข้าใจมั้ย!?"
เขาพูดเน้นเสียงทีละคำ ในขณะที่อีกฝ่ายกรอกตามองเพดานราวกับกำลังฟังเรื่องไร้สาระอยู่ ร่างโปร่งถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะตวัดเสียงใส่
"ฟังนะ ไอ้เบื๊อก! ฉันกำลังทำงานอยู่ และ-ยุ่ง-มาก-ด้วย" ฝ่ายนั้นเน้นเสียงล้อเลียน "ถ้านายอยากจัดการไอ้ถังขยะส้วมแตกนั่นล่ะก็ นายต้องเข้าไปทำเอง"
"อะไรนะ?!"
เบลคร้องเสียงสูงแล้วก้าวเข้าประชิดคนพูดจนกระทั่งได้กลิ่นบุหรี่จากลมหายใจร่างโปร่ง เนื่องจากฝ่ายนั้นมีแต่แผ่นอกผอมบางเปล่าเปลือย ไม่ได้สวมเสื้อไว้ให้เขาขยุ้ม ร่างสูงจึงได้แต่จ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำผึ้งอย่างดุดัน พลางบีบกำปั้นจนได้ยินเสียงดัง 'กร๊อบ' แต่แล้วก็ให้รู้สึกผิดหวังนิด ๆ เมื่อฝ่ายนั้นไม่ได้มีทีท่าว่าจะกลัวหรือโต้ตอบ แถมมันยังทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กยังไงก็ไม่รู้ เพราะหมอนั่นสูงเลยปลายคางเขามาแค่นิดเดียว
ร่างสูงคลายฝ่ามือออกแต่ยังไม่วายทำเสียงฮึ่มฮั่ม เป็นจังหวะเดียวกับที่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเดินต้วมเตี้ยมลอดประตูที่เปิดแง้มอยู่ออกมาแล้วส่งเสียงขู่เขาแฮ่ ๆ อย่างไม่เป็นมิตร
ภาพที่เห็นทำให้หนุ่มนักกีฬาขมวดคิ้ว เพราะไม่แน่ใจว่าสัตว์ตรงหน้าเป็นหมูหรือสุนัขกันแน่ อันที่จริงมันเป็นสุนัขพันธุ์บุล เทอร์เรียร์ สีขาวที่ถูกขุนจนอ้วนกลม และมีขนรอบ ๆ ตาข้างหนึ่งเป็นดวงสีดำ แต่ด้วยลักษณะของพันธุ์บุล เทอร์เรียร์ ที่เบลคคิดว่าน่าเกลียดอยู่แล้ว ยิ่งทำให้เจ้าหมาน้อยดูอัปลักษณ์และเจ้าเล่ห์เสียเหลือเกินในสายตาชายหนุ่ม
"เลกซี่"
ผู้เป็นเจ้าของเรียกมันด้วยเสียงอ่อนโยนผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ แล้วเดาะลิ้นถี่ ทำให้เจ้าเลกซี่กระดิกหางดุกดิกแล้วเงยหน้ามองร่างโปร่งทีหนึ่งอย่างประจบ ก่อนจะหันมาตั้งแง่กับคนแปลกหน้าเหมือนเดิม
"ว่าไง?" เจ้าของร่างโปร่งถามด้วยสีหน้ารำคาญ "ฉันมีเวลาให้นายไม่มากหรอกนะ ถ้าอยากกำจัดไอ้กลิ่นนั่นก็ช่วยเอาถังขยะฉันไปทิ้งเสียตอนนี้ แต่ถ้าไม่ล่ะก็…"
เบลคกัดฟันกรอด อันที่จริงเขาก็ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ถ้าปิดประตูระเบียงเสีย แล้วปล่อยให้ทางเจ้าหน้าที่อพาร์ตเมนท์เป็นผู้รับผิดชอบ แต่ไอ้นิสัยชอบรับลมเย็น ๆ ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ในฤดูไหนดูเหมือนจะเหลือทางเลือกไว้ให้เขาเพียงทางเดียว
"ก็ได้" ร่างสูงส่งเสียงลอดไรฟัน ในขณะที่คู่กรณีมีสีหน้าเรียบเฉย แล้วเดินนำเข้าไปในห้อง
"เชิญตามสบาย" เจ้าของผมสีน้ำผึ้งพูดพลางเดินเข้าไปหารูปปั้นที่ยังไม่สมบูรณ์ที่ตั้งอยู่กลางห้องแล้ววักน้ำในถังขึ้นลูบ แล้วทำท่าเหมือนตกอยู่ในโลกส่วนตัวโดยสมบูรณ์
ดวงตาสีฟ้ากวาดมองสภาพรอบตัวอย่างนึกทึ่ง เบลครู้ดีว่าตัวเองเป็นคนที่มีนิสัยค่อนข้างจู้จี้เกี่ยวกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และรักความเป็นระเบียบ แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าห้องตัวเองดูสะอาดหรูเลิศจนกระทั่งได้เห็นห้องนี้ เฟอร์นิเจอร์รูปร่างประหลาดถูกวางระเกะระกะจนทำให้ห้องขนาดกลางดูแคบไปถนัดตา เสื้อผ้าที่ดูไม่ออกว่าใส่แล้วหรือเปล่าก็กระจัดกระจายอยู่ทั่วห้อง พิซซ่าถาดเล็กวางหราอยู่บนพื้นและพร่องไปเพียงครึ่ง ผนังที่เคยขาวสะอาดมีโปสเตอร์แปะไว้เต็มพืด เบลคชำเลืองมองเข้าไปในประตูห้องนอนที่เปิดอ้า แล้วเบ้หน้าเมื่อเห็นว่าแม้แต่พื้นที่บนเตียงยังถูกจับจองด้วยของกระจุกกระจิกเต็มไปหมด เป็นที่น่าสงสัยเหลือเกินว่าเจ้าของห้องจะนอนที่ไหน
ความรู้สึกอุ่นร้อนที่หน้าแข้งทำให้ร่างสูงก้มลงมอง แล้วพบกับเจ้าสุนัขพันธุ์หมูที่ยืนลิ้นห้อยแฮ่ก ๆ อยู่ข้างขาเขา อันที่จริงมองไปแล้วมันก็น่าเอ็นดูอยู่ไม่น้อย ไหน ๆ มันก็อยู่ข้างห้องเขา ทำญาติดีด้วยหน่อยจะเสียหายตรงไหนกัน
เบลคยิ้มให้มัน พลางเดาะลิ้นอย่างที่เห็นเจ้าของมันทำ "เฮ้! เลกซี่"
แทนที่จะกระดิกหางรับ เจ้าเลกซี่กลับขู่แฮ่ ๆ แล้วมองคนเรียกตาขวาง ร่างโปร่งละมือจากรูปปั้น แล้วขมวดคิ้วมุ่น
"นี่นายยังอยู่ตรงนี้อีกเหรอ? ไหนบอกจะมาจัดการขยะไง?"
เบลคเข่นเขี้ยว หมอนี่คิดว่าเขาเป็นพนักงานเก็บขยะหรือไงกันนะ?
อารมณ์ฮึดฮัดทำให้ชายหนุ่มแกล้งไม่สนใจอีกฝ่าย แล้วก้มลงเอามือตบหัวเจ้าสี่ขาเบา ๆ
"เลกซี่" เขาเรียก แล้วแทบร้องจ๊ากเมื่อเจ้าของชื่อฝังเขี้ยวลงมาในมือเขา แม้ว่าจะไม่เต็มเหนี่ยว แต่ก็เล่นเอาเลือดไหลซิบ ๆ เหมือนกัน
อดีตนักกีฬาโรงเรียนหันไปเอาเรื่องกับเจ้าของห้องทันที "หมานายกัดฉัน!"
ฝ่ายตรงข้ามไม่มีท่าทีอาทรร้อนใจแม้แต่น้อย กลับพูดด้วยเสียงติด
จะรำคาญด้วยซ้ำ "ใครใช้ให้นายโอ้เอ้กันล่ะ อีกอย่างมันไม่ชอบให้ใครเรียกว่า 'เลกซี่'"
"ก็มันชื่อเลกซี่แล้วจะให้ฉันเรียกว่าอะไรไม่ทราบ!?" เบลคอยากเอาหัวโขกผนังนัก นี่เขากำลังคุยกับคนบ้าอยู่หรือไงกัน!
คู่สนทนาไหวไหล่ "มันชื่ออเลกซานเดอร์ เดอะ เกรท ต่างหาก มันจะชอบมากถ้านายเรียกชื่อมันเต็มยศ"
ชายหนุ่มเหลือบมองเจ้าของชื่อที่กำลังทำลิ้นห้อยพลางเหล่ตามองเขาอย่างเจ้าเล่ห์ที่สุด ก่อนจะพึมพำอย่างไม่เชื่อหู
"อเลกซานเดอร์ เดอะ เกรท?"
ไม่รู้เขาอุปทานไปเองรึเปล่า แต่ไอ้หมาบ้านี่ดูเหมือนจะยิ้มได้เลยแฮะ
เสียงดีดนิ้วสองสามครั้งเรียกสติเบลคให้คืนกลับมาสู่โลกแห่งความจริง เขามองไปทางต้นเสียง และพบเจ้าของผมสีโคล่าที่ยาวรุ่ยร่ายกำลังมองหน้าตนเองเขม็ง และชี้หัวแม่มือออกไปทางระเบียง
"ขยะ!"
ฝ่ายนั้นว่า ทำให้ร่างสูงต้องเดินลงส้นออกไปอย่างหัวเสีย เชอะ! เขาเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานนักหรอก
บ้าพอกันทั้งคนทั้งหมาน่ะแหละ!
00

+2+


ภาพเพื่อนสนิทที่เดินเข้าห้องบรรยายอย่างเลื่อนลอยทำให้แอนดรูว เครน ต้องรีบยกมือยกไม้เป็นสัญญาณเพราะกลัวว่าฝ่ายนั้นจะเดินเลยผ่านเขาไปโดยไม่เห็นเสียก่อน
"ไง"
"ไง" เบลคชนกำปั้นกับอีกฝ่ายเนือย ๆ แล้วทิ้งตัวลงบนเก้าอี้พลางถอนหายใจเฮือก
"ยังเซ็งไม่หายอีกเหรอ?"
หนุ่มผมสีทรายเหวี่ยงศีรษะไปข้างหลัง แล้วพ่นลมหายใจยาวออกมาทางปาก "แอนดี้ ฉันไปรับศีลล้างบาปดีมั้ยวะ?"
คนฟังหัวเราะร่วนอย่างไม่มีท่าทีว่าจะสงสารเลยสักนิด "นึกยังไงขึ้นมา?"
"ช่วงนี้ฉันซวยสุด ๆ เลยว่ะ"
"ที่โดนสาว ๆ ผลัดกันแหกอกจนครบรอบน่ะรึ?"
"เท่านั้นยังไม่พอ แถมยังเจอเพื่อนบ้านโรคจิตอีก" ผู้พูดเบ้ริมฝีปาก แล้วทำท่าขยักขย้อนเมื่อนึกถึงกลิ่นขยะเมื่อวาน
แอนดรูวเลิกคิ้วอย่างสนใจ ก่อนจะโบกมือทักทายคนรู้จักที่ทยอยเดินเข้าห้องบรรยายกันเรื่อย ๆ "โรคจิตยังไง? ประเภทฆ่าหั่นศพ หรือไม่ก็ตัดอวัยวะบางส่วนดองเก็บไว้ดูเล่น?"
"แบบนั้นยังดีซะกว่า…มั้ง" คาสโนว่าหนุ่มตอบแล้วเติมคำต่อท้ายแทบไม่ทัน เมื่อคิดไพล่ไปว่า 'อวัยวะบางส่วน' ของแอนดรูวนั้นจะเป็นส่วนไหน "หมอนี่มันโรคจิตสุด ๆ นายรู้มั้ยว่ามันบ้าแต่ทำงาน พอถังขยะเต็มมันก็ไม่เอาไปทิ้ง"
"แค่นี้เนี่ยนะ?" เพื่อนสนิทถามเสียงสูง
เบลคถอนหายใจเฮือก "แค่นั้นมันก็ดีไปน่ะสิ คราวนี้ขยะมันก็ส่งกลิ่นทั่วห้องใช่มั้ย หมอนั่นดันทำฉลาด เอาถังขยะไปตั้งไว้ที่ระเบียงแล้วปิดประตูห้องตัวเอง ฉันก็เลยต้องรับกรรมเจอไอ้กลิ่นเน่านั่นลอยเข้าห้องเต็ม ๆ"
"แล้วเพื่อนบ้านคนอื่น ๆ ล่ะ?"
"ไม่รู้แม่งว่ะ"
เจ้าของดวงตาสีฟ้ามองเพื่อนที่เตรียมกางสมุดจดและหยิบแว่นกรอบบางขึ้นสวมเมื่อเห็นอาจารย์เดินเข้าห้องมา แล้วรีบเล่าต่ออย่างอัดอั้น "แถมมันยังมีหมาโรคจิต นายรู้มั้ยว่าหมอนั่นตั้งชื่อหมาว่าอะไร?"
"ไม่รู้ว่ะ" แอนดรูวตอบส่ง แล้วนึกอนาถตัวเองที่ต้องแบ่งสมาธิครึ่งหนึ่งฟังอาจารย์บรรยาย และอีกครึ่งหนึ่งเพื่อฟังเพื่อนเล่าเรื่องไร้สาระ
"อเลกซานเดอร์ เดอะ เกรท แถมนายต้องเรียกมันเต็มยศด้วย ไม่งั้นมันจะโกรธ"
มาถึงตรงนี้คนฟังถึงกับชะงัก แล้วหันมามองคู่สนทนาด้วยสายตาที่อ่านได้ว่า 'ไม่จริงน่า…'
คนเล่าชูรอยแผลที่ได้มาเมื่อวานให้อีกฝ่ายดู แล้วส่ายหน้าอย่างปลงไม่ตก ก่อนจะคร่ำครวญ "พระเจ้าท่านต้องทรงกลั่นแกล้งฉันแน่ ๆ"
"ไหนนายว่าเป็นเพราะมนต์วูดูของโจเซฟีน?"
เพื่อนสนิทถามพลางจดคำบรรยายของอาจารย์ลงไปในสมุดในขณะที่เบลคเคาะปากกาเล่น
"ตอนแรก ๆ ฉันก็คิดอย่างนั้น แต่ยัยนั่นแช่งให้ฉันโดนหักอกจากผู้หญิงทุกคนที่คบ…"
แอนดรูวถามแทรก "นั่นก็จริงไม่ใช่เหรอ?"
"มันก็ใช่ แต่คงเป็นความบังเอิญมากกว่า เพราะยัยนั่นแช่งให้ฉันหลงรักใครสักคนอย่างหัวปักหัวปำแล้วโดนเขาเขี่ยทิ้ง"
"นั่นก็ใช่ว่าจะไม่เป็นความจริง เพียงแต่มันยังไม่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง"
คนฟังขัดคอพลางยิ้มขำกับตัวเอง เมื่อคืนเขาโทรศัพท์ไปเล่าให้น้องสาวฟัง เจ้าหล่อนถึงกับหัวเราะก๊าก เพราะลิซซี่เองก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ถูกเบลคหักอกเหมือนกัน
"แต่ฉันว่ายังไงมันก็ต้องเป็นการลงโทษจากพระเจ้า" เบลคยืนยันเสียงหนักแน่น "ท่านคงจะไม่พอใจที่ฉันทำตัวเลว คบผู้หญิงทีเป็นพรวน แล้วไม่ยอมจริงใจกับใครสักคน…"
"อันนั้นจริงว่ะ" ฝ่ายตรงข้ามรีบรับคำขัน ๆ
"จริง ๆ นะแอนดี้ พระเจ้าท่านทรงกลั่นแกล้งฉันตั้งแต่เกิดแล้ว ที่ดันสร้างฉันให้หล่อ เพอร์เฟคท์ และเสน่ห์แรงจนสาว ๆ ไม่อาจต้านทานได้ขนาดนี้ ดูอย่างนายสิ นายคบวาเนสซ่ามาตั้งแต่อยู่เกรดสิบเอ็ด นายดีต่อเธอ เธอดีต่อนาย ชีวิตนายมีความสุขจะตายถึงแม้จะราบเรียบไปหน่อยก็เถอะ"
"นั่นนายทำตัวเองเว้ย" แอนดรูวพึมพำในคอ ขณะตัดใจหันไปให้ความสนใจกับการบรรยายของอาจารย์เต็มที่ในวินาทีนั้น ทิ้งเบลคให้นั่งรำพันชีวิตรักอยู่คนเดียว
"เอ่อ…ตรงนี้ว่างมั้ย?"
เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้สองหนุ่มหันขวับไปมองพร้อมกัน แพททริค แอคตัน กำลังยืนยิ้มอยู่อย่างประหม่า ผิวแก้มเนียนใสเป็นสีชมพูแดงเรื่อดูน่ามอง…เกินไปสำหรับผู้ชาย
"ว่าง นั่งได้เลย"
แอนดรูวยิ้มตอบอย่างมีอัธยาศัย ในขณะที่เพื่อนสนิทมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างสำรวจ ที่นั่งในห้องว่างอยู่อีกหลายที่ก็จริง แต่ที่ติดทางเดินมีแต่ตรงที่เขากับแอนดรูวนั่งเท่านั้น อย่างน้อยก็นับว่าอีกฝ่ายไม่ได้จงใจเลือกที่นั่งติดกับเขาหรืออะไรทำนองนั้น
เมื่อมีบุคคลที่สามมานั่งอยู่ด้วย เบลคจึงต้องหยุดรำพึงรำพันชะตาชีวิตตัวเองลงกลางคันทั้ง ๆ ที่ยังรู้สึกอึดอัดใจ และเนื่องจากเขาไม่ได้จดเลคเชอร์ของอาจารย์ตั้งแต่ต้นชั่วโมง ดังนั้นชายหนุ่มจึงเห็นว่าถ้ามาเริ่มจดเอาตอนนี้ก็คงจะไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าจะโดดเรียนแล้วออกไปข้างนอกเขาก็ไม่มีอะไรทำอีก ไม่มีสาวคนไหนจะชวนไปดูหนังด้วย ไม่มีสาวคนไหนจะชวนไปขับรถเล่นกัน…
ชีวิตในตอนนี้มันช่างว่างเปล่าสิ้นดี!
"ไม่จดเหรอ?"
เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างตัวแทบทำให้คนที่กำลังล่องลอยกับความคิดถึงกับสะดุ้ง เขาหันมามองคนพูดที่กำลังหน้าแดงน้อย ๆ ก่อนจะยิ้มบางให้
"ขี้เกียจจด"
รอยยิ้มนั้นทำให้สีเลือดบนใบหน้าอีกฝ่ายเข้มขึ้นทันตา ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มหน้างุดลงกับสมุดเหมือนเดิม เบลคมองตามแล้วคิดกับตัวเองเงียบ ๆ ที่จริงแพททริคก็ดูน่ารักอยู่ไม่น้อย ผมสีทองสว่าง นัยน์ตาสีฟ้าใสดูซื่อบริสุทธิ์ ผิวขาวเนียนละเอียดเหมือนเด็กผู้หญิง ริมฝีปากสีชมพูดสด คุณสมบัติทุกข้อตรงกับความต้องการของเขาหมด
…เสียอย่างเดียวที่หมอนี่เป็นผู้ชาย…
ไออุ่นเข้าประชิดตัวพร้อม ๆ กับเสียงกระซิบที่ดังข้างหู "ไหนนายว่าไม่สนเขาไง?"
หนุ่มผมบลอนด์หันไปส่งสายตาดุ ๆ ให้เพื่อนสนิท แล้วขยับปากแบบไม่มีเสียง
"ฉัน-ไม่-ได้-คิด-อย่าง-ที่-นาย-เข้า-ใจ-โว้ย!"
สายตาที่พูดคำว่า 'ไม่เชื่อ' ได้นั้น ทำเอาเบลคส่ายหัวอย่างเซ็ง ๆ ก่อนจะลุกเดินออกจากห้อง โดยมีแพททริคหันมามองจนลับตา
ช่วงนี้รอบ ๆ ตัวเขามีแต่คนไม่ปกติเต็มไปหมด เมื่อไหร่กันนะที่ชีวิตของเขาจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเสียที
00
ภาพของคนที่กำลังหอบถุงขยะสีดำออกมาจากห้อง โดยมีสุนัขพันธุ์บุล เทอร์เรียร์ เดินพันแข้งพันขาเหมือนเงาตามตัวทำให้ชายหนุ่มที่กำลัง
ไขกุญแจเข้าห้องถึงกับชะงัก แล้วนึกฉงนในใจ
…หมอนี่ทำความสะอาดห้องเป็นด้วยหรือนี่?…
ร่างนั้นเดินผ่านโดยไม่หันมามองสักนิด เบลคยืนกอดอกพิงประตู พลางมองแผ่นหลังเล็กลับหายไปทางห้องขยะ แล้วเพิ่งนึกได้ว่านอกจากเจอกับเรื่องน่าหัวเสียเมื่อวาน เขายังไม่ได้ทำความรู้จักเพื่อนบ้านผู้ไร้อัธยาศัยคนนี้เลยแม้แต่น้อย
อันที่จริงหมออาจจะเป็นคนดีกว่าที่เขาคิดไว้ก็ได้ เมื่อวานที่เข้าไปในห้องเพื่อนบ้าน อีกฝ่ายกำลังปั้นรูปค้างเอาไว้ หมอนั่นคงเป็นปฏิมากร…
เบลคไหวไหล่กับตัวเองเมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาได้ยินมาว่าพวกศิลปินอารมณ์แปรปรวนง่ายยิ่งกว่าง่ายกว่าคนทั่วไป แต่เพิ่งจะมาเจอกับตัวเอง แถมตัวอย่างของเขายังแปรปรวนจนแทบเข้าขั้น 'บ้า' ด้วยซ้ำ และตอนนี้ฝ่ายนั้นคงจะอยู่ในอารมณ์ปกติ เพราะถึงขนาดขนขยะมาทิ้งด้วยตัวเองอย่างนี้ก็น่าจะพูดกันรู้เรื่อง
คนที่เขายืนรอเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมก้มหน้าคุยกับเจ้าสุนัขอ้วนด้วยเสียงหงุงหงิงผิดกับที่ตะคอกเขาเมื่อวานลิบลับ เบลคปั้นหน้ายิ้มแย้มแล้วเดาะลิ้นรัว
"ไง…อเลกซานเดอร์ เดอะ เกรท"
ดูเหมือนทั้งหมาทั้งเจ้าของจะมีทีท่าพอใจกับชื่อนั้น จนหนุ่มผม บลอนด์อดจะคิดไม่ได้…
…เอาวะ อยู่ใกล้คนบ้า ก็ต้องบ้าด้วยกันให้เต็มที่ถึงจะไปกันได้…
"เบลค ไคแลน"
เขายิ้มกว้างพลางส่งมือตัวเองให้กับคนที่ทำหน้านิ่งอยู่ แต่ก็ยังยอมแลกมือกับเขา แม้จะเป็นไปด้วยอาการเฉื่อย ๆ และดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจนักก็ตาม
"แจสเปอร์ แอนเดอร์สัน"
พูดจบก็เดินเข้าห้องไปพร้อมปิดประตูดังปัง! ทิ้งให้เบลคมองตาม
แล้วกัดฟันกรอด ๆ ขณะนึกถอนคำพูดทั้งหมดของตัวเองเมื่อครู่
…ไอ้หมอนี่มันไม่น่าคบจริง ๆ ด้วย…
00
วันนี้เบลคหิ้วกระเป๋าขนาดย่อมเข้าห้องบรรยายด้วยสีหน้าบึ้งตึงยิ่งกว่าทุกวัน จนเพื่อนสนิทอดจะทักอย่างคะนองปากไม่ได้
"โดนใครหักอกมาอีกล่ะ สาว ๆ ในลิสต์นายไม่เหลือแล้วไม่ใช่หรือไง?"
คนฟังทำหน้ารำคาญ แต่ก็ไม่ได้โต้กลับให้มากความ "วันนี้ฉันขอไปนอนหอนายได้มั้ย? อาทิตย์นี้เจคกลับบ้านรึเปล่า?"
จริงอยู่ว่าหอพักนักศึกษามีกฎไม่ให้คนนอกนอนค้างคืน ถึงกระนั้นแอนดรูวก็แอบพาเพื่อนสนิทเข้าไปเป็นประจำเมื่อรูมเมทไม่อยู่ห้องซึ่งก็มักจะเป็นวันศุกร์ที่เจ้าตัวกลับบ้านต่างรัฐ ในเมื่อทั้งเขาและเจคอบต่างก็ปิดปากเงียบ ดังนั้น เรื่องที่เบลคแอบเข้าไปนอนค้างจึงไม่เคยปูดออกมาสักครั้ง
ยังไม่ทันที่แอนครูวจะอ้าปาก อีกฝ่ายก็ร้องโวยวายออกมาเสียก่อนหลังจากที่กวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง แล้วปะเข้ากับอะไรบางอย่าง
"เฮ้ย! ทำไมไอ้บ้านั่นถึงมาอยู่ที่นี่ได้วะ?"
"ไอ้บ้าไหน?"
"นายมองไปทางริมซ้ายนะ แถวที่สี่นับจากเวที เห็นไอ้บ้าที่ผมยาวรุงรัง ตัวผอม ๆ มั้ย?"
แอนดรูวมองตามปลายนิ้วเพื่อน ก่อนจะอุทาน "อ๋อ หมอนี่ฉันเคยเห็น"
"นายรู้จักคนพรรค์นั้น!?" เบลคหันขวับทันที
คู่สนทนาไหวไหล่ แล้วพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิขึ้นมาทันตา "นายจำตอนที่มีคนติดต่อวาเนสซ่าไปเป็นนางแบบได้มั้ยล่ะ? ที่ตอนนั้นเธอถ่ายรูปออกมาแล้วเซ็กซี่สุด ๆ น่ะ"
คนฟังกรอกตาหนึ่งตลบ วาเนสซ่าเคยถูกติดต่อไปเป็นนางแบบก็จริง
แต่เป็นการถ่ายภาพในเชิงศิลปะ ที่ถึงแม้จะไม่สวยก็ถ่ายได้ ถ้าเป็นนางแบบอีกประเภท ชาตินี้เธอก็คงไม่มีหวัง เพราะนับวันรูปร่างของเจ้าตัวจะขยายออกข้างทีละน้อย ๆ ในขณะที่แอนดรูวยังมีรูปร่างสมส่วนสวยงามตามประสาคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ถึงกระนั้นเพื่อนสนิทของเขาก็ภูมิใจในแฟนของตัวเองนัก
นี่แหละที่เรียกกันว่ารักแท้ ส่วนมันจะเป็นอย่างไรเขาก็ไม่รู้ได้ เพราะยังไม่เคยรู้สึกรักใครจริง ๆ จัง ๆ เสียที
แอนดรูวเล่าต่อเมื่อเพื่อนพยักหน้ารับเนือย ๆ ในขณะที่สายตาเจ้าตัวยังจับจ้องอยู่ที่ร่างโปร่งที่นั่งไกลออกไปข้างหน้า
"หมอนั่นเป็นญาติกับตากล้องน่ะ ชื่ออะไรฉันก็ไม่รู้นะ ตอนนั้นเขาไปช่วยวาเนสซ่าโพสต์ท่า รู้สึกว่าตากล้องนั่นก็เรียนที่นี่เหมือนกัน นั่นไง…คนนั้นน่ะ"
'คนนั้น' ที่แอนดรูวว่าเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ แม้จะมีกล้ามเนื้อไม่มากนัก แต่ก็จัดว่าน่ามอง ผมสีน้ำตาลเข้มที่เจ้าตัวรวบเป็นหางม้าหลวม ๆ ไว้ตรงท้ายทอย ประกอบกับหนวดเคราที่ไว้ระเกะระกะ และแว่นตากรอบหนา ทำให้เจ้าตัวมีลักษณะเป็นศิลปินเต็มตัว
ผู้มาใหม่ทรุดตัวลงนั่งข้างแจสเปอร์ แอนเดอร์สัน ที่ฉีกยิ้มกว้างทักทายทันทีที่เห็น ตากล้องของวาเนสซ่าท่าทางมีอายุมากกว่าเพื่อนบ้านของเขา แต่ดูจากอากัปกิริยาแล้ว คนทั้งคู่น่าจะเป็นญาติที่สนิทกันมากทีเดียว
"นายมีอะไรไม่ถูกกับเขาหรือไง?" หนุ่มผมสีเข้มถามเมื่อเห็นคนที่นั่งข้าง ๆ ตัวเองมองร่างโปร่งบางนั่นด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ
เบลคส่งเสียงในคอด้วยความขัดใจทันที "นั่นแหละเพื่อนบ้านฉัน หมอนี่มันคนบ้าชัด ๆ วันนั้นหมอปล่อยขยะเอาไว้จนเหม็นเน่า เมื่อคืนหมอดันเกิดอารมณ์ดีบ้าบออะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ ลีดกีตาร์ไฟฟ้าซะไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่อง แถมทำนองเพลงก็บีบประสาทชะมัดยาด"
"เขาเป็นศิลปินนี่นะ" เพื่อนสนิทพูดด้วยน้ำเสียงเข้าอกเข้าใจจำเลย
"นายรู้ถึงขนาดนั้นเชียว?"
แอนดรูวหัวเราะแล้วหันมาตบแก้มคนถามหยอกเย้าอย่างอารมณ์ดี "ไม่เอาน่าเบลคกี้ คนแบบนั้นดูท่าทางก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ?"
เจ้าตัวถอนหายใจเบา ๆ พลางหยิบปากกาขึ้นมาคาบเล่นอยู่ครู่ใหญ่ แล้วหันมาทางคู่สนทนาอีกครั้ง "เพราะงั้นคืนนี้ฉันถึงทนอยู่ร่วมตึกกับหมอนี่ไม่ไหว เพราะไม่รู้มันจะอยู่ในอารมณ์ไหนอีก ถ้ามันเกิดโกรธอะไรขึ้นมามันคงฆ่าฉันแล้วจับหล่อปูนปลาสเตอร์เป็นรูปปั้นล่ะว่ะ ถ้ายังไงขอนอนด้วยสักคืนสองคืนก็แล้วกัน"
แอนดรูวทำหน้าลำบากใจ พลางตบบ่าอีกฝ่ายเบา ๆ "โทษทีว่ะ เบลค คืนนี้ไม่ได้จริง ๆ ว่ะ"
"ทำไม? เจคอยู่ห้องเหรอ?"
"ไม่ใช่ ฉันตั้งใจจะพาวาเนสซ่าเข้ามาเปลี่ยนบรรยากาศที่ห้องน่ะ ความจริงฉันอยากช่วยนายมากเลยนะ แต่นายก็รู้…นาน ๆ เราจะเจอกันที"
"เออ ไม่เป็นไร" คนเดือดร้อนพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่น้ำเสียงผิดหวังเต็มที่
"ฉันว่านายกลับมาเล่นฟุตบอลใหม่ดีมั้ย? จะได้มีอะไรทำ"
ฝ่ายตรงข้ามแนะนำอย่างจริงใจ ตอนอยู่ไฮสกูลเบลคกับเขาเล่นฟุตบอลมาด้วยกัน ด้วยความรักสนุกในช่วงใกล้สำเร็จการศึกษา ทำให้เบลคพลาดทุนนักกีฬาไปอย่างน่าเสียดาย ยังนับว่าโชคดีที่ได้เรียนที่เดียวกันอีก กระนั้นเมื่อเข้าคอลเลจ เบลคปฏิเสธที่จะเล่นกีฬาอย่างจริงจังแม้จะออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อรักษารูปร่าง เนื่องจากต้องการใช้เวลากับชีวิตเสเพลให้เต็มที่ หนำซ้ำเพื่อนที่ยังคบอยู่ด้วยก็มีเพียงแค่เขาอยู่คนเดียว ดังนั้น พอเจ้าตัวมีเรื่อง เขาจึงเป็นเหมือนที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของอีกฝ่าย
เบลคทอดลมหายใจออกยาวพลางส่ายหน้า ดวงตาสีฟ้าใสมีแววท้อถอยเบาบาง "ไม่ล่ะว่ะ ฉันมือตกไปตั้งเยอะ ขี้เกียจไปซ้อมกับเด็กปีหนึ่ง"
"งั้นนายก็ลองทำดีกับเขาสิ ดู ๆ แล้วหมอนั่นก็ไม่ใช่คนอารมณ์เลว
ร้ายอะไรนี่นา"
เจ้าของผมสีบลอนด์มองคนที่กำลังหัวเราะกับญาติผู้พี่อยู่อย่างอารมณ์ดี แล้วให้นึกเห็นด้วยกับแอนดรูวในใจ นี่ถ้าเขาไม่รู้นิสัยของแจสเปอร์มาก่อน ก็คงจะคิดว่าหมอนั่นเป็นคนปกติทั่ว ๆ ไปเหมือนกัน
00
ชายหนุ่มตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการหอบกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมไปโต้ราตรีจนสว่าง ความตั้งใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยมแห้งเหือดไปไม่เหลือจนต้องเดินคอตกเมื่อคิดถึงผลแห่งการบริหารเสน่ห์ของตัวเองในคืนที่ผ่านมา เขามองภาพสะท้อนตัวเองในกระจกที่อยู่ในลิฟท์แล้วมองไม่ออกสักนิดเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีข้อเสียตรงไหน ผมของเขาดกหนาและเป็นสีบลอนด์สว่าง ดวงตาสีฟ้าใสขี้เล่น ร่างกายสูงใหญ่กำยำประกอบด้วยกล้ามเนื้อสมบูรณ์และสวยงาม ผิวสีแทนดูแล้วเซ็กซี่ไปทั้งตัว
มีคนบอกว่าเขาคล้ายจัสติน ธิมเบอร์เลค ตรงที่ผมหยิกเหมือนกัน แต่เบลครู้ดีว่าหมอนั่นเทียบตัวเองไม่ติด
แล้วทำไมเมื่อคืนถึงไม่มีผู้หญิงยอมเล่นกับเขาสักคน?
เบลคเหลือบตาขึ้นข้างบนพลางอุทานในใจ พระเจ้า…พระองค์ทรงกลั่นแกล้งลูกนานเกินไปแล้ว!
เสียงโวยวายที่ดังขึ้นเมื่อประตูลิฟท์แยกออกจากกันทำให้ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าหนึ่งในคู่กรณีนั้นคือเพื่อนบ้านผู้ไม่มีอัธยาศัยของเขา ส่วนอีกคนคือสาวสวยในชุดแซกสีขาว ทั้งคู่หันมาพร้อมกันเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ ทำให้เบลคเห็นว่า นอกจากจะมีผมบลอนด์สว่างอย่างที่เขาชอบแล้ว แม่สาวคนนี้ยังมีดวงตาสีฟ้าจางสุดเซ็กซี่อีกต่างหาก ถ้าเดาไม่ผิด เธอคงเป็นพี่สาวของแจสเปอร์ เพราะดูแล้วทั้งคู่มีอายุต่างกันไม่น้อยกว่าห้าปี
"เอาเถอะ" หญิงสาวพูดด้วยกิริยาที่เห็นได้ชัดว่าพยายามหักห้ามอารมณ์อย่างถึงที่สุด "ถ้าเรื่องแค่นี้เธอทำไม่ได้ เราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกัน!"
เพื่อนบ้านของเขาคว้าข้อมือหล่อนเอาไว้ด้วยสีหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ "คริส คุณมีเหตุผลหน่อยสิ เรื่องแค่นี้…"
"เรื่องแค่นี้!?" คริสติน่าทวนคำเสียงสูง "สำหรับฉันมันไม่ใช่เรื่องแค่นี้หรอกนะแจสเปอร์ ฉันเบื่อเด็กอย่างเธอเต็มทีแล้ว"
"คริส" คราวนี้หยาดน้ำใสไหลทะลักลงมาจากดวงตาสีน้ำผึ้งจริง ๆ "ผมยอมให้คุณได้ทุกอย่างนะ ยอมมาตลอด ยอมทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคุณมีหมอนั่น!"
"เธอรู้?" หญิงสาวอุทานด้วยสีหน้าตกตะลึง ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น "ถ้ารู้อย่างนั้นก็ดีแล้ว ฉันคบกับไธมาก่อนที่จะคบเธอ แล้วเขาก็เข้าใจฉันได้ดีกว่า เราคงจะจบกันแค่นี้แล้วนะแจสเปอร์ ฉันเบื่อ! เบื่อเต็มทีแล้ว!"
หล่อนสะบัดแขนของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายตรึงไว้ออกโดยแรง แล้วมองตอบดวงตาสีน้ำผึ้งที่เอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำแห่งความเจ็บปวดด้วยสายตาเฉยชา ก่อนจะหมุนตัวเดินไปกดลิฟท์โดยไม่หันมามอง
"อ่า…" เบลครู้สึกเป็นใบ้ไปชั่วขณะ แล้วนึกโทษตัวเองในใจ อันที่จริงเขาควรจะไขกุญแจเข้าห้องโดยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเมื่อครู่นี้ขาทั้งสองข้างถึงได้แข็งเป็นหิน หนำซ้ำสมองก็ดูเหมือนจะหยุดทำงานอีกด้วย
เสียงที่หลุดออกมาจากลำคอเขาทำให้แจสเปอร์ที่ยืนพิงผนังอย่างอ่อนแรงถึงกับสะดุ้ง แล้วเงยหน้าพรวดขึ้นมองต้นเสียงด้วยดวงตากร้าวจนเบลคอดจะรู้สึกเสียวสันหลังวาบไม่ได้ ด้วยตระหนักถึงอารมณ์ผันผวนของเพื่อนบ้านตัวเองได้เป็นอย่างดี หวังว่าหมอนี่คงไม่โดดตึกตายด้วยเรื่องแค่นี้หรอกนะ
โดดตึกตาย!
คำคำนั้นย้อนกลับเข้ามาในคลื่นสมองของเขาอีกครั้ง เบลคเบิกตากว้าง ขณะที่ร่างโปร่งสบถออกมาดัง ๆ แล้วกระแทกประตูปิดใส่หน้าเขาดังปัง!
00
ภาพที่ปรากฏในจอสี่เหลี่ยมข้างหน้าไม่ได้ผ่านประสาทรับรู้ของร่างบนเลซี่บอยตัวนุ่มกี่มากน้อย เนื่องจากเจ้าตัวคอยเงี่ยหูรับฟังเสียงเปิดประตูระเบียงห้องข้าง ๆ หรือเสียงแปลก ๆ อยู่ตลอดเวลาสามชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมา
เขาไม่ชอบขี้หน้าหมอนั่นสักเท่าไหร่ก็จริง แต่ถ้าแจสเปอร์คิดอยากฆ่าตัวตายอย่างที่เขาสันนิษฐานเอาไว้ล่ะก็ เขาคงจะทนนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้
หนึ่งชีวิตนั้น ไม่ว่าจะเป็นชีวิตใคร ก็จะมีฆ่ากับใครบางคนเสมอ แม้เจ้าตัวจะไม่ต้องการก็ตาม
ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อใบหูแว่วเสียงแก้วแตกกระจายบนพื้น จากนั้นสมองเขาก็ทำหน้าที่ต่อด้วยการจินตนาการเป็นฉาก ๆ
…เศษแก้ว…เส้นเลือดใหญ่…แล้วก็…
เบลคทะลึ่งพรวดขึ้นมาทันที เขานั่งเฉยอยู่ไม่ได้แล้ว!!

+++++++