ผลงานทั้งหมดที่ลงอยู่ในหน้า Novel เป็นสิทธิส่วนตัวของผู้เขียน หากมีผู้ใดต้องการจะทำการคัดลอกหรือดัดแปลงผลงานบางส่วน หรือทั้งหมดเพื่อนำไปใช้ในการอื่น นอกจากอ่านเพื่อความบันเทิง กรุณาติดต่อเพื่อขออนุญาตจากผู้เขียนตาม e-mail ที่ให้ไว้เสียก่อน ขอบคุณสำหรับความร่วมมือค่ะ อีกประการหนึ่งนักเขียนทุกคนต้องการกำลังใจและคอมเมนท์(แม้ว่าบางคนจะไม่พูดออกมา)ไม่ว่าจะเป็นคำติหรือคำชมนะคะ เพราะฉะนั้นเมื่ออ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงไ ก็เมลไปคอมเมนท์ได้ตามอีเมลที่ให้ไว้ของแต่ละคน หรือไม่ก็โพสต์คำติชมไว้ในบอร์ดก็ได้ค่ะ

 

Black My Heart, Mr. Popular(Part 1)

by...นาถยา

มาร์ค วิลสัน ส่งวิสกี้ผ่านลำคอ นี่เป็นแก้วที่เท่าไหร่เขาเองก็จำไม่ได้ แต่ช่างหัวมันปะไร ถ้าไม่เมาแอ๋จะเรียกว่าปาร์ตี้เรอะ อีกอย่างนี่เป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะได้ดื่มแบบสุดเหวี่ยง พรุ่งนี้พ่อกับแม่ก็จะกลับจากฝรั่งเศส อย่างน้อยเขาก็ยังต้องทำตัวเป็นหนูน้อยของแม่จ๋าต่อไป เพื่อที่ว่าจะได้ปะเหลาะขออะไรต่อมิอะไรที่ต้องการได้ง่าย ๆ

ไม่มีใครใน แจ็คสัน ไอสกูลไม่รู้จักมาร์ค วิลสัน เขาเป็นดาราดังของโรงเรียน รูปหล่อ ผมสีทราย นัยตาสีฟ้าทำให้ พวกสาว ๆ อยากจะมุดเข้าไปในกางเกงตั้งแต่แว่บแรกที่เห็นนักฟุตบอลฝีมือเยี่ยม นอกจากนี้ตระกูลวิลสันยังเป็น เจ้าของธุรกิจเครื่องหนังที่ใหญ่และร่ำรวยที่สุดในเมือง เขาเป็นชายหนุ่มที่โดดเด่น ชนิดที่ว่าคุณต้องมองเขาจน เหลียวหลังทีเดียว

มาร์คกระดกอีกแก้วผ่านลำคอ คราวนี้รู้สึกว่าจะถึงลิมิตแล้วความจริงนี่ก็เพิ่งจะเกือบ ๆ สามทุ่ม แต่มาร์คนั่งซดวิสกี้ มาตั้งกะบ่ายสี่โมง

"ไม่หวาย กลับล่ะ" ชายหนุ่มบอก เสียงยานคางแบบเดียวกะคนเมา

"อ้าว...ไหงรีบกลับ"ปีเตอร์ กู๊ดแมน เจ้าของงานปาร์ตี้ท้วง งานปาร์ตี้รับปิดเทอมของคนดังถ้าขาดมาร์คไปจะทำ ให้งานกร่อย

มาร์คไม่ตอบ หัวของเขาหมุนติ้วคว้าได้กระเป๋า เดินดุ่ม ๆ ออกจากบ้านปีเตอร์ไปที่จอดรถ ........

+++++++

ถ้ามาร์ค วิลสันเป็นคนประเภทที่คุณต้องมองจนเหลียวหลังแล้วล่ะก็ โจนาธาน ลินซ์ ก็เป็นเด็กประเภทที่คุณมองผ่านอย่างไม่ใส่ใจนัก ผอม ผมสีน้ำตาลยุ่ง ๆ ตัวค่อนเล็ก เขาเป็นแค่ไอ้หน้าจืดในสายตาของใคร ๆ แล้วทำไมโจอี้ถึงได้มาอยู่ในงานปาร์ตี้ที่มีแต่นักฟุตบอล เชียร์ลีดเดอร์นมโต และเด็กรวย ๆ นิสัยเสีย?

โจอี้เล่นฟุตบอลเหรอ? ไม่ พวกนักฟุตบอลงี่เง่านั่นชอบเรียกเขาว่าไอ้ตี้ยบ้าง ไอ้เปี๊ยกบ้าง ความจริงโจอี้ก็ไม่ได้ตัวเตี้ยนัก แต่ไม่ว่าใครถ้าเทียบกะไอ้พวกยักษ์หน้าโง่นั่นก็กลายเป็นไอ้เตี้ยไปเสียหมด

โจอี้เป็นเชียร์ ลีดเดอร์? พระเจ้า ไม่มีทาง ผู้ชายดี ๆ ที่ไหนบ้างล่ะไปเต้นแหกแข้งแหกขาตะโกนว่า แจ็คสัน สู้ ๆ ทุเรศจะตายชัก

โจอี้รวย? เปล่าเลย ครอบครัวของเขาก็แค่ชนชั้นกลาง แม่เป็นบรรณาธิการ นสพ. ท้องถิ่น ส่วนพ่อรู้สึกว่าจะหนีตามพี่เลี้ยงของเขาไปตอนที่เขาอายุสัก 4 ขวบ

แล้วทำไมโจอี้ได้รับเชิญมางานนี้? โทษที! ไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะมีใครเชิญมางานอย่างนี้ ต่อให้มีใครเชิญด้วยเอ้า จ้างก้ไม่มา โจอี้เกลียดพวกคนดัง นิสัยเสีย หลงตัวเองจะตายชัก แต่โจอี้มาเพื่อมอบของขวัญชิ้นพิเศษให้ปีเตอร์ กู๊ดแมนเจ้าของงาน เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ไอ้โง่ปีเตอร์ขับรถปีนฟุตบาทมาเกือบจะชนเขา หมอนั่นโง่จนไม่รู้ว่า ในสถานการณ์อย่างที่สิ่งที่ควรทำคือขอโทษ หนำซ้ำยังตะโกนใส่หน้าเขาว่าไอ้ตูดอีกแน่ะ!

ใช่ โจอี้อาจจะเป็นแค่ไอ้จืดที่ไม่มีพิษสงในสายตาของปีเตอร์ แต่ขอโทษ ไอ้งั่งนั่นคิดผิดถนัด โจอี้อาศัยจังหวะคนแยอะปะปนเข้ามาในงาน เขาเทฉี่สีเหลืองอ๋อยที่เก็บไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วลงในสระน้ำของปี เตอร์ กู๊ดแมน ทีนี้ล่ะปีเตอร์รวมทั้งนายและนางกู๊ดแมนจะได้แหวกว่ายในฉี่ของเขาอย่างสนุกสนาน และถ้าไอ้เวรนั่นเกิดกระแดะล้างสระหลังงานปาร์ตี้ก็ไม่เป็นไร เพราะนอกจากสระน้ำแล้ว โจอี้ยังได้เทส่วนนึงลงในอ่างพันซ์อีกด้วย หวังว่าทุกคนคงเอร็ดอร่อยกะฉี่ที่เก็บไว้ 1 อาทิตย์ แน่นอนนอกจากไอ้โง่ปีเตอร์แล้วคนอื่นๆคงโดนลูกหลงไปด้วย แต่ช่างแม่งปะไร คนพวกนี้ก็งี่เง่าเหมือนกันหมด เพื่อไม่ให้เป็นการเสียโอกาส เขายังหยิบเบียร์มาอีก 3-4 กระป๋องใส่กระเป๋ากลับมาด้วย

โจอี้เดินออกมาจากบ้านกู๊ดแมน แย่ชะมัด ไอ้ไฟหลอดข้างทางดันมาเสียซะนี่ กระพริบติดดับ ติดดับแบบนี้น่ากลัว ไม่หยอก พลันมือใหญ่คว้าร่างของโจอี้ กำลังมหาศาลลากเด็กหนุ่มติดมือไปก่อนที่จะโยนเขาเข้าไปในรถสปอร์ตเปิดประทุนสี แดงแป๊ด ในใจเด็กหนุ่มนึกถึงหนังสยองขวัญวัยรุ่นประเภท Scream, I Khow What You Did Last Summer หรือ Sherry Falls ฆาตกรมักจะลงมือในงานปาร์ตี้เสมอ ให้ตายเหอะไอ้ฆาตกรบ้านี่เลือกเหยื่อผิดเสียแล้ว เหยื่อคนแรกจะต้องเป็นอีสาวผมบลอนด์ที่วิ่งหนีเสื้อผ้าหลุดรุ่ยหรือ ไม่ก็คู่รักที่แอบมาเมคเลิฟกันบนรถตะหาก

แสงไฟกระพริบวาบ ๆ นั่นทำให้โจอี้เห็นใบหน้าของคนที่โยนเข้ามาในรถ มาร์ค วิลสัน หนึ่งในไอ้งั่งประจำทีมฟุตบอล กลิ่นเหล้าจากตัวไอ้หมอนี่เหม็นหึ่ง แม่ของเขาพึ่งสัมภาษณ์ไอ้เวรนี่ ลงหนังสือเมื่อสัปดาห์ก่อน ไอ้ตอแหลเอ๊ย! ไหนบอกว่าวัยรุ่นที่ดีไม่ควรยุ่งกะยาเสพติดไงวะ

"นายชื่อไร?" มาร์คถาม ไอ้เวรเอ๊ย นี่เป็นประโยคแรกที่แกควรจะพูดกะคนที่แกพึ่งจับโยนเข้ามางั้นเรอะ!?

"วิลเลียม เช็คเสปียร์" พนันได้เลยว่าไอ้บ้านี่ไม่รู้จักเช็คเสปียร์

"เออ วิล นี่กุญแจรถ ช่วยขับไปส่งชั้นที่บ้านทีดิ"มาร์คออกคำสั่ง

"ชั้นขับรถไม่เป็น"

"ฟังนะไอ้เปี๊ยก" มาร์คคว้าคอเสื้อของอีกฝ่าย "ไม่มีใครงี่เง่าจนขับรถไม่เป็น แกก็แค่เสียบกุญแจ ติดเครื่องแล้วก็ขับ"

ไม่มีทางเลือก โจอี้รับกุญแจมา หลังจากงมบิดนั่นเหยียบนี่สักพัก เด็กหนุ่มก็พารถคันหรูเคลื่อนที่ออกมาจนได้ โชคดีที่ย่านนี้เป็นถนนส่วนบุคคล ไม่มีรถวิ่งไปมามากนัก โจอี้ประคับประคองรถจนมาถึงบ้านวิลสัน (แน่นอนล่ะไม่มีใครไม่รู้จักบ้านคนดัง)

"นี่" โจอี้เรียก "ถึงบ้านนายแล้วจอดรถยังไงอ่ะ?"

ไม่มีคำตอบนอกจากเสียงกรนเบา ๆ บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวหลับไปแล้ว

"นี่ เฮ้ยๆๆๆๆๆ ไอ้เวรเอ๊ย! ตื่นเดี๋ยวนี้ ไอ้........"

เอี๊ยด! โครม!!!

ไม่จำเป็นแล้ว โจอี้ได้รู้จักประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของตู้โทรศัพท์สาธารณะ โชคดีที่ไม่มีบาดแผล เหลียวดูคนข้าง ๆ ไอ้เวรนั่นยังกรนฟี้ ๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราว ไฟสว่างขึ้นจากบ้านที่อยู่ละแวกนั้น โจอี้กระโดดออกจากสิ่งที่เคยเป็นรถคันงาม โชคดีที่ที่นี่องพอที่จะทำให้โจอี้มีเวลาลากร่างใหญ่ที่หลับไม่รู้เรื่องมาไว้ที่ที่นั่งคนขับ ก่อนจะคว้ากระเป๋าหายไปในความมืด.

++++++

เด็กหนุ่มไขกุญแจบ้านส่วนตัวของเขา ความจริงมันเป็นโรงรถเก่าที่นางลินซ์ดัดแปลงให้เป็นบ้านเล็ก ๆ อีกหลัง สำหรับลูกชาย เนื่องจากตังแต่เธอรับตำแหน่งบรรณาธิการ ก็มีอันจะต้องให้บรรดาพนักงานมาอ้างแรมอยู่เรื่อย ๆ มากันทีก็เกือบสิบคน เพื่อตัดปัญหานี้เธอจึงลงทุนดัดแปลงโรงรถให้โจอี้แยกไปอยู่ต่างหาก บ้านของโจอี้จึงไม่มีอะไรมากมายนัก เปิดประตูเข้าไปปุ๊บก็เจอห้องนอนซึ่งเป็นห้องเพียงห้องเดียวภายในบ้าน มี ห้องน้ำในตัวพร้อมเพื่อที่ว่าดึก ๆ ดื่น ๆ โจอี้จะได้ไม่ต้องไปเคาะประตูขอเข้าห้องน้ำ ทีวี เครื่องเสียง ตู้เย็นขนาดเล็ก

เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยอ่อน อดคิดถึงสีหน้าของมาร์ควิลสันตอนที่ตื่นมาไม่ได้ จนกระทั่งผล็อยหลับ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

++++++

กว่าโจอี้จะลืมตาได้ก็เกือบ ๆ บ่ายสี่ อาบน้ำเสร็จเพิ่งคิดได้ว่าเบียร์ที่แอบขโมยมาเมื่อวานลืมเอาเข้าตู้เย็น

เด็กหนุ่ม หยิบกระเป๋าขึ้นมาก็พบกับความผิดปกติ ตายห่ะ! ไหงมันเบา ๆ อย่างนี้วะ? โจอี้เปิดซิป เทของที่อยู่ข้างในออกมา มีเสื้อผ้าที่ยังไม่แกะป้ายราคา 3-4 ชุด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของใคร เด็กหนุ่มใจหาย เปล่า…ไม่ได้เสียดายเบียร์พวกนั้นหรอก แต่ไอ้บัตรนักเรียนที่อยู่ในกระเป๋าน่ะสิ

ก๊อก ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น โจอี้สะดุ้งโหยง หวังว่าคงไม่ใช่ตำรวจหรือมาร์ค วิลสันหรอกนะ

"โจอี้จ๊ะ นี่แม่เอง"

เด็กหนุ่มถอนหายใจ บางทีไอ้หมอนั่นอาจจะโง่เกินกว่าที่จะรู้ว่ากระเป๋าของตัวเองถูกเปลี่ยนไป โจอี้เปิดประตู ใช่เป็นนางบริเจ็ท ลินซ์ แม่ของเขาจริง ๆ เสียด้วย แต่ไอ้ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ข้างหลังนั่นน่ะสิ

"แม่ไม่ยักรู้ว่าลูกเป็นเพื่อนกะมาร์ค วิลสัน"

โจอี้แทบจะเป็นลม นักฟุตบอลหนุ่มยิ้มส่งกระเป๋าคืนโจอี้ ใช่ รอยยิ้มของปีศาจ

"ตามสบายนะจ๊ะหนุ่ม ๆ ชั้นขอตัวไปทำงานล่ะ"

นางลินซ์ปลีกตัวไปแล้ว มาร์ค วิลสันก้าวเข้ามาในห้อง ปิดประตูดังปัง

"เอาล่ะ"นักฟุตบอลร่างใหญ่กล่าว "ก่อนที่นายจะแก้ตัวอะไรฉันอยากจะให้นายรู้ว่าวันนี้ฉันไปเจออะไรมาบ้าง"

"ชั้นตื่นขึ้นมาในโรงพัก อยู่ ๆ ก็เจอข้อหาขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ มึนเมา และทำลายสมบัติสาธารณะ ตำรวจหาว่าชั้นประสาทตอนที่ชั้นบอกว่า วิลเลี่ยม เช็คเสปียร์เป็นคนขับรถมาส่งชั้น"

แม้เหตุการณ์จะเครียดขนาดไหนโจอี้ก็อดหัวเราะก๊ากไม่ได้ หมอนี่ไม่รู้จักเช็คเสปียร์จริง ๆ ด้วย

"หุบปากเดี๋ยวนี้นะ นายคิดว่าทุกคนในโลกจะรู้จักนักเขียนสวีเดนที่แต่งเรื่องโรเมโอกะจูเลียเรอะ"

"จูเลียต" โจอี้แก้ แล้วก็เป็นคนอังกฤษโว้ยไอ้งั่ง! อันนี้ไม่ได้พูดแต่คิดในใจ

"เออ นั่นแหละ ความจริงปัญหาทุกอย่างมันน่าจะจบตอนที่พ่อฉันไปถึงแล้วจ่ายเงินค่าปรับ มันเกือบจะเป็นเรื่องดี อยู่แล้วเชียวถ้าบังเอิญว่าแม่ชั้นไม่ตัดสินใจอยู่เที่ยวฝรั่งเสศตลอดซัมเมอร์ พ่อแตะตูดฉันออกจากบ้าน และเมื่อฉัน ไปไว้อาลัยให้แก่รถแสนรักก็พบว่า 'ฮะฮ้า ไม่ใช่วิลเลี่ยมเช็คเสปียร์พังรถชั้น แต่เป็น โจนาธาน แมทธิว ลินซ์ต่างหาก!'"

"ใจเย็นน่า" โจอี้ละลักละล่ำ "เอางี้ ฉันพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้างอ่ะนะจะจ่ายให้นายเป็นค่าซ่อมรถ ส่วนที่เหลือชั้นจะ ค่อย ๆ ทยอยจ่าย"

"ไม่" มาร์คตะโกน "โธ่ นายเห็นใจชั้นเถอะ"

"ไม่ ชั้นหมายความว่านายไม่ต้องจ่ายฉันซักแดงเดียว"

"หา......"โจอี้อ้าปากค้าง "โอ! พระเจ้า มาร์ค นายเป็นคนดีจริง ๆ ฉันเคยคิดว่านายเป็นแค่ไอ้นักฟุตบอลสมองกลวง หลงตัวเอง อีโก้สูง นิสัยทรามเสียอีก"

"นายยังฟังไม่จบ"

"อะไร??"

"อย่างที่บอกตอนนี้ชั้นถูกไล่ออกจากบ้าน แล้วก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน"

"หมายความว่านายจะอยู่ที่นี่?"

"อือฮึ"

"ไม่ได้!"

"เฮ้ โจอี้ ใจกว้างหน่อยสิเพื่อน นายพังรถชั้น ทำให้ชั้นถูกจับ ทำให้พ่อชั้นไล่ออกจากบ้าน"

"แล้วฉันได้คุกเข่า ร้องว่า 'โอ! มาร์ค ได้ปรดให้ชั้นขับรถของนายเถอะ' ไหม? หา ชั้นบอกนายแล้วว่าชั้นขับรถไม่เป็น"

มาร์คยักไหล่ "ชั้นมีทางเลือกให้นายสองทางหนึ่งให้ชั้นอยู่ที่นี่เรื่องทั้งหมดจบ สองชั้นเดินไปบอกตำรวจว่าใครกันแน่ที่เป็นคน พังตู้โทรศัพท์"

"พระเจ้านาย...นายคือมาร์ค วิลสันนะ จะให้ชั้นบอกแม่ยังไงที่จู่ ๆ มาร์ค วิลสันมาอยู่ที่บ้าน ถ้านายเป็นแค่ใครก็ไม่ รู้ยังพอจะโกหกได้ว่านายเป็นเพื่อนจากต่างรัฐ"

"นั่นมันเรื่องของนาย" โจอี้ถอนหายใจ ไม่มีทางเลือก "แล้วนายจะอยู่ที่นี่กี่วันอ่ะ?"

"ตลอดหน้าร้อน"

"หา........."

"ทำใจให้สบายโจอี้น้อย ชั้นว่าเราต้องเข้ากันได้แหง ๆ ขออาบน้ำหน่อยนะ เหม็นเหล้าชะมัด"

++++++

มาร์ค วิลสันเดินออกมาจากห้องน้ำ โจอี้มองร่างของนักกีฬาหนุ่มคนดังที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพันท่อนล่างไว้ อย่างขัดใจ มาร์คทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ โจอี้ปวดหัวตุ๊บ ลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นหยิบไอศครีมนมออกมานี่เป็นวิธีคลายเครียดที่ได้ผลที่สุด

"เวรเอ๊ย!" เด็กหนุ่มสบถเมื่อพบว่าเขาลืมปรับความเย็นของตู้ทำให้ไอสครีมละลายเป็นน้ำ

ดูเหมือนนี่จะไม่ใช่วันของโจอี้ เด็กหนุ่มสะดุดกระเป๋าที่มาร์ควางไว้ หน้าคะมำแหมะลงไปที่ตักมาร์ค ไอศกรีม หล่มเปื้อนหัวหูเขาหมดพร้อม ๆ กับประตูที่เปิดพรวด

"โจอี้จ๊ะ...พระเจ้าช่วย" นางลินซ์อ้าปากค้าง ตาเบิกกว้างก่อนที่จะหันหลังขวับวิ่งหายไป

"แม่นายเป็นไรวะ?" มาร์คถาม

"ไม่รู้ดิ" โจอี้พูดพลางเช็ดไอติมที่เปื้อนหน้า ถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าแม่เป็นอะไรแต่พนันได้เลยว่าต้องมีเรื่องให้เขา ปวดหัวอีกแหง ๆ

++++++++

กริ๊ง!!!!!!!!!

โจอี้เอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ นางลินซ์ที่หายไปร่วมสามชั่วโมงโทรมาจากบ้านใหญ่

"โจอี้จ๊ะ มาร์คยังอยู่กะลูกรึเปล่า? จ๊ะ............ ดีจ๊ะ...........แม่อยากจะให้ลูกกับมาร์คมาหาแม่หน่อยได้ไหม? แม่คิดว่าเรามีอะไรจะต้องคุยกัน"

+++++++

นางลินซ์มองลูกชายและมาร์ค วิลสันที่นั่งอยู่ตรงข้าม โดยไม่พูดอะไรมาเกือบ ๆ 2นาทีแล้ว ความอึดอัดลอยคลุ้ง ทั่วบริเวณ ในใจของโจอี้ตุ้มๆต้อมๆ เป็นไปได้ไหมว่าแม่รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว? บางทีอาจจะมีคนเห็นตอนที่เขาขับรถไปส่งมาร์คเมื่อคืน บางทีตำราจอาจจะตรวจเจอลายนิ้วมือของเขาบนพวงมาลัยแบบในหนังฆาตรกรรม

ให้ตายเหอะ! นี่มันแค่คดีรถชนตู้โทรศัพท์นะโว้ย ไอ้พวกตำรวจงี่เง่าไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย

บริจิท ลินซ์ สูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด พยายามรวบรวมกำลัง "เอาล่ะ โจอี้ สิ่งนึงที่แม่อยากจะบอกลูกคือ แม่รักลูกมาก และไม่มีใคร หรืออะไรจะทำให้แม่รักลูกน้อยลงเลย และอะไรก็ตามที่เป็นความสุขของลูก คือมันอาจจะยากนะที่จะยอมรับ แต่แม่อยู่ข้างลูกเสมอ"

"แม่พูดถึงอะไร??" เด็กหนุ่มเกาหัวแกรก

"โอ...โจอี้ลูกไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกแล้ว แม่รู้ รู้ทุกอย่าง"

"มะ..หมายความว่าแม่รู้แล้ว" โจอี้ตาค้าง "ใครเป็นคนบอกแม่ฮะ?"

"ลูกรัก ไม่เห็นจะต้องมีใครบอกแม่ก็ไอ้เรื่องที่ลูกกะมาร์คทำเมื่อตอนเย็น มันบอกทุกอย่างอยู่แล้วไง"

"หา...ทำอะไร?"

"โอว โจอี้มันน่าละอายนะที่จะให้แม่พูด หน้าของลุกซุกอยู่ที่เป้ามาร์ค หัวหูเลอะเทอะไปหมด ลูกจะบอกว่า บังเอิญสะดุดล้มลงไปที่ตักของมาร์คในขณะที่ถือถ้วยไอศรีมเดลี่ ควีนที่ละลายเยิ้มเพราะไม่ได้ปรับอุณหภูมิตู้เย็นงั้นเหรอ?"

ถูกเผงเลย โจอี้คิดในใจ แต่นั่นแหละใครจะเชื่อ

"แม่ ฟังนะความจริงคือ........."

"ไม่จำเป็นต้องปิดแล้วโจอี้" มาร์คทะลุกลางป้อง "ครับคุณนายลินซ์"

"เรียกชั้นว่าบริจิท"

"ครับ บริจิท ผมกะโจอี้เป็นแฟนกัน เราคบกันมาปีกว่าแล้ว"

โจอี้อ้าปากค้าง นางลินซ์ ส่งสายตาให้ลูกชายตีความได้ว่า 'นั่นไงล่ะอย่าปิดชั้นให้ยาก'

ก่อนที่โจอี้จะพูดอะไร มาร์คดึงตัวเขาไปกอดไว้ กระซิบข้างหู "ถ้านายปูดอะไรไปชั้นเอาตายแน่" ก่อนจะฝังจมูกลงไปที่แก้ม

"เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อปีก่อนครับ ผมไม่เคยรู้เลยว่าผมต้องการอะไรในชีวิต ทุกคนมองผมแล้วก็บอกว่า 'เฮ้! นั่นไงมาร์ค วิลสัน นักกีฬารูปหล่อ พ่อ แม่เค้ารวยวายป่วงเชียว เค้าคงมีความสุขน่าดู' แต่ที่จริงมันไม่ใช่ ไม่ใช่ซักนิด ผมรู้ดีว่าอะไรบางอย่างขาดหายไป แต่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรจนกระทั่งผมพบโจอี้"

"มัน ตูม! เหมือนมีใครทิ้งลุกระเบิดมาที่หัวใจของผมทันใดนั้น ผมก็เข้าใจ" มาร์ค ลุกขึ้น

" Why do birds suddenly appear
Everytime you are near
Just like me
They long to be
Closed to you"

เขาเริ่มร้องเพลง Closed to you ของ The Carpenters ด้วยลีลาการยักสะโพกแบบเอลวิส และเสียง เอ่อ…เหมือน เสียงที่เราได้ยินตอนที่บังเอิญเตะกระป๋องไปโดนหัวหมา โจอี้ มองเห็นวิญญาณของคาเรน คาร์เพรเตอร์ น้ำตาไหลพรากที่เพลงของเธอถูกเอามาปู้ยี่ปู้ยำได้ขนาดนี้

"why do stars fall down from the sky" ไม่รู้แม่คิดอะไรยังไงถึงร้องรับมาร์ค

"Eveytime you walk by
Just like me
They long to be
Closed to you"

ทั้งสองเริ่มร้องประสาน เสียงกันคราวนี้คาเรนไม่เพียงน้ำตาไหลแต่ถึงขนาดทึ้งผม ตีอกชกหัวลงไปนอนเกลือกกลิ้ง โชคดีที่ทั้งคู้ไม่คิดจะร้องต่อ หาไม่คาเรนคงลุกจากหลุมมาหักคอมาร์คและแม่ของเขาแน่

"โอว โร แมนติคที่สุด" นางลินซ์ ทำตาเคลิ้มเหมือนตอนที่เราเพิ่งดูหนังเรื่อง Noting Hills จบ

"แต่ความรักของเราก็มีอุปสรรค" มาร์คต่อทันที "ผมรักโจอี้มาก มากเสียจนไม่รู้จะพูดยังไง ผมคิดดว่าผู้ใหญ่ทุกคนจะเป็นเหมือนคุณนะครับ บริจิท ผมตัดสินใจ บอกพ่อว่า พ่อครับหลังจากจบวิทยาลัยแล้วผมจะแต่งงานกะ โจนาธาน แมทธิว ลินซ์ แล้วพ่อผมก็ถามว่า ใครเป็นตั้งชื่อให้หล่อนเนี่ย? ชื่อยังกะผู้ชาย' ผมบอกพ่อว่า พ่อครับโจนาธานเป็นผู้ชาย ผมเป็นเกย์ เรารักกัน และจะแต่งงานกัน"

"แต่ดูเหมือนพ่อผมจะไมใจกว้างเหมือนอย่างคุณ บริจิท พ่อโกรธผมมาก ไล่ผมออกจากบ้าน ผมเสียใจ ร้องไห้ และคนแรกที่ผมนึกถึงคือโจอี้ ผมมาหาเค้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้เค้าฟังด้วยใบหน้าที่นองน้ำตา ผมซบหน้าลงบนบ่าเค้า"

มาร์คทำอย่างที่พูด "โจอี้กอดผมไว้" มือข้างที่ตัวบังไว้สะกิดเอวโจอี้เบา ๆ เป็นสัญญาณว่า 'กอดชั้นสิวะ'

ไม่มีทางเลือก โจอี้ยกมือทั้งสองข้างขึ้นโอบมาร์ค

"โจอี้บอกว่า 'นายไม่ต้องไปไหน นายอยู่ที่ อยู่ที่กับชั้น'"

นางลินซ์เอามือปิดปาก น้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้งกับบทบาทของมาร์ค

"ดังนั้นผมคงจะต้องอยู่ที่นี่ซักพักฮะ บริจิท อย่างน้อยก็ตลอดหน้าร้อน รอจนแม่ผมกลับมา ท่านคงเข้าใจอะไรๆ ได้มากกว่าพ่อ ผมสัญญาฮะว่าจะจ่ายค่าเช่าให้"

"โอว ไม่ต้องจ้ะมาร์ค เธออยู่ที่ได้เลย ตามสบาย นานเท่าไหร่ก้ได้ที่เธอต้องการ แล้วไอ้เรื่องค่าเช่านั่นลืมมันไปซะ ตอนนี้เธอก็เหมือนลูกชายอีกคนของชั้น"

"ขอบคุณครับ บริจิท"

มาร์คดึงโจอี้เข้าไปหอมแก้มอีกครั้ง "นายโชคดีมากที่มีแม่ที่เข้าใจแบบนี้รู้ไหม หวานใจ"

โจอี้แทบอ้วก ไอ้เวรนี่เรียกเค้าว่าหวานใจ

+++++++

"นี่นายทำห่ะอะไรวะ!?"

โจอี้ตะโกนใส่หน้ามาร์ค หลังจากที่กลับมาที่บ้านโรงรถแล้ว มาร์ค ยักไหล่แบบไม่แคร์ "นายพูดบ้าอะไรของนาย"

"ใจเย็นน่าหวานใจ"

"อย่าเรียกชั้นแบบนั้นอีก!"

"มองในแง่ดีสิ อย่างน้อยนายก็หมดปัญหาเรื่องที่ว่าจะบอกแม่นายยังไงแล้ว"

โจอี้โกรธจนพูดไม่ออก กระโดดขึ้นเตียง "ชั้นจะนอนแล้ว"

อย่างน้อยตอนหลับก็ไม่ต้องเห็นหน้าไอ้บ้านี่

"อืม ชั้นก็ง่วงแล้ว" มาร์คบอก พลางถอดเสื้อยืด โจอี้หัวเสียเกินกว่าจะต่อล้อต่อเถียง แต่ถึงคราวที่นักกีฬาหนุ่มรูดกางเกงขายาว ลงพร้อม ๆ กับบอกเซอร์นี่สิ

"เฮ้ย.." โจอี้ร้อง "นายจะทำอะไร?"

"นี่รู้ไหมโจอี้น้อย ไม่มีชุดไหนนอนสบายเท่าชุดนี้อีกแล้ว"

"ใส่กลับเข้าไปเดี่ยวนี้นะ" โจอี้ตะโกน "นายมีปัญหาอะไรโจอี้ รึว่านายเป็นเกย์จริง ๆ ถึงทนดูหนุ่มหล่ออย่างชั้นแก้ผ้าไม่ได้"

"แล้วนายเป็นผู้ชายประเภทไหนวะไอ้บ้า ที่อยากจะแก้ผ้านอนกะผู้ชายด้วยกัน"

มาร์คยักไหล่ "พบกันครึ่งทาง ขอบอกเซอร์"

"โอเค" ไม่ถึงสิบนาที โจอี้ก็หลับสนิท .


*****
End of Part 1

comment