ผลงานทั้งหมดที่ลงอยู่ในหน้า Novel เป็นสิทธิส่วนตัวของผู้เขียน หากมีผู้ใดต้องการจะทำการคัดลอกหรือดัดแปลงผลงานบางส่วน หรือทั้งหมดเพื่อนำไปใช้ในการอื่น นอกจากอ่านเพื่อความบันเทิง กรุณาติดต่อเพื่อขออนุญาตจากผู้เขียนตาม e-mail ที่ให้ไว้เสียก่อน ขอบคุณสำหรับความร่วมมือค่ะ อีกประการหนึ่งนักเขียนทุกคนต้องการกำลังใจและคอมเมนท์(แม้ว่าบางคนจะไม่พูดออกมา)ไม่ว่าจะเป็นคำติหรือคำชมนะคะ เพราะฉะนั้นเมื่ออ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงไ ก็เมลไปคอมเมนท์ได้ตามอีเมลที่ให้ไว้ของแต่ละคน หรือไม่ก็โพสต์คำติชมไว้ในบอร์ดก็ได้ค่ะ

 

Black My Heart, Mr. Popular(Part 2)

by...นาถยา

เสียงเคาะประตูเบา ๆ ทำให้โจอี้ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น คงเป็นแม่ บริจิท ลินซ์ไม่เคยโทรศัพท์มาปลุกลุกชายเพราะตัวเธอเองรู้ดีว่าการตื่นนอนด้วยเสียงดทรศัพท์มันน่าหงุดหงิดจนพาลจะมีอารมณ์กับคนที่โทรมาเสียเรื่อย โจอี้ ยกแขนของคนข้าง ๆ ที่มาพาดบนอกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ออก มิน่าเมื่อคืนรู้สึกหนัก ๆ ชอบกล

"มอร์นิง อะแม่" ทักพลางแง้มประตูออก

"โจอี้จ๊ะ คือแม่อยากจะรู้วันนี้ลูกกะมาร์คจะไปกินมื้อเช้าที่บ้านแม่ไหม แบบว่าอย่างน้อยเราก็น่าจะเลี้ยงต้อนรับแฟนลูกอะไรอย่างงี้น่ะจ้ะ"

แฟนลูก...โจอี้รู้สึกคลื่นไส้ กำลังจะขยับปากบอกว่าไม่ต้อง ก็รู้สึกถึงมือใหญ่ ๆ โอบเอวเขาจากด้านหลังดึงไปชิดกับอกเปลือยเปล่า ด้วยสัญชาติญาญ โจอี้ หันขวับทันที ความจงใจที่จะแกล้งโจอี้ด้วยการจูบอรุณสวัสดิ์ที่แก้ม ของมาร์คจึงผิดพลาด ไปเป็นที่ปากแทน

"มอร์นิงจ้ะหวานใจ มอร์นิ่งครับบริจิท"

โจอี้แทบร้องไห้ เมื่อตอนตื่นนอนเขาน่าจะตัดสินใจเอาหมอนอุดหน้ามาร์คให้ตาย ๆ ไปเสีย มาร์คยังเติมความหวานด้วยการเกยคางที่บ่าของโจอี้ นางลินซ์ยิ้มแหย ๆ เอาน่า นี่มันความสุขของลูกชายเธอนี่ แต่ถึงไงเห็นผู้ชายจูบกันมันก็อดจั๊กจี้ไม่ได้

"ขอบคุณมากเลยนะครับ เดี๋ยวขอเวลาผมกะโจอี้อาบน้ำสักครู่"

"จ้ะ"นางลินซ์รับคำสั้น ๆ

"อ้อ จริงสิฮะ บิริจิท หญ้าในสนามผมว่ามันชักจะรก ๆ แล้วนะฮะ เดี๋ยวไงผมจัดการให้"

"ขอบใจมากจ้ะมาร์ค แต่รู้สึกว่าเครื่องตัดหญ้ามันจะเสีย"

"เอาไว้ผมดูให้ฮะ คิดว่าคงพอจะซ่อมได้"

นางลินซ์ยิ้มรับ ดูสิ แฟนของลูกชายเธอน่ารักไม่หยอก มองในแง่ดี ถ้าโจอี้มีแฟนเป็นผู้หญิงคงไม่มีใครมาตัดหญ้าให้ฟรี ๆ

บริจิท ลินซ์ ถามถึงเมนูโปรดของมาร์ค ก่อนที่จะขอตัวไปเตรียมอาหาร ทันทีที่ประตูปิดลง โจอี้สอยหมดกะเข้าที่คางของแฟนหนุ่มกำมะลอ แต่อีกฝ่ายอาศัยความไวหลบได้ แถมยังยักคิ้วล้อเลียนอีก

"นายทำบ้าอะไรของนายวะ"

"เอาน่า...อย่างน้อยแม่นายจะได้เชื่อไงว่าเราเป็นแฟนกัน"

โจอี้โกรธจนแทบบ้า "จำไว้นะ คราวหลังหัดแปรงฟันก่อน ปากนายเหม็นชะมัดเลยโว้ย"

คิดแต่จะเหน็บมาร์ค วิลสันว่าปากเหม็น เพิ่งรู้ตัวว่าพลาดเมื่อมาร์คยิ้มทะเล้น "แสดงว่ามีคราวหลัง โอเคชั้นสัญญาว่าคราวหลังจะแปรงฟันก่อน"

โว้ยๆๆๆๆๆๆๆ โจอี้ตัวสั่น เดินลงส้นปึง ๆ ตรงไปห้องน้ำ

"เฮ้ โจอี้"

คนถูกเรียกหันหลังขวับ ตวาด "อะไร!"

"คราวหน้าขอใช้ลิ้นด้วยนะ"

เสียงปิดประตูดังปังเป็นคำตอบว่า โจนาธาน แมทธิว ลินซ์ โกรธมากขนาดไหน

+++++++

มาร์คถอดโน่นประกอบนี่ สักพักเครื่องตัดหญ้าก็ส่งเสียงหึ่ง ๆ เป็นสัญญาณว่าหายป่วยแล้ว มือเช้าผ่านไปได้ด้วยดี ดีจนโจอี้อยากตาย แม่กับมาร์คเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ดูเหมือนแม่จะถูกใจมาร์คเอามาก ๆ โดยเฉพาะตอนที่มาร์คอาสาจะช่วยดูงานในคอลัมน์กีฬาให้ มาร์ค ไสเครื่องตัดหญ้าออกมาจากห้องเก็บของ

"โจอี้"

อะไรอีกล่ะโว้ย จะให้ช่วยเรอะ ฝันไปเหอะ อยากอาสาเองนี่หว่า คอยดูสิจะด่าให้

"เช้านี้แดดร้อนนะ นายอยู่บนบ้านดีกว่า เดี่ยวชั้นจัดการเอง"

"เออ" โจอี้ตะคอกเสียงดัง หงุดหงิดชะมัดที่มาร์ค วิลสันเป็นคนดีเกินคาด

++++++++

มาร์ค วิลสัน เปลือยท่อนบน เผยผิวสีแทนแบบนักกีฬา กางเกงยีนตัวหลวม ร่นลงเห็นขอบบอกเซอร์ เหน็บผ้าขนหนูผืนเล็กไว้ที่กระเป๋าหลัง เข็นเครื่องตัดหญ้า เหงื่อซ่ก โจอี้มองมาร์ค อดคิดไม่ได้ว่า หมอนี่เซ็กซี่ชะมัด กล้ามของมาร์คไม่ได้ใหญ่น่ากลัวเหมือนพวกนักเพาะกาย หากแต่แน่น แข็ง ได้รูปอย่างคนที่เล่นกีฬา หน้าท้องแบนราบ ไรขนอ่อน ๆ ปรากฏบริเวณสะดือ แล้วเลื้อยหายไปที่ขอบกางเกง มิน่าล่ะ เชียร์ลีดเดอร์ทั้งทีมถึงได้เสร็จหมอนี่เสียหมด

เฮ้! โจนาธาน แมทธิว ลินซ์ แกเป็นอะไรของแกวะ? มายืนมองมาร์ควิลสัน ท็อปเลส แล้วคิดว่าหมอนั่นเซ็กซี่

ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เราแค่อยากจะมีรูปร่างแบบมาร์ค วิลสันเท่านั้น

โจอี้ ถูหน้าตัวเองแรง ๆ เห็นทีจะไม่ไหว ฟุ้งซ่านใหญ่แล้ว ไปดีกว่า

++++++++

ร่างสูงใหญ่ เหงื่อเปียกซ่ก ผ่านเข้ามาที่ครัว

"เสร็จแล้วเหรอ" โจอี้ทักพลางยื่นน้ำมะนาวแก้วใหญ่ให้ เอาน่า ยังไง ๆ ไอ้หมอนี่มันก็ตัดหญ้าให้เรา

มาร์คส่งเสียงรับอึมในลำคอรับแก้วน้ำมาดื่มรวดเดียวจนหมด วางแก้วลงที่โต๊ะ ก่อนเอามือกุมคอ "อ๊ากๆๆ ชั้น....โดน..ยาพิษ"

อีกฝ่ายขมวดคิ้วเป็นเชิงบอกว่า ไม่ตลกเลย ที่แก้มขวาของมาร์ค มีรอยดำของน้ำมันเครื่องจาง ๆ "หน้านายเปื้อนอ่ะ ตรงนี้"

มาร์คเอามือเช็ดตามที่โจอี้บอก แต่มือของชายหนุ่มเปื้อนไปด้วยน้ำมันเครื่อง ดังนั้นแทนที่จะสะอาดกลับเลอะเข้า ไปอีก โจอี้หัวเราะเมื่อเห้นหน้าของมาร์ค ดำปี๋

"มานี่ นิ่ง ๆ " หยิบกระดาษทิชชู่ ค่อย ๆ เช็ดรอยเปื้อนออก

พระเจ้า มาร์ค วิลสันครางในใจ เมื่อได้มีโอกาสพิศดูหน้าของเจ้าเปี๊ยกนี่ดี ๆ ใครกันเรียกโจอี้ว่าไอ้หน้าจืด เปล่าเลย โจนาธาน แมทธิว ลินวินซ์ ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ จมูกโด่ง ปากได้รูป ดวงตาที่เปิดเผยเสมอว่าเจ้าตัวอยู่ในอารมณ์ไหน โจอี้หน้าตาดีทีเดียว แต่ไม่ใช่ประเภทที่สาว ๆ อยากจะมีเซ็กส์ด้วย ผู้หญิงที่ไหนก็ชอบผู้ชายหล่อล่ำ นักกีฬาแบบเขา

ผู้หญิงไม่อยากมีเซ็กส์ ด้วย แล้วผู้ชายล่ะ?

คลื่นความคิดสะดุดลงเมื่อโจอี้กระทืบลงบนเท้าอย่างแรง มาร์คกุมเท้าร้องโอยโดดเหยง ๆ

"จำไว้นะ" โจอี้บอก "ถ้าคราวหน้านายมองชั้นแบบนี้อีก ชั้นฆ่านายแน่"

++++++++

เช้านี้โจอี้โวยวายเล็กน้อยเมื่อตื่นขึ้นมาพบว่ารถเปิดประทุนสีแดงแป๊ดตัวต้นก่อเหตุจอดอยู่ในบ้าน มาร์คไม่ใส่ใจนัก สองอาทิตย์กว่าที่ผ่านมามีหลายอย่างที่เขาเรียนรู้เกี่ยวกะโจอี้ อย่างเช่นว่า เรื่องที่โจอี้มักจะ โวยวายหรือตะโกนใส่หน้าเขาเสมอ นั่นอาจจะเป็นวิธีแก้เหงาของโจอี้ก็ได้ มาร์คว่าโจอี้เป็นคนขี้เหงา โจอี้ไม่มีเพื่อนสนิทเลยแม้แต่คนเดียว นอกจากนี้โจอี้ยังสูบบุหรี่จัดชนิดที่ว่าถ้าหา ปล่องไฟมาติดไว้ ทุกคนจะนึกว่าโจอี้เป็นรถจักรไอน้ำ (ความจริงชั้นไม่สูบมากมายขนาดนี้แต่เพราะนายทำให้ชั้นเครียด) และเหตุผลที่โจอี้ถึงต้องยอมให้เขามาอยู่ในบ้าน สามวันก่อนเกิดเรื่องโจอี้เพิ่งถูกจับขณะที่กำลังยืนฉี่ใส่น้ำพุที่สวนสาธารณะในสภาพเมาแอ๋ถ้าถูกจับในข้อหาเดียวกันอีกครั้งคงเป็นเรื่องใหญ่

แต่สิ่งนึงที่มาร์คไม่คาดว่าจะค้นพบในตัวโจอี้....ไม่คิดเลยแม้แต่นิดเดียว

++++++++

บริจิท ลินซ์ นอกจากจะรั้งตำแหน่งว่าที่แม่ยายของมาร์ค วิลสันแล้ว ตอนนี้เธอยังเป็นนายจ้างเขาอีกด้วย มาร์คมีหน้าที่ทำงานจิปาถะ ตั้งแต่ไปรับต้นฉบับ พิสูจน์อักษร ติดต่องานส่วนใหญ่งานทั้งหลายแหล่จะขนกันมา ทำที่บ้านของบริจิทนอกจากนี้ถ้าบทความเกี่ยวกะฟุตบอลของเขาได้ลงในหนังสือ บริจิทจะจ่ายค่าต้นฉบับให้เป็น พิเศษ ค่าตอบแทนไม่มากนักเมื่อเทียบกับเงินที่เขาเคยได้ แต่ตอนนี้เขาถังแตก ค่าจ้างพวกนี้ก็พอให้เขาได้ใช้จ่ายประจำวัน เมื่อตัดเรื่องค่าที่พัก กะอาหารออก

โจอี้พอใจมากเกี่ยวกะเรื่องนี้ ไอ้งานพวกนี้เขาเคยทำมาก่อน แต่ไม่ยักจะได้ค่าแรงอะไร แต่เมื่อแม่ตัดสินใจจ้างมาร์ค โจอี้จึงพลอยได้รับค่าจ้างไปด้วย(ถึงจะน้อยกว่าก็เหอะ) แต่นั่นแหละทุกวันโจอี้ยังเฝ้าคอยว่าเมื่อไหร่นายวิลสันจะมารับลูกชายกลับไปเสียที

ความจริงแล้วนายวิลสันก็ใช่ จะใจจืดใจดำหรอก เพี่ยงแต่เขามั่นใจว่าลูกชายคนเดียวเอาตัวรอดได้ และต้องการสั่งสอนมาร์คที่ถูกนางวิลสันตามใจเสียบ้าง ไอ้การที่อ้าปากปุ๊บก้ได้เงินปั๊บอาจจะทำให้มาร์คกลายเป็นเด็กนิสัยเสียได้

++++++++

คืนนี้ มาร์คได้พบบางอย่างในตัวโจอี้ และ......พระเจ้า เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า..........

เรื่องมันเริ่มขึ้นตั้งกะเมื่อกลางวัน มาร์ครู้สึกไม่สบายนิดหน่อย หลังจากจัดการกะอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว นางลินซ์จึงอนุญาตให้มาร์คไปนอนพัก ขณะที่โจอี้ยังนั่งทำงานต่อ

เพิ่งจะ 6 โมงเย็นกะอีก 25 นาที แต่ทันทีที่หัวถึงหมอนมาร์คก็หลับปุ๋ย มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงก๊อก ๆ แก๊ก ๆ กะแสงจากโคมไฟอ่านหนังสือที่โต๊ะ โจอี้หันหลังให้มีผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียวพันอยู่ ถึงจะอยู่กะโจอี้มานานพอดู แต่โจอี้ไม่ค่อยแก้ผ้าเดินไปเดินมาในห้อง กระทั่งตอนนอนถึงใส่แค่บอกเซอร์แต่ก็จะมีเสื้อทีเชิร์ทด้วยเสมอ เหตุเพราะเจ้าตัวบอกว่าเป็นคนแพ้อากาศ ถ้าถอดเสื้อนอนละมักจะไม่สบายเสียทุกที ผิดกะมาร์คที่จะชอบเป็นชีเปลือยทุกครั้ง

ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่รู้ตัวว่ามาร์คตื่นอยู่ โจอี้ดึงผ้าเช็ดตัวออก พระเจ้า......มาร์คไม่คิดเลยว่าโจอี้จะเซ็กซี่ ความจริงมาร์คไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะใช้คำว่า 'เซ็กซี่' กะผู้ชายคนไหนได้ ที่สะโพกด้านซ้ายของโจอี้มีรอยสักรูปงูปะการังตัวเล็ก งูปะการังสีสวย แดง ดำ เหลือง น้ำเงินสลับกัน เหมือนกะเจ้าของรอยสักที่มีหลากอารมณ์ บางครั้งในเสียงโวยวายของโจอี้มาร์คค้นพบความเหงา บางครั้งค้นพบความกระตือรือร้น ความสนุกสนานที่ได้ตะโกนใส่เขา และ...พักหลังมานี้ น้อยครั้งเหลือเกินที่มาร์คจะพบว่าโจอี้ ไม่พอใจหรือโกรธจริง ๆ งูปะการังตัวเล็กสีสวย แต่พิษร้ายถึงตาย

ร่างเปลือยหยิบบอกเซอร์มาสวม หันหน้ากลับมา แต่นั่นทำให้มาร์คยิ่งต้องกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ที่หัวนมข้างนึงของโจอี้ร้อยห่วงสีเงินอันเล็ก มีอักษร j ตัวเล็ก ๆ ติดอยู่ด้วย ไม่น่าเชื่อแฮะว่าไอ้เปี๊ยกนี่มีรสนิยมอย่างนี้ โจอี้หยิบทีเชิร์ตมาสวม กระโดดขึ้นเตียง สักพักก็หลับปุ๋ย แต่สำหรับมาร์คสิ มันยากที่จะข่มตาหลับต่อได้

+++++++

กลางดึกคืนนั้น มาร์คลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงอีกร่างนึงคร่อมอยู่ โจนาธาน แมทธิว ลินซ์ เปลือยเปล่า ในความมืด ห่วงและอักษร j ส่องประกาย

"โจอี้ นี่มัน.........."

"ชวู่........" อีกฝ่ายแตะริมฝีปากไว้ "ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น"

ปากบางของโจอี้ เลื่อนลงประกบกับมาร์ค ลิ้นอุ่นของโจอี้ พันพัวทักทายกับลิ้นของเขา ใช่....ไม่มีอะไรต้องพูด มาร์ค พลิกตัวทับอีกฝ่ายไว้ กลเม็ดเด็ดพรายของหนุ่มเจ้าเสนหน์ที่มีอยู่ถูกงัดออกมาใช้จนหมด และนั่นทำให้อีกฝ่ายครางไม่เป็นภาษา

"มาร์ค...........แรงอีก ได้โปรด มาร์ค.............."

"เร็วมาร์ค อย่า...อย่าหยุด"

"โจอี้ …โจอี้......โจ...."

มาร์คสะดุ้งเฮือก ขึ้นจากเตียง ข้าง ๆ โจนาธาน แมทธิว ลินซ์ นอนกรนเบา ๆ ทั้งทีเชิร์ตและบอกเซอร์ก็ยังอยู่ มาร์ค เปิดผ้าห่ม มือสำรวจส่วนกลางลำตัว

"ห่ะเอ๊ย" มาร์คสบถ ก่อนลุกขึ้นหยิบบอกเซอร์ตัว ใหม่มาเปลี่ยน

เขา ฝันหวาม.... และ โจนาธาน แมทธิว ลินซ์ อยู่ในฝัน

++++++++

โจอี้กำลังจะเตรียมตัวเข้านอนอยู่แล้วเชียว

"โจอี้ ลุกเร็ว แต่งตัว คืนนี้ The Midnight Circus จะมาแสดง"

โจอี้ส่งเสียง 'หึ' ในลำคอทำนองดูถูก "โทษที ชั้นแก่กว่าจะดูละครสัตว์แล้ว แต่สำหรับคนที่โตแต่ตัวสมองเท่าเม็ดถั่วอย่างนายจะไปก็เชิญเหอะ"

"เฮ้ โจอี้ นี่นายไม่รู้จัก The Midnight Circus เหรอ?" นักกีฬารูปหล่อทำตาโต

"ไม่ใช่แค่ The Midnight Circus หรอก ชั้นไม่รู้จักละครสัตว์คณะไหนทั้งนั้น"

มาร์คถอนใจ "โจอี้ The Midnight Circus เป็นวงร็อค เพลงเค้าติดชาร์ทตั้งหลายรัฐแน่ะ รวมทั้งบ้านเราด้วย อาทิตย์หน้าจะ เข้าบิลบอร์ดแล้ว"

"ช่าง.."เป็นคำตอบสั้น ๆ จะร้อค แรพ พ็อย โซล อะไรก็ช่าง มันไม่ได้แบ่งเงินให้โจอี้ใช้นี่หว่า

"เอาน่า โจอี้ นายยังไม่เคยไปเที่ยวไหนเลยะนะ"

"ชั้นไปเที่ยว" โจอี้ตวาด "ชั้นไปทุกที่แหละ แต่ชั้นไม่อยากไปกะนายโว้ย"

"ตามใจ" มาร์คว่า "เห็นเมื่อตอนเย็นแม่นายบอกว่าจะตรวจต้นฉบับที่ยังค้างอยู่ให้หมด เชิญนายอยู่ที่นี่คนเดียว เหอะ"

"หา.." คราวนี้โจอี้ตาโตบ้าง "เอาวะ ไปก็ได้ แสดงที่ไหนอ่ะ"

"The Guru House"

"The Guru House ถนน 82 น่ะเหรอ?"

"อืม"

"ขอให้เที่ยวให้สนุกแล้วกัน ให้ชั้นถูกต้นฉบับทับตายยังดีกว่าไปที่นั่น"

"เฮ้ ไหงงั้นอ่ะ เมื่อกี้นายบอกจะไปนี่"

+++++++

ทำไมน่ะเหรอ?

โจอี้ไม่โผล่หน้าไปละแวกนั้นเกือบ 2 ปีแล้ว ความจริงต้องบอกว่า โจอี้ไม่กล้าโผล่ไปแถวนั้นต่างหาก เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นจากไอ้โง่ เกรเกอรี่ กัซ หรือที่ใคร ๆ เรียกว่า กริซซี่ กัซ บ้านของกริซซี่ กัซ อยู่ใกล้ ๆ กะคลับชื่อ The Guru House หมอนี่เป็นคนขับรถบรรทุก หุ่นยังกะหมีควาย ไม่มีใครอยากยุ่งกะกริซซี่นัก หมอนี่น่ะ มันอันธพาลขนานแท้

วันนั้นโจอี้เดินผ่านหน้าบ้านของกริซซี่ กัซ ขณะที่กำลังฟังวอร์ค แมนอยู่ จำได้วันนั้น เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เลยฮัมเพลง "Wild World ของ Cat Steven ที่เปิดฟังอยู่ไปด้วย กริซซี่ กัซจู่ ๆ ก็พุ่งพรวดออกมาจากบ้าน เตะโจอี้หัวคำมะ ไอ้เวรนั่นกระชากคอเสื้อโจอี้ขึ้นแล้วตะโกนใส่หน้าเขาเสียงดัง

"แกรู้รึเปล่า ไอ้เด็กงั่ง ชั้นเลี้ยงมิเชลกะไมเคิลมา 5 ปีแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มิเชลออกไข่ ถ้าแกส่งเสียงดังรบกวนมิเชล มันจะให้เธอเครียดแล้วก็จิกไข่ตัวเองแตก เข้าใจไหมไอ้กร๊วก!?"

มิเชลกะไมเคิลเป็นนกแสนรักของกริซซี่ ว่ากันว่าหมอนี่ถึงกะยอมขายบ้านหลังเก่าย้ายมาอยู่ที่ถนน 82 นี่ ไปซื้อไอ้นกงี่เง่าสองตัวนั่นมา โจอี้ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า ถ้าแค่เสียงฮัมเพลงของเขาทำให้นังมิเชลมันเกิดความเครียด แล้วไอ้เสียงตะโกนบ้านแตกของกริซซี่เมื่อกี้ จะไม่ทำให้นังมิเชลมันเครียดจนกระทั่งผูกคอตายเลยเรอะ

กริซซี่ กัซ ยึดวอร์คแมนของโจอี้ไปเป็นค่าเสียหาย อย่างที่บอกไว้ ไม่มีใครอยากยุ่งกะกริซซี่ รวมทั้งโจอี้ด้วย แต่นั่นมันในกรณีที่กริซซี่ ไม่มายุ่งกะโจอี้ก่อน

โจอี้ใช้เวลาเตรียมการขอบคุณกริซซี่ ถึง 2 อาทิตย์ คืนนึงขณะที่กริซซี่ขับรถบรรทุก โจอี้แอบปีนกำแพงเข้าไปในบ้านกริซซี่ นั่นไง…กรงนกกรงเบ้อเร่อตั้งอยู่หน้าบ้าน สะอาดชะมัด พนันได้เลยว่าสะอาดกว่าบ้านกริซซี่เป็นแน่ โจอี้ค่อย ๆ ใช้มีดพับ แคะ แกะ ไอ้กรงตาข่ายถี่ ๆ นั่นให้เป็นช่องเล็ก ๆ กว่าเสร็จก็กินเวลานานพอดู ไอ้ช่องนั่นมันเล็กมาก ไม่มีทางที่นกจะบินออกมาได้
ใช่ นกบินออกมาไม่ได้ แต่บางอย่างเข้าไปได้ โจอี้ล้วงเข้าไปถุงผ้าสีขาวที่มีบางอย่างดุกดิก ๆ

"เอาเลย คริสติน่า ลูกรัก"

เด็กหนุ่มจับงูตัวย่อม ๆ ขึ้นมาจูบก่อนจะปล่อยมันลงไปในช่องนั่น ไม่ต้องอยู่รอดูผลงานของคริสติน่า โจอี้รีบปีนรั่วกลับทันที งูตัวไม่ใหญ่พอที่จะกินไมเคิลกะมิเชล หรอก แต่ถ้าเป็นไข่ล่ะก็สบายมาก การกินไข่ของงูนั้นไม่เหมือนกะตอนที่มันกินสัตว์อื่น งูจะค่อย ๆ กลืนไข่เข้าไปแล้วใช้กล้ามเนื้อบริเวณลำคอ บีบไข่ให้แตกแล้วดูดกินไข่แดงและไข่ขาวที่อยู่ข้างใน จากนั้นจึงคายเปลืกไข่ออกมา

เมื่อกริซซี่กลับมาก็พบว่าไข่ 5 ฟองที่สู้ประคบประหงมมาถูกนังคริสติน่าเขมือบไปเสีย 4 แถมยังทิ้งเปลือกไว้ให้ดูต่างหน้าอีก ส่วนตัวนังคริสติน่านั้นคาดว่ามันฉลาด ๆ พอ ๆ กะโจอี้ หลังจากอิ่มหมีพีมันแล้วก็เลื้อยหายไป ถ้าใครคิดว่าอย่างน้อยพระเจ้ายังปราณีที่กระเพาะนังคริสติน่าบรรจุไข่ได้เพียง 4 ฟองล่ะก็ โทษที…หลังจากนั้น 1 วันนังมิเชลก็เกิดความเครียด เนื่องจากเห็นคริสติน่าเขมือบไข่แสนรักต่อหน้าต่อตา ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว นังมิเชลเลยจิกไข่ที่เหลืออยู่อีกฟองจนแตก กริซซี่ร้องไห้ยิ่งกว่าตอนที่แม่ตาย เรื่องมันควรจะจบลงตรงที่โจอี้เป็นฝ่ายชนะ ถ้าไม่บังเอิญว่าเขารีบจนลืมไอ้มีดพกนั่นไว้ และบังเอิญอีกว่าไอ้มีดพกเล่มนั้นได้เป็นของขวัญตอนอายุ13 ที่ด้ามมีดสลักว่า แด่โจนาธาน ลินซ์ แม่รักลูกจ้ะ

เรื่องนี้ไม่ถึงตำรวจ เพราะตัวกริซซี่เองก็มีคดีติดตัวหลายคดี แต่กริซซี่ประกาศว่าถ้าเห็นโจอี้โผล่มาแถวนี้เมื่อไหร่ ตาย.... และหมอนั่นก็ทำจริง ๆ ซะด้วย มีอยู่วันนึงโจอี้ไปเตร่แถวนั้น แล้วถูกกริซซี่ไล่กวด ในมือแบกโต๊ะกาแฟ กะจะทุ่มให้ตาย แต่นั่นแหละโชคดีที่กริซซี่โง่ ระหว่างคนที่แบกโต๊ะกาแฟตัวเบ้อเร่อกะคนที่วิ่งหนีเฉย ๆ ไม่ถืออะไร ใครจะเร็วกว่ากัน?

+++++++

ไม่ว่ามาร์คจะตื้อยังไง โจอี้ก็ยังยืนกรานว่ายอมทำงานดีกว่าจะไปที่ The Guru House สุดท้ายมาร์คก็ออกไปคนเดียว โจอี้ถอดเสื้อเตรียมตัวจะอาบน้ำ แต่ไม่ถึง 2 นาที เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

"โหล โจอี้เหรอ?" เป็นไอ้บ้ามาร์ค ใช้มือถือโทรเข้ามา "ชั้นลืมไปว่าเมื่อกลางวันซื้อเบียร์ 2-3 กระป๋อง นายเอาเข้าไปแช่เย็นทีสิ ตอนนี้ชั้นจอดรถรออยู่หน้าบ้าน ขี้เกียจกลับ"

โจอี้รับคำ แล้วรีบวิ่งออกไปทั้ง ๆ ที่topless โชว์ห่วงสีเงินกะอักษร j นั่น

"ไหนอ่ะ?" โจอี้ถามเมื่อมาถึง

"อยู่เบาะรถ" หนุ่มสุดฮอทบอก

โจอี้ชะโงกไปที่เบาะหลังของรถเปิดประทุนสีแดงตัวก่อเหตุนั่น ยังไม่ทันเห็นว่าเบียร์อยู่ไหน ก็รู้สึกถึงกำลังมหาศาลกระชากคอเขาจนหัวคำมำไปที่เบาะหลัง มาร์คออกรถทันที

"ไอ้บ่าเอ๊ย ไอ้เวร ไอ้......................ฯลฯ" โจอี้ร่ายเป็นชุดขณะที่มาร์คหัวเราะชอบใจ

"เอ้า ใส่ซะ" มาร์คโยนเสื้อโคทให้

สุดท้าย โจอี้ก็ต้องมา The Guru House จนได้

+++++++

The Midnight Circus เป็นวงร็อคโลกแตกที่เล่นเพลงได้สะใจซะ นักร้องนำของวงคือ บาบารา บิช (แน่ละไม่ใช่ชื่อจริง) อีสาวสกินเฮด ที่มาพร้อมกะรอยสักมังกรเหนือกกหู ร้องเพลงได้เปรี๊ยว ถึงแก่น สำหรับโจอี้มันคงสนุกกว่านี้ถ้าไม่ต้องพะวงว่ากริซซี่ จะอยู่ในนี้ด้วยรึเปล่า

The Midnight Circus เล่นได้สักพัก โจอี้ก็ปลีกตัวออกมานั่งที่เคาท์เตอร์ ไม่ห่างจากจุดที่มาร์คยืนเย้ว ๆ อยู่ฟลอร์นัก อากาศข้างนอกค่อนข้างเย็น แต่ในนี้กลับร้อนเป็นบ้า โจอี้ถอดเสื้อโค้ทออก เหลือแต่กางเกงยีนส์ตัวหลวม จุดบุหรี่ขึ้นสูบ

"เป็นไงบ้างโจอี้?" อ้าวไปไหนวะ มาร์คมองหาคนที่ลากมาด้วย

The Midnight Circus เปลี่ยนจากเพลงร็อคของตัวเองมาเล่นเพลงบัลลาดยุค 80 ของ Madonna… Crazy For You

มาร์คเห็นโจอี้แล้ว Topless นั่งอยู่ที่เคาท์เตอร์ใกล้ ๆ

Swaying room as a music starts
Strangers're making the most of a dark
Two by two their bodies become one
I see you through the smoky air
Can you feel the weight of my stair?
You're so close but still a world away
What I'm dying to say
It's I'm crazy for you
Touch me once and you'll khow it's true
I never wanted anyone like this
It's all brand new
You'll feel it in my kiss
I'm crazy for you

… ให้ตายเหอะ! มาร์คสบถในใจ ทำไมต้องร้องเพลงนี้ด้วยวะ!? โจอี้ในตอนนี้มีเสน่ห์อย่างประหลาด ไอ้ห่วงกะตัว j ที่ร้อยอยู่ กางเกงหลวม ๆ บวกกะท่าพ่นบุหรี่นั่น ทำให้ โจอี้เหมือน...เอ่อ…ไอ้ตัว
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เราจะหิ้วหมอนี่ไหมวะ? มาร์คถามตัวเอง

โจอี้หยิบบุหรี่ตัวใหม่ขึ้นมา ยังไม่ทันจะจุดไฟ ประกายไฟวาบก็มาจ่อที่บุหรี่ ผู้ชายวัยกลางคนที่นั่งใกล้ ๆ ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่มาร์คคนเดียวแล้วที่คิดจะหิ้วโจอี้

"มาคนเดียวเหรอ?"

"เปล่า" โจอี้ตอบ คิดในใจว่าตาลุงนี่มันอะไรกันวะ

"มากะเพื่อน"

"เพื่อน ....หุ้นส่วนเหรอ"

โจอี้ทำหน้างง ๆ ถ้ารู้ว่าไอ้หุ้นส่วนนั่นมันหมายถึง 'แมงดา' ล่ะก็ มีหวังลงไปชักดิ้นชักงอแหง ๆ

ยังไม่ทันจะตอบก็มีมือใหญ่ ๆ มาจับต้นแขนไว้ "โจอี้ กลับ!"

อะไรวะ? เด็กแสบคิดในใจ บทจะมาก็มา จะกลับก็กลับ แต่ก็ดีเหมือนกัน อยู่ที่นี่อันตราย เด็กหนุ่มหยิบเสื้อโค้ทเดินตามมาร์คออกไป ปล่อยให้หนุ่มใหญ่เจ้าของไฟแช็คมองตามอย่างเสียดาย

+++++++

รถของมาร์คจอดอยู่ที่สุดตรอกด้านข้าง The Guru House ยังไม่ทันจะออกรถโจอี้เหลือบไปเห็นร่างใหญ่ ๆ เดินตรงมา ตายห่ะ กริซซี่ ไอ้ตรอกนี่มันก็เป็นทางตันเสียด้วย ต้องกลับรถออกไป

"มาร์ค!"

"หือ?"

"จูบชั้นเดี๋ยวนี้"

"หา!!!! อะไรนะ?

"เร็ว...."

"เฮ้ยโจอี้..."

"ฟังนะไอ้หน้าโง่" โจอี้กระชากคอเสื้อมาร์คลงมา "จูบชั้นเดี๋ยว น........."

ยังไม่จบประโยคโจอี้ก็ได้สิ่งที่ต้องการทันที ปากของมาร์คเลื่อนลงประกบกับปากของโจอี้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่นั้น มือทั้งสองข้างยังประคองใบหน้าโจอี้ไว้ ตามัวแต่พะวงว่า กริซซี่ไปหรือยัง รู้ตัวอีกทีก็เมื่อลิ้นอุ่น ๆ แทรกเข้าไปในปาก

กริซซี่เดินผ่านไปแล้ว แต่มหกรรมจุมพิตของมาร์คยังไม่ยอมจบง่าย ๆ ด้วยประสบการณ์ช่ำชอง ถึงโจอี้พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะถอยหนีลิ้นซุกซน แต่สุดท้ายก็กลับกลายเป็นให้ความร่วมมือ มาร์คค่อย ๆ ดันร่างของโจอี้ลงไปที่เบาะ ตอนนี้เองที่โจอี้คิดว่าไม่ได้แล้ว รวบรวมกำลัง กระชากผมของมาร์คออกไปด้านหลัง

"โอ๊ย..."มาร์คร้อง คลำหัวป้อย ๆ

"นายทำบ้าอะไรของนายวะมาร์ค?"

"ให้ตายเหอะ โจอี้ นายเป็นคนบอกให้ชั้นจูบเอง ชั้นยังไม่ถามนายสักคำเลยว่าทำไม"

"ชั้นเจอโจทก์เก่าโว้ย ถ้าหมอนั่นเห็นหน้าชั้น ชั้นตายแหง ๆ"

"แล้วนาย โมโหอะไร ชั้นก็ช่วยนายแล้วไง"

"แต่..." โจอี้อึกอัก "นายไม่แค่จูบ.....นาย...นายใช้ลิ้นด้วย"

"ชั้นจะไปรู้ได้ไงว่านายต้องการจูบแบบไหน แบบใช้ลิ้น หรือแค่เอาปากมาชนกันเฉย ๆ"

"เออ ๆ ออกรถเหอะ" โจอี้ตัดบทแต่ในใจยังถียง

"แล้วไอ้ที่ดันชั้นลงกะเบาะล่ะโว้ย!?"

ห่วงกะตัว j ของโจอี้ทำให้มาร์คนอนไม่หลับมาหลายคืน แต่คืนนี้จูบของมาร์คทำให้โจอี้ตาค้างบ้าง

*****
End of Part 2

comment