ผลงานทั้งหมดที่ลงอยู่ในหน้า
Novel เป็นสิทธิส่วนตัวของผู้เขียน หากมีผู้ใดต้องการจะทำการคัดลอกหรือดัดแปลงผลงานบางส่วน
หรือทั้งหมดเพื่อนำไปใช้ในการอื่น นอกจากอ่านเพื่อความบันเทิง กรุณาติดต่อเพื่อขออนุญาตจากผู้เขียนตาม
e-mail ที่ให้ไว้เสียก่อน ขอบคุณสำหรับความร่วมมือค่ะ อีกประการหนึ่งนักเขียนทุกคนต้องการกำลังใจและคอมเมนท์(แม้ว่าบางคนจะไม่พูดออกมา)ไม่ว่าจะเป็นคำติหรือคำชมนะคะ
เพราะฉะนั้นเมื่ออ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงไ ก็เมลไปคอมเมนท์ได้ตามอีเมลที่ให้ไว้ของแต่ละคน
หรือไม่ก็โพสต์คำติชมไว้ในบอร์ดก็ได้ค่ะ
|
Black My Heart, Mr. Popular(Part 4-End) by... นาถยา ลูอิสไม่น่าเบื่อแฮะ ลูอิสตลก มีอารมณ์ขัน
ลูอิสชอบดู The Godfather เหมือนโจอี้ ชอบฟัง Cat Staven เหมือนโจอี้ เกลียด
ชีส กะต้นหอมเหมือนโจอี้ ไอ้ตาหวาน ๆ ที่ส่งให้เมื่อครู่นี้คงเป็นเพราะโจอี้คิดมากไปเอง
ใช่ โจอี้ระแวงไปเอง เพราะอยู่กะคนลามก อย่างมาร์ค วิลสันนานเกินไป ป่านนี้คงอึ๊บยัยเจนี่อยู่แน่
ๆ ให้ตายเหอะ ต่อไปโจอี้จะไม่ไปโบสถ์แล้ว ลงว่าลูกสาวคุณพ่อฮัดสันยังเป็นได้ขนาดนี้
แล้วมีอะไรจะต้องให้เชื่ออีก "นี่รู้ไรมั้ย พ่อชั้นเคยไปที่กองถ่าย
The Godfather ด้วย" "จริงอ่ะ?" "ว้าว! เจ๋งสุด ๆ" "วันหลังจะเอามาให้นายดู ชั้นมี
vdo The Godfather ฉบับ director cut ด้วยนา" "เจ๋งชะมัด ขอบใจล่วงหน้า เพื่อน"
โจอี้พูดเลียนสำเนียงมาร์ลอน แบรนโด
ในหนัง น่ารักชะมัด ลูอิส คิด ชั้นอยากมีเซ็กส์กะมาร์ลอน แบรนโดจังแฮะ "ชอบเพลงนี้" โจอี้ร้องขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงเพลง La Isla Bonita ที่เปิดในงานดังขึ้น "นายเป็นสเปนิชด้วย เพลงนี้มอบให้นาย"
โจอี้ตะโกน ออกอาการมึน Trobical the island breeze โจอี้กะลูอิสประสานเสียงท่อนสร้อยของเพลงอย่างสนุกสนาน
"อะแฮ่ม
" เสียงเพลงถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกระแอมที่ดังเป็นพิเศษ
"มาร์ค" โจอี้ร้องทัก หัวเราะอั่ก
ๆ ๆ มาร์ครู้สึกผิดหวัง อย่างน้อยโจอี้น่าจะตะโกนใส่หน้าเค้า
เตะหรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เห็นว่าโกรธและแคร์ ไม่ใช่หัวเราะรื่นอยู่กะไอ้โง่สเปนนี่
เหลือบมองที่พื้นทรายเห็นไวน์ราคาแพงหูฉี่
2 ขวดนอนแอ้งแม้งอย่างเศร้าสร้อย เอ๋ย
ก็มันเป็นไวน์ชั้นดีที่สมควรจะได้รับการปฏิบัติอย่างปราณีต
ทั้งเวลาที่เปิด อุณหภูมิขณะเปิด ภาชนะที่ใส่ การจับแก้ว ค่อย ๆ สูดดมกลิ่นหอม
ลิ้มรสชาติที่หมักบ่มเป็นเวลานาน ก่อนปล่อยให้ไหลผ่านลำคอช้า ๆ อย่างบรรจง
ไม่ใช่ถูกริน ดื่ม วาง อย่างไม่ไยดีเช่นนี้ แสดงว่าฐานะของไอ้สเปนนี่ก็ต้องไม่ใช่ขี้
ๆ แหง "มาร์ค นี่ลูอิส"โจอี้แนะนำ
มาร์คจำใจยื่นมือไปเชคแฮนด์ทั้ง ๆ
ที่อยากจะตั๊นหน้าหมอนี่เต็มแก่ "นายเป็นเพื่อนโจอี้เหรอ?"
ขยับปากกำลังจะตอบ "ไม่ ๆ ๆ ๆ ๆ ชั้นไม่มีเพื่อนยังงี้
หมอนี่เป็นไอ้โง่ที่ชอบมีเซ็กส์กะลูกสาวท่านสาธุคุณ" ลูอิส โล่งอกแสดงว่าไอ้ผมทองนี่ไม่ใช่แฟนโจอี้
แต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้แฮะดูท่าทางหมอนี่จะเหม็นหน้าเค้า "โจอี้ กลับบ้านเราได้แล้ว"
มาร์คยิ้มอย่างผู้ชนะ เน้นคำว่า 'เรา' เป็นพิเศษ มาธาร์ดอร์หนุ่มหน้าเสีย
"โจอี้ นายพักอยู่บ้านเดียวกะมาร์คเหรอ?"
มาร์คกำลังจะตอกให้ว่า ไม่แค่บ้านเดียวกันนะโว้ย
เตียงก็เตียงเดียวกัน "แม่ชั้นให้หมอนี่เช่าบ้านอยู่"
คำตอบของโจอี้ทำให้ลูอิสมีกำลังใจขึ้นโข "โจอี้นายเมาแล้ว กลับบ้าน"
มาร์คเสียงแข็ง จับต้นแขนตนตัวเล็กไว้ "ไม่..." โจอี้ตอบ แต่แล้วต้องหน้าเหยด้วยรู้สึกถึงกำลังที่บีบต้นแขน
หันมาสบตามาร์คดวงตาวาวโจน์ ไม่เหมือน มาร์คที่เคยรู้จัก "เฮ้! นายปล่อยโจอี้ดีกว่า"
หนุ่มรุ่นพี่เตรียมตัวสวมบทบาทพระเอก ใบหน้าบอกว่าพร้อมจะมีเรื่องเต็มที่
ชักจะไม่ดีแล้วแฮะ ถึงโจอี้เองจะอยากเป็นคนดังของโรงเรียนบ้าง
แต่ถ้าดังเพระไอ้ข่าวประเภท ชายหนุ่มรุปหล่อสองคนฟาดปากกันเพื่อแย่งตัวโจนาธาน
ลินซ์ ล่ะก็ ขอบาย "โอเค ๆ กลับก็ได้ ลูอิส แล้วเจอกันนะ"
โจอี้บอก "เดี๋ยว..." หนุ่มสเปนเรียก
ฉีกฉลากไวน์ เขียนตัวเลขขยุกขยิกส่งให้เด็กรุ่นน้อง "แล้วโทรหาชั้นนะ"
"โอเค" โจอี้รับมาเศษกระดาษนั่นใส่กระเป๋า
+++++++ มาร์คนั่งเงียบมาตลอดทางจนกระทั่งถึงบ้าน
เงียบก็เงียบสิ โจอี้คิด หมอนี่มีสิทธ์อะไร ทีตัวเองยังไปกะเจนี่ได้เลย "โจอี้" มาร์คเรียก คนถูกเรียกโงหัวขึ้นมาจากเตียง
"ขอดูกระดาษนั่นหน่อยสิ" "ทำไมอ่ะ?" โจอี้ขมวดคิ้ว
จะเอาไงกะชีวิตชั้นอีกวะ "เปล่าชั้นแค่อยากรู้ว่านายดื่มไวน์ยี่ห้อไร"
โจอี้ส่งฉลากไวน์ให้ ทันใดนั้น กระดาษแผ่นเล็กถูกฉีกเป็นชิ้นเล้กชิ้นน้อย
"ทำไรวะ" โจอี้โวย "ชั้นไม่อนุญาตให้นายโทรหาหมอนั่น"
"มันชักจะเกินไปแล้วนะมาร์ค วิลสัน"
โจอี้โกรธจนตัวสั่น "นายมีสิทธ์อะไรไม่ทราบ" "โจอี้" มาร์คเสียงอ่อน
รู้ตัวว่าทำรุนแรงไปหน่อย "ชั้นเป็นห่วงนายนะ หมอนั่นไม่น่าไว้ใจ"
"ตรงไหนไม่ทราบ" "ก็ตรงที่มันคิดจะอึ๊บนายน่ะสิ"
โจอี้ตะลึง นี่มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว
"ประสาท มาร์ค นายประสาทที่สุด" "ชั้นแค่มองตามันชั้นก็รู้แล้ว"
"รู้ได้ไงวะ?" มาร์คอ้ำอึ้งบ้าง เออนั่นสิรู้ได้ไง?
"รู้แล้วกัน" มาร์คข้าง ๆ คู ๆ โจอี้เรียนรู้วิธีที่จะจัดการกับมาร์ค
เด็กหนุ่มถอดร้องเท้า ปิดไฟ นอนหันหลังให้ มาร์ค วิลสันเอามือก่ายหน้าผาก นี่เขาแค่ห่วงโจอี้จริง
ๆ เหรอ ถ้าห่วงมันสมควรเจือไปด้วยความวิตก กังวล ไม่ใช่ความรู้สึกอิจฉา รุนแรง
หวง "โจอี้"มาร์คเรียกเบา ๆ
เรื่องบางเรื่องยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ "โอเค ๆ ชั้นให้นายคบกะไอ้โง่นั่นก็ได้"
"เค้าชื่อลูอิส" โจอี้บอก
"แล้วก็ไม่ได้โง่ด้วย เค้าเจ๋งจะตาย แล้วที่สำคัญทำไมชั้นต้องรอให้นายอนุญาตด้วย"
"แต่มีข้อห้ามอย่าง" มาร์คทำเป็นไม่ได้ยิน
"ห้ามไปไหนมาไหนกะหมอนั่นสองต่อสอง" "ประสาท" โจอี้ว่า "เบอร์โทรลูอิสนายก็ฉีกทิ้งไปแล้วนี่"
บอกแค่นี้ก็หันหลังไปนอนต่อ โธ่เอ๋ย
มาร์คคิด ถ้าไอ้เบื๊อกสเปนนั่นมันคิดจะจีบนายจริงต่อให้นายไม่โทรไปหามัน
ยังไงมันก็หาทางมาหานายจน ได้ แต่ชั้นจะช่วยปกป้องนายเอง ในฐานะ...เอ่อ.....เพื่อนที่แสนดีมั้ง
+++++++ เสียงโทรศัพท์แหกปากร้องขึ้น มาร์ค วิลสันผลุนผลันเข้าไปรับ แต่ก็ยังช้ากว่าโจอี้ สามสี่วันมานี้ โทรศัพท์ดังทีไรมาร์ค มักจะรีบถลาเข้าไปรับในทันที "ฮัลโหล" โจอี้กรอกเสียงลงไปตามกระบอกโทรศัพท์
"โจอี้" เสียงนั้นแสดงอาการดีใจอย่างชัดเจน
"ลูอิสเหรอ?" "อือฮึ" "นายได้เบอร์ชั้นจากไหนอ่ะ?"
"เรื่องนี้ไม่ยากหรอกน่า ความจริงชั้นโทรหานายตั้งหลายครั้งแล้ว
แต่ทุกครั้งจะต้องมีไอ้เบื๊อกบอกว่าไม่มีคนชื่อโจอี้สงสัยสายมันพันกันน่ะ"
ไม่ต้องสงสัยว่าไอ้เบื๊อกที่ว่านั่นเป็นใคร
"คือชั้นยังไม่ค่อยรู้จักเมืองนี้เลย
นายว่างจะเป็นไกด์ให้ชั้นรึป่าว?" "แหง เออจริงสิตอนนี้ที่โรงหนังฉายเรื่อง
Teen Murderer อ่ะ นายดูเรื่องนี้ยัง?" "ยัง น่าสน" "ฉายรอบเย็น เฮ้ ชั้นมีความคิดดี
ๆ ที่นอกเมืองมีทะเลสาบอยู่ ถ้าไงเราไปนั่งเล่นที่นั่นดีป่ะ เอาแซนด์วิชด์ไปกินกันด้วย"
นี่ละความฝันอย่างนึงของโจอี้ ปั่นจักรยาน
ว่ายน้ำ หาลูกเบอร์รี่ ใช่ ฤดูร้อนของเด็กผู้ชายอายุ 14 แหมก็ตอนอายุ 14
โจอี้ไม่มีเพื่อนสักคนเลยนี่ หนุ่มลุกครึ่งนึกขันแผนการของโจอี้
เด็กมหาลัยอย่างเขาไม่สนปิคนิคริมทะเลสาบหรอก แต่เดี๋ยว....ลูอิสจินตนาการ
เขากับโจอี้สองคน ใต้ต้นไม้ สายลมเย็น ๆ โจอี้นอนกลางวันหลังจัดการกะอาหาร
แรก ๆ โจอี้อาจจะตกใจบ้าง แต่ไม่นาน ด้วยประสบการณือันช่ำชอง โจอี้จะค่อย
ๆ โอนอ่อน แล้วก็.... ลูอิสกลืนน้ำลายเอื๊อก แค่คิดก็ตื่นเต้นจนแทบรอไม่ไหวแล้ว
"โอเค งั้นอีกเดี๋ยวชั้นจะไปรับ" "นายรู้จักบ้านชั้นเหรอ?"
"แหงน่ะ ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถ" +++++++ โจอี้ขนขนมปังออกจากตู้เย็น ปะแฮม
แตงดอง มายองเนส แล้วก็อีกหลายอย่างที่แหงแก๋ตายซากอยู่ในตู้ ผลที่สุดได้ก็ได้แซนด์วิชหน้าตาประหลาด
"ทำไร?"
มาร์คถาม "แซนด์วิช ไปกินที่ทะเลสาบนอกเมือง"
โจอี้เริ่มทำแซนด์วิชอันที่สอง "โธ่ โจอี้นายอายุกี่ขวบแล้ว?
แต่เอาเหอะ ถ้านายอยากไปชั้นก็ไม่มีปัญหา" "ใครจะไปกะนาย" "หา.." "ชั้นจะไปกะลูอิส" มาร์ค วิลสันหลับตา ที่ริมทะเสสาบ โจอี้กะไอ้เบื๊อกนั่นอยู่กันตามลำพัง พนันได้เลยว่าไอ้ลูอิสมันต้องคิดไม่ดีแหง ๆ มาร์คเห็นภาพโจอี้ดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของไอ้บ้ากามนั่น ตะโกน "มาร์ค ช่วยด้วย" แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครได้ยิน และโจอี้ก็ตกเป็นของหมอนั่น เพียงแค่คิดมาร์คก็อยากจะชกหน้ามันขึ้นมาครามครัน
"ชั้นไปด้วย" "เกะกะ" โจอี้บอก แต่มาร์คไม่สน
เสไปหยิบขนมปังขึ้นมา "ของชั้นนายไม่ต้องทำเผื่อนะ
กลัวตายว่ะ" +++++++ เป็นอันว่าลูอิสจำใจต้องกระเตงมาร์ค
วิลสันไปด้วย งี่เง่าชะมัด จากประสบการณ์อันช่ำชองพนันได้เลยว่าไอ้เวรนี่เป็นคู่แข่งเขาแน่
ๆ แต่ก็นั่นละจากประสบการณ์อันช่ำชองอีกเหมือนกัน อย่างน้อยลูอิสก็มองออกว่าโจอี้ยังไม่ได้ตกลงปลงใจกะมาร์ค
นั่นทำให้ชายหนุ่มมีกำลังใจขึ้นอีกโข ส่วนมาร์ค วิลสันกำลังคิดว่า ถ้าชกหน้าคนจะต้องเสียค่าปรับสักเท่าไหร่
อีตอนที่โจอี้ขึ้นจากน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า สาบานได้ว่าเขาเห็นไอ้เบีอกนี่จ้องโจอี้ตาเป็นมัน
ทุเรศชะมัดไอ้เกย์วิปลาส อ้อ! ใครอย่าเพิ่งเอาเขาไปรวมกะไอ้บ้านี่ละ มาร์คก็แค่
ต้องการปกป้องเพื่อนแค่นั้น...มั้ง มาร์คบอกตัวเอง "นี่ โจอี้ซูเปอร์สเปเชี่ยลแซนด์วิช
ฝีมือชั้นเอง" โจอี้ส่งแซนด์วิชหน้าตาประหลาดให้หนุ่มลูกครึ่ง ลูอิสยิ้มประหลาดแต่ต้องจำใจกัด "ว้าว
เยี่ยมไปเลย" ตอแหลชะมัด มาร์คคิด "รสชาติเป็นเอกลักษณ์ ครีเอทสุด
ๆ นี่ชั้นว่าชั้นกินแซนด์วิชนี่ได้ทั้งชีวิตเลยนะเนี่ย" เจ้าของแซนด์วิชหัวเราะชอบใจ ไม่ทันสังเกตความนัยของประโยคเมื่อครู่
มาร์ครู้สึกเสียใจนิด ๆ เค้าน่าจะยอมให้โจอี้ทำแซนด์วิชให้ หลังสวาปามอาหารเสร็จ โจอี้ก็ทิ้งตัวลงงีบใต้ต้นไม้
ไม่ถึง10 นาทีก็ส่งสัญญาณเป็นเสียงกรนเบา ๆ มือของเด็กหนุ่มลื่นไปเกาพุง
ที่ตอนนี้ดูจะป่องออกมาเล็ก ๆ เพราะของที่กินเข้าไป นั่นทำให้ชายเสื้อเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้อง
หนุ่มลูกครึ่งกลืนน้ำลายเอื๊อก ไม่ยั่วก็เหมือนยั่ว นี่ถ้าเค้ากำจัดไอ้ตัวกวนไปได้ล่ะก็
"นี่..." ลูอิสเรียก "นายช่วยไปหยิบบุหรี่ในรถให้ชั้นทีสิ"
"โน่นไง" มาร์คบุ้ยไปที่เวอร์จิเนียเมนทอลสีเขียวของโจอี้
"ชั้นสูบแต่คาเมล" "งั้นทำไมนายไม่ย้ายตูดไปเอาเองซะล่ะ?"
"ทำไมน่ะเหรอ" น้ำเสียงเยาะ
"เพราะนั่นมันรถชั้น และโจอี้ก็เป็นคนที่ชั้นชวนมา ส่วนนายมันแค่เหาฉลามงี่เง่าที่เกาะติดมา
ฉะนั้นนายก็น่าจะทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่ชั้นบ้าง" มาร์คจำใจรับกุญแจรถ เดินจากมาอย่างรีบเร่ง
ให้ตายเหอะ เขาไม่ไว้ใจปล่อยให้หมอนั่นอยู่กะโจอี้ตามลำพังแม้แต่ วินาทีเดียว
หนุ่มหน้าเข้มก้มลงมองคนที่หลับอยู่
ปากเผยอนิด ๆ ดูเหมือนจะมีน้ำลายไหลออกมาตรงมุมปากด้วย ชายเสื้อเลิก ขึ้น
ขาซ้ายไปทาง ขวาไปทาง สำหรับคนอื่นนี่คงเป็นหนึ่งในท่านอนที่ทุเรศที่สุด
แต่ตอนนี้สำหรับลุอิสนี่เป็นท่านอนสุดเซ็กซี่ แหงล่ะระยะเวลาที่มาร์คเดินไปกลับมันไม่นานพอที่จะให้ทำตามแผนที่เตรียมไว้ตะแรก
แต่ตอนนี้ขอแค่จูบสักครั้งก็ยังดี มัดจำไว้ก่อน ลูอิส ไรท์ ก้มลงเตรียมประทับรอยมัดจำ ทันใดนั้น วัตถุเบา ๆ ก็ลอยมากระทบที่กกหู มาร์คนึกเสียใจที่ตัวเองหุนหันไปนิด น่าจะเปลี่ยนจากซองบุหรี่มาเป็นหินสักก้อน หนุ่มลูกครึ่งทำสัญญาณมือให้มาร์คตามไปทางโน้น
เมื่อกะระยะว่าไกลพอที่เสียงจะไม่รบกวนคนที่นอนอยู่ ทั้งสองก็ลงมือฟาดปากกันทันที
1 ชั่วโมงต่อมา โจอี้ก็ตื่นมาพบว่า
ลูอิส ไรท์บังเอิญหกล้มปากแตก ส่วนมาร์ค วิลสันก็บังเอิญซุ่มซ่ามไปชนกิ่งไม้หัวปูด
เลือดซิบ บังเอิญอะไรยังงี้ +++++++ "ได้ตั๋วแล้ว" โจอี้ตะโกนบอก
"c15,c16,c17" เด็กหนุ่มขยายความเมื่อมาถึง "บังเอิญชะมัด" ลูกชายท่านเทศมนตรีร้อง
"ชั้นเกิดวันที่ 16 พอดี ชั้นนั่ง c16" ตอนแรกมาร์ค วิลสันก็ไม่ได้คิดอะไรร้อกกะอีแค่เลขเก้าอี้
แต่พอเห็นท่าทางของมาธาร์ดอหนุ่มก็อดแปลกใจไม่ได้ เดี๋ยว c16 อยู่ตรงกลาง
หมายความว่าไอ้หมอนั่นต้องการจะนั่งติดกะโจอี้ ลงว่ากลางวันแสก ๆ มันยังกล้าจะลวนลามโจอี้
ในโรงหนังมืด ๆ คงไม่ต้องสงสัย "บังเอิญชะมัด" มาร์คเอาบ้าง
"นั่นเป็นวันเกิดของยายทวดชั้นเหมือนกัน ชั้นนั่ง c16" หนุ่มสเปนิชตาลุก ไอ้เวรนี่จะเป็นก้างไปถึงไหนวะ
"ฟังนะค่าตั๋วนี่ชั้นเป็นคนออกเงิน
ฉะนั้นชั้นมีสิทธืเลือกก่อน" "เสียใจโว้ย นายออกแค่ของนายกะโจอี้
ชั้นออกของชั้นเอง ชั้นเลือกก่อน" "หยุด" โจอี้จะโกนเมื่อเห็นว่าชักจะไปกันใหญ่
"ชั้นนั่ง c16 เอง" +++++++ ไม่รู้ว่าโจอี้ติดอกติดใจไอ้พวกหนังสยองขวัญอะไรกันนักหนา
พอหนังเริ่มฉายก็ตั้งอกตั้งใจดูยังกะตัวเองเป็นผู้อำนวยการสร้าง "โจอี้" ลูอิสสะกิดเบา ๆ
"หือ?" เด็กหนุ่มขานรับโดยที่ตายังคงจดจ่อกะหนัง
"ข้าวโพดคั่วมั้ย" โจอี้เอื้อมมือไปหยิบข้าวโพดคั่วที่ลูอิสส่งมาให้
ตายังจดจ่ออยู่กะนางเองที่วิ่งหนีฆาตรกรโรคจิต หนุ่มเสปนยักคิ้วแผล่บท้าทายให้คนที่อยู่อีกฟาก
"โจอี้" มาร์คเอาบ้าง "โค้กป่ะ?"
โจอี้รับกระป๋องโค้กมาดูดน้ำจากหลอดฟางพอเป็นพิธีก่อนส่งคืน
แน่ล่ะตายังอยู่ที่จอหนัง หารู้ไม่ว่าสงครามเย็น กำลังเกิดขึ้น มาร์คแสยะยิ้มให้ลูกชายท่านเทศมาตรี
แลบลิ้นเลียหลอดฟางที่โจอี้เพิ่งดูดเป็นทีเยาะ นางเอกของโจอี้ยังคงวิ่งหนีฆาตรกรไปเรื่อย ๆ ทันใดนั้น เงาดำก็ตัดวูบผ่านหน้าเธอ โจอี้ลุ้นตัวโก่ง ทาบมือข้างขวาไปบนมือของลูอิสบีบแน่น หนุ่มสเปนยักคิ้วให้อีกฝ่าย มาร์คกัดฟันกรอด โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็แค่แมว
มาร์คอยากชกคนเขียนบท คราวนี้ฆาตกรตัวจริงโผล่ออกมาจากถังขยะ
โจอี้สะดุ้งเฮือก คราวนี้ไม่แค่จับมือ แต่หันหน้าไปซบทั้งตัว ข้างมาร์ค มาร์คแสยะยิ้มให้ลูอิส
หัวเราะทีหลังดังกว่า มาร์ค วิลสัน กะ ลูอิสไรท์ เหมือนเสือกะสิงห์ ต่างคนต่างคุมเชิง ในขณะที่ชนวนสงครามกลับนั่งลุ้นกะหนังไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรสักนิด ลูอิสเพิ่งเห็นว่าโจอี้นั่งก้นแทบไม่ติดเก้าอี้ พนักพิงว่าง หนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ค่อย
ๆ วางแขนพักลงบนพนักพิงของโจอี้ มาร์คปัดแขนชายหนุ่มทิ้ง ลูอิสไม่ยอมแพ้ เอาใหม่ มาร์คปัดทิ้ง ลูอิสวางแขนบนพนัก มาร์คปัดทิ้ง ลูอิสวางแขนบนพนัก มาร์คปัดทิ้ง ลูอิสวางแขนบนพนัก มาร์คปัดทิ้ง ลูอิสกระโดดชกโครม เท่านั้นเองไม่มีใครสนใจดูหนังสยองขวัญบนจอแล้วหนังบู๊นอกจอมันกว่าแยอะ
โจอี้วิ่งออกจากโรงหนังจับแท็กซี่กลับบ้านทันที +++++++ โจนาธาน แมทธิว ลินซ์หันหน้าไปตามเสียงไขกุญแจ
ขมวดคิ้วเป็นเชิงตำหนิคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา "นายทำแต่เรื่องยุ่ง"
โจอี้พิจดูใบหน้าช้ำ ปากแตก ร่องรอยของการต่อสู้
โชคดีที่มาร์คไม่เป็นอะไรมาก เด็กหนุ่มต่อโทรศัพท์ทันที "ฮัลโหล ลูอิสเหรอ?"
มาร์คเจ็บแปลบ ดูเอาเถอะจะถามเขาสักคำก็ไม่มี
แต่ทีไอ้เวรนั่น "อืม ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ป่าว
ๆ ไม่ได้โกรธ ตกใจนิดหน่อยแค่นี้ก่อนนะนายพักเหอะ" กำลังจะหันมาไล่เบี้ยกับอีกคน แต่พอสบตามาร์ค
โจอี้ใจหายวูบ แววตาตัดพ้อ น้อยใจ "ยุ่งนักโดนบ้างก็ดี มา เดี๋ยวทำแผลให้"
อีกคนไม่พูดอะไรกลับเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำ
โจอี้แทบบ้า มาร์ค วิลสัน เด็กหนุ่มร้องในใจ
นี่นายเมินชั้นเรอะ +++++++ มาร์คยังคงปิดปากเงียบมาหลายชั่วโมง
โจอี้เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ตอนที่ตัวเองเล่นบทดื้อเงียบไม่หือไม่อือ ทำให้คนอื่นอึดอัดขนาดไหน
กระทั่งถึงตอนนอนมาร์คยังหันหลังให้ นี่มันออกจะเกินไปหน่อย "โอเค ๆ" เด็กหนุ่มลุกขึ้นเปิดไฟ
"ก็ได้ ชั้นขอโทษที่ว่านายเป็นตัวยุ่ง พอใจรึยังหา" อีกคนยังทำไม่รู้เรื่อง "ให้ตายเหอะ
มาร์ค นายจะเอายังไงกันแน่วะ?" "ชั้นตะหากที่ควรถามว่านายจะเอายังไงกันแน่"
มาร์คบอก "นายก็เห็น ๆ อยู่ว่าไอ้หมอนั่นมันคิดยังไงกะนาย นายยังไปอี๋อ๋อ
แคร์ไอ้งั่งนั่นซะเต็มประดา" ดูเหมือนตอนนี้นักกีฬาคนดังเกิดอาการน็อตหลุดเสียแล้ว
"นายชอบมันรึไงหา โจอี้ อยากนอนกะมันเหรอหา บอกมาสิชั้นจะได้ไม่ขวาง"
"ไอ้ทุเรศ" โจอี้ตะโกนใส่หน้า
"ใช่ชั้นมันไอ้ทุเรศ" มาร์คจิ้มอกตัวเอง
"นายเรียกคนที่พยายามปกป้องนายว่าไอ้ทุเรศ คนที่เจ็บตัวเพื่อนายว่าไอ้ทุเรศ
ส่วนไอ้คนที่คิดจะอึ๊บข้างหลังนายนายเรียกันว่าเพื่อน แล้วก็โทรไปถามว่า
'เฮ้ ลูอิสเป็นไงบ้าง?'" "สำหรับไอ้ทุเรศนี่ ถามซักคำยังไม่มี"
โจอี้เงียบ "ไง พูดออกมาสิโจอี้ว่านายชอบมัน
นายอยากให้มันกระแทก**xdsi**จนตัวสั่น" โจอี้ชกโครม หนักไม่ใช่เล่น "แล้วอยากรู้ไหม" เป็นครั้งแรกที่มาร์คเห็นโจอี้ร้องไห้
"อยากรู้ไหมว่าทำไมชั้นต้องแคร์ลูอิสขนาดนั้น อยากรู้ไหมว่าไอ้คนที่อยู่คนเดียวมาตลอดอย่างชั้นวันนี้แม่งเกิดงี่เง่า
อะไรถึงอยากจะมีพรรคพวกขึ้นมาบ้าง?" "นั่นเพราะไอ้ทุเรศอย่างนาย"
โจอี้จิ้มอกอีกฝ่าย มาร์คงงวูบ "ให้ตายเถอะมาร์ค นายมันทุเรศ นายบังคับให้ชั้นขับรถ
ขู่ชั้น แบล็คเมล์ชั้น นายทำให้ชีวิตที่เคยเป็นระเบียบของชั้นวุ่นวายไปหมด"
"ชั้นเคยชินกะการกินคนเดียว เที่ยวคนเดียว
ทำอะไร ๆ คนเดียว แต่นาย...นายเข้ามาทำให้มันวุ่นวายไปหมดตอนนี้ ชั้นชินกะการกินข้าวกะนาย
คุยกะนาย นอนกะนาย ไปเที่ยวกะนาย" "แล้วรู้อะไรมั้ย พอเปิดเทอม
นายกลับบ้าน นายก็จะกลับไปใช้ชีวิตกะเพื่อนนักฟุตบอลโง่ ๆ มีเซ็กส์กะลูกสาว
บาทหลวงเหมือนอย่างที่นายเคยทำ" "อย่างน้อยลูอิลก็อาจจะทำให้ชั้นรู้สึกว่าชั้นพอจะมีใครอยู่บ้าง"
มาร์คเหมือนโดนทุบหัว นี่เขามีอิทธิพลขนาดนี้เชียวเรอะ
"นี่โจอี้นายไม่จำเป็นเลย" มาร์คประคองใบหน้าอีกฝ่ายที่ยังคงเปื้อนน้ำตาขึ้นมา
"มองชั้น...เห็นมั้ย? เรายังเป็นเพื่อนกัน ไม่ว่าตอนนี้รึตอนไหน ชั้นสัญญา"
มาร์คดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด 'เรายังเป็นเพื่อนกัน' มาร์คไม่ค่อยแน่ใจประโยคนี้นัก
++++++++ บริจิท ลินซ์ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ
อีก 5 นาทีจะถึงเวลานัด บริจิทจะต้องมาก่อนเวลาอย่างน้อย 15 นาทีเสมอ ในใจของเธอตุ้ม
ๆ ต่อม ๆ กับการนัดครั้งนี้พิกล เปล่า ๆ ไม่ใช่การออกเดท เป็นการเจรจาธุรกิจกับสปอนเซอร์รายใหญ่
ถ้าหนังสือของเธอได้สปอนเซอร์รายนี้สนับสนุน นั่นหมายถึงการขึ้นบันไดอีกขั้น
สปอนเซอร์รายนี้ไม่ใช่แค่ให้การสนับสนุนด้านการเงินเท่านั้น หากยังรวมถึงการอำนวยความสะดวกต่าง
ๆ และการเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น ที่สำคัญคนคนนี้ยังอาจจะกี่ยวดองเป็นเครือญาติเธอในอนาคต
โดนัล วิลสัน พ่อของมาร์ค วิลสัน'
+++++++ โดนัลด์ วิลสันไม่มีอะไรเหมือนมาร์ค วิลสันเลยสักนิด ไม่มีอารมณ์ขัน ไม่สนใจอย่างอื่นนอกเหนือจากเรื่องผลตอบแทนจากการเป็นสปอนเซอร์และแผนการขยายตลาดของบริจิต ทุกคำตอบที่ให้จะต้องชัด กระจ่าง บางครั้ง บริจิทรู้สึกเหมือนเธอกำลังเล่นเกม The Weakest Link อยู่ เห็นได้ชัดว่าโดนัลด์พยายามจะทดสอบเธอ แต่บริจิทเองก็ไม่ใช่หมูที่โดนัลด์จะต้อนให้จนมุม
เธอมีลูกล่อลูกชน ให้เกียรติโดนัลด์ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่แสดง อาการว่าง้อหรือหงอจนเกินงาม "จริงสิคะ ชั้นเคยสัมภาษณ์ลูกชายของคุณด้วย"
บริจิทตัดสินใจแย็บ "ไอ้ลูกงี่เง่าพรรณนั้น"
โดนัลด์ วิลสันเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงลูกชาย "ผมเพิ่งเตะตูดมันออกจากบ้าน"
หลังจากนั้นถ้อย คำตำหนิติเตียนมาร์คก็พรั่งพรูออกมา
ซึ่งแน่ล่ะมันขัดกับที่บริจิทเห็น เป็นต้นว่ามาร์คเป็นคนหยิบโหย่งบ้างละ
ไร้สาระบ้างละ พึ่งพาอะไรไม่ได้บ้างละ เธอเองขยับปากจะเถียงหลายครั้ง แต่ต้องจำใจรูดซิปปากไว้
สิ่งนึงที่เห็นได้ชัดคือ โดนัลด์ วิลสันยังไม่รู้ว่ามาร์คลุกชายคนเดียวของเขาอยู่ที่บ้านเธอและเป็นหนึ่งในพนักงานด้วยซ้ำ
"คุณวิลสันคะ ดิชั้นคงต้องขอบังอาจกล่าวว่าคุณเข้าใจลูกชายผิดไปหลายอย่าง
คือความจริงเค้าเช่าบ้านดิชั้นอยู่แล้วก็ทำงานพิเศษให้นสพ.ด้วย นั่นอย่างนึงล่ะ
ที่แสดงว่าเค้าไม่ได้หยิบโหย่งหรือพึ่งพาไม่ได้" โดนัลด์ค่อนข้างประหลาดใจ "เหรอ?
ผมคิดว่ามันแจ้นไปอยู่กะยายมันที่ LA ซะอีก" "โอว ตายจริง" บริจิท ลินซ์เห็นนาฬิกาที่ติดอยู่ข้างฝา
"บังเอิญว่าชั้นมีนัดสัมภาษณ์น่ะค่ะ คุณคงไม่คิดว่านี่เป็นการ เสียมารยาทนะคะถ้าดิชั้นจะขอตัว"
"ตามสบายครับ" บริจิท ลินซ์ ลุกขึ้น ขยับทำท่าจะไป
แต่แล้วก็หันกลับมาราวกะเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ "จริงสิคะ อย่าหาว่ายังงั้นยังงี้
ดิชันเข้าใจดีว่าหัวอกพ่อแม่ที่มีลูกเป็นเกย์น่ะมันเป็นยังไง แต่สิ่งหนึ่งที่ชั้นอยากให้
คุณรู้คือ ไม่ว่ามาร์คจะเป็นอะไร เค้าเป็นเด็กดีมาก ๆ มากที่สุดเท่าที่ชั้นเคยรู้จักเลยล่ะค่ะ"
ไม่รอดูปฎิกิริยา บริจิท ลินซ์ เดินจากมาทันที
กว่าโดนัลด์ วิลสัน จะจับต้นชนปลายถูกก็ปาเข้าไปเกือบ 5 นาที ไม่รอช้า โดนัลด์ต่อโทรศัพท์
"แพตตี้ เธอต้องกลับมาเดี๋ยวนี้
มีอะไรน่ะเหรอ ลูกเราเป็นเกย์" +++++++ ตั้งแต่เกิดเรื่องที่โจอี้ระเบิดท่อน้ำตาใส่มาร์ควันนั้น
มาร์คยอมรับว่าโจอี้ดูเขิน ๆ พิกล ความจริง ไม่เฉพาะโจอี้หรอก มาร์คเองก็รู้สึกว่าอะไรบางอย่างมันเข้มแข็งขึ้น
บางทีไม่อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่มาร์คเกลียดความรู้สึกที่ไม่มั่นใจ
ความรู้สึกที่คลุมเครือของตัวเอง บางทีเขาอาจจะต้องพิสูจน์อะไรบางอย่าง "โจอี้" "หือ.." คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ
"ชั้นจะออกไปธุระอาจจะกลับดึก
รึอาจจะไม่กลับ" "อืม" โจอี้หันไปสนใจหนังสือต่อ
หนุ่มนักกีฬาลุกขึ้นสวมเสื้อ "โจอี้"มาร์คเรียกอีกครั้งก่อนก้าวออกจากห้อง
"อะไรอีกล่ะ?" "ชั้นมีนัดกะเจนี่" +++++++ โจอี้ไม่รู้ว่ามาร์คออกไปนานเท่าไหร่แล้ว
ในหัวมันตื้อไปหมด แน่ละโจอี้เคยแสดงอาการไม่พอใจหลายครั้งเรื่องเจนี่ แต่คราวนี้ต่างกัน
คราวนี้มาร์ค เป็นฝ่ายไปหาเธอเอง ความรู้สึกนี้มันอะไรกันแน่ มันปวดแปลบอยู่ข้างใน
เหมือนบางสิ่งที่คุ้นเคยหายไป บางอย่างที่เคยเป็นของเราเท่านั้นถูกใครบางคนแย่งชิงไป
แย่งชิง ...ไม่ใช่....ควรเรียกว่า...คืนให้เจ้าของ โจนาธาน แมทธิว ลินซ์
นายเป็นอะไรของนาย? ตัวติดกับมาร์ควิลสันมาตั้งแต่เกิดเรอะ ไม่ ก่อนหน้านี้นายเคยอยู่คนเดียว
สะดวก สบาย สงบสุข แล้วไง อย่ามาทำท่าเหมือนจะตายเพราะมาร์ควิลสันไปหาแฟนสาวของเค้า
ได้ยินไหมนั่นแฟนสาวของเค้า หยุดคิดถึงเรื่องงี่เง่านี่ซักที " Why do birds suddenly appear
เสียงเพลงจากวิทยุที่เปิดทิ้งไว้เป็นเพื่อนดังแทรกเข้ามาในห้วงความคิด โจอี้นึกถึงวันแรกที่มาร์คโกหกแม่ว่าเป็นแฟนเขา มาร์คร้องเพลงนี้ ไอน้ำจากไหนหนอมาควบแน่นเป็นหยดน้ำร้อน
ๆ ที่ดวงตา เหตุใดนกจึงขับขาน โจอี้รู้สึกไม่ต่างอะไรไปจากเพลง ผิดก็ตรงที่ว่า
เสียงคาร์เรนนั้นสดใสเหลือเกิน แต่ข้างในของโจอี้ปวดปร่า "เรา..." โจอี้พึมพำกับตัวเอง
"เรารักมาร์ค" +++++++ เจนิเฟอร์ ฮัดสันยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม
มาร์คยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าการที่เขายังนอนกะเจนิเฟอร์ ฮัดสันได้อยู่พิสูจน์ได้หรือไม่ว่าเขาไม่ได้เป็นเกย์
หรือไม่ได้ชอบโจอี้แบบนั้น หรือเราเป็น ไบ หว่า มาร์คตั้งคำถามตัวเอง +++++++ หนุ่มนักกีฬาสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกด้วยเสียงกรีดร้อง
แน่นอนว่าเป็นของเจนิเฟอร์ ฮัดสัน ไม่ใช่เสียงกรีดร้องแบบหวาดผวา ตกตื่น
แต่เป็นเสียงที่เจนี่ใช้เวลาที่ขัดเคือง ไม่พอใจ ไล่กับเสียงร้องคือกำปั้นที่รัวทุบลงมา
"เฮ้ย ๆ ๆ ๆ ๆ อะไรกันเล่า"
หนุ่มหล่ออารมณ์เสีย "นังนั่นเป็นใคร?" "อะไร ?? นังไหน?" "อ๊าย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ" เจนี่ยังคงกรีดร้องเหมือนสัตว์ถูกเชือด
น่าจะมีใครสักคนอัดวีดีโอไว้ให้คุณพ่อ ฮัดสันเปิดประกอบการเทศน์ "ก็นังนั่นแหละ" เจนี่บอก
ยังคงไม่ได้ใจความ "เธอไม่เคยเรียกชั้นว่าหวานใจสักครั้ง"
เจนี่ร้อง "แสดงว่าเธอ ต้อง มีคนอื่น บอกมานะนังนั่นมันเป็นใคร
โจดี้ ....โจดี้ไหน?" "โจอี้.." มาร์คอุทาน หนุ่มนักกีฬาเงยหน้าขึ้นหัวเราะ
โธ่เอ๋ย แค่นี้เองมาร์ค ชัดเสียจนตัวเองไม่เห็น กระจ่างเสียจนตัวเองไม่มั่นใจว่าเป็นภาพจริงหรือลวง
ต้องรอให้คนอื่นตบหนัก ๆเสียทีจึงรู้ มาร์คดึงเจนี่เข้ามากอด
"ขอบใจ ..ขอบใจมากเจนี่"
ชายหนุ่มคว้าเสื้อผ้าแล้วผลุนผลันออกไป
ทิ้งให้เจนี่กระทีบเท้าดิ้นเร่า ๆ "มาร์ค วิลสัน เราเลิกกัน!"
+++++++ มาร์คค่อย ๆ ไขกุญแจอย่างระมัดระวัง ไฟที่ปิดสนิททำให้ทราบว่าอีกคนหลับไปแล้ว แน่ละนี่มันตีสามกว่า ๆ เป็นไปไม่ได้ที่โจอี้จะถ่างตารอเขา มาร์คเปิดโคมไฟ โจอี้นอนขดอยู่ที่เตียง ประหลาดตรงที่ใบหน้าของโจอี้ปรากฏคราบน้ำตา
อะไรทำให้เจ้าตัวแสบร้องไห้ หรือเป็นเขา??? มาร์คหยิบหนังสือที่วางอยู่ข้างเตียงมาดู
'ต้นส้มแสนรัก' ไม่ยักรู้แฮะว่าโจอี้อ่อนไหวขนาดร้องไห้กะหนังสือนี่ด้วย
มาร์คมองร่างที่นอนขดอยู่อีกครั้ง ไม่รู้เป็นเพราะไรคืนนี้โจอี้ดูบอบบางเหลือเกิน
บอบบางจนมาร์คอยากจะกอดเอาไว้ +++++++ โจอี้ตื่นขึ้นมาพบว่า ใบหน้าของตัวเองซุกอยู่กะอกเปลือย
แขนแข็งแรงโอบร่างเขาไว้ "ตื่นแล้วเหรอ" เสียงงัวเงียถามขึ้น
แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลาย โจอี้ค่อย ๆ ผลักมาร์คออกเบา ๆ "อืม....ก็จะสี่โมงเช้าแล้ว"
บรรยากาศอึดอัด โจอี้ไม่รู้จะวางตัวยังไงดี
เมื่อความรู้สึกบางอย่างถูกค้นพบ ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น โจอี้อยากจูบอเล็กซานเดอร์
เกรเฮมเบลเหลือเกิน "โจอี้จ๊ะ แม่อากให้ลูกกับมาร์คมาหาแม่ที่บ้านจ้ะ
เร็วที่สุด" +++++++ มาร์คไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีวันนี้
เขา โจอี้ บริจิท นั่งประจันหน้ากันเหมือนวันแรก แต่ที่พิเศษกว่าคือมีพ่อเขามาร่วมวงด้วย
บ้านขนาดกลางเหมือนถูกบีบให้เล็กคับแคบ เกือบ10 นาทีแล้ว คนทั้งสี่ยังไม่มีใครเอ่ยปากอะไรออกมาแม้แต่น้อย
"เอาล่ะ" ในที่สุดบริจิท
ลินซ์ก็เริ่ม "ทั้งสองคนมีอะไรอยากจะบอกเรารึเปล่า?" แน่นอนว่าเราหมายถึง เธอและโดนัลด์
วิลสัน "หึ.." นายวิลสันร้องขึ้น
"รอให้แม่ของแกมาดูผลงานเอาเองแล้วกัน เป็นไงล่ะประคบประหงมมันดีนัก"
"เรื่องทั้งหมด
.ผมผิดเอง"
ไม่รู้อะไรทำให้โจอี้โพล่งออกไป บางทีโจอี้อาจจะไม่อยากให้มาร์คถูกกล่าวหาว่าเป็นเกย์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่กล่าวหานั้นคือพ่อของเขาเอง "ผมทำเองผมเป็นคนพังรถ
พังตู้โทรศัพท์ มาร์คเมาไม่รู้เรื่อง ผม...ผมใส่ความเขาเอง.." บริจิท ลินซ์อ้าปากค้าง "มาร์คไม่มีที่อยู่ เขาจำเป็นต้องโกหกว่าเขาเป็นแฟนผม
คุณวิลสันฮะลูกชายคุณไม่ได้เป็นเกย์" "แม่ฮะ อย่าโทษมาร์ค เขาจำเป็นต้องโกหกแม่ว่า...ว่ารักผม"
คำสารภาพนั่นทำให้ที่ประชุมเงียบไปอีกครั้ง
"ทั้งหมด..." มาร์คยืนขึ้นพูด
"ทั้งหมดผมผิดเอง ผมเป็นคนบังคับโจอี้ให้ขับรถ ผมไม่ยอมเล่าความจริงเพราะผมอยากเอาชนะพ่อ
อยากให้พ่อรู้ ว่าต่อให้พ่อเตะตูดผมออกจากบ้าน ต่อให้ไม่มีแม่คอยโอ๋ผม ผมก็อยู่ได้"
"บริจิทฮะ ผมเสียใจที่เคยโกหกคุณ....."
มาร์คหันมาทางบริจิท ลินซ์ "มันเคยเป็นเรื่องโกหกอะบริจิท
" คนที่เหลืองงวูบ หมายความว่าไง มาร์คจ้องหน้าโจอี้
"ให้ตายเหอะโจอี้ ชั้นรู้ว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะ
และนายเองอาจจะเกลียดชั้น แต่ว่า โจอี้...ชั้นรักนายว่ะ" โจอี้อ้าปากค้าง "คือนายเข้าใจใช่ไหมว่าชั้นหมายความว่ายังไ...."
คำพูดที่เหลือถูกขัดขวางด้วยริมฝีปากของโจอี้
โจนาธาน ลินซ์ รั้งคอมาร์คลงมาจูบ "นี่ตกลงมันอะไรกันวะ!?"
นายวิลสันหัวเสีย เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวไม่เป็น "พ่อฮะ ผมเป็นเกย์" โดนัล วิลสันขว้างหมวกลงกับพื้นอย่างโกรธจัด
"เออ รอคุยกะแม่แกเองแล้วกัน"
เสียงกริ่งดังรัวขึ้นที่หน้าบ้าน บริจิท
ลินซ์รีบวิ่งออกไปดู ผู้ที่มาใหม่คือหญิงวัยกลางคน การแต่งตัวของเธอราวกับหลุดออกมาจาก
Vogue สองมือถือถุงใบใหญ่ "แม่" มาร์คร้องขึ้น "โอว ทูนหัวของแม่ มามาบอย"
นางวิลสันตรงเข้าหอมแก้มลูกชาย "ดูสิจ๊ะแม่ซื้ออะไรมาฝาก" เธอนั่งโดยที่ยังไม่มีใครเชิญ ลงมือรื้อข้าวของที่หิ้วมาด้วย
"ดูสิจ๊ะ" เสื้อเสวตเตอร์
ราคาแพงลิ่ว เธอยกขึ้นทาบกับตัวมาร์ค "ตายจริง" แพทริเซียปิดปากร้อง
"ดิชั้นนี่เสียมารยาทแท้" นางวิลสันยื่นมือให้บริจิท ลินซ์ "ดิชั้นแพรทริเซียค่ะ
แม่ของมาร์ค เรียกว่าแพตตี้ก็ได้" พอบริจิทแนะนำตัวบ้างเธอก็ร้อง อวู
ๆ "คุณเป็นบรรณาธิการหญิงใช่ไหมค่ะ ตายจริงชั้นชื่นชมบทบรรณาธิการของคุณมากเลย"
"แล้วนี่" แพทริเซียหันไปทางโจอี้
"ตายจริง หนุ่มน้อยน่ารักคนนี้ต้องเป็นแฟนลูกแน่ ๆ" "โจอี้ฮะ" โจอี้แนะนำตัว
แพทริเซียกรี๊ดกร๊าด "ต๊าย มาร์คลูกรสนิยมดีมาก
ดูสิแฟนของลูกน่ารักจริง" ทันใดนั้นเธอก็ร้อง โอว ๆ ๆ ๆ ๆ ขึ้น
แล้วลงมือรื้อถุงอีกใบ "ดูสิคะ" เสื้อเสวทเตอร์อีกตัวเหมือนของมาร์คเปี๊ยบแต่ไซส์เล็กกว่ามาก
"คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม แบบว่าตอนแรกนะคะชั้นกะจะซื้อเสื้อให้มาร์ค
แต่พนักงานในร้านหยิบให้ผิด กว่าจะรู้ก็วันรุ่งขึ้น ความจริงเขาก็ให้เปลี่ยนนะคะ
แต่ชั้นสงสารพวกพนักงานค่ะ เกรงว่าจะถูกผู้จัดการดุเอา เลยตัดสินใจซื้อใหม่
แล้วดูสิคะ โจอี้จะต้องใส่ได้พอดีจริง ๆ นี่ต้องเป็นพรหมลิชิตแน่ ๆ" ดูเหมือนการมาเยือนของนางวิลสันจะทำให้บรรยากาศตรึงเครียดหายไปจนหมด
"แพทริเซีย" นายวิลสันตะโกนขึ้น
"เธอบินกลับมาจากฝรั่งเศสเพราะไอ้เสื้อโง่ ๆ นี่น่ะเหรอ?" นางวิลสันค่อยวางเสื้อลงหันมามองโดนัลด์
วิลสันสามี ตอนนี้เธอไม่เหมือไฮเปอร์แพตตี้คนเดิมเลย "ชั้นกลับมาทำไมน่ะเหรอ?"
เธอพูดด้วยเสียงต่ำ ๆ "ที่ชั้นต้องกลับมาเพราะรู้ดีว่าคุณเป็นคนประเภทที่ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่"
"เรื่องเล็กงั้นเหรอ เธอมันแม่ประเภทไหน?"
"แล้วคุณมันพ่อประเภทไหนไม่ทราบที่โกรธลูกตัวเองเพียงเพราะลูกเป็นเกย์"
"เพียง....งั้นเหรอลูกเราเป็นเกย์นะ!"
"โอว โดนัลด์ ลูกเราเป็นนักกีฬา
เป็นนักเรียนเรียนดี เป็นอาสาสมัครดูแลคนแก่ที่บ้านพักคนชรา ลูกเราเป็นตั้งหลาย
อย่างกะอีแค่เป็นเกย์เพิ่มมาอีกอย่างมันเสียหายตรงไหน" "ต..แต่นี่มัน" "ที่รักคะ ลูกเราติดยาเหรอ เปล่า
ลูกเราเที่ยวเอาปืนไปไล่ยิงเพื่อนที่โรงเรียนหรือ เปล่า ลูกเราปล้นร้านมินิมาร์ทเหรอ
เปล่า คุณควรจะถามตัวเองนะคะว่าคุณเป็นพ่อประเภทไหนที่ไม่รักลูกเพียงเพราะแค่ลูกไม่ชอบนอนกะผู้หญิง"
"ผ..ผม" นายวิลสันอ่อนลงมาก
"ผมไม่ได้บอกสักนิดว่าไม่รักมันแต่.." "ที่รักคะ คุณรู้ตัวไหมบางครั้งคุณก็ซีเรียสเกินไป
คุณควรจะพักผ่อนบ้าง ความจริงงานที่นี่มันลงตัวทุกอย่าง เรามี เวลาพักผ่อนตลอดหน้าร้อน
แต่คุณก็ยังบินกลับมา" "ผม..." "เอายังงี้นะคะ เดี๋ยวคุณไปเที่ยวฝรั่งเศสกับชั้นดีกว่า
คืนนี้เก็บกระเป๋าเลย" "คืนนี้เลยเหรอ" "ใช่สิคะ ชั้นจองต็วคอนเสิร์ทของ
บิลลี่ แอนด์ บุชไว้ จำได้ไหมคะสมัยก่อนคุณก็เคยร้องเลง You are my everythingจีบชั้น"
"อืม...ไป" นายวิลสันูดเหมือนถูกสะกดจิต
"โอว ตายจริง น่าอายเหลือเกินที่เราทะเลาะกันต่อหน้าคุณ" แพทริเซีย วิลสันกล่าวกับบริจิท "ดูสิพอชั้นมาถึงก็วุ่นวายไปหมด ชั้นนี่แย่จัง เอาอย่างนี้นะคะ คุณลินซ์ ให้ดิชั้นกับโดนัลด์เลี้ยงอาหารเที่ยงเป็น
การขอโทษดีกว่า" "คือ
" "โอวอย่าค่ะ ได้โปรดอย่าปฏิเสธ
นะคะ" นางวิลสันขยิบตา "เราจะได้ปล่อยให้เด็ก ๆ เขาอยู่ด้วยกัน"
ไฮเปอร์แพตตี้จูงมือบริจิทลินซ์ออกไป
"นี่รู้ไหม
ชั้นอาจจะเครียดมากไปแบบที่แม่แกบอกก็ได้"
นายวิลสันพูดกับมาร์ค "สำหรับเรื่องของแก บางทีมันอาจจะต้องใช้เวลา
จะให้ชั้นมายอมรับปุบปับแบบแม่แกไม่ได้หรอกนะ" "เออ..ช่วงที่ชั้นไปเที่ยวแกจะกลับไปอยู่บ้านหรืออยู่กับ
เอ้อ...แฟนหนุ่มของแกก็แล้วแต่" โดนัลด์ วิลสันหันมาสบตาโจอี้ก่อนตามไปสมทบกับภรรยา
ทันทีที่บรรดาผู้ปกครองไปหมดแล้ว มาร์ค วิลสันหันมาคว้าตัวโจอี้ไว้ทันที
"โจนาธาน แมทธิว ลินซ์ คืนนี้นายจะมีเซ็กส์กะชั้นไหม?"
"ไม่" โจอี้เสียงแข็ง"
"ไหงงั้นล่ะ?" มาร์คโอด
โจอี้รั้งคอมาร์คลงมากระซิบข้างหู
"แล้วทำไมจะต้องรอให้ถึงคืนนี้ด้วยเล่า" ***** the end...thanx
|