ผลงานทั้งหมดที่ลงอยู่ในหน้า Novel เป็นสิทธิส่วนตัวของผู้เขียน หากมีผู้ใดต้องการจะทำการคัดลอกหรือดัดแปลงผลงานบางส่วน หรือทั้งหมดเพื่อนำไปใช้ในการอื่น นอกจากอ่านเพื่อความบันเทิง กรุณาติดต่อเพื่อขออนุญาตจากผู้เขียนตาม e-mail ที่ให้ไว้เสียก่อน ขอบคุณสำหรับความร่วมมือค่ะ อีกประการหนึ่งนักเขียนทุกคนต้องการกำลังใจและคอมเมนท์(แม้ว่าบางคนจะไม่พูดออกมา)ไม่ว่าจะเป็นคำติหรือคำชมนะคะ เพราะฉะนั้นเมื่ออ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงไ ก็เมลไปคอมเมนท์ได้ตามอีเมลที่ให้ไว้ของแต่ละคน หรือไม่ก็โพสต์คำติชมไว้ในบอร์ดก็ได้ค่ะ

 

My Dumb Jock (Part 1)

by...นาถยา

เจสัน คินนีย์ยกนาฬิกสข้อมือขึ้นมาดูเป็นครั้งที่5 หน้าปัดนาฬิกาบอกว่า ผ่านไป2นาทีหลังจากที่เขายกนาฬิกาขึ้นมาดูครั้งก่อน มันน่าร้อนใจอยู่ไม่ใช่น้อย ใครๆ ก็รู้ว่ามิสเตอร์สไตรเลอร์ครูสอนวิชาพลศึกษาไม่ค่อยชอบหน้าเขานัก แต่วันนี้จู่ๆ มิสเตอร์สไตรเลอร์กลับเรียกเขามาพบที่ออฟฟิศ
เสียงประตูถูกเปิดออก คนที่เขากำลังรอเดินเข้ามา
"คุณมาสาย" เจสันบอก แน่ล่ะ อาจารย์สอนวิชาพละคนนี้จะไม่ชอบหน้าเขาแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจสันจะต้องกลัวหัวหด
มิสเตอร์สไตร์เลอร์ เลิกคิ้ว "เอาล่ะ โทษทีพอดีมีธุระนิดหน่อย"
"ถ้าคุณเสร็จธุระของคุณแล้ว ก็เริ่มคุยธุระของเราได้เลยฮะ"
"คุณ คินนีย์" อาจารย์สอนวิชาพลศึกษาเริ่ม "ความจริงชั้นมีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกะควอเตอร์แบค เธอรู้จักควอเตอร์แบคใช่ไหม?" ไม่ลืมดูถูก
เจสันส่งเสียงเฮอะ ไม่ใส่ใจ "เธอรู้จัก บิลลี่ โรว์ใช่ไหม ควอตอร์แบคของโรงเรียนเรา"
เจสันดีดนิ้วเปาะ
" คราวนี้ผมรู้แล้วว่าควอเตอร์แบคหมายถึงอะไร มันหมายถึงไอ้โง่ที่สอบวิชาภาษาอังกฤษตก 3 ครั้งใช่ไหมฮะ"
"พูดตรง ๆ ถึงเราจะไม่ค่อยชอบหน้ากันนัก แต่ชั้นก็รู้ว่าเธอเป็นเด็กฉลาด เรียนเก่ง แล้วก็สนิทกับ มิสลินฟลาวเออร์" นั่นหมายถึงอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษที่ให้ เอฟ แก่ควอเตอร์แบคฝีมือเยี่ยมสามครั้งติด ๆ กัน
"เธอรู้ไหม ถ้าบิลลี่ตกวิชานี้อีกครั้ง คะแนนเฉลี่ยเขาจะต่ำกว่า ซี และจะไม่มีสิทธิ์ทำกิจกรรมของโรงเรียนรวมถึงการแข่งกีฬา บิลลี่เป็นควอเตอร์แบคฝีมือเยี่ยมที่สุดเท่าที่ชั้นเคยสอนมา เราเสียเขาไปไม่ได้"
"แล้วไง ใครสน"
"ชั้นต้องการให้เธอช่วยบิลลี่"
เจสันหัวเราก๊าก "มิสเตอร์สไตรเกอร์ฮะ ทำไมคุณไม่ลองติดต่อคณะละครสัตว์ดูล่ะฮะ พวกที่สอนให้สิงโตกระโดดลอดห่วงหรือให้ลิงปั่นจักรยาน.....แล้วที่สำคัญทำไมผม จะต้องช่วย"
บิลลี่ โรว์ เคยเป็นเพื่อนซี้กะเจสันตั้งกะสมัยประถม จนกระทั่งถึงเกรด4 หมอนั่นก็เริ่มแกล้งเขา เอาสมุดเขาไปซ่อน ขัดขาให้ล้ม และทำอะไร ๆ หลาย ๆ อย่างที่เพื่อนซี้เขาไม่ทำกัน โชคดีที่ไอ้การกลั่นแกล้งนั้นจบลงที่ชั้นจูเนียร์ไฮ พอขึ้นไฮสกูลหมอนั่นก็วุ่นกะการแข่งฟุตบอลเกินกว่าจะมาสนใจเจสัน แต่กระนั้นเจสันก็ยังมีตารางเรียนที่ต้องเรียนร่วมกะหมอนั่นอีก 2-3วิชา
"เธอต้องช่วยแน่" มิเตอร์สไตรเลอร์บอก "ถ้าบิลลี่ตกเธอตก"
"คุณให้ผมตกไม่ได้" เจสันลุกขึ้นตบโต๊ะปัง "ไม่เคยมีใครตกวิชานี้ ถ้าคุณให้ผมตกคุณโดนสอบแน่"
"ก็อาจจะใช่" มิสเอตร์สไตรเลอร์ยิ้ม "งั้นชั้นเปลี่ยนใจแล้วว่าชั้นจะให้เธอผ่านด้วยเกรดที่ต่ำที่สุดเท่าที่ชั้นจะให้ได้แล้วรู้อะไรไหม ดูเหมือนว่ามันอาจจะทำให้คะแนนเฉลี่ยของเธอไม่ถึงเกณฑ์ที่จะรับทุนมหาวิทยาลัยที่เธอขอไป และถ้าคณะกรรมการพิจารณาขอความคิดเห็นจากชั้นล่ะก็ชั้นจะบอกเขาไปว่าเธอมีปัญหาด้านสุขภาพและการเข้าสังคม"
เจสันกำหมัดแน่น พระเจ้า เขาจนแต้ม
"ตกลงว่าไง"
"ได้ ได้ฮะ" เด็กหนุ่มกัดฟันตอบ นั่นหมายถึงการบ้านอย่างละ 2 ฉบับ รายงานอย่างละ 2 ฉบับ
"ดีพรุ่งนี้เลิกเรียนมาพบชั้นที่นี่อีกครั้ง"
"เป็นไงบ้าง?" อแมนดา ไปเปอร์ เพื่อนซี้ของเจสันถาม
อแมนดาเป็นสาวผิวสีที่สวยที่สุด เธออาจจะได้เป็นสาวฮอทของโรงเรียนหากตัดสินใจเข้าทีมเชียร์ลีดเดอร์ มีแฟนเป็นนักกีฬา และเลิกคบกะเจสัน แต่นั่นล่ะ เธอก็เหมือนเจสัน เกลียดพวกจอมปลอมนั่น
จะว่าไปเธอเหมือนเจสันหลาย ๆ อย่าง ชอบอ่านหนังสือ หนังคลาสสิค มาดอนน่า เจสันคิดว่าเขาอาจจะตกหลุมรักแมนด้าไปแล้ว หากว่าเขาไม่เป็นเกย์
"ห่วย" เด็กหนุ่มบอก "ครูพละงี่เง่านั่นจะให้ชั้นช่วยติวให้ควอเตอร์แบคที่งี่เง่ากว่า"
"พระเจ้า" แมนดีร้อง "เธอเกลียดพวกนั้น"
"ใช่โดยเฉพาะบิลลี่ บูลลี่"
"เธอหมายถึงบิลลี่ โรว์ พระเจ้า ผู้ชายสุดฮอทนั่น"
"และโง่ที่สุดด้วยเธอรู้ดีนี่หมอนั่นไม่ผ่านวิชาของมิสลินฟลาวเออร์"
"แล้วเธอว่าไง"
"ตกลงไปแล้ว"
"พระเจ้า ชั้นนึกว่าเธอเกลียดเขาซะอีก"
"นี่แมนด้า ถ้าชั้นเป็นพระเจ้าชั้นคงเบื่อหน้าเธอเข้าไส้ 2 นาทีที่ผ่านมาเธอเรียกพระเจ้าไป 3 ครั้ง"
เจสันถอนใจ "ความจริงชั้นก็เกลียดหมอนั่นเธอรู้ดีนี่ เมื่อก่อนเขาทำยังไงกะชั้น"
"อือฮึ ชั้นยังประหลาดใจอยู่เลยเธอ2คนเคยเป็นเพื่อนซี้กันแท้ๆ" แมนด้าว่า "แถมหมอนั่นยังเป็นรักแรกของเธออีกด้วย"
"จะบ้าเหรอ"เจสันร้อง "ใครบอกเธอ"
--------------------
เจสันผลักประตูห้องของมิสเตอร์สไตรเลอร์เข้าไป
"พระเจ้า" เด็กหนุ่มผมทองในห้องร้อง "นี่ ..นี่หมายความว่าเป็นนายงั้นเหรอ?"
"นายจะเรียกชั้นว่าพระเจ้าก็ได้ เพราะคงมีแต่พระองค์ที่จะช่วยให้คนอย่างนายสอบผ่านได้"
"เอาล่ะหนุ่ม ๆ ดูเหมือนเธอ2คนจะรู้จักกันแล้ว แต่ชั้นจะปล่อยให้พวกเธอตกลงกันตามลำพังจะเป็นเรื่องการทำการบ้าน รายงาน การติว การลอกข้อสอบ อะไรก็ได้" มิสเตอร์สไตรเลอร์เดินออกจากห้อง "อ้อไอ้อันหลังสุดน่ะอย่าไปบอกใครละว่าชั้นพูด"
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ดูเหมือนเด็กหนุ่มทั้งคู่จะรู้จักกันดีเกินกว่าที่จะทำความรู้จักกันได้อีก
"เอาล่ะ" เจสันเริ่ม "ชั้นจะบอกนายตามความจริง ชั้นถูกบังคับให้ต้องมาช่วยนาย เพราะถ้าไม่ ทุนมหาลัยที่ชั้นขอไปชวดแน่สิ่งที่ชั้นจะทำคือ ทำการบ้าน รายงาน อะไร ๆ ต่าง ๆ ก็ตามให้นายก่อน แต่นายต้องเป็นคนลอกด้วยลายมือตัวเอง เพราะมิสลินฟลาวเออร์อาจจะจำลายมือชั้นได้ นายรู้ใชไหมยังมีบางวิชาที่ชั้นต้องเรียนกะเธออีก ส่วนเรื่องข้อสอบชั้นจะช่วยเก็งให้เมื่อถึงเวลา นายจะท่องจำ หรือแอบเอาเข้าห้องสอบก็เรื่องของนายเพราะชั้นผ่านวิชานั้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ไม่สามารถไปลงเรียนด้วยได้ โอเคไหม"
อีกฝ่ายนั่งเงียบสักพักก่อนจะบอก "ไม่อ่ะ"
"นี่" เจสันร้อง "นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ชั้นจะทำให้นายได้"
"นั้นเป็นการโกง เจสัน ชั้นเป็นนักกีฬา ชั้นต้องเล่นอย่างยุติธรรม"
"งั้นก็เชิญนายไสหัวไปบอกโค้ชของนายสิ ให้ยุติธรรมกะชั้นบ้าง"เด็กหนุ่มตะโกน
"ชั้นขอโทษแทนโค้ช แต่เจสัน ชั้นต้องการเอาชนะมัน เอาชนะวิชาบ้า ๆ นี่ด้วยตัวของชั้นเอง"
"นายต้องการให้ชั้นติวให้นาย"
"อือฮึ"
"เอาล่ะ คุณควอเตอร์แบค ชั้นจะติวให้นายก็ได้ แต่บอกความจริงอย่างไอ้เรื่องทุนนั่นชั้นไม่สนเลยสักนิด อย่างชั้นน่ะยังไง ๆ ก็สอบเข้าได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่พ่อแม่ชั้นสัญญาว่าจะให้รถชั้นขับไปมหาลัยถ้าชั้นได้ทุน และถ้าการติวให้นายมันสร้างความลำบากเหลืออดเหลือทนนักล่ะก็ ชั้นอาจจะยอมนั่งรสบัสไปเรียนอย่างที่เคยทำมาแล้ว18 ปีก็ได้ เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ชั้นโมโห" เจสันใช้นิ้วจิ้มอกอีกฝ่าย "เพราะคนที่จะเสียใจที่สุดคือนาย"
"ขอบใจ"
"นายไปจัดตารางเวลาของนายมาว่าจะว่างเมื่อไหร่ ยังไง แล้วโทรไปบอกชั้น" เจสันฉีกกระดาษทำท่าจะจดเบอร์ให้
"668*** นายยังใช้เบอร์เดิมอยู่ใช่ไหม"
"ใช่" เจสันบอก "แล้วโทรไปนะ" เด็กหนุ่มเดินออกจากห้องทิ้งให้ควอเตอร์แบคของโรงเรียนอยู่คนเดียว
ไม่อยากเชื่อ เด็กหนุ่มคิด หมอนนั่นยังจำเบอร์เราได้
_____________
เจสันรับสมุดจดเลคเชอร์ และหนังสือเรียนของบิลลี่ออกมาเปิดดู เมื่อคืนเจสันออกไปดูหนังกะแมนด้า ไม่ได้อยู่รอรับโทรศัพท์ของบิลลี่ แต่เขาก็ไม่คิดจะขอโทษหรอกนะ วันนี้หมอนั่นมาดักพบเขาระหว่างเปลี่ยนคาบเรียน
"เอาล่ะ" เจสันบอก "ชั้นเห็นนายทำเครื่องหมายเรื่องที่ไม่เข้าใจไว้แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร"
"ต...แต่เจสันชั้น ชั้นทำเครื่องหมายเรื่องที่ชั้นเข้าใจไว้ตะหาก"
"พระเจ้าช่วย" เด็กหนุ่มร้อง "นี่..นี่ชั้นโง่เองหรือสมองชั้นสับสนจนนับเลขผิด หนึ่ง... สอง บิลลี่ นายเรียนมาแล้ว3ครั้งแต่รู้เรื่องอยู่แค่ 2 บท"
อีกฝ่ายยักไหล่
"เอาเป็นว่าเราอาจจะมีเวลาไม่มากนัก เริ่มเรียนกันวันนี้เลย"
"ฮือฮึ บ้านนาย รึบ้านชั้น"
"บ้านชั้น นายจะได้ไม่ต้องขับรถมาส่ง" อีกใจนึงก็อยากจะไปรู้ว่าบ้านใหม่ของบิลลี่อยู่ที่ไหน ได้ข่าวว่าตอนเกรด 5แม่เขาแต่งงานและย้ายบ้านใหม่
"โอเค เลิกเรียนแล้วเราเจอกันที่สวนสาธรณะ อยู่ถัดโรงเรียนไปอีก2บล็อค" บิลลี่รู้ว่าตัวเองทำผิดหลังจากเห็นติวเตอร์โกรธจนหน้าแดง
"บิลลี่ โรว์" เจสันตะโกน "นี่นายอายใช่ไหมที่จะไปไหนมาไหนกะชั้น นายรู้สึกละอาย ต้อยต่ำ หมดค่า ถ้ามีใครเห็นชั้นไปนั่งรถนาย นายน่าจะเก็บไอ้ความละอายนี้ไว้ตอนที่นายถูกไล่ออกจากทีมฟุตบอลจะดีกว่า"
"แล้วนี่ ดูชั้น นายคิดว่าชั้นเป็นคนยังไง โอว ๆ พระเจ้า ดูนี่สิ มีปีกเล็ก ๆ งอกออกมาจากหลังชั้น ชั้นบินได้ ปิ๊ง ๆ ดูสิชั้นส่องแสงเป็นประกาย เพราะได้อาศัยรัศมีจากควอเตอร์แบคของโรงเรียน ตอบชั้นมาสิว่าทำไมชั้นจะต้องเสียพลังงานเดินออกไปตั้ง 2 บล็อคแทนที่จะเก็บมันไว้สู้รบ ปรบมือกะสมองงี่เง่าของนาย"
บิลลี่หน้าเสีย "เฮ้ เจ ชั้นขอโทษ" เด็กหนุ่มพยายามจะให้อีกฝ่ายเย็นลง
"นี่รู้อะไรไหม ชั้นคิดว่า เวลาแค่ตอนเย็นมันอาจจะไม่พอ เอางี้ ตอนกลางวัน นายมากินข้าวกะชั้นที่โต๊ะเสร็จแล้วชั้นจะได้ตรวจการบ้าน แล้วก็เริ่มบทเรียนกันเลย บางทีชั้นอาจจะไปนั่งเฝ้านายข้างสนามตอนนายซ้อมด้วยก็ได้"ในเมื่อ บิลลี่ โรว์ไม่อยากจะให้ใครต่อใครเห็นว่าอยู่กะ พวกที่โลว์คลาสกว่า ก็เอาให้สุด ๆ ไปเลย ถือเป็นความสะใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เจสันควรจะได้รับ
"โอเค" อีกฝ่ายรับคำเสียงอ่อย ๆ รู้ดีว่าเจสันพยายามจะแกล้งเขา แต่ก็เอาเหอะ ช่วยไม่ได้
"เอาน่า" เจสันตบบ่า "อย่าหน้าเสียไปเลย โลกมันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลยว่า ไหม แต่ชั้นก็ชอบนะ" เจสันบอก "โดยเฉพาะตอนที่ชั้นเป็นฝ่ายได้เปรียบ"
________________
" โอเค" เจสันถอนหายใจ บีบขมับเบา ๆ หลังจากใช้2ชั่วโมงทำให้บิลลี่เห็นความแตกต่างระหว่าง "นาม" และ "สรรพนาม"
"เราจะมาเริ่มบทต่อไปอีกนิดหน่อย ก่อนที่จะเริ่มลุยกันเต็ม ๆ ตลอดสัปดาห์หน้าเพราะเรื่องนี้ค่อนข้างยาวและยาก"
"คำคุณศัพท์" เจสันบอก "หมายถึงคำที่เราใช้ขยายคำนาม"
"ข...ขยาย" บิลลี่ทำหน้างง
"พระเจ้า" เจสันตะโกน นี่มันยากกว่าที่เขาคิดไว้
---------------------------
...............................
บิลลี่ โรว์ วางถาดอาหารลงกับโต๊ะ นั้นทำให้คนที่เหลือยกเว้น เจสันต้องอ้าปากค้าง แมนด้าทำปากวาว ๆ กับเจสันว่า "ไม่อยากเชื่อเลย"
"ไฮ้ ทุกคน" ควอเตอร์แบคทักทาย
"นี่ แมนด้า เกรก แล้วก็ ลินซีย์" เจสันแนะนำ เกรก กะลินซีย์เป็นเพื่อนในกลุ่ม แต่เจสันสนิทกะแมนด้าที่สุดและเธอเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเขาเป็นเกย์
"เรื่องติวเป็นไงบ้าง บิลลี่" แมนด้าถาม
"แย่..ไม่รู้สินะชั้นค่อนข้างจะงี่เง่ากะเรื่องภาษาอะไรพวกนี้"
"ชั้นแย่กว่า" เจสันบอก แมนด้าส่งสายตา ขอร้องว่าอย่าเริ่ม "ชั้นต้องพยายามสอนคนงี่เง่า"
บิลลี่หัวเราะอย่างไม่ถือสา "เจสันเก่งมาก น่าทึ่ง แบบว่า..."
"โอว ใช่ ชั้นน่าทึ่ง แต่รู้ไหมว่าบางคนไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองมาสุงสิงกะชั้น"
อแมนดา ถอนใจ ขณะที่อีก 2 คนเริ่มเก็บของ
"นี่บางทีชั้นก็สงสัยอ่ะนะว่าเราจะเรียนไอ้เรื่องพวกนี้ไปทำไม นาม สรรพนาม คุณศัพท์ วิเศษณ์ ดูสิ ชั้นไม่รู้ว่าไอ้พวกนั้นคืออะไรแต่ชั้นก็ยังพูดภาษาอังกฤษได้"
"บางทีที่เราต้องเรียนเรื่องพวกนี้ก็เพราะจะได้รู้ว่า การที่เราเป็นควอเตอร์แบคไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้งี่เง่าล่ะมั้ง"
"พอกันที เจ" อแมนดาบอก
"อะไรกัน แมนด้า เธออยู่ฝ่ายไหนกันแน่"
"ชั้นอยู่ฝ่ายที่ถูก และดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะไม่ใช่เธอ" แมนด้าบอก "ขอโทษบิลลี่"
"เอ่อ...ไม่เป็นไรน่าแมนด้า ....ชั้น"บิลลี่ตะกุกตะกัก
"เดี๋ยวนี้" เธอสั่ง เจสันหน้าจ๋อย
"ก็ได้ ขอโทษ รีบกินสิเราจะได้เริ่มเรียนซะที"
_________________
"เจสัน"
เจสันนอนลงบนเตียง ยกสมุดการบ้านของอีกฝ่ายขึ้นดู
"บิลลี่ ชั้นบอกแล้วว่ามันผิด ให้ตายเหอะชั้นเพิ่งสอนเรื่องนี้ไปเมื่อวาน"
แต่อีกฝ่ายไม่สนทิ้งตัวลงนอนบ้าง "เหนื่อย เพิ่งซ้อมบอลเสร็จ"
สีหน้าของบิลลี่ ดูเหนื่อยจริง ๆ เสียด้วย แว่บหนึ่งเจสันรู้สึกสงสาร มันคงไม่ง่ายนักที่จะทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน
"ห้องนายไม่เปลี่ยนเลยนะ"
"อือฮึ" เจสันรับคำอย่างไม่ใส่ใจ
"จำบ้านต้นไม้ที่เราเคยเล่นด้วยกันได้ไหม ตอนนั้นเราปีนกันทั้งวันเลย สนุกเป็นบ้า"
"นี่บิลลี่"
"แล้วตอนที่เราไปตกปลาอีก ชั้นตกได้ตั้งหลายตัว แต่นายกลับได้แต่รองเท้าบู้ท นายร้องไห้ซะแทบแย่ ชั้นเลยต้องแบ่งปลาให้นาย"
"บิลลี่ ชั้นว่า"
"แล้วตอนนั้น เราชอบเล่นแบทแมนกะ โรบินมาก นายยอมให้ชั้นเป็นแบทแมนเพราะนายกลัวค้างคาว ตลกชะมัด"
"บิลลี่" เจสันเสียงดัง "นายจะขุดเรื่องนั้นมาพูดทำไม"
"ทำไมล่ะ โรบินตอนนั้นเราสนุกกันจริง ๆ นี่"บิลลี่มองอีกฝ่าย
"เพราะเรื่องนั้นมันสมควรที่จะถูกลืม ดูนี่สิ ตอนนี้ ความจริง ปัจจุบัน ไม่มีแล้ว มันไม่มีแบทแมนกะโรบินแล้ว มีแต่บิลลี่ควอเตอร์แบคคนดังกะเจสันคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรเลย ไม่มีค่าอะไรเลยในสายตานาย"
"พระเจ้า เจ ใครบอกนายว่า นายไม่มี..."
"ไม่มีใครบอก" เจสันตอบเสียงเย็นชา "แต่จะต้องให้ชั้นช่วยเตือนความจำไหมว่าใครทำให้ชั้นรู้สึกยังงั้น"
___________________

*****
End of Part 1

comment