ผลงานทั้งหมดที่ลงอยู่ในหน้า Novel เป็นสิทธิส่วนตัวของผู้เขียน หากมีผู้ใดต้องการจะทำการคัดลอกหรือดัดแปลงผลงานบางส่วน หรือทั้งหมดเพื่อนำไปใช้ในการอื่น นอกจากอ่านเพื่อความบันเทิง กรุณาติดต่อเพื่อขออนุญาตจากผู้เขียนตาม e-mail ที่ให้ไว้เสียก่อน ขอบคุณสำหรับความร่วมมือค่ะ อีกประการหนึ่งนักเขียนทุกคนต้องการกำลังใจและคอมเมนท์(แม้ว่าบางคนจะไม่พูดออกมา)ไม่ว่าจะเป็นคำติหรือคำชมนะคะ เพราะฉะนั้นเมื่ออ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงไ ก็เมลไปคอมเมนท์ได้ตามอีเมลที่ให้ไว้ของแต่ละคน หรือไม่ก็โพสต์คำติชมไว้ในบอร์ดก็ได้ค่ะ

 

Mouse no. 58

by...Rai

comment

"เอา คราวนี้ล่ะใช่เลย" ผมวิ่งถลาตรงไปยังทางแยกข้างหน้า เพราะตัดสินใจแล้วว่าต้องเป็นทางนี้แน่ ๆ
แต่ผมก็ชนเข้ากับกำแพงโลหะอีกครั้ง!

"ให้ตายสิ ครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย ?" รู้สึกมึนจนเห็นดาวระยิบ ได้แต่สะบัดหัวแรง ๆ พอให้สมองแจ่มใสขึ้นมาบ้าง

ผมขอสัญญากับตัวเองว่าคราวหน้าจะไม่วิ่งพรวดพราดอย่างนี้ก่อนที่จะรู้แน่ว่ามันไม่มีอะไรมากั้นขวางทางเดิน แต่ตอนนี้ผมต้องวกกลับไปยังทางแยกเดิมอีก คราวนี้ผมควรจะกลับทางเดิมหรือไปทางแยกใหม่ดีล่ะ ? ทางแยกใหม่ท่าจะดีกว่าแฮะ ที่ผมรู้ว่าเป็นทางใหม่ก็เพราะมันยังสะอาดเอี่ยมอ่องอยู่ คุณอาจจะค่อนว่าผมสกปรกก็เป็นได้ แต่ถ้าอยู่ในสภาพวิ่งวุ่นวายมาหลายชั่วโมงตามทางวกวน โดยไม่มีที่ปลดทุกข์อย่างถูกสุขอนามัย ก็ต้องทำอย่างผมนั่นแหละ แต่กลิ่นก็ช่วยผมไว้ได้มาก ตรงที่มันทำให้ผมรู้ดีว่าควรจะวิ่งไปในทิศทางใด
แต่ที่แย่ก็คือ กลิ่นของผมดันกลบกลิ่นของอาหารที่ผมพยายามไปให้ถึง แต่มันคงไม่แย่ไปกว่าเมื่อวานหรอกน่า ครั้งที่แล้วผมวิ่งพล่านด้วยความหิว จะเรียกว่าคลุ้มคลั่งคงจะได้มั้ง เพราะผมพยายามจะชนกำแพงโลหะ แทนที่จะหยุดเมื่อพบมัน แต่ก็นั่นแหละอาการของผมทำให้การทดลองหยุดลง ผู้ช่วยนักวิจัยหนุ่มสบถขณะคว้าตัวผมออกจากสถานที่ทดลอง

"มันโง่กว่าไส้เดือนดินเสียอีก"

ประโยคดังกล่าวทำให้ผมฉุนกึก อ้ายตัวยาวไม่มีกระดูกไม่มีสมอง แถมทั้งตัวมีแต่ขี้ดินนั่นฉลาดกว่าหนูอัจฉริยะอย่างผมหรือนี่ บ้าชะมัด!!! ผมอยากจะเจอทนายสักคน จะฟ้องอ้ายห้องทดลองนี่ฐานหมิ่นประมาทสักหน่อย แต่ผมก็มีคนแก้ต่างให้อยู่แล้ว ด๊อกเตอร์ชุษณะ ลือเดช ชายหนุ่มผู้ซึ่งมีจิตใจงามพยายามสอนให้ผมเข้าใจในกลไก สี และรูปทรงต่าง ๆ พอได้ยินคำสบประมาทผม เขาถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ

"เอ็มห้าสิบแปดเป็นหนูอัจฉริยะนะคุณ"

อ้อ…ลืมบอกไป เอ็มห้าสิบแปดเป็นชื่อของผมเอง คาดว่าหนูขาวห้าสิบเจ็ดตัวก่อนหน้านั้นคงจะไม่ประสบผลสำเร็จในการฝึกเท่าใดนัก เพราะไม่ได้ยินเขากล่าวถึงอีกเลย

"อาจจะเป็นอย่างที่คุณว่า ถ้ามันสามารถหักด่านเขาวงกตจำลองขนาดใจกลางหนึ่งวงแบบนี้ได้" หมอนั่นเป็นแค่นักศึกษาปริญญาโท ผู้ช่วยอาจารย์เจ้าของโครงการเท่านั้น แต่ปากร้ายชะมัด

"ผมอาจจะขอยกเลิกไม่ให้เอ็มห้าสิบแปดเข้าร่วมโครงการ" ด๊อกเตอร์ชุษณะเชิดหน้าเหมือนเป็นต่อ แต่อาการแบบนี้ ผมว่าไปได้ไม่กี่น้ำหรอก เชื่อเหอะผมรู้นิสัยหมอดี

"คุณโดนฟ้องร้องแน่ ถ้าทำอย่างนั้น" อาจารย์เจ้าของโครงการขู่ เขาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ต้องทำงานทั้งด้านการสอน และการวิจัย นานนานทีจึงจะมีเวลาปลีกตัวมาดูแลได้ เขาจึงต้องอาศัยคุณชุษณะของผมที่เป็นนักวิจัยอิสระให้มาเป็นเสาหลักของโครงการ ซึ่งหมอก็วิ่งวุ่นติดต่อโน่นนี่จนผมเหนื่อยแทน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะมีสัญญาทั้งทางวิชาการและทางนิติกรรมต่อกันอยู่

"ผมแค่บอกว่าอาจจะเท่านั้น" เห็นไหม…เสียงหมออ่อนลงทันตาเห็น "แต่พวกคุณก็ไม่น่าดูถูกสติปัญญาของเอ็มห้าสิบแปด"

อืมม์…เห็นด้วยร้อยเปอร์เซนต์ ผมว่าในหัวของผมอาจจะมีก้อนสมองงอกขึ้นมาก็ได้นา เพราะผมจำตัวเลขได้หลายตัวแล้ว ตราบใดที่มันยังเรียงกันไม่เกินสองหลัก ผมว่าผมอาจจะฉลาดกว่าเครื่องจักรกลด้วยซ้ำไป เพราะคอมพิวเตอร์ทำงานได้ด้วยการรู้จักแค่เลขศูนย์กับหนึ่งเท่านั้นเอง

"งั้นทำไมมันถึงได้ทำลายด่านเขาวงกตไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่งานวิจัยต่างประเทศเขาบอกว่าหนูทดลองสามารถหักด่านได้อย่างไม่มีปัญหา ตราบใดที่มันมีความสามารถวิ่งถึงใจกลางวงกต" อาจารย์เจ้าของโครงการฟาดปึกกระดาษรายงานผลการวิจัยกับโต๊ะอย่างหัวเสีย เขามีเวลาไม่มากนัก เพราะนี่ก็ใกล้เวลาที่จะเสนอผลการวิจัยต่อคณะกรรมการฝ่ายวิจัยของมหาวิทยาลัยแล้ว

"อย่าว่าแต่หักด่านเลยครับ เจ้าเอ็มห้าสิบแปดมันยังไม่สามารถวิ่งเข้าถึงใจกลางได้ด้วยซ้ำไป" นักศึกษาผู้ช่วยรับกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย จนผมรู้สึกสงสารคุณชุษณะของผมจังแฮะ

เถอะน่า…วันนี้แหละผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าอ้ายกับดักกลบ้า ๆ นี้ไม่สามารถหยุดยั้งผมได้หรอก
แต่ทว่า…วันนี้ผมไม่มีโชคเลยแฮะ

"ให้ตายห่ะสิ พลาดอีกแล้ว" การทดลองนี้ทำให้หนูขาวผู้แสนสุภาพอย่างผมสบถเป็นไฟ ลองอีกทีก็แล้วกันเพื่อใครบางคนที่คงจะคอยลุ้นอยู่ใกล้ ๆ แต่…บ้าชะมัด ผมจำได้ว่าผ่านแยกนี้มาแล้วหนหนึ่งนี่นา อ้ายกำแพงบ้านี่ทำให้ผมสับสนและเหนื่อยชะมัด

"ยุติการทดลองวันนี้แค่นี้ก็แล้วกัน" เสียงเปิดฝาครอบแก้ว แล้วมือยาวเรียวได้รูปก็ช้อนผมขึ้นมา จากมุมสูงที่เรียกว่าเบิร์ดอายวิว ทำให้ผมเห็นตัวด่านชัดเจน นี่ผมไปได้ไม่ถึงไหนเลยนี่นา เจ้าวงกลมแกนกลางยังอยู่ห่างไปอีกตั้งเยอะ

"หวังว่าพรุ่งนี้ เจ้าหนูนี่คงจะมีแรงวิ่งต่อนะ" เสียงค่อนดังมาแว่ว ๆ จนผมหน้าชา

แต่แล้วเสียงทุ้มนุ่มก็ทำให้ผมทุเลาอาการเหนื่อยและโกรธไปได้แยะ "เหนื่อยมากไหม คนดี" เขาปลอบผมด้วยคำหวานและอาหารโปรด "ฉันเชื่อว่าพรุ่งนี้นายต้องทำได้แน่ ๆ เลย"

เขาให้กำลังใจจนผมให้สัญญากับตัวเองว่า พรุ่งนี้จะต้องไม่ทำให้คุณชุษณะผิดหวังแน่ และผมจะต้องลบคำสบประมาทของเจ้าของโครงการและผู้ช่วยปากมากนั่นให้ได้

เขาจากไปแล้ว และหวังที่จะพบกับสมองอัจฉริยะของผมในวันรุ่งขึ้น

ผมอยู่ตามลำพังในกรงเล็ก ๆ เฝ้าครุ่นคิดว่ามีอะไรที่ผิดพลาดไปจากญาติพี่น้องเผ่าพันธุ์เดียวกันที่อยู่ต่างประเทศ ทำไมผมจึงไม่สามารถเข้าถึงใจกลางเขาวงกตได้
สมองผมไม่ได้มีไว้ตัดสินใจเลือกแผ่นป้ายหลากสี หรือบวกลบตัวเลขอย่างที่คุณชุษณะสอนให้เท่านั้น แต่ผมยังอาศัยมันใคร่ครวญอย่างละเอียด แล้วผมก็ชักจะเข้าใจอะไรขึ้นมาได้บ้างแล้ว

มีอยู่สิ่งเดียวที่ผมแตกต่างจากหนูทั่วไป นั่นคือสมองและความจำ ใช่แล้ว…ความจำทำให้ผมหลงวนเวียนอยู่ในกำแพงโลหะ ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะผมพยายามสร้างแผนที่ทางแยกให้อยู่ในหัวของผม แต่ภาพทางแยกที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าทำให้ทิศทางไขว้เขว

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ผมควรจะทำอย่างไรดีล่ะ หลับตาเดินดีไหม ? คงยากแฮะ เจ้ากำแพงโลหะคงทำให้ผิวอ่อนบางปกคลุมด้วยขนนุ่ม ๆ ของผมช้ำไปทั้งตัวแน่ หรือจะทำตัวโง่ ๆ ไม่คิดอะไรมากวิ่งไปเรื่อย ๆ แต่มันคงจะไม่ดีแฮะ เพราะถ้าไม่ได้ผล ผมก็ต้องกลายเป็นอ้ายโง่ให้คนอื่นดูถูกอีกเป็นแน่

มันต้องมีวิธีแน่ ๆ ไม่งั้นพวกมนุษย์เขาจะหาทางออกจากเขาวงกตกันได้อย่างไรล่ะ

ผมนึกถึงวิดีโอเทปการทดลองจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่อาจารย์เจ้าของโครงการมักจะเปิดดูเฉพาะตอนที่บรรยายการทดลองจนผมจำได้แม่น แต่ตอนท้าย ๆ ที่ผมไม่มีโอกาสได้ดู มันอาจจะมีแนวทางหรือเฉลยอะไรบอกไว้บ้างหรอกน่า ผมเปิดประตูกรงออกมาได้อย่างง่ายดาย เป็นสลักธรรมดาแค่ยกขึ้นเท่านั้นเอง ผมแอบดอดออกมาหาอะไรทำเล่นตอนที่ไม่มีคนอยู่ตั้งหลายหนแล้ว ส่วนวิดีโอก็ไม่มีปัญหาเพราะตัวเทปก็อยู่ในเครื่องแล้ว ที่ต้องทำก็คือหันรีโมทคอนโทรลไปทางจอภาพแล้วกดปุ่ม เท่านั้นเองทั้งเสียงและภาพก็ปรากฏ

"ไส้เดือนดินแม้ไม่มีหน่วยความจำในสมอง แต่หากมีทางแยกไม่เกินหนึ่ง มันก็พอจะพาตัวรอดจากเขาวงกตได้ ส่วนมดสามารถหักด่านเขาวงกตขนาดสิบแยกได้สบาย สำหรับหนูทดลองยิ่งไม่มีปัญหา หากมันเข้าถึงใจกลางได้ มันก็จะวนเวียนหาทางออกได้…"

นี่ไง อ้ายประโยคที่พวกนักวิจัยชอบค่อนว่าผมนัก โธ่…แค่ทางแยกหนึ่งเดียว ถ้าเจ้าไส้เดือนมันยังหาทางออกไม่ได้ก็สมควรเป็นเหยื่อปลาแล้วล่ะ

ผมดูวิดีโอจนจบเพราะมันสั้นนิดเดียว แค่สิบห้านาทีได้มั้ง ผมกำลังปลอดโปร่งจนคิดจะดูเคเบิ้ลทีวีช่องดิสคอเวอรี แชนแนลต่อ แต่ก็เห็นว่ามันดึกพอสมควรแล้ว วันพรุ่งนี้มีเรื่องให้ผมได้เรียนรู้และท้าทายความสามารถอีกเยอะ ควรจะรีบนอนดีกว่า

*****

วันนี้ผมทำได้ดีเสียจนอาจารย์เจ้าของโครงการพูดไม่ออก ส่วนผู้ช่วยปากมากนั้นได้แต่พึมพำเหมือนคนสติไม่สมประกอบซ้ำไปมาว่า "เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้" จนผมรำคาญ สำหรับคนสำคัญของผม ด๊อกเตอร์ชุษณะก็ชมเชยผมไม่ขาดปาก

"เก่งจริง ๆ เอ็มห้าสิบแปด นายนี่อัจฉริยะตัวจริงเชียวล่ะ"

ผมไม่อยากจะโอ้อวดตัวเองเท่าไรนักหรอก แต่จะมีหนูทดลองตัวไหนในโลกนี้ที่ใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาทีหักด่านเขาวงกตในห้องทดลอง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ต้องขอบคุณคำแนะนำในวิดีโอเป็นอย่างมากเลยครับ

"…จากความคิดที่ว่าเขาวงกตก็คือเส้นตรงที่ถูกนำมาทำให้คดเคี้ยว วิธีแก้ปัญหาแรกสุดก็คือ กฎเลี้ยวซ้าย เมื่อใดก็ตามที่เจอทางแยก สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือเลี้ยวซ้าย วิธีการนี้ใช้ได้ดีกับเขาวงกตส่วนมาก"

และก็ที่ต้องขอบคุณอย่างที่สุด ก็คือดอกเตอร์หนุ่มรูปงามที่ให้กำลังใจผมมาตลอด ได้สอนให้ผมรู้ทิศทางว่าไหนคือซ้าย และไหนคือขวา

ผมกะว่าคืนนี้จะลองเรียงแผ่นพลาสติกสีแดงเป็นรูปหัวใจไว้ให้หมอแปลกใจในตอนเช้าคงจะเข้าที เพราะพรุ่งนี้ก็จะวันวาเลนไทน์แล้ว
จากใจจริงของผม "เอ็มห้าสิบแปด" หนูขาวอัจฉริยะครับ


++++++
End of part 1