ผลงานทั้งหมดที่ลงอยู่ในหน้า
Novel เป็นสิทธิส่วนตัวของผู้เขียน หากมีผู้ใดต้องการจะทำการคัดลอกหรือดัดแปลงผลงานบางส่วน
หรือทั้งหมดเพื่อนำไปใช้ในการอื่น นอกจากอ่านเพื่อความบันเทิง กรุณาติดต่อเพื่อขออนุญาตจากผู้เขียนตาม
e-mail ที่ให้ไว้เสียก่อน ขอบคุณสำหรับความร่วมมือค่ะ อีกประการหนึ่งนักเขียนทุกคนต้องการกำลังใจและคอมเมนท์(แม้ว่าบางคนจะไม่พูดออกมา)ไม่ว่าจะเป็นคำติหรือคำชมนะคะ
เพราะฉะนั้นเมื่ออ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงไ ก็เมลไปคอมเมนท์ได้ตามอีเมลที่ให้ไว้ของแต่ละคน
หรือไม่ก็โพสต์คำติชมไว้ในบอร์ดก็ได้ค่ะ
|
Missing Piece by...Rai สิ่งที่อยู่ต่อหน้าผมในตอนนี้ก็คือชีวิตฟุ้งเฟ้อและผู้คนที่งดงามราวกับภาพวาด
ผมอยู่ในชุดทักซิโด้ (แน่นอนว่าเช่ามา) ยืนอยู่กลางห้องขนาดใหญ่ที่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นประกายจับตาราวกับทองคำ
ไม่ใช่เพียงแค่ว่าว่าห้องนั้นมีสีทอง แต่ทว่าทุกสิ่งในห้องนั้นส่งประกายแวววาว
ภายในห้องมีการเคลื่อนไหวของผู้คน ผู้ชายในชุดทักซิโด้ที่ตัดเย็บมาอย่างดี
ส่วนผู้หญิงอยู่ในชุดราตรียาวเหมือนอย่างที่เห็นในงานประกาศรางวัลออสการ์
คุณจะเห็นภาพเหล่านี้ได้ผ่านจอโทรทัศน์เพียงชั่วแวบเดียวในขณะที่คนพวกนั้นย่างเดินบนพรมแดงและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของคุณแต่อย่างใด คุณอาจจะถามผมว่า ผมมาทำอะไรในที่แบบนี้? อันที่จริงสามารถอธิบายได้ง่าย ๆ ว่า มีเอกสารที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนและต้องมีลายเช็นกำกับเพื่อที่จะส่งไปในเช้าวันรุ่งขึ้น และคนที่จะเซ็นเอกสารอยู่ในงานเลี้ยงนี้ ดังนั้นผมจึงต้องเช่าทักซิโด้อย่างด่วน อาบน้ำและโกนหนวด เพื่อที่จะมายืนอยู่ตรงนี้ ในงานเลี้ยงที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน และคาดว่าทั้งชีวิตนี้ผมคงจะไม่มีโอกาสได้รับเชิญมางานเลี้ยงแบบนี้แน่นอน ผมกำลังมองหาตัวคนที่จะให้เซ็นเอกสาร แต่ไม่พบ ทั้งที่ผมคาดว่าเขาน่าจะมาที่งานเลี้ยงก่อนเวลาสามทุ่ม แต่ตอนนี้สามทุ่มครึ่งแล้วยังไม่เห็นแม้แต่เงา ผมจิบแชมเปญด้วยท่าทางที่คิดว่าน่าจะกลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้างได้ ยิ้มไปเรื่อยเปื่อย กระดกแก้วดื่มเป็นระยะ แต่ก็สังเกตว่าไม่มีใครสนใจสักคน สงสัยพวกนั้นคงจะพอมองออกว่าผมไม่ใช่คนระดับเดียวกับพวกเขา ผมกำลังลิ้มรสความสุขที่ไม่มีทางเป็นไปได้ในชีวิตจริง เหมือนกับผมมาเที่ยวชมสวรรค์ ผมอาจจะไม่ใช่คนของที่นี่ แต่ก็มีความหวังว่า สักวันหนึ่งผมอาจจะได้แทรกตัวอยู่ในบรรดาคนเหล่านี้เช่นกัน สายตาผมปะทะกับร่างหนึ่งที่กำลังมองดูผม เขาตัวสูง หน้าตาดีมาก ๆ เลยทีเดียว ผมสีดำ สายตาคมปลาบที่มองมาเหมือนกับจะขยี้หัวใจคนที่ถูกมองให้แหลกได้ ผมยิ้มกลับไปให้เขา เพราะคาดว่าเขาคงจะทำเหมือนคนอื่น ๆ ก็คือยิ้มตอบแล้วมองไปที่อื่น เพราะดูเหมือนว่าภายในห้องนั้นมีอะไรน่ามองมากกว่าคนที่อยู่ในชุดทักซิโด้เช่ามา แถมยังมีรอยยิ้มโง่ ๆ ติดอยู่บนหน้าอย่างผม แต่เขากลับเดินตรงมาที่ผม ท่าทางการก้าวเดินของเขาทำให้ผมนึกถึงภาพเรือขนาดใหญ่กำลังแล่นเข้าหาท่าเรือ หรือมองนกที่บินร่อนหากิ่งไม้ ทั้งงดงามและมีจังหวะราวกับบทกวี "ผมคุยด้วยนะครับ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวล "ครับ?" ผมตอบรับอย่างโง่ ๆ ก่อนจะหลุดปากถามกลับ "ทำไมถึงเป็นผม?" "เพราะคุณน่าสนใจมาก และผมคงจะยกโทษให้กับตัวเองไม่ได้ถ้าไม่ได้แนะนำตัวเองให้คุณได้รู้จัก" ถ้าคุณคิดว่าตอนนี้หัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะล่ะก็ คุณเป็นฝ่ายถูก และถ้าคุณจะหัวเราะเยาะผมที่ผมมีความรู้สึกแบบนั้นผมก็ขอบอกไว้ว่า เพราะคุณไม่ได้เห็นเขา และเขาไม่ได้มองคุณด้วยสายตาเหมือนกับที่กำลังมองผมอยู่ในตอนนี้ "เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ" ผมยื่นมือออกไปตรงหน้าตามมารยาทที่ดี เขาจับมือทักทาย พร้อมกับรู้สึกเหมือนวูบไปเมื่อสัมผัสมือกับเขา สมองของผมพองโต พร้อมกับแย้งตัวเองเบา ๆ ว่า นี่อาจจะเป็นการเข้าใจผิด เข้าใจผิดอย่างร้ายแรง บางที่เขาอาจจะไม่ได้สนใจผมจริง ๆ หรอก ก็ ทั้งเขาและผมเป็นผู้ชายเหมือนกันนี่นา แต่ผมก็ยังแนะนำตัวให้เขารู้จักจนได้ "ผมบิล เอ่อ วิลเลียม ครับ วิลเลียม นีแลนด์" "วิลเลียม นีแลนด์" เขาทวนชื่อของผม คุณเคยได้ยินชื่อตัวเองที่ใส่ทำนองดนตรีไหมครับ เขากำลังทำกับชื่อของผม เหมือนกับกำลังรจนาบทกวี หรือ "ผมดีใจที่ได้พบคุณ ผมเปาโลครับ เปาโล ฟาเบตตา" สำเนียงของเขาไม่มีกลิ่นอายของอิตาเลียนแม้แต่น้อย จนกระทั่งเขาขานนามของเขาเองผมจึงได้ยินสำเนียงอิตาเลียน "ผมดีใจที่ได้พบคุณครับ เปาโล" "คุณมางานนี้ได้อย่างไรครับ ขอโทษนะครับที่ถาม" "ผมไม่ใช่แขกของงานนี้หรอกครับ คือว่าผมต้องให้คุณมายเนอร์เซ็นเอกสารฉบับหนึ่ง ผมก็เลยต้องมาคอยเขาที่งานนี้ แล้วคุณละครับ?" "ผมเป็นแขกของ ลา คอมเทส ลีบองชูร์" ผมคิดว่าที่เขาบอกนั่นคงเป็นชื่อของใครสักคน ผมไม่รู้ว่าลา คอมเทส ลีบองชูร์อะไรนั่นเป็นใคร แต่เขาก็ชี้ให้ผมดู และผมก็เห็นสตรีชราในชุดสีม่วง ผู้หญิงที่ผมแน่ใจว่าเธอคงจะเกิดมาบนกองเงินกองทอง มีชีวิตอยู่อย่างฟุ้งเฟ้อและสะดวกสบาย ใบหน้ายังคงเค้าความงามอยู่บ้าง เธอสามารถจะหาชายหนุ่มรูปงามมาเป็นคู่ควงได้ไม่ยากถ้ามีเงินพอที่จะ ผมหันกลับไปมองเปาโล พร้อมกับตระหนักว่าเขามีอาชีพอะไร คู่ควงสำหรับหญิงอารมณ์เปลี่ยวและกระเป๋าหนัก ผมเดาว่าสายตาผมคงจะบอกสิ่งที่ผมคิดไปหมดสิ้นแล้ว เขาจึงยิ้มและเอ่ยว่า "มาดามเป็นเพื่อนที่ดีของครอบครัวผม เธอต้องการชายหนุ่มเป็นคู่ควงสำหรับคืนนี้ ขอย้ำว่าแค่คู่ควงเท่านั้นครับ" "อ่ะ ครับ" ผมตอบรับ ทั้งที่ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรดีนัก ตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นมิสเตอร์มายเนอร์กำลังเดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง "ผมเจอคุณมายเนอร์แล้วครับ" ผมบอกกับเขา "ผมต้องเอาเอกสารไปให้เขาเซ็นเดี๋ยวนี้แล้วครับ" "ครับ หวังว่าผมคงจะได้พบกับคุณอีกในไม่ช้า" "อาจจะยากนะครับ" ผมชี้แจง "เพราะผมคงไม่ได้รับเชิญไปในงานแบบนี้หรอกครับ" "แต่ผมอยากจะพบคุณอีกครั้งได้ไหมครับ?" เขาเริ่มรุก "เอ่อ ครับ" ผมรับคำไปส่งเดช ตอนนั้นมิสเตอร์มายเนอร์เห็นผมแล้ว และกำลังเดินเข้ามาทางนี้ ผมมีงานที่ต้องทำ แต่ดูเหมือนเปาโลกำลังจะต้อนผมให้เข้ามุม แน่นอนว่าผมอาจจะสนใจเขา แต่ผมไม่มีปัญหาจ่ายเงินเป็นค่าคู่ควงสำหรับเขาเหมือนพวกแม่ม่ายหรือเศรษฐีนีพวกนั้นหรอกครับ "ถ้าอย่างนั้นผมจะคอย นะครับ?" เขาพูดพร้อมกับจับมือผมอีกครั้ง ตอนแรกผมนึกแค่ว่าเป็นการจับมืออำลา แต่ผมก็ได้แต่มองด้วยอาการตะลึงเมื่อเขายกมือของผมขึ้นแตะริมฝีปากอย่างแผ่วเบา พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน "ครับ" ผมอึ้ง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายเข้ามา จีบ ผมคงจะใช้คำพูดไม่ผิดหรอกนะ เพราะท่าทางแบบนี้ผมไม่คิดว่าเขาคิดจะเป็นแค่เพื่อนหรือคนที่รู้จักกันธรรมดา พร้อมกับคำถามที่ผุดขึ้นในหัว ทำไมถึงเป็นผม? เอ่อ ผมหมายความว่า เขาน่าจะรู้แล้วว่าผมเป็นแค่พนักงานออฟฟิศธรรมดา ไม่มีของมีค่าอะไรให้เขา ผมไม่มีบ้านพักตากอากาศแพง ๆ เสนอให้ หรือไม่มีเงินที่จะซื้อ เขา หรือว่าเขาไม่รู้?? ไม่จริงหรอกน่า เขาน่าจะรู้เพราะที่ผมสวมอยู่มันก็แค่ทักซิโด้ที่เช่ามาราคาถูก ๆ แค่ดูก็รู้ว่ามันแตกต่างจากเสื้อผ้าอันประณีตของคนในงานเลี้ยงนึ้ ราวกับแกะดำในฝูงแกะขาว ผมหยิบซองเอกสารขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินเข้าไปยังมิสเตอร์มายเนอร์ที่กำลังคอยอยู่ ผมหันหลังกลับไปมองอีกครั้ง เปาโลยังนั่งอยู่ที่เดิม กำลังมองตรงมาที่ผมและส่งยิ้มให้ ผมรับเอกสารที่เซ็นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับเผ่นออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว หัวใจของผมเต้นแรงจะรู้สึกเจ็บ คืนนั้นผมนอนไม่หลับ จนต้องเสียมารยาทหมุนโทรศัพท์ไปคุยกับเจนนี่กลางดึก เจนนี่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของผม เราสนิทกันมากจนไม่มีเรื่องชู้สาวมาเกี่ยวข้อง แม่ของผมเคยถามเรื่องของผมกับเจนนี่ในทำนองว่าจะร่วมหอลงโรงกันเมื่อไร จนผมต้องอธิบายอยู่นานกว่าแม่จะเข้าใจว่าผมกับเจ้าหล่อนสนิทมากจนเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น "หืออ" เสียงปลายสายนั้นงัวเงียจนผมนึกเสียใจอยากจะวางโทรศัพท์ทันทีเพราะรู้สึกเกรงใจ แต่พอผมเงียบไป หล่อนก็รู้ในทันทีว่าเป็นผม "วิลเรอะนั่น ทำไมไม่หลับไม่นอนหา" หล่อนดุผมมาตามสาย "พรุ่งนี้ไม่ทำงานหรือไง?" ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ให้เจนนี่ช่วยวิเคราะห์ "เธอคิดว่าไง?" "อืมม์ เอาง่าย ๆ เลยนะ ฉันว่าหมอนั่นจีบนายแน่ ๆ แล้วนายจะกังวลอะไร? หรือว่านึกเสียดายที่ไม่ได้ให้เบอร์โทรศัพท์กับพ่อหนุ่มอิตาเลี่ยนนั่น ถ้านายไม่ได้เล่นด้วยกับหมอนั่นก็จบ เว้นเสียแต่นึกอยากจะเล่นด้วย" "บ้าน่าเจนนี่" ผมตวาดกลับแก้ขวย เพราะคิดว่าตัวเองรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ผมได้ยินเสียงหล่อนขยับตัว พร้อมกับน้ำเสียงที่เข้มขึ้น "ในฐานะเพื่อน ฉันอยากจะบอกว่านายอยู่คนเดียวมานานเกินไปแล้ว ฉันเองก็ผิดที่ไม่ได้นัดสาว ๆ ให้นายบ้าง ดังนั้นเมื่อมีผู้ชายเข้ามาป้อ นายก็อาจจะโอนเอนไปบ้าง เพราะเท่าที่ฉันฟังดูแล้ว มิสเตอร์เปาโลนั้นดูท่าทางจะมีเสน่ห์เหลือเกิน แต่นายอย่าตกบ่วงเสน่ห์นั่นจะดีกว่า ฉันเตือนนายตรงนี้ก็แล้วกันว่า ผู้ชายที่มีอาชีพอย่างเปาโลไม่เหมาะที่จะคบด้วยแน่นอน" หลังจากวางหูจากเจนนี่แล้ว ผมกลับไม่รู้สึกสบายใจขึ้นแม้แต่น้อย **** ผมได้กลิ่นของเขาก่อนที่จะได้ยินเสียง กลิ่นของน้ำหอมราคาแพง ซึ่งทำให้นึกถึงค่ำคืนก่อนหน้านี้ทั้งที่ไม่คิดจะอยากจำ ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงทักทาย "สวัสดีครับ วิลเลียม" "ผมตั้งใจมาที่นี่" เขาพูดยิ้ม ๆ "คุณมาติดต่ออะไรหรือครับ?" ผมสงสัย เพราะสำนักงานของเราไม่ได้ติดต่อธุรกิจกับคนทั่วไป เราจะทำธุรกิจกับหน่วยงานของรัฐบาล หรือหน่วยงานองค์กรขนาดใหญ่ "คุณไม่ได้ให้เบอร์โทรศัพท์กับผม" เขาบอก "ผมเลยคุยกับคุณไม่ได้ ว่าแต่ผมพาคุณไปกินมื้อเที่ยงได้ไหมครับ?" ผมชะงัก นี่มันหมายความว่าอะไรกัน เขาชวนผมเดทมื้อกลางวันอย่างนั้นหรือ? แล้วผมก็นึกถึงคำเตือนของเจนนี่ขึ้นมาได้ 'ผู้ชายที่มีอาชีพอย่างเปาโลไม่เหมาะที่จะคบด้วย' ดังนั้นผมจึงต้องหาทางเลี่ยงอย่างสุภาพ "ต้องขอโทษด้วยครับ ผมพักกลางวันตอนบ่ายโมง"
เป็นการปฏิเสธที่ดีที่สุด เพราะผมพักกลางวันในเวลานั้นจริง ๆ ผมอึ้ง เพราะไม่นึกว่าเขาจะโต้กลับแบบนี้ "คอยหรือครับ?" "ไม่ได้หรือ?" แล้วผมจะปฏิเสธได้อย่างไรกัน เอาเหอะถ้าคอยไหวก็ตามใจ นี่เพิ่งสิบเอ็ดโมงครึ่ง อีกตั้งชั่วโมงครึ่ง เขาอาจจะเบื่อไปเองก็ได้ "เอ่อ
ก็ได้ครับ คุณนั่งคอยที่ด้านหน้าตรงแผนกต้อนรับก็แล้วกัน" "อ่ะ ครับ" "บ่ายโมงใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นผมจะโทรไปแจ้งภัตตาคารเพื่อเปลี่ยนเวลาจอง" เขามีทีท่ากระตือรือร้นจนผมชักหวั่นไหว "แต่ ผมมีเวลาพักชั่วโมงเดียว ไม่ทราบว่าคุณจองที่ไหน?" "มาร์คอน" เขาบอก "ใกล้ ๆ แค่นี้ ได้ไหม?" "ได้ครับ แต่ผมไม่เคยเข้าไปที่นั่น คือว่ามันราคาแพงเกินกว่าที่ผมจะเข้าไป" ผมบอกเขาตามตรง เพราะไอ้ร้านมาร์คอนเนี่ยสุดจะหรูเลย "ไม่เป็นไร ถือเป็นของขวัญจากผมก็แล้วกัน" "ครับ ขอบคุณ" "ถ้าอย่างนั้น ผมปล่อยให้คุณทำงานต่อดีกว่า แต่ถ้าบ่ายโมงเมื่อไร คุณเป็นของผม" "ครับ" ผมตอบรับทั้งที่ยังรู้สึกแปลก ๆ ก่อนจะนั่งทำงานต่อด้วยหัวใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมคิดเลขผิดหลายแห่งจนเจ้านายต้องเรียกให้เอากลับไปแก้ไข แต่ผมก็สามารถทำงานเสร็จก่อนเวลาบ่ายโมง "ผมมีนัดมื้อเที่ยงที่ร้านมาร์คอน บางทีผมอาจจะกลับมาทำงานช้าสักหน่อยนะครับ" ผมบอกเจ้านายไว้ล่วงหน้า "ตามสบายเถอะบิล" เจ้านายของผมยิ้ม "กินมื้อเที่ยงให้สนุกนะ" "ขอบคุณครับ" ผมหยิบเสื้อแจ๊กเก็ตไปด้วย เพราะร้านมาร์คอนเป็นร้านอาหารที่หรูมาก ถ้าไม่ใส่เสื้อสูทก็อาจจะไม่ได้เข้า ผมคงอยู่ต่ำกว่ามาตรฐานของร้านมาร์คอนมากทีเดียว เปาโลนั่งคอยอยู่บริเวณต้อนรับของสำนักงาน กำลังคุยอย่างออกรสกับสามสาวเลขานุการ และเมื่อเขามองเห็นผมก็เอ่ยปากล่ำลาสามสาวนั่นทันที "ผมต้องไปแล้ว ขอบคุณมากนะครับ" ผมบอกกับพนักงานต้อนรับที่อยู่ท่ามกลางบรรดาเลขานุการ ซึ่งถือว่าสนิทกับผมพอสมควร "โคลอี้ ผมออกไปทานอาการกลางวันนะ" "รู้แล้วย่ะ" หล่อนตอบกลับ พร้อมกับปรายหางตาไปยังเปาโล ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบาแทบจะเป็นกระซิบ "ที่ร้านมาร์คอนใช่ไหม โชคดีจังนะวิล" ผมได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ไม่รู้ว่าโคลอี้จะเข้าใจผิดหรือเปล่า หรืออาจจะเข้าใจถูกก็ได้ เปาโลแตะข้อศอกผมเป็นเชิงเตือน "ไปกันเถอะวิลเลียม เรามีเวลาไม่มาก" ***** ผมรู้สึกอัศจรรย์ใจมากเมื่อได้คุยกับเปาโล เขาสามารถคุยได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นผู้คน สถานที่หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก ส่วนผมนั้นคุยได้แค่เรื่องของครอบครัวตัวเอง ชีวิตตัวเอง ซึ่งแสนจะธรรมดาเมื่อเทียบกับเรื่องที่เขาเล่าให้ผมฟัง ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงจึงยอมจ่ายเงินเพื่ออยู่กับเปาโล เพราะเขาสามารถมอบสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปนั่นเอง ด้วยรูปร่างหน้าตา บุคลิกภาพ ความรู้ความสามารถรอบด้านของเปาโล การได้เป็นคู่ควงของเขานับว่าเป็นโชคอย่างมหาศาล ผมมองนาฬิกาเมื่อเห็นว่าเวลาของมื้อกลางวันใกล้จะจบลง "ผมต้องกลับไปทำงานต่อแล้วครับ" "ถ้าไม่รังเกียจ ผมอยากจะได้เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของคุณได้ไหมครับ?" "ได้ครับ" ตอนนี้ถ้าเขาอยากได้หมายเลขเครดิตการ์ดของผม
ผมก็จะยอมยื่นให้แต่โดยดี แต่เขาคงจะเอาไปทำอะไรไม่ได้เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวของผมมีเงินเหลือแค่สิบสี่เหรียญ "ครับ ขอบคุณสำหรับมื้อเที่ยงนะครับ อร่อยมาก เอ่อ ผมจ่ายทิปเองดีกว่าครับ" ผมเสนอพร้อมกับเตรียมดึงกระเป๋าเงิน แต่เขาก็ห้ามทันควัน "ไม่ได้ครับ มื้อนี้ผมเป็นคนเสนอขอเลี้ยงคุณเอง" "ก็ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับ" ผมตอบ ก่อนจะนึกโล่งอกอยู่ไม่น้อย เพราะถ้าขืนผมจ่ายเงินค่าทิปมื้อนี้ มีหวังต้องห่อแซนวิสมากินเป็นมื้อกลางวันตลอดทั้งสัปดาห์แน่ เมื่อผมเดินออกมานอกร้าน ผมหันกลับเข้าไปมอง เวลานี้เขาไม่ได้มองมาที่ผม แต่กำลังต้อนรับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งหล่อนแก่พอจะเป็นแม่ของผมได้ด้วยซ้ำ ผมรู้สึกเจ็บจนแทบจุกทั้งที่ไม่รู้สาเหตุก่อนจะหันเดินกลับไปยังโลกที่แท้จริงของผมอีกครั้ง ***** "ก็ได้ย่ะ ว่าแต่จำได้นะว่านายพูดอะไรไว้กับฉัน ไหนลองทวนประโยคซิ" ผมอมยิ้มก่อนจะทำตามที่เจ้าหล่อนบอก "ฉันจะบอกกับเขาว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณทั้งนั้น โอเคไหม?" "ต้องพยายามพูดก่อนที่เขาจะพูดอะไรนะ เพราะฉันรู้ว่านายเป็นคนขี้ใจอ่อน ถ้าปล่อยให้เขาได้พูดอะไรออกมา รับรองนายจะอ่อนเป็นขี้ผึ้งเลยเชียว โดยเฉพาะผู้ชายอาชีพแบบนายคนนี้ ฝีปากไม่ใช่ย่อยแน่ ๆ" ผมคาดว่าบางทีเปาโลอาจจะโทรศัพท์หาผมคืนนี้ และผมที่ได้รับคำปรึกษาจากเจนนี่ ก็ตัดสินใจที่จะจบความสัมพันธ์ที่เพิ่งจะก่อตัวนี้ก่อนที่มันจะสายเกินไป ผมไม่มีอะไรที่น่าจะดึงดูดเขา เขาอยู่ในโลกของนักเดินทาง และผมก็เป็นเพียงจุดแวะพักจุดหนึ่งของเขา เขาอาจจะเหนื่อยกับการต้องคอยเอาอกเอาใจหญิงชราและพาขึ้นเตียง และเมื่อมาพบกับผมที่ดูเหมือนจะเป็นพวกประเภทเชื่อคนง่าย (เจนนี่ยืนยันว่าผมเป็นอย่างนั้นจริง ๆ)โดยเฉพาะกับคนหน้าตาดีและสวมเสื้อผ้าราคาแพง บางทีเขาอาจจะอยากเปลี่ยนรสชาติจากเดิมเพื่อลองอะไรที่แปลกใหม่และไม่เป็นพิษเป็นภัย เพราะผมคงไม่เรียกร้องและตามราวีกับเขา ถ้าเขาคิดจะทิ้งผมไปสักวันหนึ่ง ผมมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก อยากจะรู้ว่าเปาโลเห็นอะไรในตัวผมจึงได้เขามาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ แต่สิ่งที่ผมเห็นก็คือใบหน้าเดิม ๆ ของตัวเองที่เคยเห็นทุกวัน ไม่ได้มีส่วนใดบนใบหน้าที่จะดึงดูดใจให้คนมองซ้ำ ถ้าอารมณ์ดี ๆ ผมอาจจะพอปลอบใจตัวเองว่า หน้าตาก็พอจะมองได้อยู่หรอก แต่เมื่อคิดเปรียบเทียบกับเปาโลแล้ว ผมดูเหมือนจะอัปลักษณ์ขึ้นมาทันที ไม่มีอะไรในตัวของผมที่เปาโลต้องการ บางทีเขาอาจจะคิดว่าผมมีเงิน หรืออาจจะแนะนำผู้หญิงรวย ๆ ให้เขาได้ แต่ผมไม่มีอะไรทั้งนั้น ดังนั้น ถ้าเขาโทรศัพท์มาหาผม ผมก็ควรที่จะจบความสัมพันธ์ของเราก่อนที่มันจะเริ่มต้น ก่อนที่ผมจะสูญเสียอะไรไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะหัวใจของผม สิ่งที่ผมทำได้ก็คือรอโทรศัพท์และบอกเขาก่อนที่เขาจะเริ่มต้นพูดอะไร ก่อนที่คำพูดของเขาจะทำให้ผมใจอ่อนอย่างที่เจนนี่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ตอนแรกผมไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู จนกระทั่งครั้งที่สองผมจึงกระโดดออกไปเปิดประตู ตอนนี้ผมสวมเพียงเสื้อยืดเก่า ๆ กับกางเกงยืด และถุงเท้าเพราะพื้นอพาท์เมนท์นั้นเย็นจับจิต ผมไม่รู้ว่าใครมาเคาะประตู จวบจนเปิดประตูแล้วพบกับเปาโล "สองทุ่มพอดี" เขาบอกผม ก่อนจะมองสภาพของผมขึ้นลงอย่างชั่งใจ "ตอนแรกผมคิดจะพาคุณไปหาอะไรดื่มข้างนอก" "โอ๊ะ ขอโทษ ผมคิดว่าคุณจะโทรศัพท์หาผม" "ผมบอกว่าอยากจะคุยกับคุณ" ผมนึกอยากจะเขกหัวตัวเอง เขาบอกว่าอยากจะคุยกับผม แต่ผมคิดว่า 'คุย' ของเขาก็คือการคุยกันทางโทรศัพท์ ไม่คิดว่าจะโผล่มาให้เห็นตัวด้วย โดยเฉพาะเมื่อผมอยู่ในสภาพแบบนี้ "ครับ เอ่อ งั้นคุณเข้ามาก่อน ผมเองก็มีเรื่องจะคุยกับคุณเหมือนกัน" เขาเดินเข้ามาในห้องที่แสนจะรกรุงรังตามประสาชายโสด เสื้อผ้าที่ใส่แล้ววางกองเกลื่อนตามสถานที่ที่จะพาดมันได้ แต่ดูเหมือนว่าเปาโลจะไม่แสดงอาการใด ๆ บนใบหน้าเมื่อเห็นสภาพห้องของผม ใบหน้าของเขายังคงเป็นปกติดี ผมโยนเสื้อผ้าที่ขวางทางและพาดอยู่บนโซฟาออกแล้วซุกมันไว้ให้พ้นสายตา เปาโลนั่งลงกลางโซฟา ซึ่งปัญหาเดียวในตอนนี้สำหรับผมก็คือ ผมมีโซฟาอยู่ตัวเดียวเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้าน ถ้าผมนั่งบนนั้นด้วยกันกับเขา ผมคงต้องนั่งชิดกับเขามากทีเดียว อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ ดังนั้นผมจึงหย่อนก้นลงบนพนักเท้าแขนแทน พร้อมกับตัดสินใจพูดเรื่องที่ต้องการพูดก่อนที่ผมจะลืม ผมต้องตัดสัมพันธ์กับเขา "เอ่อ เปาโล ผมรู้สึกสนุกกับมื้อเที่ยงวันนี้มาก แต่ " "ขอน้ำดื่มสักแก้วได้ไหมครับ?" เขาตัดบทผมก่อน "อ่ะ ครับ ผมไม่ค่อยมีอะไรติดบ้าน คุณจะรับโคลาหรือเบียร์?" "แค่น้ำเย็นสักแก้วก็พอครับ" ผมเดินเข้าไปในส่วนที่กั้นเป็นครัว น้ำแข็งจากตู้เย็นแล้วไขน้ำจากก๊อกใส่ลงไปในแก้ว ก่อนจะเดินกลับออกมาในส่วนนั่งเล่น ซึ่งเปาโลยังนั่งอยู่ที่โซฟา แต่ตอนนี้เขาถอดเสื้อแจ๊คเก็ตออก และปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนออกสองถึงสามเม็ดเผยให้เห็นแผงอกแข็งแรง ผิวของเปาโลไม่ได้ขาวซีด แต่ทว่าเป็นสีแทน เหมือนคนที่ชอบออกกำลังกายกลางแดด ใบหน้าคมเข้มนั้นแหงนพักกับพนักพิงและหลับตา เขาดูเหมือนรูปปั้นที่เปล่งประกายระยิบระยับ ดูไม่เข้ากับอพาร์ทเมนท์ซอมซ่อของผมแม้แต่น้อย และแน่นอนว่าเขาก็ไม่เหมาะกับผมเช่นกัน ผมตัดสินใจเอ่ย "เปาโล ทั้งหมดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด" เขาผงกศีรษะขึ้น แล้วจ้องมาทางผม "เข้าใจผิดอะไร?" ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจจริง ๆ เขาลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินตรงมาที่ผม ผมคงจะไม่ประหลาดใจถ้าเขาจะรวบตัวผมไว้ในอ้อมแขนเหมือนในภาพยนตร์ที่เคยดู ก็ท่าทางที่เขาปฏิบัติต่อผมนี่มันส่อชัดว่าเขามีจิตปฏิพัทธ์ต่อผมอยู่ไม่น้อย แล้วผมก็อยู่กับเขาสองต่อสองในห้องเล็ก ๆ สถานการณ์เป็นใจทุกอย่าง แต่ที่เขาทำก็เพียงรับแก้วน้ำจากมือของผมขึ้นจิบ ท่าทางเขาเหมือนกำลังจิบแชมเปญราคาแพงในงานเลี้ยง ดูเหมือนว่ากริยาอาการของเขานั้นทำไปอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่แกล้งดัดให้เกิดขึ้น "ผมเป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดา ทำงานในสำนักงาน ไม่มีอะไรให้คุณ" ผมพยายามอธิบาย "ผมก็ไม่ได้หวังของมีค่าอะไรจากคุณ แต่คุณไม่รู้สึกหรือว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นระหว่างเรา" เขาวางแก้วน้ำบนเคาน์เตอร์ครัว แล้วหันมาจ้องหน้าผม "คุณไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ?" "ผม เอ่อ " ผมพูดอะไรไม่ออก เพราะดูเหมือนว่าเขาจะรุกเร็วเกินกว่าที่ผมคิด ทั้งที่ผมพยายามจะคิดหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาโต้แย้งกับเขา แต่ก็เหมือนมีอะไรมาอุดปากไว้ ทำไมผมจะไม่รู้สึกอะไรกับเขา นับจากวันที่ได้เจอกับเขา หัวใจผมไม่เคยอยู่เป็นสุขสักครั้ง แม้จะบอกเจนนี่ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเปาโล แต่ในใจของผมนั้นแย้งมาตลอด ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เดินเข้ามาจีบผมอย่างหน้าตาเฉย ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้ผมหวั่นไหว แต่เพราะเขาคือคนที่ผมมองหามาตลอดชีวิต ถึงตอนนี้ ผมไม่สามารถเสแสร้งว่าไม่เข้าใจอะไรได้แล้ว สติผมคงจะขาดผึงไปแล้ว เมื่อคำพูดที่ไม่เคยคิดจะพูดนั้นล่วงพ้นริมฝีปากออกมา "ใช่ครับ เปาโล ผมต้องการคุณ ผมต้องบ้าแน่ถ้าไม่ต้องการคุณ แต่ " เปาโลรวบผมไว้ในวงแขน ก่อนจะประทับจูบบนริมฝีปากของผมเพื่อปิดเหตุผลต่าง ๆ ที่ผมคิดจะโต้แย้งเขา ผมกอบรับความรู้สึกนั้นไว้ในหัวใจ ไม่มีเหตุผล ไม่มีสามัญสำนึกใด ๆ ทั้งสิ้น ผมต้องการเขาเท่านั้น นาทีนั้นผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นนางเอกในฉากรักหวานแหววอย่างจูเลีย โรเบิร์ตหรือเม็ก ไรอัน (เจนนี่มักจะยืมวิดีโอรักโรแมนติกพวกนี้มาให้ผมนั่งดูเป็นเพื่อนอยู่บ่อย ๆ) แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็กลายเป็นนักแสดงเกรดบีในหนังวิดีโอสำหรับผู้ใหญ่ไปเสียแล้ว ผมนอนบนโซฟาโดยมีขาของผมพาดอยู่บนไหล่ของเขา เสื้อยืดตัวเก่งของผมถูกถอดโยนทิ้งไว้แถวนั้น และมีลิ้นของเปาโลวนเวียนอยู่แถวยอดอก ก่อนจะเลื่อนตัวต่ำลงเรื่อย ๆ ผมจับศีรษะเขาซึ่งเต็มไปด้วยผมนิ่มสลวย สุขภาพดี ตัดแต่งทรงอย่างเรียบร้อยและพิถีพิถัน ผมสอดนิ้วลูบไล้เส้นผมของเขาและอดร้องครางออกมาเบา ๆ ไม่ได้ เขาเงยหน้าขึ้นมองผม แล้วยิ้มที่มุมปาก "คุณสวยมาก" หัวใจของผมเต้นแรง นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนชมผมด้วยประโยคนี้ โดยเฉพาะคนที่พูดนั้นหน้าตาดีกว่าผมมากมายนัก ผมรีบปฏิเสธ แต่เขาก็เลื่อนตัวขึ้นมาจูบเพื่อปิดปากผมไว้ ก่อนจะถอนริมฝีปากและขยับตัวลงจูบอ้อยอิ่งอยู่แถวหน้าท้องของผม โดยที่มองข้างหนึ่งก็เลื่อนเข้าไปในกางเกงยืดแล้วบีบบั้นท้ายของผมอย่างหนักมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเพื่อขออนุญาต "ไปที่เตียงนะครับ" ผมพยักหน้าอย่างกึ่งกล้ากึ่งกลัว ความกลัวนั้นก็มีอยู่อย่างท่วมท้น แต่ใบหน้าและท่าทางของเปาโลทำให้ผมอยากสนองตอบความต้องการของเขา และก็ของตัวผมเองด้วย เขาก็ช้อนตัวผมขึ้นอุ้มเดินไปยังห้องนอนโดยมีผมชี้ทางให้ โชคดีที่ระยะทางระหว่างโซฟากับเตียงนอนไม่ไกลกันนัก เพียงแต่หกถึงเจ็ดก้าว ผมก็นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงที่มีถุงเท้าและกางเกงชั้นในที่ยังไม่ได้ซักวางเกลื่อนอยู่ ผมตวัดมือปัดมันให้พ้นจากสายตา พร้อมกับคิดว่าพรุ่งนี้ผมคงจะต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่เสียที ถ้าผมยังพอมีแรงลุกไหวนะ เพราะตอนนี้สายตาผมกำลังมองเปาโลที่กำลังถอดเสื้อผ้าอย่างชื่นชมในรูปร่างของเขาที่เหมือนกับรูปปั้นเดวิดของไมเคิล แองเจลโล ทั้งมีเสน่ห์และปลุกเร้าให้หลงใหล เปาโลตรงเข้ามาที่เตียงนอน แล้วเริ่มใช้จมูกและปากซุกไซ้ไปทั่วร่างจนผมต้องบิดตัวและครางออกมาโดยไม่รู้ตัว มือของเขาลูบที่สีข้างของผมพร้อมกับต่ำลงมา ก่อนจะรูดกางเกงผ้ายืดของผมออกจากตัว พร้อมกับค่อย ๆ แยกขาทั้งสองข้างของผมออกจากกัน และช้อนสะโพกของผมขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวก เขาใช้ริมฝีปากสัมผัสต้นขาด้านใน และใช้ลิ้นหยอกเย้าผิวเนื้อบริเวณนั้น ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหาส่วนที่อ่อนไหวของผมที่ตอนนี้มันตื่นตัวเต็มที่ ผมเริ่มวิตกจริตนิด ๆ ว่าผมอาจจะมีกลิ่น ทั้งที่ผมก็เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จก่อนที่คุยโทรศัพท์กับเจนนี่ แต่ดูเหมือนเปาโลจะเพลิดเพลินกับมันอยู่ ผมจึงพยายามตัดกังวลแล้วสนุกไปกับกิจกรรมครั้งนี้ ริมฝีปากของเปาโลทั้งอบอุ่นและชื้น โดยเฉพาะลิ้น อืมม์ ลิ้นของเขา ผมสะดุ้งเมื่อตระหนักว่าลิ้นของเขามันป้วนเปี้ยนอยู่แถวไหน นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้กับคนทุกคนแน่นอน เพราะมีน้อยคนนักที่จะทำอย่างนี้ให้กับคนอื่น หมายถึงตอนที่มีใครพยายามจะเอาลิ้นใส่ไปในที่ตรงนั้นของอีกคน ผมร้องครวญครางพร้อมจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น ผมรู้สึกว่างเปล่าเมื่อเปาโลเลื่อนตัวขึ้น แล้วเขาก็ค่อย ๆ ยกขาของผมขึ้นพาดบ่าเพื่อเปิดทาง ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนตัวเข้าแนบชิด ผมพยายามเปิดทางให้เขาเข้ามาในตัว แต่มันค่อนข้างจะยากสักหน่อยสำหรับมือใหม่อย่างผม แต่นับว่าเปาโลมีความอดทนและความพยายามสูงทีเดียว สำหรับผมที่ค่อนข้างจะขี้กลัวอยู่บ้าง แต่ในที่สุดเขาก็เข้ามาอยู่ในตัวของผมจนได้ แต่ตอนนั้นผมก็มองหน้าเขาไม่ค่อยชัดเพราะน้ำตาของความเจ็บนั้นซึมกลบไว้ เขาจูบซับน้ำตาของผมอย่างอ่อนโยนก่อนจะเริ่มเคลื่อนสะโพกเข้าออก ซึ่งแม้จะดำเนินไปอย่างเชื่องช้าในช่วงแรก ๆ แต่หลังจากนั้น ผมก็เริ่มจะสนุกไปกับมัน และเขาก็เริ่มเร่งจังหวะเมื่อเห็นว่าผมเริ่มชิน ความสุขนั้นมีช่วงเวลาไม่ยาวนัก เพราะในที่สุดผมก็ถึงจุดที่ผมอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะเราทำกิจกรรมนี้มานานพอดูแล้ว ผมจิกนิ้วลงบนหลังของเปาโลอย่างลืมตัว พร้อมกับร้องออกมาเสียงดังลั่น ผมระแวงว่ามันคงจะดังไปถึงถนนแน่นอน หวังว่าคงจะไม่มีใครขวัญอ่อนถึงกับโทรแจ้งตำรวจ ภายหลังจากที่ผมปลดปล่อยแล้ว ก็ถึงคิวของเขาบ้าง "ผมจะเสร็จแล้วนะ" เขาหอบคราง
แล้วเขาก็ทำในสิ่งที่วิเศษที่สุด เขาร้องออกมาเป็นชื่อของผม พร้อมกับฉีดพุ่งสายน้ำอุ่นเข้ามาในร่าง วันรุ่งขึ้น เขาสวมเสื้อผ้า ผมจูบเขาแล้วถาม "เมื่อไรผมจะได้พบคุณอีก?" "สองหรือสามวัน เร็วที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้" เขาให้สัญญากับผม และผมก็เชื่อเขา **** ผมเจ็บร้าวที่หัวใจ ผมด่าตัวเองที่โง่เง่า เปาโลไม่ได้โกหกผม แต่ผมโกหกตัวเอง ผมรู้ทั้งรู้ว่าเขาทำอาชีพอะไร แต่ผมก็ยังทำใจไม่ได้เมื่อรู้ว่าเขากอดกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ผม ตลอดทั้งวันผมรู้สึกหมดเรี่ยวแรงก่อนจะกลับไปบ้านแล้วร้องไห้ตลอดทั้งคืน วันถัดมา ผมรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย เหมือนกับบาดแผลที่ต้องใช้เวลาในการเยียวยา แม้จะไม่มีเลือดไหลแต่ถึงกระนั้นก็ยังคงกลายเป็นแผลเป็นให้จดจำไปอีกยาวนาน คืนนั้นคงเป็นคืนแรกและคืนสุดท้ายระหว่างผมและเปาโล ผมดูโทรทัศน์ด้วยสมองที่ว่างเปล่า มองไม่เห็นภาพตรงหน้าแม้แต่น้อย แต่ผมไม่อยากนอนบนเตียงที่ยังมีกลิ่นของเปาโล ทั้งที่รู้ว่าเขาจะไม่กลับมาแล้ว แต่ผมก็อยากจะเก็บความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับเขาไว้ เสียงเคาะประตู ผมลุกขึ้นเปิดประตูเพราะคิดว่าคงจะเป็นเจนนี่ เพราะหลายครั้งที่ผมห่างหายไปจากชีวิตของเธอนานหน่อย เธอก็จะแวบมาดูผมสักครั้ง เพราะถ้าผมเกิดเป็นอะไรขึ้นมา อย่างเช่นโดนพวกย่องเบาปาดคอเพราะไม่มีทรัพย์มากพอให้โจรกรรม หรืออาจจะสะดุดอะไรในห้องแล้วหัวฟาดพื้น เธอไม่อยากให้ศพของผมเน่าอืดคาห้อง แต่เมื่อผมเปิดประตู ผมก็พบกับช่อกุหลาบขนาดใหญ่
และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับใบหน้าคมเข้มของเปาโล เขาฉีกยิ้มกว้าง "สวัสดีครับ วิลเลียม ผมมีเวลาหกวันที่จะอยู่กับคุณ คุณอยากจะทำอะไร เดี๋ยวก่อน" ผมหมุนตัวกลับ แต่ไม่ได้ปิดประตู หัวใจของผมทรยศอีกแล้ว เสียงของเปาโลแว่วตามหลังผมมา "วิลเลียม? วิลเลียม เกิดอะไรขึ้นที่รัก?" "เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ? ผมเห็นคุณเมื่อวานนี้ กำลังขึ้นรถไปกับผู้หญิงคนหนึ่ง คุณจูบเธอ" ผมสติแตกไปแล้วในตอนนี้ "แล้ว?" เขาถามกลับด้วยสีหน้าปกติ "แล้วอะไร? คุณทำอย่างนี้ได้ไงกัน?" ผมร้องถาม เขามองผมเหมือนกับว่าผมเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลที่สุดในโลก "ผมไม่เข้าใจ" "ผู้หญิงคนนั้นไง คุณควงกับเธอใช่ไหม คุณออกไปกับผู้หญิงพวกนั้น คุณป้อนคำหวานกับพวกเธอว่าเธอสวยขนาดไหน คุณจูบเธอ แล้วคุณก็มีเซ็กส์กับพวกเธอใช่ไหม?" "ใช่" เขาตอบรับ ผมสูดหายใจเพื่อระงับโทสะ "แล้วคุณมาที่นี่ทำไม?" "ผมมาที่นี่เพราะผมอยากอยู่กับคุณ ผมมาที่นี่เพราะผมคิดถึงคุณ คิดถึงใบหน้าของคุณ ดวงตาของคุณ มือของคุณ ตัวของคุณ ผมต้องการคุณและขาดคุณไม่ได้ และนี่คือเหตุผลที่ผมมาที่นี่" "คุณพูดกับผู้หญิงพวกนั้นแบบนี้ด้วยหรือ?" ผมประชดเขา "เป็นบางครั้ง แต่มันแตกต่างกัน" "แตกต่างกันยังไง?" "แตกต่างกันตรงที่ เมื่อผมพูดแบบนี้กับคนอื่น ผมไม่ได้คิดแบบนั้น แต่กับคุณ ผมคิดอย่างที่ผมพูดออกไป" "คุณทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน คุณขายตัวเองให้กับผู้หญิงพวกนั้นเพื่อเงิน" "มันเป็นสิ่งที่ผมต้องทำ เหมือนกับคนอื่น ๆ คุณใช้เวลาในที่ทำงานเพื่อทำในสิ่งที่ต้องทำ ทำในสิ่งที่เขาบอกให้คุณทำ พูดในสิ่งที่เขาต้องการให้คุณพูด" "มันไม่เหมือนกัน!" ผมแย้ง "ไม่ต่างกันหรอกที่รัก" เขาอธิบาย "คุณทำงาน ผมก็ทำงาน คุณหาเงินเพื่อเลี้ยงชีพ ผมก็เหมือนกัน" ผมมองหน้าเขาในขณะที่เขาสวมกอดผมไว้ ผมไม่ขัดขืน ผมไม่ได้กอดเขาตอบ แต่ผมก็ไม่ขัดขืนอ้อมแขนของเขา เขากระชับวงแขนให้แน่นขึ้น "แต่ว่านี่คือสิ่งที่ผมไม่ขายให้ใคร เป็นสิ่งที่ผมเก็บให้คุณคนเดียวนะวิลเลียม สำหรับลูกค้า สิ่งนี้จะต้องแลกด้วยเงิน จูบของผมจะต้องมีราคา เวลาที่ผมอยู่กับพวกหล่อนจะต้องมีค่าตอบแทน แต่สำหรับคุณ ผมไม่ขออะไรจากคุณเลยนอกจากหัวใจ ขอหัวใจของคุณให้ผมเถอะนะวิลเลียม แล้วผมจะมอบหัวใจของผมแก่คุณ นะครับ" ผมเงยหน้าขึ้นมองเขา และระลึกขึ้นได้ว่า เขาไม่เคยขออะไรจากผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาจ่ายเงินเพื่อผมด้วยซ้ำ และเมื่อเรามีเพศสัมพันธ์กัน เขาได้มอบทุกอย่างให้กับผม เหมือนกับผมที่มอบทุกอย่างให้กับเขาเช่นกัน ผมผ่อนคลายและเมื่อเขาจูบผม ผมก็สนองตอบเขาด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้น ผมอาจจะโง่ที่คบกับคนที่มีอาชีพอย่างเขา แต่ผมปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่า ผมรักเขา The end 20/03/04 แปลและดัดแปลงจากเรื่อง The Heart of a Gigolo ของทอมมี่ฮอว์ก
|