คุณปรัธยาน์ภรณ์ สงค์รอด ประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี เล่าว่า
เธอเคยมาวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๕ แล้วไม่ได้มาอีก เพราะเชื่อข้อมูลในทางลบ ซึ่งหนังสือพิมพ์ได้เคย เผยแพร่ผิดความจริง เอาไว้ว่า วัดไปไล่ที่ชาวนา
ครั้นเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๓๘ มาปฏิบัติราชการในหน้าที่ประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี ได้มาวัดพระธรรมกายบ้างเป็นบางครั้ง เวลา ทางวัดมีกิจกรรมที่ต้องทำข่าว ได้มีโอกาสประสานงาน กับนักข่าว ภายในพื้นที่ของจังหวัดเกือบ ๕๐ คน จึงพอได้ทราบความจริง ของวัดในอดีต ทำให้ แก้ความเข้าใจผิดเดิมลงได้
โดยเฉพาะคุณสามารถ จิตสว่าง นักข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และคุณสมบัติ ศิริเสรีวรรณ นักข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ประจำจังหวัด ปทุมธานี ให้ข้อมูลที่ถูกต้องว่า
ความจริงเมื่อ มีผู้บริจาคเงินซื้อที่ดินเพื่อขยายวัดในระยะแรกนั้น ทางวัดยังไม่ได้ใช้พื้นที่ จึงให้ผู้เช่านา ซึ่งได้รับเงินค่าชดเชยแล้ว อยู่อาศัย ไปก่อนชั่วคราว จนกว่าทางวัดจะต้องการใช้ที่ดิน จึงให้โยกย้ายออก ครั้นเวลาทางวัดต้องการใช้พื้นที่ ผู้เช่านาบางส่วนได้รับการปลุกปั่น ยุยงจาก คนภายนอก ให้เรียกร้องค่ารื้อถอน และอื่นๆ เพิ่มเติมจากเงื่อนไขเดิม ที่ทำไว้ เมื่อไม่ได้ตามที่คิด พวกยุยงที่ได้รับการจ้างวานมา ให้ทำลายวัด เพื่อผลประโยชน์ของตน ก็ยุพวกอดีตผู้เช่านา ให้ทำเรื่องราวต่างๆ เพื่อให้ร้ายวัดขึ้นมา
สื่อมวลชนในยุคนั้นไม่ได้ สืบสวนให้รอบคอบเสียก่อน พากันประโคมข่าวซึ่งเป็นข้อเท็จทั้งหมด ทางวัดเป็นฝ่ายพระศาสนา ไม่มีโอกาส ชี้แจง จึงถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ อยู่เป็นเวลานาน แม้กระทั่ง มีการฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นศาล ซึ่งศาลได้ ตัดสินให้ทางวัดชนะความ แต่คนส่วนใหญ่ ก็ยังคงเชื่อข่าวเดิมๆ อยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้หมดโอกาสทำบุญใหญ่ไปตามๆ กัน
นับว่าเป็นความโชคดีของคุณปรัธยาน์ภรณ์ ที่ได้ฟังคำชี้แจงที่ถูกต้องจาก นักหนังสือพิมพ์ทั้งสองท่าน ทำให้ได้กลับมาทำบุญต่อที่วัด และได้มีโอกาสสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวประดิษฐานที่แกนกลาง มหาธรรมกายเจดีย์ทัน ก่อนหมด อย่างหวุดหวิด
เธอได้เล่าว่า วันนั้นเป็นวันสุดท้ายของการทำบุญสร้างองค์พระธรรมกาย ปิดแกนกลาง มหาธรรมกายเจดีย์ นายแพทย์พรชัย ได้แวะมาที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์จังหวัด เพื่อติดต่อราชการ และถือโอกาสชักชวน คุณปรัธยาน์ภรณ์ ให้ได้ทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำตัว ประดิษฐานที่ แกนกลาง มหาธรรมกายเจดีย์ เพื่อบูชาธรรม พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พร้อมทั้งให้ชมพระของขวัญ พระมหาสิริราชธาตุ ของคุณหมอเองด้วย
คุณปรัธยาน์ภรณ์เห็นพระของขวัญแล้ว อยากทำบุญทันที เวลานั้นเย็นมากแล้ว ตนเองก็มีเงินติดตัวอยู่เพียง ๖ พันบาท คุณหมอได้ให้ยืมเงิน อีก ๘ พันบาท ลูกน้องให้ยืมอีก เกือบ ๕ พันบาท รวมแล้วก็ยังไม่ครบ ๓ หมื่น ต้องรีบไปกด เอ.ที.เอ็ม. ชนิดเบิกเงินล่วงหน้า เมื่อได้เงินครบ ๓ หมื่นบาท ก็รีบนำไปทำบุญ เรียกว่าเป็นนาทีสุดท้าย ทำให้รู้สึกดีใจมาก
ในวันรับพระของขวัญ คุณปรัธยาน์ภรณ์ติดงานราชการ ก็ขอให้คุณหมอพรชัยช่วยรับแทน ในใจคิดว่า พระมหาสิริราชธาตุของตน คงจะมี ธาตุคำแก้วมณีน้อย เพราะอาชีพราชการไม่ร่ำรวย อะไร ก็เป็นจริงตามนั้น มีริ้วทองที่องค์พระด้านข้างและด้านหลัง ซึ่งเป็นเสมือนรัศมีออกมา ซึ่งลักษณะขององค์พระ ตรงกับอาชีพการงาน เพราะหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เสมือนกับการปิดทอง หลังพระ สำหรับผู้มีอาชีพค้าขาย มักจะได้ องค์พระ ที่มีธาตุคำแก้วมณีสีทอง เหลืองอร่ามอยู่ ด้านหน้าจำนวนมาก
จากนั้นมา เธอได้ตั้งใจชักชวนผู้คนให้ทำบุญสร้างองค์พระภายนอกมหาธรรมกายเจดีย์ ได้แจกหนังสืออานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ และ แผ่นภาพพระมหาสิริราชธาตุ ส่วนมากเป็น คนที่ทำงานบนศาลากลางจังหวัดปทุมธานี จนครั้งหนึ่ง เธอได้ให้ภาพพระมหาสิริราชธาตุ แก่คุณ บุญรอดไว้ภาพหนึ่ง เพื่อใช้อธิษฐานจิตเวลาพูดชวนคนทำบุญ
เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ได้ไปพบคุณบุญรอด เพื่อนำหนังสืออานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุ ไปให้หนึ่งเล่ม คุณบุญรอดได้บอกว่า ผมพาญาติ ไปทำบุญสร้างพระภายนอก ได้ถึง ๗ คน แต่ไม่พบพี่ ผมจึงทำบุญกับหลวงพี่ ได้รับใบอนุโมทนาบัตรมาแล้ว แต่พระของขวัญคง จะได้รับราวเดือน มกราคม ๒๕๔๒
คุณปรัธยาน์ภรณ์แนะนำเพิ่มเติมว่า ให้ชวนใครไปทำเพิ่มอีก ๓ องค์ ให้รวมได้ เป็น ๑๐ องค์ คุณบุญรอดจะได้พระคะแนน สุด สุด เป็น พระของขวัญเพิ่มอีก ๑ องค์ คุณบุญรอดก็ไปทำตามจนสำเร็จครบ ๑๐ องค์ คุณบุญรอดปลาบปลื้มใจมาก จึงได้ไป ชวนคุณแม่ของสามี รวมทั้ง คนอื่นๆ อีกรวมเป็น ๔ ราย
ในด้านอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระมหาสิริราชธาตุที่คุณปรัธยาน์ภรณ์พบมีดังนี้คือ คุณพ่อของเธออายุ ๘๐ ปี บ่นว่า หัวใจเต้นเร็วแรง จนรู้สึกอ่อนเพลียมา ๒-๓ วันแล้ว คุณปรัธยาน์ภรณ์ จึงใช้วิธีอาราธนาองค์พระ มหาสิริราชธาตุ แช่ไว้ในน้ำตลอดคืน อธิษฐานจิตให้น้ำนั้น เป็น น้ำมนต์ตามตัวอย่าง ที่มีคนเคยกระทำแล้วหายป่วย
เมื่อนำน้ำมนต์นั้นมาให้คุณพ่อดื่ม รุ่งขึ้นอาการหัวใจเต้นผิดปกติก็หายไป ส่วนคุณแม่ซึ่งป่วยกระเสาะกระแสะอยู่เสมอ ก็ได้ให้ดื่มน้ำมนต์ ด้วย ก็หายป่วย อย่างน่าอัศจรรย์
สำหรับปรากฏการณ์อัศจรรย์ตะวันแก้วในวันที่ ๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๑ คุณปรัธยาน์ภรณ์ไม่ได้ไปร่วมในเหตุการณ์ แต่เมื่อได้ทราบเรื่อง จากผู้อื่นแล้ว ได้นำมาเล่าให้บิดาฟัง
ผู้เป็นบิดาได้ฟังแล้วจึงได้เล่าเรื่องในอดีตเมื่อราว ๕๐ ปีมาแล้วให้ฟังว่า หลวงพ่อสดท่านเคยอาราธนาพระพุทธเจ้า (พระธรรมกายใน อายตนนิพพาน) มาให้คนเห็นกันด้วยตาเนื้อจริงๆ ส่วนใหญ่แล้ว เด็กจะเห็นกันมากที่สุด ผู้ใหญ่ที่เห็นมีเป็นจำนวนน้อย พระพุทธเจ้าที่เห็น มักเป็นปางสีหไสยาสน์ ลอยอยู่ในท้องฟ้า
สมัยนั้นผู้คนเล่าลือถึงเรื่องนี้กันมาก คนไทยทุกภาคทุกจังหวัด หลั่งไหลมากราบขอบารมีหลวงพ่อสดไม่ขาดสาย พ่อเองอยู่บ้านนอก ห่างจากอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึง ๔๐ กิโลเมตร ต้องแจวเรือ เดินเท้ามาต่อรถประจำทาง ขึ้นรถไฟ และไปวัดปากน้ำ ทางเรือจ้าง ก็ไม่ย่อท้อ ยังพากันไปกราบหลวงพ่อสด
น่าเสียดายที่ปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์สมัยหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ไม่มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานให้แน่นอน จึงเป็นเพียงเรื่องเล่าขาน ต่อๆ กันมา จากคนที่เคยทราบเรื่อง
ต่อมาคุณปรัธยาน์ภรณ์ได้ไปเชิญชวนข้าราชการรุ่นพี่ที่กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ระดับ ๘-๙ ให้ทำบุญ และได้พูด แลกเปลี่ยน ความคิดเห็นกัน คุณวิชัย จันทมฤต พูดว่า นอสตราดามุสทำนายไว้ว่า เมื่อโลกจะประสบพิบัติภัย รุนแรงกันทั้งโลก มองมาทาง ทิศตะวันออกคือทวีปเอเซีย จะเห็นแสงสีทองอร่าม ของดวงอาทิตย์ปกคลุมอยู่ อันเป็นดินแดนสงบร่มเย็น เสมือนเป็นโลกใหม่ของ มวลมนุษย์ แต่ไม่ได้บอกรายละเอียด อย่างอื่นไว้ จึงทำให้สันนิษฐานกันว่า น่าจะเป็นเรื่องการสร้าง มหาธรรมกายเจดีย์ และการเผยแผ่วิชชาธรรมกาย ให้ผู้คนได้ศึกษาและปฏิบัติตาม นำความร่มเย็นมาสู่โลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง
[สารบัญ] [ ๘๒ ] [ ๘๓] [ ๘๔ ] [ ๘๕ ] [ ๘๖ ] [ ๘๗ ] [ ๘๘ ] [ ๘๙ ]