คุณมัชฌิมา มงคลฤกษ์ สามีรับราชการที่กรมราชทัณฑ์ เล่าเรื่องว่า
เคยมาวัดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๑ เพราะต้องการทราบคำแปลของมงคล ๓๘ ที่อยู่ในบทสวดมนต์ เมื่อได้ฟังคำสอนของ หลวงพ่อ ทัตตชีโวแล้ว ชอบใจมาก เพราะท่านอธิบายได้น่าฟัง
หลังจากนั้นได้ห่างเหินไป ไม่ได้มาวัดอีก จนกระทั่งมีความทุกข์ต่างๆ ประดังเข้ามาในชีวิต สามีถูกผู้บังคับบัญชาบีบคั้น ทั้งที่ไม่มี ความผิด ตนเองขาย ก๋วยเตี๋ยวเรือ ก็ขายไม่ดี จนต้องเลิกขาย ลูกชายคนเล็กอายุ ๔ ขวบ เป็นแผลที่ขาจนเน่าลุกลาม รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ธนาคารก็ยึดบ้าน ที่ผ่อนชำระไม่หมดเอาไป ต้องย้ายมาพักบ้านของทางราชการ รถยนต์ก็ยังผ่อนไม่หมด ทำให้คิดถึงวัดพระธรรมกาย จึงชวนสามีไปวัด
สามีไม่ชอบวัดนี้เลยในตอนแรก แต่วัดอื่นก็ไม่ชอบไป เมื่อคุณมัชฌิมา อ้อนวอนมากเข้าจึงจำใจไปด้วย วันนั้นได้มีโอกาสกราบ คุณยาย อาจารย์ จึงกราบเรียนเรื่องอาการป่วยของลูก และให้ท่านดูแผลที่ขาเด็ก คุณยายอาจารย์ท่านมองเพียงนิดหนึ่ง แล้วพูดว่า เพี้ยงหาย แล้วท่าน ก็ฟัง ปัญหาของคนอื่นๆ ต่อไป
สามีคุณมัชฌิมาหมดความอดทน พูดตำหนิคุณยายอาจารย์ว่า ดูซิ ไม่เห็นรักษาอะไรให้ กว่าจะพากันเข้าพบได้แทบตาย พอได้พบได้ยิน คำพูดแค่นี้ จะลูบๆ คลำๆ ขาเด็กสักหน่อยก็ไม่มี
ภรรยารีบห้ามปรามสามีเกรงจะบาปหนัก ตำหนิผู้ทรงศีลทรงธรรม พูดว่า คุณยายท่านมีวาจาศักดิ์สิทธิ์นะ ในเมื่อท่านว่าหายก็ต้องหายซี
กลับจากวัด คืนนั้นอาบน้ำให้ลูกชาย รู้สึกแปลกใจมาก แผลของลูกแห้งไม่มีนํ้าเหลืองเยิ้ม เหมือนทุกวัน รีบเรียกสามีมาดู เขาทำหน้า งุนงง พูดว่า จริงด้วยแฮะ แปลกมาก จากนั้นอีกไม่ถึงสัปดาห์ แผลของเด็กหายไป เหลือเพียงรอยคลํ้าๆ สามีถึงกับออกปาก ยอมรับนับถือ เกิดมีศรัทธา พอทราบเรื่อง การทำบุญสร้างองค์พระ จึงจองสร้างแบบ สะสมบุญ ๒ องค์ แต่ยังส่งไม่ครบ
พอดีมีข่าวเรื่องการสร้างองค์พระเต็มองค์ และจะได้รับพระมหาสิริราชธาตุ สามีจึงขายสร้อยคอทองคำ ของเขา นำไปทำบุญของตัวเอง เพื่อให้ได้พระของขวัญ ส่วนคุณมัชฌิมาพยายาม สวดสรรเสริญจนจำได้ และหมั่นสวดอยู่เสมอ เพราะอยากมีเงินทำบุญ จึงตั้งใจเปิดร้าน ก๋วยเตี๋ยวเรือ ขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้นวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ไปทำบุญที่วัด ได้เห็นเหตุการณ์อัศจรรย์ตะวันแก้ว มีปีติน้ำตาไหลพราก รู้สึกเหมือนตนเอง เป็นคน มีชีวิตอยู่ ในสมัยพุทธกาล เมื่อครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงดำรงพระชนม์ และประทับ อยู่ตรงหน้า เธอจึงรีบอธิษฐานจิต ขอพรอานุภาพ ของพระมหาสิริราชธาตุ หลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ หลวงพ่อทั้งสององค์ ที่วัดพระธรรมกาย และคุณยายอาจารย์ ว่าพรุ่งนี้จะค้าขายอีกครั้ง ขอให้ขายดี
นับเป็นเรื่องอัศจรรย์เหลือเชื่อ วันรุ่งขึ้นเปิดร้าน ใช้ธงหลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ที่ได้รับแจกมาปักบนหัวเรือ ยังไม่ทันปักธงเสร็จ คนทั้งคันรถที่มาเยี่ยมนักโทษ ราว ๒๐ คน เข้ามาสั่งก๋วยเตี๋ยวทันที พูดว่ากลิ่นน้ำก๋วยเตี๋ยวหอมมาก ทำให้รู้สึกหิว จากนั้นคนก็เข้ามาร้านเรื่อยๆ แน่นไปหมด กว่าคนขายจะได้รับประทานอาหารเช้า เป็นเวลาถึงบ่าย ๒ โมง ขายดีจนใครๆ พากันแปลกใจ เป็นอย่างนี้ทุกๆ วัน ร้านคุณมัชฌิมา ขายดีมาก มีรายได้มาก จึงได้ทำบุญสร้างองค์พระสำเร็จ
นอกจากนี้ยังมีความสำเร็จอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องชวนคนให้ทำบุญคือ ปกติแล้ว คุณมัชฌิมาเป็นคน มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องดวงตา ตาแห้งมาก มีนํ้าตาน้อยกว่าปกติ ตาชอบอักเสบ อ่านหนังสือไม่ได้ ดูทีวีไม่ได้ ตาจะแสบพร่าไปหมด เคยรักษาหลายแห่งแต่ยังไม่หาย ออกนอกห้อง ต้องใส่ แว่นกันแดด และสายตาทั้งเอียงทั้งสั้น
จากปัญหาเรื่องของตา เมื่อต้องการอ่านหนังสืออานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุมาก จึงต้องคอยหยอดน้ำตาเทียม แล้วอ่าน ต่อมาภายหลัง คิดว่า อยากอ่านมาก บอดก็บอดเถอะ แล้วไม่ได้หยอดน้ำตาเทียมอีกเลย ก็อ่านได้ตลอดเหมือน คนสายตาปกติทั่วไป หายดีมาจนทุกวันนี้ เธอจึงเล่าเรื่อง ลูกชายหายป่วย และตาของตนเอง หายเป็นปกติ ให้คนรู้จักกันฟัง ซึ่งคนผู้นี้มียาดี ที่นำมาจากเมืองจีน ทาแผลใครๆ ก็หายทุกราย ยกเว้นลูกชาย คุณมัชฌิมา คนผู้นี้เดิมไม่ชอบวัดพระธรรมกายมาตลอด พอฟังคำบอกเล่าแล้ว ได้ทำบุญสร้างองค์พระถึง ๓ องค์
คุณมัชฌิมากล่าวตอนจบว่า ตอนนี้ดิฉันจึงเอาประสบการณ์ของตนเอง เล่าให้พี่น้อง เพื่อนๆ เพื่อชักชวนให้พวกเขา สนใจทำบุญ ความ ศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระนั้น ใครๆ ที่ประสบด้วยตนเอง ต้องรู้ดีที่สุด ถึงจะมีใครมาโจมตีหาว่า เป็นเรื่องโฆษณาชวนเชื่อ เราก็อย่าไปใส่ใจ การร่วมกัน สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ เป็นงานบุญใหญ่ ต้องมีมารมากเป็นธรรมดา ความจริง ถ้ามหาธรรมกายเจดีย์เสร็จ จะมีชื่อเสียง ความศักดิ์สิทธิ์ ดังไปทั่วโลก พวกเราน่าจะได้รับการสรรเสริญ เพราะหมายถึง เราสามารถช่วยกันประกาศ พระศาสนา แพร่หลายได้สืบไป และเรื่องทุกเรื่อง ในหนังสืออานุภาพ พระมหาสิริราชธาตุก็ล้วนแต่ ลงชื่อจริง นามสกุลจริง ไม่น่าสงสัยว่า เป็นเรื่องโฆษณาชวนเชื่อแต่อย่างใด ต้องขออนุโมทนา ในความอดทนของ บรรดาเหล่ากัลยาณมิตรทุกๆ คนมาด้วยค่ะ