ชีวิตของคนไทยในต่างแดนจะเป็นชีวิตที่เข้มแข็ง และต้องอดทนเป็นอย่างยิ่ง ต้องปรับตัวให้ได้ทุกอย่าง ทั้งด้านความเป็นอยู่
วัฒนธรรม ประเพณี เพราะจะต่างกันลิบลับ
ยิ่งประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้า
ทางด้านเทคโนโลยี
เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่าง ในการ
ดำเนินชีวิตต้องรีบเร่ง
จนไม่มีเวลาหยุดทักทายกัน หรือถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกัน ซึ่งตรงข้ามกับชีวิตในเมืองไทย ถ้าอยู่ในชนบทมีเวลามาก
หน่อยก็หยุดทักทาย
ตะโกนทักกันได้ หรือถ้ามีเวลาค่อนข้างน้อย ทักกันไม่ทันก็ยังมีเวลา ยิ้มทักทายกันได้
คุณดรุณี พันธุ์โนราช คือผู้หนึ่งที่ต้องไปใช้ชีวิตในต่างแดน เพราะได้แต่งงาน มีสามีเป็นชาวญี่ปุ่นแดนอาทิตย์อุทัย
ครอบครัวของคุณดรุณี เป็น
ครอบครัวที่อบอุ่น
คุณดรุณีเล่าถึงชีวิตในต่างแดน
ห่างไกลจากแผ่นดินเกิดว่า
ถึงอย่างไร ความมีน้ำใจเ
อื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ซึ่งกันและกัน ยังไม่มากเท่ากับของสังคมไทย ซึ่งเป็นสังคมของเมืองพุทธ และสิ่งหนึ่งที่คุณดรุณีประพฤติปฏิบัติเป็นประจำ
ทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น
ปลอดภัย เหมือนได้อยู่ในแผ่นดินไทย คือเมื่อเกิดความทุกข์ใจ คุณดรุณีจะต้องไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิตามที่ได้อ่าน เจอในหนังสือ
อยากจะตักบาตรพระ
ก็ไม่มีพระให้ตักบาตร
เหมือนเมืองไทย
จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๓๙ มีโอกาสได้อ่านนิตยสารสายใย ทำขึ้นมาเพื่อแจกคนไทยในต่างแดน ในนั้นแจ้งข่าวว่า
มีพระภิกษุจากเมืองไทย
มาเผยแผ่พระพุทธศาสนา มาทำการสอนนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม
พออ่านเจอถึงตรงนี้
คุณดรุณีบอกว่ารู้สึกดีใจมาก
เพราะเป็นสิ่งที่รอคอย
มานาน
ชีวิตครอบครัวขณะนั้นมีบุตร ๒ คน คนโตกำลังเข้าสู่วัยรุ่น ถ้าลูกมีโอกาสได้มาใกล้ชิด ซึมซับกับสังคม แบบชาวพุทธบ้าง เมื่อเขาเติบโต จะได้ มีทางเลือกที่ดีกว่า ในการใช้ชีวิตวัยรุ่นในญี่ปุ่น และที่แน่นอนคือ ตนเองได้ฝึกสมาธิกับพระภิกษุ ซึ่งเป็นเนื้อนาบุญที่ดีเยี่ยม
ตั้งแต่นั้นมา คุณดรุณีก็เดินทางไปทำบุญร่วมกิจกรรม ทางพระพุทธศาสนาที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโตเกียวมิได้ขาด โดยไปกับน้องชายคนรอง อีกคน ที่ไปทำงานในประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน น้องชายทำงานอยู่อีกเมืองหนึ่ง ห่างไกลจากบ้านของคุณดรุณี และศูนย์โตเกียวมาก แต่ด้วยความ ศรัทธาและเชื่อมั่น ในการประกอบคุณงามความดี และเชื่อว่าสิ่งนี้แหละ ที่จะทำให้ชีวิต ได้พบกับความสุข ความสมบูรณ์ในชีวิต อย่าง แท้จริง ถึงแม้ว่า จะต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะ ในการเดินทางไกลสักเพียงไหน ก็ไม่ยอมให้การบำเพ็ญทานรักษาศีล และการเจริญภาวนา ขาดหายไปจากชีวิต และทำหน้าที่ผู้นำบุญอย่างเข้มแข็ง
เพราะปี พ.ศ.๒๕๓๙ เป็นปีแรกๆ ที่เริ่มบุกเบิก
การหาสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรม
ยังไม่ลงตัว
คุณดรุณีเป็นขุนพลกล้าอีกท่าน
ที่ทำหน้าที่นำ ประทีปธรรม
ไปจุดประกายให้เกิดขึ้น
ในดวงใจของชาวพุทธในญี่ปุ่น
ได้บอกบุญชวนทุกคนที่นั่น
ร่วมสร้างพระธรรมกายประจำตัว
สร้าง มหาธรรมกายเจดีย์ ได้ถึง ๑๐๐ กว่าองค์
ทั้งที่ตอนนั้น
ยังไม่เคยกลับมาเมืองไทย
แต่ได้ร่วมเป็น
ประธานรองทอดผ้าป่า ทอดกฐิน ถึง ๔ ครั้ง
ควบคู่ไปกับการปฏิบัติธรรม
นั่งสมาธิภาวนา
ตามที่พระอาจารย์แนะนำ ได้พบความสงบภายใน มีพระรัตนตรัยเป็นทั้งที่พึ่งที่ระลึก
เมื่อมีโอกาสกลับมาเยี่ยมเมืองไทย จึงได้เดินทางมาวัดพระธรรมกาย และความศรัทธายิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อมาได้พบหมู่คณะพี่น้องนักสร้างบารมี ทำให้เกิดกำลังใจในการทำความดีให้ยิ่งขึ้นไป นั่งสมาธิไม่เคยขาดเลย คุณดรุณีได้สร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวให้กับคุณพ่อ คุณแม่ ลูกๆ และน้องทุกคน ได้รับพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุ เมื่อกลับไปญี่ปุ่น ก็หมั่นสวดสรรเสริญ เป็นประจำมิได้ขาดวันละ ๙ จบ
ควบคู่ไป กับ
การทำหน้าที่กัลยาณมิตร สั่งสมบุญทุกรูปแบบที่ญี่ปุ่น
ความเจ็บป่วยภายในร่างกายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในวัฏฏสงสาร คุณดรุณีเล่าว่า เมื่อกลางเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๔๒ อยู่ดี ๆ
ก็เกิดอาการ เท้าบวมขึ้นมา อาการก็มีทั้งปวดทั้งบวม เริ่มจากข้อเท้าลามขึ้นมาจนถึงหัวเข่า จึงไปหาคุณหมอในโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่น
คุณหมอวินิจฉัยว่า
เป็นโรครูมาตอยด์
คุณหมอบอกต้องนอนรักษาตัว
ที่โรงพยาบาล แต่คุณดรุณีไม่สามารถนอนพักรักษาตัวได้ เพราะมีภาระดูแลครอบครัว คุณหมอจึงยอม แต่บอกว่าต้องเดินทางมาตรวจรักษาทุกวัน
ยิ่งนานวัน ก็ยังไม่มีวี่แววว่า คุณหมอจะรักษาถูกโรค เพราะอาการปวดบวมเพิ่มที่ข้อแขนทั้งสองข้าง เวลาอากาศเย็นหรือฝนตก
จะปวด ทรมานมาก ปวดจนถึงกระดูก จนย่างเข้าเดือนที่ ๔
ของอาการป่วย
ก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้เอง
ต้องมีคนคอยพยุงให้ลุกขึ้นได้ก่อน
ถึงจะเดินได้ จำได้ว่า
ครั้งล่าสุดนี้
ถึงขนาดคุณหมอนัดไปเจาะน้ำ
ที่คั่งอยู่บริเวณหัวเข่าทั้งสองข้างออก
วันนั้นเป็นวันที่ถัดจากการไปทอดผ้าป่า
วัน วิสาขบูชา ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๒ ที่ผ่านมานี้เอง อาการก็ยังคงปวดทรมานเรื่อยมา
จนถึงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๒ คุณดรุณีต้องพบความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส วันนั้นฝนตกหนักมาก ตั้งแต่เช้า
อาการปวด
ของร่างกายเพิ่มมากขึ้นทุกที แข่งกับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา อากาศยิ่งหนาวจัด
อาการปวดก็ทับทวี
จนต้องนอนร้องไห้ แน่นหน้าอก
หายใจไม่สะดวก วันนี้นับเป็นวันที่เกิดสภาวะวิกฤตในชีวิต สามีก็ออกไปทำงาน ลูกชายคนโต น้องคิว อายุ ๑๒ ขวบ
เกิดท้องเสียอย่างแรง
ขับถ่ายติดต่อกันหลายครั้ง จนไข้ขึ้นสูงหมดแรง ต้องนอนราบกับพื้นข้างล่างอยู่ปลายเตียงนอนของผู้เป็นแม่
คุณดรุณีสงสารลูกสุดหัวใจ ในขณะที่ตัวเองก็มีความรู้สึกว่า
มัจจุราชราชาแห่งความตาย
มายืนรออยู่ข้างหน้าแล้ว ในสภาวะเช่นนี้
จึง
ตัดสินใจขอพึ่งคุณพระศรีรัตนตรัย คุณครูบาอาจารย์ บุญกุศลที่เพียรสั่งสมมา
จึงสะกดความทรมานในร่างกาย
ด้วยการตะโกน เรียกชื่อ
หลวงพ่อสด พระมหาสิริราชธาตุขึ้นมาว่า
หลวงพ่อช่วยลูกด้วย หลวงพ่อขออย่าให้ลูกปวด ทรมานอย่างนี้เลย ลูกจะขอมีชีวิตอยู่ช่วยงานพระพุทธศาสนาให้ยิ่งๆ ขึ้น จะปฏิบัติธรรม ถวายบูชาธรรมแด่ท่าน
เสร็จแล้วก็ฮึดสู้เกาะข้างผนังพยุงกายลุกขึ้น ไปหยิบองค์พระมหาสิริราชธาตุ ที่มีอยู่ทั้งหมด สวดสรรเสริญ อาราธนาท่าน แช่น้ำอธิษฐานจิต ทำน้ำมนต์ ขอให้รักษาลูกชายให้หาย แล้วให้ดื่ม ส่วนตัวเองก็อธิษฐาน นำองค์พระมหาสิริราชธาตุ มาถูบริเวณแขนที่ปวดบวม ส่วนตรง ช่วงขา ก็อธิษฐานจิตเอา ไม่กล้าถูบริเวณนั้น เพราะรู้สึกว่าไม่ควร และถูบริเวณศีรษะ ให้ลูกชายด้วย
แล้วทั้งสองแม่ลูกก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียทั้งคู่ มารู้สึกตัวตื่นตอนเย็น คุณดรุณีก็พบกับความอัศจรรย์ สามารถเคลื่อนไหวตัวเองได้ แขนทั้งสองข้างที่บวมยุบไปเลย... หายเป็นปลิดทิ้ง และลุกขึ้นเองได้ เดินได้เป็นปกติ ส่วนลูกชายก็บอกว่า อาม้า ลูกไม่เป็นอะไรแล้ว
หายหมด แล้ว ลองจับศีรษะลูกดู ไม่ร้อนแล้ว แล้วลูกก็ลุกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนเป็นปกติ คุณดรุณีทั้งงง ทั้งปีติ น้ำตาเอ่อ ซาบซึ้งในอำนาจของพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
ท่านพึ่งได้จริง
คุณหมอที่รักษาอยู่ก็งง ร้องโอ้โห ของศักดิ์สิทธิ์
พระมหาสิริราชธาตุของเมืองไทย
ช่วยรักษาโรคได้
คุณดรุณีกล่าวถึงบรรยากาศ การเปิดบ้านกัลยาณมิตรที่ประเทศญี่ปุ่นว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับทราบโครงการนี้
จะได้สร้างบรรยากาศ แห่งการ
ประพฤติปฏิบัติธรรม ทุกๆ
คนที่ได้มาพบกัน
และร่วมกันสวดมนต์นั่งสมาธิ
จะพบกับความสงบภายใน
และได้เข้าใจพระพุทธศาสนา
และการ
เผยแพร่การปฏิบัติธรรม
นั่งสมาธิของวัดพระธรรมกายนี้
เป็นสิ่งที่ดีให้ผลดีจริง
กับผู้ที่ลงมือปฏิบัติแล้ว เมื่อทุกคนเข้าถึงสันติสุขภายในแล้ว
จะได้ช่วยสร้าง
สันติสุขภายนอก
ให้เกิดขึ้น
และช่วยกันขยายให้ทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษามาแสวงหาความสุขที่แท้จริงที่มีอยู่ในกายของตัวเอง ด้วยการให้ความรู้สึกที่ดีๆ
เกิดจิตใจสงบ นุ่มนวล แผ่ขยายไปยังคนรอบข้าง ให้ได้รับกระแสแห่งความดีงาม และ
อยากมาลองลงมือประพฤติปฏิบัติ
ด้วยตนเอง ให้ได้สัมผัสกับ
ความดี งามนี้ไปด้วย
คุณดรุณีมั่นใจว่า
ในเวลาอันใกล้นี้
ญี่ปุ่นต้องสว่างไสว
ด้วยบรรยากาศของบ้านกัลยาณมิตร
อย่างแน่นอน
ชีวิตคนไทยในต่างแดนนั้น น่าสรรเสริญเสียจริง มีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา รู้คุณค่าของ การมีศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจ
มีวิริยบารมี เป็นเยี่ยม อย่างเช่นที่น้องชายคุณดรุณี นั่งรถเร็วข้ามจังหวัด มาทำบุญวันอาทิตย์ต้นเดือน และคุณดรุณีเองเป็นผู้นำบุญที่เข้มแข็ง
ไม่ย่อท้อ ต่อความเจ็บป่วย
กระทั่งเดินเองไม่ไหว
ต้องอาศัยคนอื่นช่วยพยุง
ก็ไม่ยอมขาดงานบุญ
ส่วนชีวิตคนไทยในเมืองไทย มีพระพุทธศาสนา มีพระภิกษุดีๆ อยู่ไม่รู้ค่า พากันเชื่อข่าวผิดๆ ไม่ยอมใช้วิจารณญาณ
ช่วยกันเหยียบย่ำ ทำลาย
ทุกรูปแบบ ยิ่งกว่ามือไม่พายเอาเท้าราน้ำ แต่เป็นทั้งไม่พาย ทั้งราน้ำ
และเจาะท้องเรือให้รั่ว
ล่มจมไปเสียเลย น่าอนาถใจ
โรคภัยไข้เจ็บที่คุณดรุณีเป็นอยู่นี้ เข้าใจว่า น่าจะเป็นโรคที่มีสาเหตุมาจากกรรมที่เป็นอกุศลในอดีตชาติของตนเอง เพราะอยู่ ๆ
ก็เกิดเอง
เป็นเองขึ้นมาในตัว ไม่ใช่โรคติดเชื้อจากผู้คนหรือสิ่งภายนอกและเจ้าตัวก็ทนทุกข์ทรมานอยู่ได้เป็นหลายเดือน
ทั้งที่ทราบข่าว อานุภาพ
น้ำมนต์ของ
พระมหาสิริราชธาตุดีอยู่
อาจเป็นไปได้ว่า เวลาที่ผ่านไปทั้ง ๔ เดือนนั้น เป็นเวลาที่ต้องใช้หนี้กรรม
กรรมจึงบันดาลใจ
ให้นึกวิธีแก้ไขอะไรไม่ออก รอจนหมดหนี้ลงด้วย อาการป่วยเพิ่มมาก เพราะอากาศเปลี่ยนด้วย เจ็บปวดถึงที่สุด จึงนึกถึงบุญ นึกถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำ นึกถึงพระมหาสิริราชธาตุ
อธิษฐานจิต
ให้บุญมาช่วยเหลือ จึงได้หายเป็นอัศจรรย์
ส่วนลูกชายที่บังเอิญเจ็บป่วยท้องเสีย เป็นไข้ตัวร้อนเป็นไฟ ในวันเดียวกับที่แม่เจ็บปวดหนักที่สุดนั้น พออธิบายได้ว่า โดยปกติคนเรา
ที่จะมา เกิดเป็นญาติสนิท เช่นพ่อ แม่ ลูก พี่ น้องกันได้นั้น
ไม่ใช่เหตุบังเอิญ
ต่างคนต่างมาพบกันในชาตินี้ ความจริงแล้ว
ล้วนแต่เคยมีบุพกรรม ร่วมกัน
มาในชาติปางก่อนทั้งสิ้น
เคยทำกรรมร่วมกันไว้
ทั้งฝ่ายบุญและบาป
เช่นร่วมมือกันทำบุญ
สร้างสาธารณกุศลสถานต่างๆ
ซึ่งเป็น ฝ่ายดี หรือร่วมมือกันทำ ปาณาติบาต หรืออทินนาทานไว้ อันเป็นฝ่ายชั่ว
กรรมที่ร่วมกันทำไว้เหล่านั้น ยังตามไม่ทัน ยังไม่ให้ผลในชาติก่อนๆ เพิ่งมาตามทันในชาตินี้ ในเวลานี้ กรรมก็เข้าทวงหนี้ทันที
เมื่อทำกรรม
ครั้งนั้นไว้ด้วยกัน พร้อมกัน เมื่อมาทวงหนี้ทัน ก็จะทวงกับคนทั้งหมดเหล่านั้น พร้อมๆ กัน
ด้วยเหตุนี้จึงมักปรากฏว่า ถ้าคนในครอบครัวคนใดคนหนึ่งมีโชคลาภ ได้ทรัพย์ ยศ ชื่อเสียง ความสุขใดๆ อันเป็นผลมาจากกุศลกรรมส่งผล คนอื่นๆ ในครอบครัวนั้นก็พลอยฟ้าพลอยฝนได้รับผลดีเหล่านั้นตามๆ กัน เพราะ ทุกคนเคยร่วมกันทำกุศลกรรมครั้งโน้นด้วยกันไว้
ตรงข้ามถ้าเป็นผลบาปตามทัน ก็จะตามต่อเนื่องพร้อมๆ กันทั่วหน้า ในบรรดาที่ร่วมทำบาปด้วยกันไว้ พ่อตาย แม่เจ็บหนัก
พี่คนโต ค้าขาย ขาดทุน น้องคนรองถูกรถชน น้องคนเล็กสอบตก ฯลฯ ว่ากันเป็นขบวน จึงเรียกว่า มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์จริง ๆ
นี่คุณดรุณีกับลูกชายก็คงเข้าทำนองดังกล่าวนี้ ต้องมีอกุศลวิบากที่เคยทำด้วยกันไว้ตามมาทันพอดีทั้งคู่
จึงพากันเจ็บป่วย
ชนิดไม่มีใคร
พึ่งใครได้ในเวลาเดียวกัน วันเดียวกัน อันเป็นการบันดาลของแรงกรรม ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เมื่อมีบุญปัจจุบันทำร่วมกันอยู่
แรงบุญจึงบันดาล
ให้หนักเป็นเบา หรือเป็นอโหสิกรรม
ครอบครัวใดบังเอิญเป็นดังที่เล่าไว้นี้ ขอได้ทำความเข้าใจเรื่องของกรรมให้ถูกต้อง เพื่อจะได้หมั่นชวนกันทำแต่กรรมดีฝ่ายเดียวตลอดไป