logo1-2.gif (14784 bytes)

Home
News and Articles
Discussion Forum
About Us
Sign our guestbook
button_mail2.gif (1724 bytes)
  title_articles.gif (4423 bytes)

 

ระหว่างผลประโยชน์กับความถูกต้องที่เราต้องเลือก
สุภาวดี ปรางจันทร์

beebee.jpg (22024 bytes)


  ข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนคนไทยหลายแสนคน ที่ให้ความสนใจและหลงไหล กับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์ และมักจะไปเดินดูสินค้าที่ออกใหม่อยู่บ่อยครั้งในแหล่งที่เป็นศูนย์รวมสินค้าทางด้านคอมพิวเตอร์ ที่เราทุกคนรู้จักกันดี คือ พันธ็ทิพย์พล่าซ่า ทุกครั้งที่ได้ไปเดินที่นี่ ข้าพเจ้ามีความรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสินค้าและโปรแกรม (soft ware)ใหม่ๆ ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ ที่มีวางจำหน่ายอยู่เกลื่อนกลาดจนเลือกไม่ถูกว่าอันไหนดีกว่ากัน และนอกไปจากนั้น ราคาที่ผู้ขายเสนอมาก็เป็นราคาที่ถูกแสนถูก จนข้าพเจ้ามีความรู้สึกอยากได้ไปเสียทุกชนิดทุกอย่างที่ผู้ขายเสนอมา แต่ก็ต้องลังเลเลือกเพียงไม่กี่โปรแกรม เพื่อที่จะนำกลับไปศึกษาวิธีการใช้ต่อเองที่บ้าน ซึ่งก็จะกินเวลาอยู่นานกว่าจะศึกษาได้หมดทั้งโปรแกรม แต่ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าเดินดูสินค้าที่มีอยู่รอบๆห้าง จะมีความรู้สึก 2 ความรู้สึกเกิดขึ้นพร้อมกัน ความรู้สึกแรกที่เกิดคือความเพลิดเพลินในการเลือกดูสินค้าแปลกใหม่ พร้อมกันสนนราคาที่ถูกแสนถูก กับอีกความรู้สึกที่ขัดกันคือ เรากำลังสนับสนุนคนให้ทำผิดกฎหมายรวมทั้งเราเอง เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญา เนื่องจาก สินค้าส่วนใหญ่ที่มีอยู่และเป็นที่สนใจสรรหาเลือกซื้อของคนส่วนมากคือ โปรแกรม software ต่างๆที่ ทำเลียนแบบโปรแกรมต้นฉบับเดิม ประสิทธิภาพการใช้งานต่างๆเหมือนกัน สินค้าต้นฉบับจริงทุกประการ ความแตกต่าง ระหว่างสินค้าเลียนแบบ กับสินค้าต้นฉบับก็คือ ประสิทธภาพการใช้งาน ของสินค้าเลียนแบบที่ อาจจะมีประสิทธิภาพไม่เท่าเทียมกับสินค้าต้นฉบับ นอกจากเรื่องของประสิทธิภาพแล้ว สิ่งสำคัญที่ทำให้คนนิยมซื้อสินค้าเลียนแบบก็คือ ความแตกต่างของราคา ซึ่งสินค้าเลียนแบบ มีราคาที่ถูกกว่าสินค้าต้นฉบับเป็นอย่างมาก ตัวอย่างที่เป็นได้ชัดเจนคือ แผ่นซีดีรอมของโปรแกรม Window98 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่บริษัท Microsoft ผลิตขึ้นมานั้น เราสามารถหาซื้อได้ในราคา เพียง 100-150 บาทเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกัน ซีดีรอมต้นฉบับ( full pact )นั่นมีราคาสูงถึง 9,000 บาท และหากเราลองเปรียบเทียบความแตกต่างแล้ว เราจะเห็นได้ว่า เราสามารถใช้งานจากสินค้าลอกเลียนแบบได้เหมือนกันกับสินค้าต้นฉบับทุกประการ ความแตกต่างที่เราพอจะหาเจอก็คือ บรรจุภัณฑ์ของสินค้าต้นฉบับที่พอจะทำให้สินค้าดูน่าใช้กว่าสินค้าเลียนแบบ แต่จะมีใครสนใจบรรจุภัณฑ์ของสินค้า เพราะสิ่งที่เราต้องการนั้นคือโปรแกรมที่อยู่ในแผ่นซีดีรอมต่างหาก ที่เป็นสิ่งที่เราต้องใช้งาน เพราะเมื่อแกะบรรจุภัณฑ์ออกมาแล้วเปรียบเทียบกัน สิ่งที่เราเห็นก็คือแผ่นซีดีรอมเหมือนกัน แล้วใครเล่าจะมายอมเสียเงินที่สูงกว่า กับการที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่ใช้งานได้เหมือนกัน แต่แตกต่างกันเพียงแค่บรรจุภัณฑ์
    ถ้าเราจะมองกันจริงๆเราทุกคนรู้ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น เป็นสิ่งที่ผิดต่อกฎหมายการคุ้มครองการละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญา แต่เรามีทางเลือกที่ดีกว่านี้หรือไม่? คำตอบที่ข้าพเจ้าพอจะมองออกในตอนนี้คือ เราแทบไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากยังคงต้องซื้อสินค้าที่มาจากการลอกเลียนแบบอย่างนี้อยู่ต่อไป เนื่องจากผู้บริโภคทุกคนนั้นต้องการที่จะบริโภคสินค้าที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ ประกอบกับราคาที่เหมาะสมไม่แพงจนเกินความสามารถที่จะซื้อมาอุปโภคและบริโภค และมองในมุมมองของผู้ขายเองก็เช่นกันหากพวกเขาขายแต่สินค้าต้นฉบับที่มีราคาสูง ก็คงไม่มีผู้บริโภคคนไหนตามซื้อสินค้าหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ออกมาใหม่เดือนละหลาย 10โปรแกรม ซึ่งแต่ละโปรแกรมนั้นราคาต้นฉบับสูงมาก ด้วยเหตุนี้เองที่เราทุกคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนที่จะได้บริโภคสินค้าที่มีราคาถูก ทำให้ปัญหาการกำจัดสินค้าเลียนแบบ ไม่สามารถกำจัดได้อย่างสิ้นซาก และถ้าเรามองปัญหาในมุมมองของบริษัทผู้ผลิตสินค้าต้นฉบับแล้ว การกระทำเช่นนี้นับว่าเป็นการสร้างความเสียหายและเป็นสิ่งผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง และเป็นสิ่งที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วนก่อนที่ความเสียหายของบริษัทจะมีมากกว่านี้ แต่ทุกวันนี้ข้าพเจ้าก็ยังคงเห็นว่าสินค้าเลียนแบบเหล่านี้ยังคงมีขายอยู่เกลื่อนกลาด อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ต่างก็มีความพอใจในการได้ซื้อและได้ขาย สินค้าผิดกฎหมายเหล่านี้อยู่ แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อกำจัดการซื้อขายสินค้าเลียนแบบนี้ให้หมดไปได้??
    เราคงต้องหันไปมองในด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์สินค้าเหล่านี้ ว่ามีความเด็ดขาดในการจัดการมากน้อยเพียงใด เมื่อมองไปที่ตัวบทกฎหมายแล้ว เราจะเห็นได้ว่ามาตรการที่จะใช้จัดการกับผู้ที่กระทำผิดนั้นยังมีช่องโหว่อยู่มาก กล่าวคือ เจ้าหน้าที่จะสามารถเข้าไปจับกุมผู้ที่ขายสินค้าเลียนแบบได้ก็ต่อเมื่อ บริษัทลิขสิทธิ์เหล่านั่นเป็นผู้เสียหายที่เข้าไปพบเห็นและทำการร้องเรียนเอง หรือไม่ก็มีประชาชนพลเมืองดีเข้าไปแจ้งต่อบริษัทลิขสิทธิ์ถึงแหล่งที่มีการซื้อขายสินค้าเลียนแบบ แต่การที่ประชาชนจะเข้าไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรงนั้น ไม่สามารถทำได้ ผู้ที่สามารถร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ได้มีเพียงผู้เดียวคือ บริษัทที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือตัวแทนจำหน่ายสินค้าเสียหายเท่านั้น แล้วถ้าเราไม่ใช่ผู้เสียหายเราจะไม่สามารถทำการแจ้งความได้ ยกเว้นที่เราเห็นว่าเป็นความเสียหายต่อรัฐหรือสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เราสามารถแจ้งความกับตำรวจได้ ดังนั้นคงไม่มีพลเมืองดีคนไหนหรืออาจมีแต่น้อยมาก ที่ทนไม่ได้ต่อการกระทำผิดกฎหมายและ พร้อมที่จะจ่ายเงินจำนวนมากกว่าเป็นหลายสิบเท่าเพื่อให้ได้มาซึ่งความชอบธรรม มิเช่นนั้นเราคงไม่เห็นแผงขายแผ่นซีดีรอมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆวางขายกันอย่างเย้ยฟ้าท้าดินขนาดนี้
    แล้วบริษัทแม่ของสินค้าเหล่านี้เล่าจะทำอย่างไรเพื่อที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดลง หากจะให้ส่งสายสืบไปทั่วโลกเพื่อสอดส่องดูว่าที่ใดบ้างที่กระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ในผลิตภัณฑ์ของตน ก็เห็นจะเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ยังเสียค่าใช้จ่ายสูงทำให้ต้นทุนสินค้ามีราคาสูงขึ้นไปอีกเป็นเงาตามตัว แทนที่จะเป็นการแก้ปัญหา กลับเป็นการสนับสนุนให้ปัญหายิ่งเกิดขึ้น ดังนั้นข้าพเจ้ามีความเห็นว่าควรมีการลดราคาสินค้า และเพิ่มกลยุทธทางด้านบริการหลังการขาย เพื่อให้คนทั่วไปที่มีทุนทรัพย์อย่างจำกัด แต่ต้องการที่จะแสวงหาความรู้จากผลิตภัณฑ์ของบริษัทผู้ผลิต ได้มีโอกาสที่จะเลือกซื้อเลือกหามาลองใช้ เพราะแน่นอนหากราคาสินค้าถูกลง พร้อมบริการที่ดีขึ้น ก็จะทำให้ทางเลือกของคนซื้อก็มีมากขึ้น แต่ที่คนนิยมซื้อสินค้าเลียนแบบกันมากก็เนื่องมาจากไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะใช้วิธีการทางนิติศาสตร์เข้ามาช่วยแล้ว ยังต้องใช้กลยุทธหลังการขายเป็นการหลอกล่อ มีการให้รางวัลแก้ผู้พบเห็น หรือกลยุทธด้านการแบ่งกลุ่มลูกค้า โดยเน้นที่ลูกค้าประเภทองค์กรที่มีกำลังซื้อสูง และซื้อเป็นจำนวนมาก
    ปัญหาเหล่านี้ในความคิดของข้าพเจ้าแล้ว บ่อเกิดของปัญหามาจากเรื่องของผลประโยชน์ของแต่ละฝ่ายด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ผู้จำหน่ายและผู้ผลิตสินค้าต้นฉบับเอง ต่างก็ต้องการที่จะแสวงหาผลประโยชน์สูงสุดเข้าสู่ตน จนบางครั้งก็กลายเป็นการสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นกับตัวเองไป สำหรับการที่จะรณรงค์ไม่ให้มีการซื้อสินค้าเลียนแบบนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นการยากที่จะทำได้สำเร็จ ตราบใดที่ มาตรการการจัดการกับ ผู้ละเมิดกฎหมายคุ้มครองสิทธิ และทรัพย์สินทางปัญญา ยังคงไม่เข้มงวดและเปิดช่องโหว่ไว้อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ ไม่กระทำการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าให้ถูกลง ตราบนั้นผู้บริโภคก็ยังคง ซื้อสินค้าเลียนแบบอยู่นั่นเอง เพราะข้าพเจ้าก็เป็นคนหนึ่งเหมือนกันที่ยอมเลือกผลประโยชน์จากการซื้อสินค้าเลียนแบบมากกว่าความถูกต้อง

   กลับไปข้างบน  BACK TO TOP