ปีที่ 2 ฉบับพิเศษ ประจำวันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2542
หลวงพ่อเปิดใจ ขอยอมตายในผ้าเหลือง (ต่อ)
พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ธมฺมชโย)
กรณีเรื่องอวดอุตริมนุสสธรรม
หลวงพ่อพูดอย่างนี้มาตั้งแต่ก่อนบวช จนกระทั่งบวชมาได้ 30 พรรษา กำลังจะขึ้นพรรษาที่ 31 บวชเมื่อวันที่ 27 สิงหา ปี 2512 แต่ว่าได้พูด เรื่องนี้มาก่อน เพราะว่า ปฏิบัติมาก่อนที่จะบวช หลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ท่านก็สอน และท่าน ก็พิมพ์เป็นตำรับตำรา เยอะแยะไปหมด หลวงพ่อ ก็ชวนเขามานั่ง แล้วก็สอนตามที่ หลวงพ่อวัดปากนํ้า ท่านสอนมา ส่วนการรู้เห็น ก็เป็นปัจจัตตัง ถ้าหลวงพ่อเข้าถึง หลวงพ่อก็เห็นของ หลวงพ่อ แล้วก็ชวนกันมาอย่างนี้ ตั้งแต่ก่อนบวช จนกระทั่งปัจจุบันนี้
คนที่จะบอกได้ว่า อวดนี่ หมายถึงผู้ที่บรรลุแล้ว เป็นพระพุทธเจ้า หรือเป็นพระอรหันต์ มาถามว่า นั่งแล้วเป็นอย่างนี้หรือเปล่า เป็นอย่างโน้น หรือเปล่า เป็นอย่างนั้นไหม หรือว่า เราไปอวดอ้างอะไรไหม อะไรต่างๆ เหล่านั้น แต่คนไม่รู้ ไม่ได้ลงมือปฏิบัติ แล้วก็พูด เรื่อยเปื่อย มีอารมณ์สนุก ขยันจะมาล้อ หลวงพ่อเล่นอย่างนั้นว่า อวดอุตริ
ถ้าจะให้หายสงสัยว่า อวดหรือไม่อวด ลงมือปฏิบัติซะ มันมีจริงไหมล่ะ ดวงธรรมก็ดี แสงสว่างภายในก็ดี กายภายใน กายมนุษย์ กายทิพย์ พรหม อรูปพรหม กายธรรมโคตรภู โสดา สกทาคา อนาคา อรหัต กายธรรมในกายธรรม มีจริงหรือเปล่า นิพพานมีจริงมั้ย ลงมือปฏิบัติแค่นั้น ก็จะจบเรื่องกันไป ไม่ต้องมากล่าว อะไรต่ออะไร
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเรื่องจัง อย่าทำเป็นเล่นๆ เป็นเรื่องของชีวิตทีเดียว ถ้าเราปฏิบัติแล้ว ได้เข้าถึง เราก็มีความสุขของเรา เป็นปัตจัตตัง อย่าให้วันเวลา มันผ่านไปเลย ลงมือปฏิบัติธรรม พูดกันไปพูดกันมา มันก็ไม่มีประโยชน์
กรณีเรื่องที่ดิน
เขาตั้งข้อหาให้หลวงพ่อ 3 อย่าง อวดอุตตริบ้าง แบ่งแยกสงฆ์บ้าง เกี่ยวกับเรื่องที่ดินบ้าง เรื่องที่ดิน ถ้าถามว่า อยากได้ไหม อยากนะ อยากได้ เอามาทำไม เอามาซื้อมาขาย เอาไปจำนองจำนำ หรือไปค้ำประกันใครหรือเปล่า เปล่าเลย ที่อยากได้ ก็เพราะว่า จะให้เป็นที่ปฏิบัติธรรม ของหมู่บ้าน
เพราะบางคนเขาไม่สะดวกมาวัด จะมาวัดพระธรรมกายบ่อยๆ ก็ลำบาก นานๆ มาทีปีละ 3 ครั้ง มาฆะ วิสาขะ กฐิน มาได้ แต่จะมาบ่อยๆ ก็ลำบาก จะได้อาศัยที่นั้นปฏิบัติธรรม ทีนี้ถ้าทุกหมู่บ้าน มีที่ปฏิบัติธรรม และเขามาปฏิบัติธรรม แล้วเขาเข้าถึงธรรม เข้าถึงพระธรรมกาย อะไรจะเกิดขึ้น โจรรึ ขโมยรึ หรือว่า คนดีเกิดขึ้นในสังคม เรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าคิดนะ
ทีนี้ มีคนเอาที่มาถวายหลวงพ่อ แล้วเขาก็บอก วัตถุประสงค์ให้เสร็จ หลวงพ่อ ก็ทำตามที่เขาบอก เขาอยากให้เป็นอย่างไร เราก็ตามใจเขา ได้รับมาแล้ว ก็ส่งให้เจ้าหน้าที่ไปดูแล หมายความว่า ผู้รับผิดชอบของหมู่คณะ มีคณะกรรมการ เข้าไปดูแล และหลวงพ่อ ก็หมดหน้าที่กันไป ไม่ได้ติดอกติดใจ ในที่ดินเหล่านั้นเลย
คิดว่าสักวันหนึ่ง เมื่อเรามีทีมและมีทุน เราก็จะทำที่ตรงนั้นให้เกิดประโยชน์ สำหรับเผยแผ่ธรรมะ ก็แค่นั้นเอง ไม่เห็นจะเป็นเรื่อง ซับซ้อนอะไร แต่ต่อมา เขารู้สึกกังวลกับ การที่หลวงพ่อ ได้รับที่เหล่านี้ อยากให้เอาเข้าวัด เข้าวัดก็ดี หลวงพ่อ ก็ไม่ได้ขัดข้อง ก็เซ็นให้ ตอนนี้ เซ็นไปแล้ว แต่เซ็นไปแล้ว ปัญหามันไม่หมด จะจับหลวงพ่อ ปลดออกจากเจ้าอาวาส ไม่ได้ปลดองค์เดียว ปลดทั้งทีมเลย หมู่คณะ ที่ร่วมสร้างวัดกันมา ตั้ง 29 ปี จะปลดออกหมดเลย และยังไม่พอ ยังจะจับสึกกันอีก สึกยังไม่พอ เอาติดคุกติดตะรางอีก
สิ่งที่ออกกฎมา ไม่ใช่ใช้บังคับหลวงพ่ออย่างเดียว ใช้บังคับทั้งสังฆมณฑล ทุกวัดก็จะพลอยเดือดร้อน ใครบวชเป็นพระ ระหว่างเป็นพระ มีสมบัติอย่างนี้เข้า ก็ต้องโอนหมด โดยลำพัง หลวงพ่อ ไม่มีปัญหา โอนเข้าไปเลย อยากได้ก็เอาไป ไม่ติดใจอะไร
แต่บางวัดไม่อย่างนั้น หลายๆ ท่านมาเล่าให้หลวงพ่อฟัง ท่านบอกว่า บวชเป็นพระได้สัก 10 พรรษา โยมแม่ก็เข้ามาหาบอกว่า จะเอาที่มา ถวาย แต่ไม่ให้วัดนะ ให้ท่าน ถามว่า โยมแม่ทำไมไม่ถวายวัดล่ะ ไม่เอา ถวายท่านนั่นแหละ เมื่อบวชต่อมา ท่านก็ได้ทำงานพระศาสนา ก็ใช้ที่ผืนนี้ เอาไปจำนอง ได้เงินมาจ่าย เป็นเงินเดือนของ ครูบาอาจารย์ ที่มาช่วยสั่งสอนพระเณร
พอญาติโยมเอาเงินมาถวาย ก็ไปไถ่ถอนกลับมา เอาเข้าเอาออกอย่างนี้ อยู่ตลอดเวลา เพราะที่วัดท่าน เปิดเป็นโรงเรียนบาลี ปริยัติสามัญ มีสอนทางโลกด้วย ทางธรรมด้วย ทางรัฐบาล กว่าจะให้งบมา ก็นานๆ ทีหนึ่ง ทั้งค่าครู ค่าอาหาร ค่าอะไรต่างๆ ท่านต้องหากันเอง ทั้งนั้น ก็ได้ที่ผืนนั้น ทำประโยชน์แก่ พระศาสนา เป็นอย่างนี้ จำนวนมากหลายวัด
ทีนี้ถ้าบังคับหลวงพ่อให้โอน แล้วไปกระทบสังฆมณฑล อันนี้เป็นสิ่งที่หลวงพ่อ ฟังดูแล้ว ใจมันสลดหดหู่ ทีนี้ถ้าไม่บังคับสังฆมณฑล จะมาขยัน ใช้บังคับเฉพาะ หลวงพ่อ เพราะรักหลวงพ่อมาก คนเดียว กฎหมายออกมา ใช้บังคับกับคนเดียว มันก็แปลก แล้วท่านผู้รู้ท่านบอกนะ มันไปแย้งกับ กฎหมายรัฐธรรมนูญ และยังไปแย้งกับ กฎหมายแพ่ง เขาบอกว่า พระมีที่ดินส่วนตัวได้ มันแย้งกันไปแย้งกันมา
ทีนี้ ถ้าจะใช้บังคับหลวงพ่อ ก็ต้องไปแก้กฎหมายแพ่ง แก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ อย่างนั้นจึงจะได้ เขาว่ากันอย่างนั้นน่ะ แล้วทีนี้นี่มัน น่าแปลก ขณะ ที่หลวงพ่อ มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่ ยังมีคนจะเอาที่มาถวาย หลวงพ่อถึง 3 ราย รายหนึ่ง จะถวายเป็น 10 ไร่ อีกรายหนึ่ง 100 กว่าไร่ อีกรายหนึ่ง 300 กว่าไร่ หลวงพ่อบอก ยังไม่เอาหรอก เพราะแค่นี้ ก็ปวดหัวตัวร้อน ปวดท้องปวดไส้ กันไปหมดแล้ว ก็ไม่รู้จะทำกันยังไง ลูกเก็บเอาไว้ก่อนเถอะ อย่าเพิ่งเลย
แต่หลวงพ่อน่ะ อยากได้มันทั่วประเทศไปเลย ถ้าหากว่า พอจะมีบุญอยู่บ้าง ยังเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ก็จะตั้งใจทำต่อไปล่ะ ใครเอาที่มาถวาย ถ้าเขาให้โอกาส เอามันทุกหมู่บ้านไปเลย 5-6 หมื่นหมู่บ้านนี่แหละ ตั้งเป็นที่ปฏิบัติธรรม ชวนคนมานั่งปฏิบัติธรรม เรามีที่ เรามีทุน เรามีทีม เราก็ทำกันไป ธรรมะของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะได้ขยายออกไป สันติสุขจะได้เกิดขึ้น
กรณีเรื่องแบ่งแยกสงฆ์
เรื่องที่ 3 เขาบอกว่าหลวงพ่อกำลังแบ่งแยกสงฆ์ ทำให้สงฆ์แตกแยก เราก็มาพิจารณาดู ตั้งแต่บวชองค์เดียว สร้างวัดพระธรรมกาย นั่งอยู่ที่ใต้เต็นท์ มีกองฟาง แล้วเขาก็เอาอาสนะ ให้หลวงพ่อนั่ง แต่เดิมบวชอยู่องค์เดียว วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ.2512 ต่อมา ก็มีหลวงพ่อทัตตะบวช องค์นั้นองค์นี้บวช ค่อยๆ รวมสงฆ์ขึ้นมาเรื่อยๆ นะ จากองค์หนึ่งเป็น 2 องค์ เป็น 5 องค์ 10 องค์ รวมกันเรื่อยมา เดี๋ยวนี้นี่ รวมสงฆ์ได้มากที่สุด ในประเทศนะ ดูเหมือนว่า วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา วันคุ้มครองโลก จะรวมได้ร่วมแสน หลวงพ่อว่า ลูกทุกคนคงพอจะจำกันได้ว่า หลวงพ่อรวม หรือหลวงพ่อทำลาย ให้สงฆ์แตก ออกจากกัน นี่รวมกันมาได้ แสนองค์แล้วนะ แล้วก็ยังคิดต่อไป ถ้าหากยังอยู่นะ ถ้าเขายังให้โอกาส หลวงพ่อ เป็นเจ้าอาวาส แล้วก็ยังไม่อุ้มไปไหน ก็จะทำกันต่อไป
เรื่องอุ้มนี่หลวงพ่อก็พยายามลดน้ำหนัก เพื่อให้เขาอุ้มได้สะดวก จะอุ้มไปไหนก็ตาม สะดวก บางคนก็บอกต้องมี บอดี้กงบอดี้การ์ด หลวงพ่อ บอกไม่เอาล่ะ ถ้าอุ้มก็อุ้มกันไป เขารักเรา เขาเอ็นดูเรา เพราะการจะอุ้ม มันต้องเอ็นดูกัน ถ้าไม่เอ็นดู มันก็ไม่อุ้มกันล่ะ อย่างอุ้มลูก อุ้มหลาน อุ้มอะไร ต่ออะไรกันไป แสดงว่า รักมากจึงอุ้ม ก็จะเตรียมตัวกันอย่างนี้ แต่ถ้าหากว่า ยังไม่โดนอุ้ม และยังเป็นเจ้าอาวาส อยู่ ยังไม่จับสึก
แต่ยังไงแล้ว คงไม่ยอมให้สึกล่ะ ยอมตาย ยอมตายนะลูกนะ หลวงพ่อนี่ยอมตาย ไม่ยอมสึกหรอก จะตายในผ้าเหลือง (เสียง สาธุ) จะตาย ในผ้าเหลือง
เพราะฉะนั้น ถ้ายังอยู่นะลูกนะ จะรวมสงฆ์ให้ได้ทั้ง ภายในและต่างประเทศ เอามาปฏิบัติธรรม (เสียงสาธุ) ให้ลูกๆ ได้มาถวายทาน สร้างมหาทานบารมี ให้ สนุกสนานกันใหญ่ทีเดียว (เสียงสาธุ) ไม่ช้า เราก็จะกลับไปอยู่ที่เดิมกันแล้ว เพราะฉะนั้น สั่งสมบุญกันให้เต็มที่ ถ้ายังอยู่ นะลูกนะ แต่ถ้าไม่อยู่ ก็ทำกันต่อไป แต่ขอยืนยันว่า ไม่เคยคิด ไม่เคยพูด ไม่เคยทำ ที่จะแบ่งแยกสงฆ์ แบ่งแยกนิกายก็ไม่เคย ยังอยู่ในมหานิกาย อย่างนี้แหละ
และยังคิดฟุ้งซ่านไปนะ อยากจะรวม ให้เป็นนิกายเดียวกัน ด้วยซ้ำไป ทั้งธรรมยุติ ทั้งมหานิกาย เอามารวมกันแล้ว เรียกนิกายอะไร ก็แล้วแต่ผู้ใหญ่ ท่านจะเรียก อยากให้เป็นอย่างนั้นด้วย ไม่อยากจะแยก อยากจะรวม นี่คือความในใจ ของหลวงพ่อ แล้วก็อยาก จะรวมกันหมด ทั่วโลกไปเลย ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วก็มองพระพุทธศาสนา ไปอีกพันปีข้างหน้า อย่ามองอยู่ เฉพาะหน้านี้เลย เมื่อปู่ย่าตายาย รักษา พระพุทธศาสนา ตกทอดมาถึงเราอย่างนี้ เราก็จะต้องรักษาต่อไป สืบทอดต่อไป อีกเป็นพันปีข้างหน้า
ทีนี้ เราก็ต้องคิดว่า อีกพันปีข้างหน้า พระพุทธศาสนา จะเป็นอย่างไร จะให้คงอยู่ ให้เป็นเหมือนสมัยพุทธกาล ให้เป็นไปเพื่อประโยชน์สุข ต่อมวลมนุษยชาติ อย่างแท้จริง เราควรจะทำอย่างไร ต้องเริ่มคิดกันแล้ว และก็ต้องเตรียมการ ตั้งแต่นี้ไป ถ้าคิดอย่างเดียว ไม่เตรียมการ ไม่ฝึกหมู่คณะ ไม่ฝึกพระฝึกเณร ฝึกพุทธบริษัททั้ง 4 ให้ทำงาน อย่างมีระบบ มีระเบียบ มีการจัดการที่ดี ถ้าไม่ทำอย่างนี้ ไปไม่ถึงหรอก หรือไปถึง อย่างแกนๆ ดีไม่ดี จะเหมือนอย่าง ในอินเดีย ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด พระพุทธศาสนา แต่พระพุทธศาสนา ไม่ได้อยู่ในนั้นแล้ว ไปอยู่ที่อื่น เหลือแต่ต้นโพธิ์ และสังเวชนียสถาน 4 แห่ง ซึ่งไปเห็นแล้ว ก็ให้เกิดความ สลดสังเวช ที่จริงมีอีกแห่งหนึ่ง ที่น่าสลดสังเวชคือ พระพุทธศาสนา หมดจากอินเดีย หมดไปแล้ว ดังนั้น เราควรจะมองกันไปตรงโน้น ไม่ใช่มองแค่ตรงนี้
อุปสรรคของการสร้างบารมี
การที่หลวงพ่อทำอย่างนี้มา 30 ปี กลายเป็นความผิด กลายเป็น ความหวาดระแวง กลัวว่า จะเป็น ศูนย์อำนาจใหม่ ตั้งลัทธิใหม่ เป็นศาสดา องค์ใหม่ ความหวาดระแวง อย่างนี้ ทำให้การสร้างบารมี ไม่ได้ราบรื่นเลย ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา
หลวงพ่อบวชได้ไม่นาน ก็สร้างวัด สร้างได้ไม่นาน ก็ถูกเพ่งเล็งอย่างนี้ ตั้งแต่อบรม ธรรมทายาท ที่วัดพระธรรมกาย มันใกล้ๆ กับ 14 ตุลา ตอนนั้น นิสิตนักศึกษา เขาก็สนใจ การปฏิบัติธรรม ผู้สนใจ ปฏิบัติธรรมก็มี สนใจ การบ้าน การเมืองก็มี
ถูกเพ่งเล็งตั้งแต่ตอนนั้นเรื่อยมาเลย ทางบ้านเมืองที่เขาดูแล เกี่ยวกับความมั่นคง เขาส่งคนมาปนเป็นอยู่ในนี้ 20 กว่าปีแล้ว จนกระทั่งบัดนี้ เป็นพระก็มี เป็นอุบาสก อุบาสิกาก็มี สาธุชนก็มี ปนอยู่ในวัดนี่แหละ แต่หลวงพ่อไม่สนใจ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จะเป็นตัวแทนของ หน่วยงานไหน ก็แล้วแต่ ที่ส่งมา เพื่อดูแลกำกับ วัดพระธรรมกาย ก็ส่งมาเถอะ เราไม่ว่า แต่ถ้ามาอยู่รวมกันแล้ว ต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามธรรมวินัย ตามกฎเกณฑ์ ของหมู่คณะ
หลวงพ่ออยู่ในสายตาของเขา มาตลอดเวลาเลย หมู่คณะ ก็อยู่ในสายตา อยู่ตลอดเวลา ถ้าผิดจริง มันพังไปนานแล้ว โดยเฉพาะที่หน้าวัด หน้าสภาธรรมกายสากล ทางด้านทิศใต้ เป็นสถานีตำรวจ อำเภอคลองหลวง เขาตั้งมาก่อน วัดพระธรรมกาย ถ้าของเราผิดจริงๆ เขาจับไปแล้ว โดนตั้งข้อหา สารพัด แล้วแต่ว่า ยุคไหน สมัยไหน อะไรมันฮิต เขาก็เอาอย่างนั้น หาว่า เป็นคอมมิวนิสต์บ้าง เอาอาวุธไปฝัง ไว้ใต้ถุนโบสถ์ ในน้ำบ้าง เขาจะขยัน ให้ข้อหา เรื่อยมาเลย เป็นผู้มีอิทธิพลก็มี
ปัจจุบันนี้ ให้เป็นเจ้าลัทธิใหม่ เป็นศูนย์อำนาจ เขาให้ แต่หลวงพ่อ ไม่ได้รับหรอกนะ ตำแหน่งที่เขาให้น่ะ เขาบริจาคมา เราก็ไม่รับ อะไรรับได้ ก็เอา ถ้าที่ดินเอา เงินเอา เอามาสร้างงาน พระพุทธศาสนา ที่ดินก็เอาไว้ สำหรับเผยแผ่ธรรม แต่ว่า ให้อย่างนั้น ไม่รับบริจาค หลวงพ่อ ถือโอกาสพูด ตอนนี้ ใจกำลังสบาย เพราะตอนนี้ ปัญหาหลวงพ่อ หมดไปแล้ว เป็นคนไม่มีปัญหาไปแล้ว เนื่องจาก เขาจะเอายังไงก็เอา ก็ยอมๆ เขาไป
เพราะฉะนั้น ตอนนี้หลวงพ่ออยู่อย่างไม่มีปัญหา สบายอกสบายใจ แต่ว่าขอให้ดูแลสิ่งที่หลวงพ่อฝากฝังเอาไว้ให้ดีนะลูกนะ