เรื่องสั้นไทยในศตวรรษใหม่
จากทัศนะของนักวิชาการและนักเขียนชั้นนำของเมืองไทย
รศ.ดร.
รื่นฤทัย สัจจพันธุ์ นักวิชาการวรรณกรรม
" เท่าที่ผ่านมา
พอจะมองถึงความชัดเจนของเรื่องสั้นในศตวรรษหน้า
ก็ต้องมีพัฒนาการในด้านรูปแบบ
เนื้อหา วิธีการนำเสนอเรื่อง
วิธีการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่มากขึ้น
เนื้อหาก็จะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์กับสังคมในแง่มุมต่างๆ
ปัญหาเศรษฐกิจคงจะเป็นเรื่องใหญ่กลายเป็นวัตถุดิบให้แก่นักเขียน
อีกด้านเป็นส่วนกระทบด้านความล่มสลายในเชิงวัฒนธรรมที่มีมากขึ้น
อีกส่วนก็คือการค้นหาความหมายในแง่ความเป็นมนุษย์
เข้าไปถึงความหมายของตัวตนจะมีปรากฏในงานเขียนมากขึ้น
กลับมามองในเรื่องของมนุษย์นิยม
ปัจเจกบุคคลความเป็นมนุษย์ข้างในมากขึ้น
รุ่นใหม่จะมีกรรมวิธีอื่นๆมากขึ้น
ซึ่งปัจจุบันนี้มีการใชคอมพิวเตอร์กันมาก
ก็เลยใช้ความสามารถทางด้านกราฟฟิกมาใช้ในการเล่าเรื่องเยอะขึ้น
....
เรื่องสั้นไทยค่อนข้างสดใสเรื่องสั้นเราจะมองเห็นรูปแบบเนื้อหา
วิธีคิด วิธีนำเสนอ
ที่ค่อนข้างชัดเจนมาก
มันมีทิศทางที่ไปได้ไกล
มีหลายคนที่ขยันทำงานเทคนิคใหม่ๆ
ออกมาเรื่อยๆ
ไม่ได้หยุดอยู่กับที่
ทดลองงานใหม่ๆมาตลอด
ก็มีหน้าจับตามอง
กลุ่มช่อการะเกดจะเป็นกลุ่มที่รับไม้และส่งต่อไปยังคนรุ่นหลังๆ
ได้อีกเยอะเลย สดใสสบายใจได้ "
วินทร์
เลียววาริณ
นักเขียนแห่งยุคสมัย
และนักเขียนรางวัลซีไรท์ประจำปี
๒๕๔๐
"
ผมคิดว่าเรื่องสั้นไทยในศตวรรษหน้า
หน้าจะมีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น
เพราะว่ากระแสของโลกบังคับให้เป็นอย่างนั้น
ถ้ามองในแง่ของเชิงธุรกิจต่างๆในศตวรรษหน้า
โลกมันจะเป็นใบเดียวกันมากขึ้นจะทำให้มุมมองของเขามันกว้างขึ้น
ก็จะมีนักเขียนใหม่ๆเกิดมา
ทิศทางมันก็จะเปลี่ยนไปเอง
ผมมองในลักษณะที่ว่าทิศทางของเรื่องสั้นมันมีผลมาจากสังคม
สภาพเศรษฐกิจ
ในปัจจุบันนี้จะเห็นภาพแปลกๆ
ที่เกิดมากขึ้น
กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
ส่วนรูปแบบการทดลองแล้วแต่ใคร
ซึ่งมันไม่ใช่หัวใจของการเขียนเรื่องสั้น
เป็นเพียงแต่ขบวนการหรือวิธีการเขียนเท่านั้นเอง
....ก็อาจพูดไม่ได้เต็มปากว่า
เรื่องสั้นไทยอนาคตสดใส
แต่ก็ถือว่าไม่เลวนักทีเดียว
มีพัฒนาการอยู่บ้าง
ไม่ย่ำอยู่กับที่
ผมว่ามันยังมีอนาคตอยู่
ไม่ถึงกับตายไปทีเดียว "
สมพงษ์
ทวี หรือ ดอกไม้ดำ
นักเขียน,กวี
และเป็นนักวิจารณ์ปากกาคม
"
ในแง่ของรูปแบบเรื่องสั้นมีพัฒนาการค่อนข้างสูง
แต่โดยเนื้อหาเป็นพัฒนาการค่อนข้างต่ำ
ในยุคสมัยปัจจุบันหรืออาจก้าวข้ามไปในศตวรรษหน้า
ผมว่าเรายังเวียนว่ายในความหมายของคำว่า
รูปแบบนิยมทางด้านเรื่องสั้นเป็นส่วนใหญ่
นวัตกรรมทางวรรณกรรมคือการสร้างคือการสร้างสิ่งใหม่
ในความหมายของผมต้องใหม่ทั้งโครงสร้าง
ใหม่ทั้งขบวนการ
แต่ว่าที่เป็นอยู่มันใหม่เพียงบางส่วน
เป็นการสร้างจากการถูกกระตุ้นจากสภาพแวดล้อมเท่านั้นเอง
ตัวนักเขียน
คนทำงานศิลปะที่ทำงานขึ้นมา
จริงๆแล้วไม่ได้มีความคิดเชิงขบถที่จะหลีกหนีความซ้ำซากจำเจเก่าๆทั้งโดยรูปแบบและเนื้อหา
ศิลปวรรณกรรมมันเหมือนกับไม้ล้มลุก
ในศตวรรษใหม่ก็ยังสดใสอยู่
ผมเชื่อมั่นว่าศิลปกรรมทั้งปวงไม่มีวันตาย
....แต่จะคลี่คลายไปอย่างไร
มันเป็นเรื่องของอนาคต
เป็นเรื่องของเราที่เราจะต้องเฝ้ามองกันต่อไป
"
จรูญพร
ปรปักษ์ประลัย
นักวิจารณ์วรรณกรรม ดีกรีรางวัล
ม.ล. บุญเหลือ เทพยสุวรรณ
" เรื่องสั้นยุคนี้
คนที่เขียนส่วนใหญ่เป็นคนในรุ่นหนุ่มสาวอยู่ในช่วง
๒๕-๓๕ ปีประมาณนั้น
ส่วนรุ่นใหญ่ๆจะเขียนงานน้อยลง
นักเขียนรุ่นใหม่จะมีลักษณะหนึ่งที่เห็นว่าวิธีการเล่าเรื่องจะไม่เหมือนนักเขียนรุ่นก่อนค่อนข้างจะมีการซ่อนรหัสบางอย่างไว้ในเรื่องสั้น
พออ่านแล้ว
บางทีคนอ่านเข้าใจไม่ได้
ไม่สามารถแกะรหัสของคนเขียนออกว่าเขาพูดถึงอะไร
มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร
ยากที่จะสื่อกับคนอ่าน
ซึ่งมองได้สองอย่าง
ข้อดีคือเป็นสีสันที่แปลกใหม่
ดูแล้วน่าสนใจ
ถ้ามองอีกอย่างหนึ่งคือมันเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มหรือเปล่า
คนส่วนใหญ่อาจจะไม่สนใจตรงนื้
และบางครั้งในความที่เป็นคนหนุ่มสาว
มุมมองความคิดก็ยังไม่ได้แหลมคมเท่าไหรนัก
คืออยากเห็นนักเขียนที่เป็นนักเล่าเรื่องที่ดี
แต่ตอนนี้ทุกคนที่เขียนอยู่
ผมมีความรู้สึกว่าเป็นนักคิดหมดเลย
ยังไม่สามารถถ่ายทอดความคิดผ่านในการเล่าเรื่องให้หน้าสนใจได้เท่าไรนัก
หรือว่ามันติดอยู่กับรหัสอะไรบางอย่างที่ทำให้เรื่องง่ายๆ
เล่าด้วยวิธีการง่ายๆบางทีมันได้ผลมากกว่า
กลายเป็นมาดัดมาแปลงใช้ในรูปแบบที่ยาก
ทำให้คนอ่านไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อออกมาได้
ทำให้สื่อสารไม่สัมฤทธิผล
....ในก้าวต่อไปยังไม่แน่ใจ
แต่เท่าที่มองนักเขียนรุ่นนี้อาจจะโตขึ้น
พบอะไรมากขึ้นในการสื่อสาร
แต่ตอนนี้เขาสามารถสื่อสิ่งที่อยู่ในใจไปให้ได้สมบูรณ์หรือยัง
พวกเขาน่าจะเติบโตขึ้นในศตวรรษใหม่ต้องรอคอยดูกัน
"
เรืองเดช
จันทรคีรี
ผู้จัดการสำนักช่างวรรณกรรม
และคลุกคลีกับช่อการะเกดมาเกือบสิบปี
"
ปัญหาที่ผมอ่านเรื่องสั้นระยะหลังๆ
ทั้งที่รู้ว่าแก่นเรื่องดี
ธีมดี แต่อ่านแล้วอึดอัด
น่าเบื่อ ยืดเยื้อ
ผมเชื่อว่าเรื่องสั้นต้องอ่านจบภายในหนึ่งชั่วโมง
คนอื่นไม่ทราบ แต่ผมมีปัญหา
ในยุคใหม่งานวรรณกรรมต้องเป็นงานสื่อสารมวลชนชนิดหนึ่งที่เราจำเป็นต้องสื่อไปถึงคนอ่าน
นักเขียนต้องคำนึงถึง
มีเนื้อหาแบบนี้จะมีรูปแบบการนำเสนออย่างไรคนจึงจะรับ
ผมให้ความสำคัญของรูปแบบมากกว่าเนื้อหา
เรื่องสั้นในศตวรรษใหม่เล่าเรื่องได้น่าอ่าน
ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเรื่องสั้นมาทุกศตวรรษ
ปัญหาอยู่ที่รูปแบบเพียงคุณจะเขียนอย่างไรให้น่าอ่าน
นำเสนอสิ่งที่ต้องการให้สะท้อนออกไป
แค่เสนอในรูปแบบเรียลลิสติกอาจจะไม่พอเสียแล้วในศตวรรษหน้า
ต้องมีอะไรหลายๆอย่าง
นักเขียนเมื่อผ่านเวลาไปต้องขึ้นมาเป็นตัวจริง
มีพัฒนาการมุ่งไปสู่ความเป็นเลิศของตนได้
มีความเชี่ยวชาญจนถึงขั้นเป็นมืออาชีพในแนวทางของตัวเอง
คำถามที่ อ.ธเนศ เวศร์ภาดา
ที่บอกว่าเรื่องสั้นของไทยนั้นคึกคัก
แล้วคึกคักในส่วนไหน
เรื่องสั้นที่เคยเป็นเครื่องมือสำหรับการอ่าน
เพื่อความรื่นรมย์
แต่เดียวนี้คนอ่านจำกัดมาก
เพราะอ่านแล้วเครียดเกินไปควรจะมีเรื่องสั้นอ่านแล้วสนุกสนาน
อยากให้มีคนอ่านกว้างขึ้น
แทนที่จะเขียนกันเองอ่านกันเองในวงวรรณกรรม
ต้องยอมรับความจริงว่าตลาดมันเป็นอย่างนี้
มันเป็นปัญหาที่ต้องช่วยกันคิด
ห้ามดูถูกคนอ่านโดยเด็ดขาด
เราจะนำเสนอให้เขาอ่านได้อย่างไร
นักเขียนกำลังตกอยู่ในวังวนตัวเอง
ยิ่งในยุคข่าวสาร
การโฆษณาในศตวรรษใหม่
ถ้าทะลุออกมาไม่ได้ก็จบ
ยอมรับความจริงให้มากขึ้น
....อย่าคิดว่านักเขียนเป็นอาชีพศักดิ์สิทธิ์เป็นศิลปิน
นักเขียนต้องเป็นคนธรรมดาที่เขียนหนังสือเพื่อเป็นอาชีพแล้วสื่อสารกับคนอื่นให้ได้
ถ้าสื่อสารกับคนอื่นไม่ได้ก็จบ
คุณก็ไม่เหมาะเป็นนักเขียนแล้วในยุคสมัยใหม่
"
วัฒน์
วรรลยางกูร
นักเขียน คอลัมนิสต์
ที่คร่ำหวอดในวงการวรรณกรรมช่ำชองมากว่าครึ่งชีวิต
"
เรื่องสั้นไทยในศตวรรษใหม่ต้องจับเลือดเนื้ออารมณ์ของยุคสมัยให้ได้
แสดงออกอย่างมีวรรณศิลป์
แต่ต้องมีสาระ
ผมไม่เชื่อว่าเรื่องสั้นคือการอธิบายปรัชญาอย่างเข้มงวด
ภาวะที่เป็นอยู่ปัจจุบันนักเขียนเรื่องสั้นไทยยังไม่มีอะไรออกมาชัดเจนเลย
มันปานประหนึ่งว่าไม่รู้จะไปทางไหนกัน
เอาอย่างไรกันดี
ไม่รู้จะเขียนแนวไหน
นักเขียนต้องมีความชัดเจนในแง่การเล่าเรื่องมีเทคนิคและสาระพอสมควร
โลกจะเชื่อมโยงแค่ไหนก็แล้วแต่
เรื่องมันก็ยังเป็นความเป็นสากลของมนุษย์ถ่ายทอดออกมาอย่างมีเทคนิคมีศิลปะที่ไม่ซ้ำซากไม่ล้าสมัย
สะท้อนออกมาในลักษณะของเรื่องสั้นได้อย่างไร
....ผมเชื่อว่าในศตวรรษหน้าก็ยังไม่หยุดนิ่งแต่มองไม่เห็นชัดเจนตอนนี้เท่านั้นเอง
"
อัศศิริ
ธรรมโชติ นักเขียนรางวัลซีไรท์
ประเภทเรื่องสั้นไทยคนแรก
ปัจจุบันมุ่งไปเอาดีทางเขียนบทโทรทัศน์
"
เรื่องสั้นในศตวรรษใหม่ก็ต้องเป็นไปตามความเปลี่ยนแปลงของสังคม
บ้านเมือง
ผ่านมุมมองของนักเขียน
ประเด็นเนื้อหาที่อิงเน้นหนักเรื่องของสภาพแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนจะมีสูงขึ้น
ที่ผ่านมาก็เริ่มมีเรื่องสั้นในลักษณะนี้อยู่
แต่ว่ายังไม่มีเรื่องที่ถึงจุดที่สมบูรณ์ในการแสดงออกทางศิลปะ
มีแนวโน้มไปทางนั้นแต่จะถึงจุดสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อนักเขียนได้สะสมศิลปะการเขียน
การมองโลก
ประสบการณ์ชีวิตอย่างช่ำชอง
ก็จะเกิดนวัตกรรมที่ดีขึ้นในศตวรรษใหม่
เกิดกองทัพความเคลื่อนไหวที่จะหาจุดสมบูรณ์ทั้งนักเขียนเก่าและใหม่
ต้องทดลองงานใหม่ๆ กัน
ที่ลองอ่านดู
ปัจจุบันอาจจะซ้ำซากน่าเบื่อ
....แต่มันก็เป็นยุคของคนใหม่ๆ
อนาคตที่รออยู่ความสดใสต้องมีอยู่อย่างแน่นอน
วรรณกรรมไม่มีทางที่จะขาดหายหรือล่มสลาย
จะมีคนรุ่นใหม่ขึ้นมาพัฒนางานเขียนผ่องถ่ายซึ่งกันและกัน
"
สกุล
บุณยทัต
นักวิชาการทางการละครจากรั้วศิลปากร
"
มุมมองของคนในปัจจุบันก็ต้องอยู่ในภาวะที่ซับซ้อนพอสมควร
เพราะฉะนั้นโครงสร้างของเรื่องสั้นที่เป็นเป็นมาต้องมีการปรับเปลี่ยนพอสมควร
ความหมายของคำว่าเรื่องสั้นนั้นมีความหมายเปลี่ยนไป
มันต้องมีรูปแบบและเนื้อหาที่ไปกันได้
ไม่จำกัดอยู่แค่ภาษาถ้อยคำที่เหมือนเดิม
ปัจจุบันต้องหักมุมทางความคิดกันแล้ว
มีการแสดงชีวทัศน์และโลกทรรศน์ค่อนข้างมากมันเป็นระยะของการทดลอง
นักเขียนเรื่องสั้นของไทยยุคนี้
แต่ละคนต่างมีแนวทางของตัวเอง
มีรูปรอยทิศทางที่จะเดินต่อไปข้างหน้า
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ
แต่ละคนไม่ได้ย่ำอยู่บนคำสอนเก่า
ความลงตัวไม่ได้ง่ายและงามอย่างสมัยก่อน
ขอให้ทำตรงนั้นอย่างเชื่อมั่นและเข้าใจ
ตรงนี้เป็นจุดสำคัญที่จะพิสูจน์กันต้องหาความสมดุลและดุลยภาพของของงานที่สร้างขึ้น
การเป็นนักเขียนปัจจุบันจำเป็นต้องเป็นนักสังเกตการณ์
นักค้นหารูปแบบและสไตล์ของตัวเองเป็นผู้แสวงหาหนทางอะไรสักอย่าง
ถึงได้มีรูปรอยสไตล์แปลกๆต่างๆ
ให้มาอ่านกัน
....นักเขียนก้าวล้ำไปกว่ากรรมการตัดสินรางวัลหรือนักวิจารณ์จะตามทันเสียแล้ว
นั้นเป็นความจริงหรือเปล่า
นี่เป็นคำถาม? "
"
สำหรับนักเขียนมือใหม่หรือสมัครเล่นน่าจะเป็นนักเล่าเรื่องที่ดีและสื่อสารกับผู้อ่านได้ดีเนื่องจากไม่มีข้อจำกัดหรือกรอบความคิดเดิมๆ
จึงเป็นโอกาสที่ดีในศตวรรษใหม่ที่จะได้มีผลงานที่แตกต่าง
"
You are poet2543
| Home | การแต่งร้อยแก้ว | การแต่งร้อยกรอง
| วิธีการร่วมสนุก | About Us | Top |
Weekly Poems | วันจันทร์ | วันอังคาร | วันพุธ | วันพฤหัสบดี | วันศุกร์ | วันเสาร์ |
วันอาทิตย์ |
| นวนิยาย | บทละคร | เรื่องสั้น | บทความ | เรื่องที่อยากเล่า | นิทาน | ตำนาน-ชาดก | แนะนำหนังสือ | สาระ-เกร็ดความรู้ |
7Smooth.com Group
Copy Right 1999
poet2543@hotmail.com | poet2543@7smooth.com