Logo003poet2543.gif (2019 bytes)

Novel003.gif (5547 bytes)

นวนิยาย    เรื่องสั้น   บทความ

Ani004LHummbird.gif (2404 bytes)

บทความแปล

เอล นินโญ มันคืออะไร ?

                             ยังมีอะไรอีกหลายเรื่องที่เราจะต้องเรียนรู้ เกี่ยวกับการที่โลกร้อนขึ้น แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่มักจะเป็นหัวข้อสนทนาประจำวันของพวกเราหลายคนในปัจจุบันของเราคือ เรื่องของสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป

                             ลักษณาการอย่างหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงของอากาศ ที่มีการเผยแพร่ข่าวสารความรู้ให้แก่กันในช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็คือ เอล นิญโญ (El Nino)

                             เมื่อประมาณ ๔๐๐ ปีมาแล้วชาวประมงเปรูที่จับปลาแอนโชวี่ มีกำหนดเวลาที่แน่นนอนในการออกจับปลาของพวกเขาในฤดูใบไม้ร่วงเป็นประจำทุกปี ซึ่งในเวลานั้น จะเป็นช่วงที่กระแสน้ำนอกชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกเย็นลงแล้ว มักจะมีปลาตัวเล็กๆ ปรากฎตัวเวียนว่ายในบริเวณนั้นจำนวนมหาศาล

                             แต่เจ้าปลาแอนโชวี่ที่ปรากฎให้เห็นในปัจจุบันมีเหลืออยู่เพียงส่วนหนึ่งของจำนวนที่เคยพบมาก่อนเท่านั้น ชาวประมงพบว่าสาเหตุดังกล่าวเกิดจากกระแสน้ำมีความร้อนกว่าปกติ ร้อนเกินกว่าที่ฝูงปลาดังกล่าว อยากจะมาใช้ชีวิตอยู่ในบริเวณนั้น

                             การที่น้ำมีอุณภูมิสูงกว่าปกติในเดือนธันวาคมซึ่งผิดฤดูกาลนี้ นับว่าเป็นปรากฎการณ์อย่างหนึ่งที่เรียกกันว่า เอล นิญโญ นอกจากนี้ยังเกิดลักษณะของปรากฎการณ์ เอล นิญโญ ขึ้นอีก นอกเหนือจากการที่น้ำร้อนกว่าปกติ นั้นคือ การเปลี่ยนแปลงความกดดันในชั้นบรรยากาศ การเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ระหว่างมหาสมุทรกับอากาศ แน่นอนย่อมต้องก่อให้เกิดผลกระทบกับสภาพภูมิอากาศทั่วโลก

                             ตามปกติแล้ว ความกดอากาศทางแถบตะวันออกจะสูงกว่าความกดอากาศในแถบตะวันตก เป็นเหตุให้ลมสินค้าพัดจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก ข้ามตอนกลางของมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณเส้นศูนย์สูตร ในขณะเดียวกันนั้น มันก็จะพลักดันกระแสน้ำอุ่นให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้าเกิดมีความร้อนและความชื้นขึ้นในอากาศ ก่อให้เกิดเป็นพายุและมีฝนตกในทวีปออสเตรเลียและบางส่วนของทวีปเอเชีย

                             แต่ในทุกๆสองสามปี ความกดอากาศจะมีการเปลี่ยนแปลง เป็นเหตุให้ลมสินค้าพัดสวนกลับลไปในทิศทางเดิม หรือว่าก็สงบราบเรียบไปโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดกระแสอากาศร้อนที่เคลื่อนตัวตรงไปทางทิศตะวันตกสู่ทวีปเอเชีย แล้วย้อนกลับไปที่ทวีปอเมริกาใต้อีกครั้งหนึ่ง

                             ทางแถบตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกกระแสน้ำที่อุ่นจัดนี้ ทำให้เกิดความร้อนและความชื้นในอากาศเช่นเดียวกับที่ควรจะเกิดในแถบตะวันตก ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองที่ก่อตัวสูงมาก เป็นลำขึ้นไปในท้องฟ้าสูงเกือบถึง ๑๐ ไมล์

                             แม้ว่า ทั่วโลกจะได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์เอล นิญโญ ก็ตาม ผลกระทบที่เกิดจากปรากฏการณ์นี้ ก็คงดูเหมือนว่ายังอยู่ห่างไกลนัก นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า ผลกระทบของมัน อาจจะรับรู้ได้ไกลถึงทวีปอัฟริกา และมหาสมุทรแอนตาร์คติกทีเดียว

                              อย่างไรก็ดี การเกิดปรากฏการณ์นี้
สามารถจะรับรู้กันได้อย่างแน่นอนในทวีปอเมริกาเหนืออันเป็นที่ซึ่งมันเปลี่ยนสภาพรูปแบบของกระแสน้ำที่ไหลด้วยความเร็วพัดพาเอาพายุไปยังมลรัฐแคลิฟอร์เนีย และพาเอาอากาศหนาวไม่มากนักไปยังบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

                              แล้วเจ้าปรากฎการณ์ เอล นิญโญ นี้จะเกิดขึ้นไปอีกนานสักแค่ไหน? มีเอกสารบันทึกไว้ในอดีตย้อนหลังไปยังต้นศตวรรษนี้ ประกอบกับการชี้แนะจากประสบการณ์ของชาวประมงเปรูว่า มันจะเกิดถี่ขึ้นใกล้กึ่งกลางปี ค.ศ. ๒๐๐๐ (Millennium) นี้ด้วยซ้ำไป

                              ถึงอย่างไร นักวิทยาศาสตร์ก็จะยังคงศึกษาปรากฎการณ์เอล นิญโญอยู่ต่อไปอีก ด้วยความหวังว่าสักวัน เราคงจะได้เข้าใจถึงการก่อกำเนิดของมัน เพื่อจะได้พบวิถีทางในการพยากรณ์ถึงพัฒนาการในอนาคตที่เชื่อถือได้ของปรากฎการณ์นี้ต่อไป.

เอล นิญโญ

                              คำว่า ENSO เป็นอักษรย่อของคำที่นักพยากรณ์อากาศและนักวิทยาศาสตร์ เรียกเต็มๆว่า El Nino-Southern Oscillation แต่ในที่นี้มิได้มีความหมายถึงกระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิก ทั้งๆที่เดิมทีคำนี้หมายถึง กระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรที่ชาวประมงนอกชายฝั่งเปรูจะพบเสมอในเดือนธันว่าคมของแต่ละปี El Nino เป็นคำในภาษา สเปน แปลว่า "เด็กชาย" (Child Boy) หรือ "พระกุมารเยซู" (Infant Jesus) กระแสน้ำอุ่น ที่กล่าวถึง ถูกเรียกตามชื่อนี้เนื่องจากมันจะปรากฎขึ้นนอกชายฝั่งเปรูในช่วงคริสต์มาสซึ่งตรงกับวันที่พระเยซูเจ้าถือกำเนิดมาในโลกนั่นเอง การใช้คำนี้ในปัจจุบันมีความหมายกว้างขึ้นไปอีก คือ คำว่า "Southern Oscillation" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชื่อเต็ม ได้มาจากการที่ กิลเบิร์ต วอล์คเกอร์ (Gilbert Walker) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษคนหนึ่งได้เฝ้าสังเกตสภาวะกอากาศเมื่อต้นปี ค.ศ. ๑๙๐๐ พบว่าเมื่อความกดอากาศทั่วทวีปออสเตรเลียลดต่ำลง ความกดอากาศของเกาะตาฮิติ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของออสเตรเลียจะสูงขึ้น และจะเกิดขึ้นสลับกันไปมาของสภาวะอากาศระหว่างแถบตะวันตกและตะวันออกในซีกโลกภาคใต้ (Southern Oscillation) ดังกล่าวนี้เอง คือที่มาของชื่อปรากฎการณ์นี้

วิสุทธิจิตรา วานิชสมบัติ แปล   จากวารสาร   "The Lamp"

Poet 2543

Logo0027smooth.gif (5359 bytes)

Ani004LHummbird.gif (2404 bytes)
7Smooth.com Group
Copy Right 1999

poet2543@hotmail.com | poet2543@7smooth.com