![]() |
|
นิทานชาดก นิทานนานาชาติ นิทานเด็ก |
นิทานชาดก |
พญาลิง
ท่านทอดตัวเป็นสะพาน
ให้ลิงทั้งหลายเหยียบข้าม
ลิงเหล่านั้นเป็นอะไรกับท่าน
ท่านเป็นอะไรกับลิงเหล่านั้น
ที่ป่าหิมพานต์ มีลิงฝูงหนึ่งจำนวน ๘๐,๐๐๐ ตัวอาศัยอยู่ด้วยกันโดยมีพญาลิงตัวหนึ่งเป็นหัวหน้า พญาลิงมีร่างกายแข็งแรงมีกำลังเท่าช้าง ๕ เชือก
ชาตินั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นพญาลิงนั้น
ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำคงคา มีต้นมะม่วงใหญ่อยู่ต้นหนึ่งกิ่งใบสมบูรณ์ มีผลใหญ่เท่าหม้อน้ำขนาดใหญ่ พญาลิงมักพาบริวารไปเก็บผลมะม่วงเหล่านั้นกินเสมอๆ พวกลิงเก็บผลมะม่วงกินอย่างระมัดระวังโดยไม่ยอมให้มีผลตกลงไปในแม่น้ำคงคาเพราะเกรงว่าหากมีผลตกลงไปในน้ำแล้วจะลอยลงไปถึงถิ่นมนุษย์จะเป็นอันตรายต่อพวกมันภายหลัง
แต่แล้ววันหนึ่ง ลิงเหล่านั้นก็เกิดพลาดเก็บผลมะม่วงสุกกินไม่หมดเพราะมีรังมดแดงบังไว้ ดังนั้นผลจึงหล่นลงไปในน้ำและลอยลงมาทางใต้ ขณะนั้น พระเจ้าพาราณสีทรงเล่นน้ำอยู่ทางตอนใต้ ทรงรับสั่งให้ขึงตาข่ายเพื่อกันสัตว์ร้ายเช่นจระเข้เป็นต้นเข้ามาทำร้ายยพระองค์ ผลปรากฏว่าขณะที่ทรงเล่นน้ำอยู่นั้นได้ทอดพระเนตรเห็นผลมะม่วงลอยมาติดตาข่าย พวกเจ้าหน้าที่จึงนำไปถวายพระเจ้าพาราณสีเพราะเห็นว่ามีผลใหญ่แปลกดี
เพราะความที่ผลมะม่วงนั้นใหญ่ผิดปกติ จึงไม่มีใครรู้จักว่าเป็นผลอะไร แม้แต่พระเจ้าพาราณสีเองก็ไม่ทรงทราบจึงรับสั่งให้ถามพรานป่า เมื่อทรงได้ทราบว่าเป็นผลมะม่วงสุกจึงทรงพิสูจน์ด้วยการเฉือนแบ่งให้พรานป่าชิมดูก่อน ครั้นทรงเห็นว่ากินได้ไม่เป็นอันตรายจึงเสวยด้วยพระองค์เองพร้อมทั้งพระราชทานส่วนที่เหลือให้แก่ผู้ตามเสด็จ
"อร่อยมากนะ" พระเจ้าพาราณสีตรัสขึ้นพลางหันมาตรัสถามถึงถิ่นกำเนิดของมะม่วงพันธุ์นี้จากพรานป่า
"เกิดตามริมฝั่งแม่น้ำคงคาในเขตป่าหิมพานต์ พระเจ้าข้า" พรานป่ากราบทูล
พระเจ้าพาราณสีทรงติดพระทัยในรสมะม่วง ดังนั้นจึงรับสั่งให้ผูกเรือขนานหลายลำแล้วพาข้าราชบริพารขึ้นเรือขนานล่องทวนแม่น้ำคงคาขึ้นไป เวลาล่วงเลยไปหลายวันจึงถึงบริเวณสถานที่ที่ต้นมะม่วงขึ้นอยู่
"ขอเดชะ นี่แหละต้นมะม่วงที่พระองค์ได้เสวยผล" พรานป่ากราบทูล
พระเจ้าพาราณสีทรงดีพระทัยมากจึงรับสั่งให้จอดเรือเทียบฝั่งแล้วทรงพาข้าราชบริพารเดินไปยังต้นมะม่วง
"สบายแล้วพวกเรา" พระเจ้าพาราณสีตรัสขึ้นด้วยความดีพระทัย
"สบายอะไร พระเจ้าข้า" อำมาตย์คนสนิททูลถาม
"เจ้าไม่เห็นหรือ ผลมะม่วงมีเยอะแยะ" พระเจ้าพาราณสีตรัสบอก "เก็บกินกันสบายเลยพวกเรา"
จากนั้น พระเจ้าพาราณสีทรงรับสั่งให้ปูที่นอนที่โคนต้นมะม่วง พระองค์ประทับนอนเสวยผลมะม่วงสุกอย่างเอร็ดอร่อย
ฝ่ายพญาลิงมักจะพาบริวารออกมากินมะม่วงสุกต้นนั้นในเวลาเที่ยงคืน เพราะเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่ปลอดภัยเนื่องจากผู้คนพากันหลับหมดแล้ว ส่วนพวกลิงทั้งหลายต่างก็พากันปีนป่ายเก็บผลมะม่วงกินอย่างอย่างสนุกสนานโดยหารู้ไม่ว่าขณะนั้นกำลังจะมีภัยมาถึงพวกตน
พระเจ้าพาราณสีทรงได้ยินเสียงฝูงลิงร้องเจี๊ยกจ๊ากจึงปลุกบรรดาข้าราชบริพารให้ตื่นนอนแล้วช่วยกันล้อมจับลิง
"พวกเจ้าล้อมไว้ให้ดีนะอย่าให้มันหนีไปได้ พรุ่งนี้เราจะได้กินมะม่วงกับเนื้อลิง" พระเจ้าพาราณสีทรงสั่งเฉียบขาด
ฝ่ายฝูงลิงเห็นคนถือธนูมายืนล้อมต้นมะม่วงที่พวกตนปีนป่ายอยู่ก็ตกใจกลัวตาย เมื่อม่องไม่เห็นทางจะหนีไปได้จึงเข้าไปหาพญาลิงซึ่งนั่งสงบอยู่บนกิ่งไม้ พร้อมทั้งรายงานให้ทราบ
"นาย มีคนถือธนูมายืนล้อมต้นมะม่วงของพวกเราไว้ท่าทางเขาน่ากลัวมาก พวกเราจะทำอย่างไรกันดี"
พญาลิงเห็นพวกลิงบริวารตกใจกลัวเช่นนั้นจึงปลอบว่า "อย่ากลัวกันไปเลย เราจักให้ชีวิตพวกเจ้า"
ครั้นปลอบโยนบริวารให้เบาใจแล้ว พญาลิงก็หาทางช่วยเหลือ ในที่สุดก็พบว่ามีอยู่ทางเดียวเท่านั้น คือ ต้องให้บริวาร"ไต่หนีไปอยู่ที่ต้นไม้อื่นซึ่งอยู่คนละฝั่งน้ำ พญาลิงสำรวจดูแล้วเห็นว่าการจะไปยังต้นไม้ต้นอื่นได้นั้นต้องไต่ไปตามเถาวัลย์ดังนั้นพญาลิงจึงเอาเถาวัลย์ผูกเข้ากับต้นมะม่วงที่พวกตนอยู่แล้วเอาปลายเถาวัลย์อีกข้างหนึ่งผูกไว้กับเอวของตนเองกระโดดไปที่ต้นไม้อีกฟากหนึ่ง ผลปรากฏว่าเถาวัลย์สั้นไม่สามารถผูกติดกับกิ่งมะม่วงอีกฟากหนึ่งได้ จึงใช้มือสองข้างเหนี่ยวต้นมะม่วงนั้นไว้แล้วบอกให้ลิงบริวารไต่เถาวัลย์มา ครั้นมาถึงตรงที่ลิงโหนอยู่ พวกลิงบริวารไม่กล้าเดินไปเพราะกลัวจะเป็นบาป แต่พญาลิงก็สั่งให้เดินต่อไปเพื่อเอาชีวิตรอดไว้ก่อน ลิงบริวารต่างพากันคำนับพญาลิงแล้วเดินเหยียบตัวพญาลิงไป
พระเจ้าพาราณสีทอดพระเนตรเห็นการกระทำของลิงทั้งหมด พระองค์รู้สึกแปลกพระทัย ยิ่งมาเห็นลิงตัวสุดท้ายซึ่งเป็นลิงกักขฬะหยาบคายแล้วรู้สึกสะเทือนพระทัย กล่าวคือ ลิงตัวนั้นไม่ชอบพญาลิงเพราะมันต้องการชิงความเป็นใหญ่ มันหาทางแก้แค้นอยู่ตลอดเวลา จนวันนี้จึงได้โอกาส มันไต่ตามเถาวัลย์มาเช่นเดียวกับลิงตัวอื่นๆ แต่ครั้นมาถึงที่พญาลิงเหนี่ยวกิ่งไม้ไว้ แทนที่มันจะค่อยๆเหยียบตัวพญาลิงไป มันกลับกระโดดกระทืบเข้าเต็มแรงด้วยความเจ็บแค้นแล้วเดินเหยียบไปพญาลิงเจ็บปวดมาก แต่ก็สู้อดทนเพื่อช่วยเหลือบริวาร
พระเจ้าพาราณสีทอดพระเนตรเห็นแล้วรู้สึกสะเทือนพระทัยมาก ทรงรำพึงว่า
"ลิงนี้เป็นสัตว์ดิรัจฉานแท้ๆ ยังยอมสละชีวิตของตนเองช่วยเหลือบริวารให้ปลอดภัย"
พระองค์ทรงคิดได้ว่าพระองค์ไม่ควรทำลายชีวิตพญาลิงแต่ควรหาทางช่วยเหลือให้ปลอดภัย ดังนั้นจึงรับสั่งให้ผูกนั้งร้านแล้วให้เจ้าหน้าที่ปีนขึ้นไปแล้วค่อยๆ ประคองพญาลิงลงมา
"พวกเจ้าค่อยๆ ประคองนะลิงเจ็บ" พระองค์ตรัสบอกด้วยความสงสาร แล้วให้อุ้มมานอนบนผ้า จากนั้นรับสั่งให้อาบน้ำให้ลิง แล้วรับสั่งให้เอาน้ำผสมน้ำอ้อยมาให้ดื่ม
พญาลิงค่อยๆ ขยับตัวได้บ้าง พระเจ้าพาราณสีทอดพระเนตรเห็นแล้วดีพระทัยมากจึงรับสั่งต่อว่า
"พวกเจ้าจงเอาน้ำมันมานวดตัวให้ลิงด้วย"
เมื่อเจ้าหน้าที่ดูแลพญาลิงเป็นอย่างดีแล้ว พระเจ้าพาราณสีก็เสด็จมาประทับนั่งลงใกล้ๆแล้วตรัสถาม
"พญาลิง ท่านย่อมทอดตัวเป็นสะพานให้ลิงทั้งหลายเหยียบข้าม ลิงเหล่านั้นเป็นอะไรกับท่าน ท่านเป็นอะไรกับลิงเหล่านั้น"
พญาลิงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองดูพระเจ้าพาราณสีแล้วกราบทูลว่า
"ขอเดชะ ลิงเหล่านั้นกำลังเศร้าโศกเพราะกลัวตาย หม่อมฉันเป็นผู้นำของพวกเขา จะปล่อยให้เขาตายไม่ได้"
"กลัวตายเรื่องอะไรหรือ"
"เรื่องที่พระองค์ให้คนถือธนูมายืนล้อมเพื่อยิงพวกเขานั้นแหละ หม่อมฉันเห็นว่าพวกเขามีภัยแน่จึงหาทางช่วยเหลือ เพราะถือว่า เราปกครองคนเหล่าใดก็ต้องทำให้พวกเขามีความสุขและสบายใจ"
พญาลิงพูดถึงตรงนี้แล้วก็เว้นระยะไว้นิดหนึ่ง จากนั้นจึงพูดต่อ
"พระองค์ก็เช่นกัน ในฐานะผู้ปกครองก็ต้องทำให้ผู้อยู่ใต้ปกครองมีความสุข"
กล่าวจบ พญาลิงก็ไม่สามารถจะทนความเจ็บปวดไหวจึงขาดใจตายในเวลาต่อมา พระเจ้าพาราณสีทรงรับสั่งให้จัดการเผาศพพญาลิงอย่างสมเกียรติแล้วนำกระดูกไปบรรจุในเจดีย์ที่ทรงรับสั่งให้สร้าง พระองค์ทรงบูชากระดูกพญาลิงตลอดชีวิต
ชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้นำที่ดีควรเสียสละและอดทนมิใช่แต่เฉพาะแก่บริวารที่ดีเท่านั้น แม้บริวารที่ไม่ดีเขาก็ควรเสียสละและอดทนด้วย เหมือนพญาลิงเสียสละและอดทนยอมให้บริวารที่ไม่ดีรอดชีวิตเพราะตนฉะนั้น
7Smooth.com |
7Smooth.com Group
Copy Right 1999
poet2543@hotmail.com | poet2543@7smooth.com