logo1-2.gif (14784 bytes)

Home
News and Articles
Discussion Forum
About Us
Sign our guestbook
button_mail2.gif (1724 bytes)
  title_articles.gif (4423 bytes)

วิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย กับ บทบาทของอเมริกา กับ ญี่ปุ่น

โดย ต่อศักดิ์  จันทร์เพียร

torsak.jpg (24743 bytes)



    วิกฤตการณ์เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกนี้ มีมุมมองที่น่าสนใจหลายด้าน โดยเฉพาะเป็นการเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ที่ขึ้นชื่อว่ามีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงทีสุดในโลก ทำให้ เกิดความจำเป็น ต้องอุดเงินกองทุนนานาชาติจำนวนมหาศาล เป็นวิกฤตการณ ์ที่เกิดขึ้นในประเทศโลกที่สามที่รุนแรงที่สุด หลังปัญหาในเม็กซิโกตั้งแต่ปี 1982 นอกจากนี้ ยังเป็นวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่ถูกคาดว่า จะเกิดขึ้นน้อยทีสุด โดยเพียงหนึ่งปีก่อนหน้าเกิดวิกฤต มีเพียงนักเศรษฐศาสตร์จำนวนน้อยนิด ที่กล้าออกมาพยากรณ์แนวโน้มปัญหาเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้  
    ปัญหาเศรษฐกิจครั้งนี้ ในการศึกษาถึงสาเหตุนั้น สามารถวิเคราะห์ได้หลายแบบ แล้วแต่ว่าจะมองจากมุมใด หากมองด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองแล้ว การอธิบายจะคลุมกว้างถึงบทบาทของตัวแสดงเช่น สหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น ท้งนี้ เป็นการอธิบายที่เสริมความคิดทางเศรษฐศาสตร์ถึงบทบาทด้านการค้า, การเงินของทั้งสองประเทศโดยยกนัยยะทางการเมืองมาศึกษาด้วย แต่ก่อนอื่นนั้นก็ควรทำความเข้าใจปัจจัยภายในของภูมิภาคนี้   ตั้งแต่ในช่วงเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ กำลังรุ่งโรจน์อยู่ ก็ได้มีความพยายามค้นหาสาเหตุหลักของความรุ่งเรื่องทางเศรษฐกิจแบบฉับพลัน และ ได้เห็นพ้องว่าเป็นเพราะรูปแบบการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่ผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจ และ ของรัฐบาลแยกกันไม่ออก รัฐบาลจะมีบทบาทอย่างมากในการชี้เป็นชี้ตายการดำเนินไปของการกระทำทางธุรกิจ ซึ่งเรียกรูปแบบนี้ ว่า Asian Model   และ ยังมีความหมายรวมถึง crony capitalism, Asian Values ฯลฯ แต่เมื่อการดิ่งลงของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ได้เกิดขึ้น Asian Model ตัวเดียวกันนี้ เองที่ถูกเชื่อกันว่าเป็นปัจจัยก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ การอธิบายผลวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งขาขึ้น และ ขาลงของเศรษฐกิจเอเชียโดยให้ Asian Model เป็นตัวรับผิดชอบหลักนั้น เป็นการมองภาพที่ตื้นเกินไปถึงแม้จะรวมปัจจัยการล่มสลายของตลาด และ โครงสร้างระบบการเงินประกอบด้วยแล้วก็ตาม เนื่องจากเป็นการมองข้ามปัจจัยภายนอก ที่มีความสำคัญมาก คือ บทบาของทั้งสหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น ก่อนอื่นต้องเข้าใจกันว่า Asian Model ไม่ใช่รูปแบบที่มีความเป็นเอกภาพใช้ในภูมิภาคเอเชีย หากแต่มีความหลากหลาย และ แน่นอนคือมีประสิทธิภาพที่ต่างกันตามเเต่ประเทศ ในกรณีบางประเทศ การขาดองค์กร Asian Model ที่ชี้ และ ควบคุมระบบตลาดกลับเป็นจุดด้อยทำให้เศรษฐกิจทรุดตัวลง ในประเทศเกาหลีใต้การยุบองค์กรเช่นนี้   ซึ่งเป็น Asian Model จากการถูกกดดันโดยสหรัฐอเมริกาให้เปิดเสรี กลับยิ่งทำให้เศรษฐกิจทรุดตัวลง และ สั่งสม กับ ปัญหาอื่นๆนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจในที่สุด ในขณะเดียวกัน Asian Model ในรูปของการเล่นเส้นสายของอินโดนีเซียกลับเป็นปัญหาหลักทำให้เศรษฐกิจล้ม
    ดังนั้นรูปแบบของ Asian Model มีองค์ประกอบที่แตกต่างหลากหลาย คุณสมบัติบางชนิดของ Asian Model เป็นผลดีทางเศรษฐกิจ ในขณะที่คุณสมบัติบางประเภทมีผลเสียต่อเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็ขึ้น กับ สิ่งแวดล้อมภายในของแต่ละประเทศที่แตกต่างกันด้วย ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสมที่กล่าวว่า Asian Model เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้
    สงครามเย็นทำให้สหรัฐอเมริกาสนใจที่จะมีบทบาท และ แทรกแซงอิทธิพลในภูมิภาคเอเชีย เพื่อวัตถุประสงค์การสะกัดกั้นลัทธิคอมมิวนิสต์โดยมีการกระตุ้น และ สร้างระบบเศรษฐกิจเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นั้นๆ เครื่องมือทางเศรษฐกิจที่ว่า คือการให้เงินช่วยเหลือมหาศาล, และ ชี้แนะรัฐบาลในการสร้างเสริมระบบเศรษฐกิจ นอกจากนั้นเครื่องมือทางการเมืองความมั่นคงของสหรัฐ เช่น การสนับสนุนทางทหาร, อาวุธยุทโธปกรณ์ และ การตั้งฐานทัพอเมริกันก็เป็นการกระตุ้นรูปแบบ และ การเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ทางอ้อมด้วย โดยเฉพาะตั้งแต่การผ่อนคลายของสงครามเย็นถึงการสินสุดของสงครามเย็น เพราะเป็นระบบที่หวังพึ่งทั้งตลาด และ เงินทุนของสหรัฐอเมริกามากเกินไป ดังนั้นเมื่อสงครามเย็นสิ้นสุดลง สหรัฐอเมริกาเริ่มหันมองประเทศอุตสาหกรรมใหม่ในเอเขียว่า เป็นคู่แข่งทางการค้า จึงงดการช่วยเหลือเงินทุน, ปิดตลาด และ นโยบาย Protectionism จากการกระทำเช่นนี้ ประเทศอุตสาหกรรมใหม่เอเชียที่ปรับตัวไม่ทันเพราะพึ่งเเต่ อเมริกามาโดยตลอด จึงเริ่มส่อเค้าอาการเปลี้ยทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจเริ่มชะงัก และ สั่งสมจนกลายเป็นวิกฤติในระยะเวลาต่อมา หลังสงครามโลกครั้งที่สองสินสุดจนถึงการสิ้นสุดของระบบ Bretton Woods, บทบาทของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อภูมิภาคเอเชียอยู่ในลักษณะทฤษฎี Hegemonic Stability ของ Keohane เนื่องจากระบบที่ก่อตัวใหม่ทางเศรษฐกิจเป็นไปเพราะการชี้แนะของอเมริกา เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายทั้งทางการเมือง และ เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ถึงแม้ความเป็น Hegemonic Power ทางเศรษฐกิจของอเมริกาจะสินสุดลงหลังจากอเมริกาถอนตัวจากระบบ Bretton Woods, แต่อเมริกาก็ยังเป็นตัวแสดงสำคัญเรื่อยมาในเอเชีย โดยการใช้อิทธิพลทางเศรษฐกิจโดยตรง และ การใช้อิทธิพลผ่านญี่ปุ่น การขึ้นเป็นชาติมหาอำนาจ ทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้น เกิดการก่อตัวขึ้นจากการช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกา ภายใต้กรอบสงครามเย็นเช่นกัน และจากศักยภาพภายในของญี่ปุ่นเอง บทบาททางเศรษฐกิจจนทัดเทียม กับ สหรัฐอเมริกาโดยรวดเร็ว การดำเนินนโยบายความมั่นคง และ ยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ เอเชียตะวันออกเป็นผลประโยชน์โดยตรงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และ อุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ในสมัยต่อมา ความสามารถในการแข่งขันของญี่ปุ่นทำให ้อเมริกาแก้ไขโดย ใช้วิธีบีบค่าเงินเยนแข็งตัว ญี่ปุ่น จึงหันมาใช้ฐานการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ เอเชียตะวันออกเกิดความสัมพันธ์สามเส้าทางเศรษฐกิจ อเมริกาเป็นตลาด ญี่ปุ่นเป็นเจ้าของการผลิต และ การผลิตอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่น จึงฉวยโอกาสสร้างเครือข่ายเศรษฐกิจของตนในภูมิภาคนี้ ด้วย
    จากความสัมพันธ์สามเส้าที่ไร้ดุลยภาพ เมื่อญี่ปุ่นเริ่มได้เปรียบหนักเข้า ประเทศเหล่านี้   จึงไม่ได้พัฒนาฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงของตัวเองอย่างแท้จริง ประกอบ กับ การเกิดเศรษฐกิจฟองสบู่ในญี่ปุ่น ซึ่งแพร่ไปยังประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ตามการขยายตัวของทุนญี่ปุ่น เมื่อฟองสบู่ในญี่ปุ่นแตก จึงส่งผลมาถึงประเทศเหล่านี้ ด้วยบวก กับ หนี้ เสียมหาศาลของสถาบันการเงิน กัดกร่อนทั้งทางเศรษฐกิจญี่ปุ่น และ ในเอเชีย นำไปสู่วิกฤตการณ์เศรษฐกิจ
   กลับไปข้างบน  BACK TO TOP