วิกฤตการณ์เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกนี้
มีมุมมองที่น่าสนใจหลายด้าน
โดยเฉพาะเป็นการเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
ที่ขึ้นชื่อว่ามีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงทีสุดในโลก
ทำให้ เกิดความจำเป็น
ต้องอุดเงินกองทุนนานาชาติจำนวนมหาศาล
เป็นวิกฤตการณ
์ที่เกิดขึ้นในประเทศโลกที่สามที่รุนแรงที่สุด
หลังปัญหาในเม็กซิโกตั้งแต่ปี 1982
นอกจากนี้
ยังเป็นวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่ถูกคาดว่า
จะเกิดขึ้นน้อยทีสุด
โดยเพียงหนึ่งปีก่อนหน้าเกิดวิกฤต
มีเพียงนักเศรษฐศาสตร์จำนวนน้อยนิด
ที่กล้าออกมาพยากรณ์แนวโน้มปัญหาเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้
ปัญหาเศรษฐกิจครั้งนี้
ในการศึกษาถึงสาเหตุนั้น
สามารถวิเคราะห์ได้หลายแบบ
แล้วแต่ว่าจะมองจากมุมใด
หากมองด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองแล้ว
การอธิบายจะคลุมกว้างถึงบทบาทของตัวแสดงเช่น
สหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น ท้งนี้
เป็นการอธิบายที่เสริมความคิดทางเศรษฐศาสตร์ถึงบทบาทด้านการค้า,
การเงินของทั้งสองประเทศโดยยกนัยยะทางการเมืองมาศึกษาด้วย
แต่ก่อนอื่นนั้นก็ควรทำความเข้าใจปัจจัยภายในของภูมิภาคนี้
ตั้งแต่ในช่วงเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้
กำลังรุ่งโรจน์อยู่
ก็ได้มีความพยายามค้นหาสาเหตุหลักของความรุ่งเรื่องทางเศรษฐกิจแบบฉับพลัน
และ
ได้เห็นพ้องว่าเป็นเพราะรูปแบบการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจที่ผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจ
และ ของรัฐบาลแยกกันไม่ออก
รัฐบาลจะมีบทบาทอย่างมากในการชี้เป็นชี้ตายการดำเนินไปของการกระทำทางธุรกิจ
ซึ่งเรียกรูปแบบนี้ ว่า Asian Model
และ ยังมีความหมายรวมถึง crony capitalism,
Asian Values ฯลฯ
แต่เมื่อการดิ่งลงของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้
ได้เกิดขึ้น Asian Model ตัวเดียวกันนี้
เองที่ถูกเชื่อกันว่าเป็นปัจจัยก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ
การอธิบายผลวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งขาขึ้น
และ
ขาลงของเศรษฐกิจเอเชียโดยให้ Asian
Model เป็นตัวรับผิดชอบหลักนั้น
เป็นการมองภาพที่ตื้นเกินไปถึงแม้จะรวมปัจจัยการล่มสลายของตลาด
และ
โครงสร้างระบบการเงินประกอบด้วยแล้วก็ตาม
เนื่องจากเป็นการมองข้ามปัจจัยภายนอก
ที่มีความสำคัญมาก คือ
บทบาของทั้งสหรัฐอเมริกา และ
ญี่ปุ่น
ก่อนอื่นต้องเข้าใจกันว่า Asian Model
ไม่ใช่รูปแบบที่มีความเป็นเอกภาพใช้ในภูมิภาคเอเชีย
หากแต่มีความหลากหลาย และ
แน่นอนคือมีประสิทธิภาพที่ต่างกันตามเเต่ประเทศ
ในกรณีบางประเทศ การขาดองค์กร Asian
Model ที่ชี้ และ
ควบคุมระบบตลาดกลับเป็นจุดด้อยทำให้เศรษฐกิจทรุดตัวลง
ในประเทศเกาหลีใต้การยุบองค์กรเช่นนี้
ซึ่งเป็น Asian Model
จากการถูกกดดันโดยสหรัฐอเมริกาให้เปิดเสรี
กลับยิ่งทำให้เศรษฐกิจทรุดตัวลง
และ สั่งสม กับ
ปัญหาอื่นๆนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจในที่สุด
ในขณะเดียวกัน Asian Model
ในรูปของการเล่นเส้นสายของอินโดนีเซียกลับเป็นปัญหาหลักทำให้เศรษฐกิจล้ม
ดังนั้นรูปแบบของ Asian Model
มีองค์ประกอบที่แตกต่างหลากหลาย
คุณสมบัติบางชนิดของ Asian Model
เป็นผลดีทางเศรษฐกิจ
ในขณะที่คุณสมบัติบางประเภทมีผลเสียต่อเศรษฐกิจ
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็ขึ้น กับ
สิ่งแวดล้อมภายในของแต่ละประเทศที่แตกต่างกันด้วย
ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสมที่กล่าวว่า
Asian Model
เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้
สงครามเย็นทำให้สหรัฐอเมริกาสนใจที่จะมีบทบาท
และ
แทรกแซงอิทธิพลในภูมิภาคเอเชีย
เพื่อวัตถุประสงค์การสะกัดกั้นลัทธิคอมมิวนิสต์โดยมีการกระตุ้น
และ
สร้างระบบเศรษฐกิจเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นั้นๆ
เครื่องมือทางเศรษฐกิจที่ว่า
คือการให้เงินช่วยเหลือมหาศาล,
และ
ชี้แนะรัฐบาลในการสร้างเสริมระบบเศรษฐกิจ
นอกจากนั้นเครื่องมือทางการเมืองความมั่นคงของสหรัฐ
เช่น การสนับสนุนทางทหาร,
อาวุธยุทโธปกรณ์ และ
การตั้งฐานทัพอเมริกันก็เป็นการกระตุ้นรูปแบบ
และ
การเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้
ทางอ้อมด้วย
โดยเฉพาะตั้งแต่การผ่อนคลายของสงครามเย็นถึงการสินสุดของสงครามเย็น
เพราะเป็นระบบที่หวังพึ่งทั้งตลาด
และ
เงินทุนของสหรัฐอเมริกามากเกินไป
ดังนั้นเมื่อสงครามเย็นสิ้นสุดลง
สหรัฐอเมริกาเริ่มหันมองประเทศอุตสาหกรรมใหม่ในเอเขียว่า
เป็นคู่แข่งทางการค้า
จึงงดการช่วยเหลือเงินทุน,
ปิดตลาด และ นโยบาย Protectionism
จากการกระทำเช่นนี้
ประเทศอุตสาหกรรมใหม่เอเชียที่ปรับตัวไม่ทันเพราะพึ่งเเต่
อเมริกามาโดยตลอด
จึงเริ่มส่อเค้าอาการเปลี้ยทางเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจเริ่มชะงัก และ
สั่งสมจนกลายเป็นวิกฤติในระยะเวลาต่อมา
หลังสงครามโลกครั้งที่สองสินสุดจนถึงการสิ้นสุดของระบบ
Bretton Woods,
บทบาทของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อภูมิภาคเอเชียอยู่ในลักษณะทฤษฎี
Hegemonic Stability ของ Keohane
เนื่องจากระบบที่ก่อตัวใหม่ทางเศรษฐกิจเป็นไปเพราะการชี้แนะของอเมริกา
เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายทั้งทางการเมือง
และ เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
ถึงแม้ความเป็น Hegemonic Power
ทางเศรษฐกิจของอเมริกาจะสินสุดลงหลังจากอเมริกาถอนตัวจากระบบ
Bretton Woods,
แต่อเมริกาก็ยังเป็นตัวแสดงสำคัญเรื่อยมาในเอเชีย
โดยการใช้อิทธิพลทางเศรษฐกิจโดยตรง
และ การใช้อิทธิพลผ่านญี่ปุ่น
การขึ้นเป็นชาติมหาอำนาจ
ทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้น
เกิดการก่อตัวขึ้นจากการช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกา
ภายใต้กรอบสงครามเย็นเช่นกัน
และจากศักยภาพภายในของญี่ปุ่นเอง
บทบาททางเศรษฐกิจจนทัดเทียม กับ
สหรัฐอเมริกาโดยรวดเร็ว
การดำเนินนโยบายความมั่นคง และ
ยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และ
เอเชียตะวันออกเป็นผลประโยชน์โดยตรงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
และ อุตสาหกรรมของญี่ปุ่น
ในสมัยต่อมา
ความสามารถในการแข่งขันของญี่ปุ่นทำให
้อเมริกาแก้ไขโดย
ใช้วิธีบีบค่าเงินเยนแข็งตัว
ญี่ปุ่น
จึงหันมาใช้ฐานการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และ
เอเชียตะวันออกเกิดความสัมพันธ์สามเส้าทางเศรษฐกิจ
อเมริกาเป็นตลาด
ญี่ปุ่นเป็นเจ้าของการผลิต และ
การผลิตอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ญี่ปุ่น
จึงฉวยโอกาสสร้างเครือข่ายเศรษฐกิจของตนในภูมิภาคนี้
ด้วย
จากความสัมพันธ์สามเส้าที่ไร้ดุลยภาพ
เมื่อญี่ปุ่นเริ่มได้เปรียบหนักเข้า
ประเทศเหล่านี้
จึงไม่ได้พัฒนาฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงของตัวเองอย่างแท้จริง
ประกอบ กับ
การเกิดเศรษฐกิจฟองสบู่ในญี่ปุ่น
ซึ่งแพร่ไปยังประเทศอุตสาหกรรมใหม่
ตามการขยายตัวของทุนญี่ปุ่น
เมื่อฟองสบู่ในญี่ปุ่นแตก
จึงส่งผลมาถึงประเทศเหล่านี้
ด้วยบวก กับ หนี้
เสียมหาศาลของสถาบันการเงิน
กัดกร่อนทั้งทางเศรษฐกิจญี่ปุ่น
และ ในเอเชีย
นำไปสู่วิกฤตการณ์เศรษฐกิจ |