ปีที่ 2 ฉบับที่ 643 ประจำวันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2542

สหัสวรรษที่ 3

พระลิขิตสมเด็จพระญาณสังวร

สมเด็จพระสังฆราช

ผมเห็นใครต่อใครที่พยายามปลุกกระแสต่อ ไม่ยอมให้เรื่องวัดพระธรรมกายจบ เพราะถือว่าเป็นการเสียหน้าอย่างร้ายแรง ในประวัติ ศาสตร์ ของสื่อมวลชน ระดับฃั้นนำ เคยหน้าแตกมาครั้งใหญ่ ก็เรื่องของนายสมพงษ์ เลือดทหารมาครั้งหนึ่งแล้ว

ผมพูดมาตั้งแต่ต้นแล้ว งานนี้ที่เสียรังวัดแล้ว กลายเป็นเรื่องเสียหน้า ก็เป็นเพราะแหล่งข่าวใกล้ตัวเองนั่นแหละ ทุกคนเห็นเอกสารหนาปึก มีการทำงานล่วงหน้า มาอย่างดีหลายปี มีรายละเอียดครบ และคนเอามาให้ ก็ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงน่าเชื่อถือ

แถมบางคนยังพูดกระซิบว่า งานนี้ถ้าช่วยกันนอกจากได้สตางค์แล้ว ยังได้บุญด้วย ว่าเข้าไปนั่น แล้วเป็นยังไง ผมว่านอกจากได้ สตางค์บาปแล้ว ยังได้อภิมหาบาปนิรันดร์กาลอีกต่างหาก

ครับ กรรมไฮเทค เดี๋ยวนี้มันเร็ว ไม่ต้องกลัวมันมาเงียบๆ ยิ่งกว่าเจ้าโทมาฮ็อคหลบเรดาร์ของสหรัฐ ที่กำลังถล่มโคโซโวทุกวันนี้เสียอีก

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีคนอาจเอื้อมเอา พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชมาเปิดเผย ทั้งที่เป็นความเห็นที่สมเด็จท่านตรัสไว้กลางๆ มิได้เจาะจงอย่างไร ด้วยความเป็นห่วงพระพุทธศาสนา ในยุคคนชั่วเสื่อมศรัทธากำลังระบาด พระเถระผู้ใหญ่ในมส. ก็รับทราบเรียบร้อย ซึ่งก็มิได้เกี่ยวข้องกับ การพิจารณากรณีธรรมกายแต่อย่างใด

แต่คนหาเรื่องก็ยังพยายามจะสร้างเรื่อง หาเหตุ คงไม่ทราบว่า พระผู้ใหญ่ท่านพิจารณาไปเรียบร้อยแล้ว และก็แอบเอาเอกสารนี้ ออกมา เผยแพร่ อย่างมิบังควร อันอาจทำให้มีการเข้าใจผิด และเสื่อมเสียไปถึงพระองค์ท่านได้ ตอนนั้น ท่านมาดูแลการสร้างวัดญาณฯ ท่านยังมิได้รับ ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ใครที่ไปวัดญาณฯ ในยุคนั้นจะรักท่านทุกคน เพราะท่านเป็นสมเด็จที่วางตัวเรียบง่าย ใครจะเข้าเฝ้า ก็ไม่ต้องมี พิธีรีตองอะไร

ตอนนั้นท่านมาดูแลการสร้างวัดญาณฯ ของท่านอย่างใกล้ชิด จนสำเร็จสวยงามเป็นที่เชิดหน้าชูตาภาคตะวันออก บางครั้ง ท่านก็จะเสด็จ ขึ้นไปบนศาลาหลังเล็กๆ บนภูเขา ถ้าใครอยากจะกราบก็เข้าไปกราบท่านได้ ท่านก็จะยิ้มๆ ทักทาย และถ้าเมตตาก็จะประทาน พระของขวัญ ที่ระลึกองค์เล็กๆ ซึ่งผมก็ยังได้มาองค์หนึ่ง

ช่วงนั้นท่านจะใจจรดใจจ่อกับการแกะสลัก พระพุทธรูปบนหน้าผา ของภูเขาทั้งลูก ถ้าใครไปคุยเรื่องนี้ ก็จะโปรดและคุยด้วยนาน สมเด็จท่านทรงน่ารัก ใจดี จึงเป็นที่รักของผู้ได้เข้าเฝ้าทุกคน

ผมมีหนังสือพระนิพนธ์ของท่านหลายเล่ม แต่ละเล่มล้วนมีคุณค่าในการสร้างสรรค์คนดี ถ้าจะถือว่าเป็นพระลิขิต ก็เป็นลิขิตแห่งความดีงาม นั่นคือพระหฤทัยที่แท้ของท่าน ผมจะยกตัวอย่างมาบางตอนก็ได้

"เมื่อชีวิตนี้น้อยนัก ผู้มีปัญญามีสัมมาทิฐิก็คิดไปทางหนึ่ง ผู้เบาปัญญามีมิจฉาทิฐิก็คิดไปทางหนึ่ง

พวกผู้มีปัญญามีสัมมทิฐิคือ ความเห็นชอบก็จะคิดได้ว่า ชีวิตนั้น อีกไม่เท่าไรก็จะต้องตาย ตายแล้วก็เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ เอาไปได้ ก็แต่บุญบาป หรือความดีความชั่วเท่านั้น พวกผู้มีปัญญาคิดเช่นนี้ จึงเร่งทำความดี

ส่วนพวกผู้เบาปัญญา มีมิจฉาทิฐิคือความเห็นผิด ก็จะคิดว่า ชีวิตนี้สั้น อีกไม่นานเท่าไรก็จะต้องตาย มีวิธีใดจะให้ได้มา ซึ่งทรัพย์สิ้นเงินทอง ก็ต้องรีบหา ไม่มัวคำนึงว่า จะผิดหรือถูก ถูกผิดก็ช่าง ให้ได้ก็พอใจ พวกผู้เบาปัญญาคิดเช่นนี้ จึงทำบาปทำความไม่ดีได้เสมอ ชีวิตนี้สำหรับบุคคล สองประเภทดังกล่าว มีคุณมีโทษแก่สองฝ่ายแตกต่างกัน เป็นไปตามทิฐิ คือความเห็นดังกล่าว"

เห็นไหมครับว่า สมเด็จท่านจะลิขิตอะไร ท่านก็จะลิขิตไว้เป็นคำสอนคำเตือนใจกลางๆ ไหนๆ ก็ยกมาแล้ว ผมจะลองเอามาให้อ่าน อีกตอนหนึ่ง น่าสนใจชักใกล้กับเรื่องที่เกิดตอนนี้

"ผู้เบาปัญญา มีมิจฉาทิฐิ เห็นว่าพระพุทธศาสนาไม่ใช่คน ไม่มีเลือดเนื้อชีวิตจิตใจ คิดทำลายก็ทำกันไปต่างๆ นานา ผู้เบาปัญญาหารู้ไม่ว่า เมื่อกรรมตามทัน โทษนั้นร้ายแรงหนักหนานัก

พระเทวทัตก็มิได้ถูกธรณีสูบทันที ที่ทำร้ายพระพุทธเจ้า เมื่อถึงเวลากรรมตามทัน พระเทวทัตจึงจมธรณี พ้นที่จะดิ้นรนให้พ้นจากความตาย อย่างทุกข์ทรมาน น่าสยดสยองนั้นได้ ผู้พยายามทำลายพระพุทธศาสนาก็เช่นกัน ฉะนั้นอย่าประมาท อะไรที่ไม่น่าเชื่อเกิดอยู่เสมอ

ในอดีตธรณีสูบได้ หรือในอนาคตธรณีก็สูบได้ เมื่อต้องเป็นไปตามอำนาจอันยิ่งใหญ่ของกรรม"

แต่ที่ผมชอบที่สุด คือประโยคนี้ครับ อ่านแล้วคิดให้ดี

"พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่ได้หายไปไหน พระพุทธบารมียังปกปักรักษาโลกอยู่ คนในโลกยังรับพระพุทธบารมีได้ มิได้แตกต่างไปจาก เมื่อยังทรงดำรงพระชนม์อยู่ เพียงแต่ว่าจำเป็นต้องเปิดใจออกรับ มิฉะนั้นก็จะรับไม่ได้ การเปิดใจรับพระพุทธบารมีไว้ คุ้มครอง รักษาตนไม่ยากลำบาก ไม่เหมือนการเข็นก้อนหินใหญ่ที่ปิดปากถ้ำ เพียงน้อมใจนึกถึง พระพุทธเจ้าให้จริงจังอยู่เสมอ ก็จะรับ พระพุทธบารมีได้ จะมีชีวิตที่สวัสดีมีสุขสงบได้"

สาธุ นี่ผมคัดมากจากหนังสือ "ชีวิตนี้สำคัญนัก" ชุดแสงส่องใจ พระนิพนธ์สมเด็จพระญาณสังวร พิมพ์แจกโดยมูลนิธิส่งเสริม แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง อนุโมทนาบุญด้วยครับ

กาขาว