ปีที่ 2 ฉบับที่ 650 ประจำวันพุธที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2542
สหัสวรรษที่ 3
เมื่อฝรั่งซาบซึ้งพระพุทธศาสนา เขาก็รู้ว่า เขาจะรอดพ้นได้อย่างไร
เรียนคุณ "กาขาว"
ผมได้อ่านเรื่องพระฝรั่งโจมตีพระนิพพานแล้ว รู้สึกสลดใจมาก ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้บ้าง เพื่อต้องการให้ชาวพุทธ ได้ตระหนักถึง ความมีอยู่ เป็นอยู่ที่แท้จริงของชาวพุทธ
ในอดีตกาลที่ผ่านมา นับเนื่องย้อนไป 2,500 ปี พระพุทธเจ้ามาประสูติในโลก ทรงเป็นมหาบุรุษที่ไม่มีตำหนิ มีจิตสะอาดผ่องแผ้ว ปราศจาก ความโลภ ความโกรธ ความหลง
แต่เมื่อเหลียวมองถึงพุทธสาวกของพระองค์ในปัจจุบันแล้ว มีน้อยองค์เหลือเกิน ที่จะดำเนินรอยตาม พระธรรมคำสั่งสอน ที่พระพุทธองค์ ทรงบัญญัติไว้
ที่ความเสื่อมโทรมเกิดขึ้นในสภาพปัจจุบันนั้น พระพุทธองค์ได้ตรัสทำนายไว้แล้ว ไม่ใช่พระองค์จะไม่รู้ เพราะญาณของพระพุทธองค์ ไม่มีขีดจำกัด
คงเป็นเพราะว่า "คุณธรรม" ได้เสื่อมทรามไปจากสังคมโดยแท้ พระสงฆ์องค์เจ้าจึงทะเลาะกัน จนเกิดเป็นวิวาทะข้ามวัดข้ามธรณีสงฆ์ แม้กระทั่ง ปัญหาเรื่องพระนิพพาน ที่แม้แต่พระพุทธองค์ ยังไม่ทรงทำนายสภาพไว้ให้ชัดเจน ก็ยังนำมาถกเถียง เพื่อล้มล้างซึ่งกันและกัน
อยากถามเหมือนกันว่า ในปัจจุบันนี้ มีพระกี่องค์ที่เข้าใจถึงสภาพพระนิพพานโดยแท้ อย่างที่คุณ "กาขาว" ว่า แต่ศีล 5 ยังถือกันไม่ครบเลย แล้วยังมีหน้ามาวิพากวิจารณ์อีก มันน่าตลกหรือไม่ คุณ "กาขาว" ช่วยจารนัยให้ฟังที
ยิ่งพระต่างศาสนาเขาวิจารณ์ว่า การหลุดพ้นแบบพุทธเป็นการเห็นแก่ตัวนั้น มันน่าหัวเราะให้ฟันหักยิ่งนัก เพราะว่า เขาไม่รู้สภาพ ความเป็นจริงของ จิตวิญญาณมนุษย์ เขาจึงพูดแบบนั้นออกมา
ลองตรวจดูให้ดีเถิดว่า ในปัจจุบันประชากรโลก 1 พันล้านคน มีคนเข้าถึงพระนิพพานกี่คน และมีคนสนใจนั่งสมาธิอย่างจริงจังกี่คน
มันเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ที่มนุษย์จะหันไปนั่งสมาธิกันหมด แล้วเลิกทำมาหากิน
เรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่า ทำไมศาสนาอื่นถึงไปพระนิพพานไม่ได้ คงเป็นเพราะว่า เขาไม่เข้าใจเรื่องสภาพ จิตวิญยาณที่แท้จริง ของมนุษย์นั่นเอง
เอาแค่เรื่องการเวียนตายเวียนเกิดเพียงเรื่องเดียวก็เหลือจะคาดเดาแล้ว คนเราน่ะมีจิตวิญยาณด้วยกันทุกคน ถ้าสงสัยก็ลองนั่งพิจารณา สภาพจิตของตนเองดูว่า ในแต่ละนาที จิตคิดไปกี่เรื่อง เอาแบบหยาบๆ ก็แล้วกัน
แน่นอนเหลือเกินว่า ทุกคนต้องเห็นชัดเจนว่า มันไปของมันเรื่อย ไม่มีที่สิ้นสุด เดี๋ยวเรื่องโน้นเรื่องนี้แวะเวียนเข้ามาในสมอง ไม่รู้จักจบ จักสิ้น คนเราลองไม่หมดกิเลส ก็เป็นแบบนี้กันทุกคน คุณ "กาขาว" เห็นด้วยใช่ไหม
หลังจากนั้นก็มาพิจารณาต่อไปอีกว่า เมื่อคนนอนหลับ จิตมันยังคิดอยู่หรือไม่
ร้อยทั้งร้อย ก็ต้องคิดเหมือนกันหมด มันแปรสภาพออกมาเป็นความฝันยังไงล่ะ ชัดเจนไหม
เมื่อฝันแล้วก็แสดงว่า จิตยังทำงานอยู่ตลอดเวลา แม้เจ้าของจิตเองจะไม่รู้ตัวก็ตาม เมื่อจิตมันทำงานอยู่ตามปกติของมัน
เมื่อจิตออกจากร่างแล้ว ยังคงทำงานอยู่ต่อไป มันก็ต้องหาร่างกาย มาสวมใส่เป็นธรรมดา เหมือนกับปูเสฉวนนั่นแหละ เมื่ออยู่เปลือกนี้ ไม่ได้ มันก็หาเปลือกใหม่มาอยู่อีก วนเวียนซ้ำซากอยู่อย่างนี้
ทั้งนี้การที่จิตหาเปลือกใหม่มาสวมใส่ก็เป็นเพราะว่า จิตมันมีกิเลสห่อหุ้มนั่นเอง
ถ้าคนใดคนหนึ่งเคยฝึกสมาธิ ถึงสภาพจิตที่นิ่งเงียบ เงียบจนไม่มีความคิดก่อกำเนิด ซึ่งทางสมาธิพุทธของเราเรียกว่า ผู้ทรงฌาน เขาก็จะ สามารถแยกความแตกต่าง ระหว่างจิตที่มีกำเนิด กับจิตที่ไม่มีกำเนิด ได้ชัดเจน อันนี้เป็นขั้นต้น เพราะว่าเขารู้ว่า "ใจหยุด" คืออะไร "ใจไม่หยุด" คืออะไรนั่นเอง
การที่ใจคนเราไม่หยุดนิ่งนั้น เป็นเพราะสาเหตุเดียวก็คือ ถูกกิเลสพาไปนั่นเอง
กิเลสคือ ไฟ 3 กอง แยกเป็น ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้มนุษย์ดับไฟทั้ง 3 กองนี้เสีย ก็จะถึงซึ่งสุขอันไพบูลย์ คือมหาอมตะนฤพาน คุณกาขาว คงเข้าใจในทำนองนี้เป็นแน่
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่ออยากให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เข้าใจในระบบวัฏฏสงสาร กลัวการเวียนตายเวียนเกิด ไม่รู้จักจบสิ้น ดั่งที่ พระอรหันตเจ้า กลัวกันเป็นยิ่งนักนั่นเอง
ขออธิบายให้ละเอียดอีกนิด ขอเอาการเปรียบเทียบของพระคุณเจ้าที่เป็นฝรั่งรูปหนึ่ง คือ ท่านสุเมโธ ภิกษุ ลูกศิษย์หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ท่านเขียนไว้ในหนังสือจิตตวิเวก ว่า
คนเราน่ะ ไม่รู้ว่าตัวเองถูกขังอยู่ในกรง วันหนึ่งพระพุทธเจ้ามาหามนุษย์ แล้วก็บอกว่า เอ้า..นี่กุญแจ สำหรับไขออกไปสู่เสรีภาพ
มนุษย์ก็ไม่เข้าใจว่า มันคืออะไร แล้วก็ไม่สนใจ
พอหลายปีผ่านมา พระพุทธเจ้าก็มาโปรดอีกทีหนึ่ง ก็บอกเหมือนเดิมว่า เอ้า...นี่กุญแจ สำหรับไขไปสู่อิสรภาพ
เที่ยวนี้มนุษย์เริ่มมีศรัทธามากขึ้น เพราะเริ่มรู้แล้ว่ว่า ชีวิตมีความทุกข์มาก แต่มีสุขน้อย เขาก็เลยเอากุญแจขึ้นหิ้งกราบไหว้บูชา ในฐานะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
พออีกหลายปีผ่านไป พระพุทธเจ้าก็มาโปรดอีกทีหนึ่ง แล้วก็พูดเหมือนเดิมว่า เอ้า...นี่กุญแจ สำหรับไขไปสู่อิสรภาพ
มาเที่ยวนี้มนุษย์มีจิตใจสะอาดขึ้น เพราะเริ่มรู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว เขาก็เอากุญแจลงจากหิ้งบูชา เอามาไขที่รูกุญแจ บิดไปบิดมา ในที่สุดเขา ก็เดินออกมานอกกรงได้
พระฝรั่งที่เป็นสันตปาปา กับพระฝรั่งที่เป็นชาวพุทธ เขามีคติแตกต่างกันอย่างนี้ครับ เห็นเหมือนผมหรือไม่?
สิงห์ขาว