ปีที่ 2 ฉบับที่ 705 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 17 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2542

สหัสวรรษที่ 3

ฤายุคอำนาจมืดกับอาญาเถื่อน จะกลับมาครองแผ่นดิน

สวัสดีครับ ผมกลับมาแล้วนะครับแฟนๆ พิมพ์ไทยที่ถามว่า ผมหายไปไหน ผมเดินทางไปต่างประเทศ ไปประชุมเรื่องการสร้าง สันติภาพโลก รวมถึงฟังฝรั่งเขาพูด เรื่องสิทธิ มนุษยชน ชาวโลก ที่กำลังกลายเป็นประเด็นใหญ่ทั่วโลก ในงานฉลอง 100 ปี แห่งสันติภาพ ที่กรุงเฮก แล้วจะค่อยๆ เล่าให้ฟัง

เห็นชาวโลกเขากำลังรณรงค์ต่อต้านเรื่องสิทธิมนุษยชนของโลกต่ออำนาจเถื่อนและอาญาเถื่อน ฟังแล้วชื่นใจว่า มนุษยธรรมยังมีในโลก ตอนนี้เรื่องโคโซโว กลายเป็นความเห็นใจ จากประชาชนชาวโลก

ผมลงเรือบินมาถึงเมืองไทย นึกว่าเรื่องของวัดพระธรรมกาย จะสงบลงแล้ว เพราะเรื่องเข้าสู่กระบวนการ ของศาลสงฆ์แล้ว นึกว่าก็ดีแล้ว ก็ว่ากันไป ตามกระบวนการ พิจารณา ของ ศาล ควรงดเว้นการวิพากษ์วิจารณ์ เพราะจะเป็นการชี้นำและละเมิดอำนาจศาล ทำให้เกิดความเอนเอียง ในการพิจารณาความต่อผู้ถูกกล่าวหา

กว่า 7 เดือน ที่วัดพระธรรมกาย เป็นเหยื่ออันโอชะของผู้กระหายสงครามและความแตกแยกในชาติ การใช้อาวุธทางอากาศทุกชนิด ถล่ม อย่างไม่ลืมหูลืมตา ผิดกฎหมายอาญาเรื่อง ความผิดฐานหมิ่นประมาททุกวัน จ้วงจาบหยาบคาย สร้างหลักฐานเถื่อน ต้องข้อหาเถื่อนทุกวัน

แม้เรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาลแล้ว ก็ไม่ยอมหยุด นี่มันอะไรกัน

นี่ละหรือเมืองแห่งพุทธศาสนา เมืองแห่งศีลธรรมจรรยา เมืองของบุคคลที่อ้างว่าเป็นสาวกพระพุทธเจ้า ยึดถือคำสอนของ พระพุทธเจ้า ดุจชีวิต เมืองที่อยู่เย็นเป็นสุขมาเกือบพันปี แต่ ณ บัดนี้ แค่แตกต่างกันในความคิด ในการแปลพระไตรปิฎก ด้วยทัศนะที่แตกต่างกัน ระหว่าง ผู้ปฏิบัติกับไม่ปฏิบัติ สิทธิที่ได้รับการคุ้มครอง ตามรัฐธรรมนูญทุกประการ

เพราะถ้าผลแห่งการแปลนั้นเหมือนกันคือ ให้ทุกคนตัดกิเลส เลิกทำชั่ว เร่งทำความดี ถือศีลในการดำรงชีวิต ช่วยประคับประคองสังคม ให้ร่มเย็นเป็นสุข นิพพานเป็นอย่างไร เป็นเรื่องไกลตัวไม่ต้องเถียงกัน นั่งสมาธิแล้วปฏิบัติไปก็จะเห็นเอง จะเห็นเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ภูมิปัญญา

แต่ตราบใดที่ยังไม่หยุดการด่าทอ กล่าวหา หยุดปฏิบัติการจองเวร ทำลายล้าง เอาชนะคะค้านแล้วลองนั่งถือศีล นั่งสมาธิ แล้วยังเรียก ตัวเองว่า เป็นสาวกพระพุทธเจ้า ผมคิดว่า ตอนนี้ชาวบ้านเขาเบื่อเต็มที่แล้วครับ

เพราะตอนนี้เห็นชัดเจนว่า 7 เดือน ฝ่ายหนึ่งได้แต่นิ่งไม่ตอบโต้ เพราะเชื่อในความบริสุทธิ์ของตนเอง ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ใช้หลักพรหมวิหาร 4 ในการยุติเรื่องราว ที่ไม่สงบคือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ออกมาชี้แจงเป็นบางครั้ง เมื่อเห็นว่าฝ่ายมุ่งทำลายให้ข้อมูลเท็จ "มั่วนิ่ม" จนน่าเกลียด เสร็จแล้วก็กลับไปตั้งหลัก มุ่งหน้าทำความดีเรื่อยไป

แต่ตรงกันข้าม อีกฝ่ายหนึ่งเต็มไปด้วยความเร่าร้อน อกจะแตกเพราะด่าคนแล้วเขาไม่ด่าตอบ กล่าวหาเท่าไรก็ไม่ได้ผล พยายามปลุกระดม ตามท้องสนามหลวง หน้าวัดในบางวัด แต่ก็ล้มเหลวอย่างน่าสงสาร ทำพิธีกรีดเลือด เผาหุ่น ตัดหัว เหมือนกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม สร้างสถานการณ์ ให้เกิดความปั่นป่วน แตกแยกในประเทศ แยกประชาชนเป็น 2 ฝ่าย เพื่อใช้อาญา เถื่อนและอำนาจมืดเข้าจัดการ

ครับ ตอนนี้เมืองไทยกำลังถูกปลุกกระแสให้ถึงขีดสุด ว่าจะให้เลือกพวกเข้าวัด นั่งสมาธิ หรือพวกโกนหัวกรีดเลือด

อะไรกัน ใครแปลพระไตรปิฎกความหมายไม่ตรงกับตัวเองจะต้องโกรธแค้น ไฟธาตุแตก แม้กระทั่งพระสงฆ์ก็จิตใจลุกเป็นไฟ เลิกถือศีล ออกมาปลุกระดม ต่อต้านขับไล่ว่า ไม่ใช่ ชาวพุทธ เหมือนกับพวกคาธอลิค ที่ไล่ฆ่าพวกโปรเตสในหนัง "อลิซาเบธ" ตัดหัวเสียบประจาน ฝ่ายตรงข้าม โดยใช้อำนาจรัฐเป็นเครื่องมือ เพราะความเชื่อที่แตกต่างกัน พยายามขับไล่ อีกฝ่าย ออกจากประเทศ ทั้งที่ถือพระเจ้าองค์เดียวกัน ถือคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับเดียวกัน

และ ณ วันนี้ผมเริ่มข้องใจ รมช. ศึกษาธิการ นายอาคม เอ่งฉ้วน ที่วางตัวมาได้ดีพอควรตั้งแต่ต้น นึกว่าพรรคประาธิปัตย์ จะเป็นพรรค ที่ยึดหลักการ และกฎหมายอย่างที่ นายกชวน คุยไว้ แค่นายกชวนไม่อยู่อาทิตย์เดียว ก็ออกอาการใช้อำนาจมืดอาญาเถื่อน

ประกาศกร้าวให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ยกที่ให้กับวัดภายใน 7 วัน ทั้งที่ไม่มีอำนาจอะไรตามกฎหมายรองรับ ตามกระแสข่าว ได้กล่าว ว่า บรรดาลิ่วล้อที่เป็นนักกฎหมาย ใน กระทรวง ก็รีบตั้งแท่นให้ นายอาคมเสียมวยตอนสุดทัาย ให้ความเห็นกฎหมายว่า ถ้าไม่ยอมโอน ก็แจ้ง ความเท็จจับสึกได้เลย เข้าล็อคขบวนการโกนหัวกรีดเลือด

อ่านต่อพรุ่งนี้ครับ แล้วจะรู้ว่านายอาคม อาจเสียค่าโง่ในงานนี้อย่างไร เพราะไปเชื่อลูกน้องที่ประจบสอพลอ ตั้งแท่นให้ นายอาคม ไฟธาตุ แตก ใช้อาญาเถื่อนเสียเอง

สิงห์ขาว